“โรงยาของข้ามีงานที่ผู้เฒ่าคนชราพอทำไหวอยู่นะ อย่าคิดเช่นนั้นเลย คนแก่ไร้ประโยชน์อะไรกัน อีกอย่าง เงินที่ได้จากการเร่ขอทานมิสู้เงินที่ได้จากการทำงานเป็นหลักแหล่งหรอก ท่านป้ามีหลานชายอีกคนต้องดูแลนี่นา เด็กน้อยสมควรกินอิ่มทุกมื้อจะได้เติบโตแข็งแรง”
จินอีต๋าเสียงสั่นเครือ “ข้าไม่รู้จะตอบแทนนายหญิงอย่างไรดีแล้วเจ้าค่ะ บุญคุณมากมายเหลือเกิน”
“แค่ตั้งใจทำงานก็พอแล้วล่ะ อย่าคิดมากเลย”
“ข้าจะตั้งใจทำงาน ไม่เป็นลมอีกเจ้าค่ะ”
“ท่านป้าก็อย่าหักโหมเชียวแล้วก็อย่าอดข้าวด้วย”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะนายหญิง”
“ดีมาก ท่านป้ารับปากข้าแล้วนะ”
“เจ้าค่ะ”
ระหว่างคุยกันเรื่อยเปื่อยติงยวี่ถิงพลันเหลือบไปเห็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ไกลๆ
เขาผู้นั้นยืนโดดเด่นอยู่บนโขดหินใต้ร่มไม้ใหญ่กำลังตกปลาอยู่กับเด็กน้อยคนหนึ่งตรงริมคลองกลางทุ่งนาอีกฝั่ง
ตอนแรกเห็นแผ่นหลัง ยังสง่างามปานนั้น ไหล่กว้างเอวสอบ แขนยาว สูงเพรียว มีกล้ามเล็กๆ กำลังดี พอเขาหันด้านข้างยังมีสัดส่วนที่ดีมาก ๆ น่าเสียดาย เพราะมีเงาของต้นไม้บังไว้ ทำให้เห็นเพียงบางส่วน
หญิงสาวหรี่ตา ภาพบุรุษที่งามสง่าทำให้นางคิดถึงใครบางคนขึ้นมาอย่างช่วยมิได้
แต่จะเป็นไปได้อย่างไร อดีตสามีผู้สำส่อนคนนั้นป่านนี้ออดอ้อนอยู่กับชู้รัก นางปีศาจจอมยั่วยวนจะปล่อยออกมาหรือ?
อืม... หรือว่าจะเป็นเซียวหงเย่
ติงยวี่ถิงเพ่งมอง มิรู้เหตุใดในใจลึกๆ อยากให้เป็นอดีตสามี อาจเป็นเพราะจิตสำนึกของร่างเก่ากระมัง
รักเขาปานนั้น?
ฮึ! โง่งม!
คิดพลางมองอีกที ไม่เหมือนเลยสักนิด
ในความทรงจำของนางจากร่างเก่า เขาผู้นั้นชอบใส่ชุดมิดชิดสีขาวสะอาดสะอ้านแบบบัณฑิตผู้ทรงภูมิจะตาย จะมาถอดเสื้อตกปลาอยู่ริมคลองได้ยังไง
ผิดกับชายคนนี้ที่ไม่ได้สวมเสื้อ! ใส่แค่กางเกงสีดำ เปลือยท่อนบน
โอว...ทิวทัศน์กลางทุ่งนาช่างดีอันใดเช่นนี้
อุ้ย! กล้ามเป็นมัดน่ารัก ซิกแพคน้อยๆ หน้าท้องสวยมาก
ติงยวี่ถิงแทบกำเดาพุ่ง พลันนึกไปถึงอดีตสามีผู้นั้น และคืนวสันต์เพียงครั้งเดียวของพวกเราก่อนหย่า
เซียวหงเย่เองก็สัดส่วนสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเช่นนี้แล นั่นคือภาพติดตาตรึงใจหลังนางเข้าสิงร่าง ไม่รู้เช่นกันว่าติงยวี่ถิงคนเก่าชอบชายคนนั้นตรงไหน แต่นางชอบเขาตรงหุ่นแซ่บนี่แหละ
อ๊ะ! ไม่! ไม่สิ ไม่ชอบ
หญิงสาวส่ายหน้าปัดภาพบัดสีทิ้งไป ความเร่าร้อนขั้นสุดยอดนั้นด้วย นางตั้งสติให้นิ่ง พร้อมทำใจดีๆ เข้าไว้ ชาตินี้แม้เริ่มมีเงินอีกคราแต่นางหมดสิทธิ์หาสามีใหม่แล้วไง เฮ้อ...เศร้า!
คิดพลางชำเลืองมองหนุ่มหล่อผู้เป็นอาหารตาพาให้ใจชุ่มฉ่ำซ้ำๆ
ทำได้แค่นี้ก็หลับฝันดีแล้วล่ะตัวเรา...
ชีวิตสตรีที่มีพร้อมขาดเพียงคู่ครองช่างน่าหดหู่แท้
เรือนของหญิงชราจินอีต๋าค่อนข้างใหญ่เกินฐานะเพียงแต่ขาดการซ่อมบำรุงที่ถูกต้องเหมาะสม จึงซอมซ่อและดูคล้ายว่าพร้อมพังครืนตลอดเวลาติงยวี่ถิงถูกเชิญมานั่งในโถงซึ่งอยู่กลางบ้าน ห่างจากประตูที่แยกออกไปทางหลังเรือนซึ่งเป็นห้องครัวตะกร้าสานและกล่องไม้ใส่อาหารถูกวางเรียงรายลงบนโต๊ะเล็กๆ ที่มีเก้าอี้ไม้ตัวยาวเพียงหนึ่งตัว คาดว่าคงมีไว้สำหรับนั่งกินอาหารกันแค่สองคนย่าหลาน มองผ่านๆ เหมือนจะมีเก้าอี้ไม้อีกสองตัว แต่ถูกเก็บเอาไว้บนชั้นไม้ คล้ายกับว่าไม่อนุญาตให้ใครนำออกมาใช้พร่ำเพรื่อหญิงสาวจัดแยกอาหารแห้งไว้บนโต๊ะอีกฝั่งและแยกอาหารสดจำพวกเนื้อวัวเนื้อไก่ออกมาใส่ถาดไม้พลางเอ่ย “ท่านป้าไม่คิดย้ายไปอยู่โรงยากับข้าจริงหรือ?”นางชวนหญิงชราอีกรอบเมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ ซึ่งค่อนข้างน่าเป็นห่วงเพราะมันทั้งไกลและร้างผู้คนเกินไปทว่าอีกฝ่ายส่ายหน้าเนิบช้า ใบหน้าเหี่ยวย่นมีร่องรอยแห่งความหลังฝังใจ “ที่นี่บุตรชายของข้าสร้างด้วยมือทั้งสองของตนเอง หวังสร้างครอบครัวที่เมืองหลวงจนแก่เฒ่าเจ้าค่ะ”“อ้อ...แล้วเขาไปไหนเสียเล่า?” ติงยวี่ถิงมองหา หรือว่าจะเป็นชายหนุ่มรูปงามที่กำลังตกปลาอยู่นะ อืม...หลานของท่านป้า
“โรงยาของข้ามีงานที่ผู้เฒ่าคนชราพอทำไหวอยู่นะ อย่าคิดเช่นนั้นเลย คนแก่ไร้ประโยชน์อะไรกัน อีกอย่าง เงินที่ได้จากการเร่ขอทานมิสู้เงินที่ได้จากการทำงานเป็นหลักแหล่งหรอก ท่านป้ามีหลานชายอีกคนต้องดูแลนี่นา เด็กน้อยสมควรกินอิ่มทุกมื้อจะได้เติบโตแข็งแรง”จินอีต๋าเสียงสั่นเครือ “ข้าไม่รู้จะตอบแทนนายหญิงอย่างไรดีแล้วเจ้าค่ะ บุญคุณมากมายเหลือเกิน”“แค่ตั้งใจทำงานก็พอแล้วล่ะ อย่าคิดมากเลย”“ข้าจะตั้งใจทำงาน ไม่เป็นลมอีกเจ้าค่ะ”“ท่านป้าก็อย่าหักโหมเชียวแล้วก็อย่าอดข้าวด้วย”“ทราบแล้วเจ้าค่ะนายหญิง”“ดีมาก ท่านป้ารับปากข้าแล้วนะ”“เจ้าค่ะ”ระหว่างคุยกันเรื่อยเปื่อยติงยวี่ถิงพลันเหลือบไปเห็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ไกลๆเขาผู้นั้นยืนโดดเด่นอยู่บนโขดหินใต้ร่มไม้ใหญ่กำลังตกปลาอยู่กับเด็กน้อยคนหนึ่งตรงริมคลองกลางทุ่งนาอีกฝั่งตอนแรกเห็นแผ่นหลัง ยังสง่างามปานนั้น ไหล่กว้างเอวสอบ แขนยาว สูงเพรียว มีกล้ามเล็กๆ กำลังดี พอเขาหันด้านข้างยังมีสัดส่วนที่ดีมาก ๆ น่าเสียดาย เพราะมีเงาของต้นไม้บังไว้ ทำให้เห็นเพียงบางส่วนหญิงสาวหรี่ตา ภาพบุรุษที่งามสง่าทำให้นางคิดถึงใครบางคนขึ้นมาอย่างช่วยมิได้แต่จะเป็นไปได้อ
เสี่ยวจิงทำหน้าย่นใส่หญิงชราอย่างรังเกียจติงยวี่ถิงจึงถลึงตามองอย่างข่มขู่ ตวาดเสียงดุดัน “พอรวยแล้วก็ต้องช่วยเหลือผู้อื่นบ้างตามกำลัง มิเช่นนั้น สะสมแต่บาปกรรมอาจจะทำให้ต้องหมดตัวอีก หรือเจ้าอยากกลับไปยากจน กระทั่งถูกส่งให้พ่อค้าทาส เอาไปเร่ขายในหอนางโลมอีกครั้งกันเล่า?”เสี่ยวจิงสะดุ้งโหยง “ไม่เอาเจ้าค่ะ”คุยกับลูกน้องของตัวร้ายแต่ละที ติงยวี่ถิงให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง นางสำทับเสียงเข้มงวดไม่ให้โต้แย้งอีก “เจ้าไปดูแลลูกค้าไป ก่อนที่ข้าจะหักเบี้ยหวัดทั้งปี” “เจ้าค่ะๆ ไปแล้วเจ้าค่ะ” ฮือ...นายหญิงน่ากลัวติงยวี่ถิงหันสั่งเจียวมิ่งที่ยืนเบิกตาโตมองอยู่อย่างแปลกใจไม่แพ้เสี่ยวจิง “เจ้าไปเตรียมน้ำกับผ้าสะอาดมา”“เจ้าค่ะๆ” จะรออันใด กลัวเหมือนกัน รีบไปอย่างไวในห้องรับรองหญิงชราเจ็บจนตัวสั่น หลังจากถูกเค้นถามครู่ใหญ่ อีกฝ่ายจึงยอมเล่าอย่างไม่ปิดบัง นางมีนามว่าจินอีต๋าเป็นแค่ขอทานต่ำต้อย วันนี้ได้เงินมาน้อยนิดกลับถูกอันธพาลทุบตีชกชิงไปจนหมด คิดว่าหลานที่รออยู่บ้านต้องกำลังหิวแน่ จึงขโมยซาลาเปาเอาจากร้านแถวนั้นหนึ่งลูก พ่อค้าเห็นเข้าก็สาดน้ำร้อนไล่ คนแก่เรี่ยวแรงน้อยไม่ว่องไ
ผู้เฒ่าคนนี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาค่อนข้างเก่าและขาด เมื่อมองเห็นผู้คนในร้านก็ไม่กล้าเข้ามา ยิ่งไม่กล้าเอ่ยวาจา เพียงก้มหน้านอบน้อม ถ่อมตนมาก สงบปากสงบคำขั้นสุด เหมือนกลัวจะพลั้งปากหลุดคำพูดสมควรตายออกมาให้ผู้ได้ยินรู้สึกระคายหูอย่างไรอย่างนั้นผู้หนึ่งต้องใช้ชีวิตระแวดระวังขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเคยเจอเรื่องร้ายปานใดมา ติงยวี่ถิงมองแล้วให้รู้สึกคิดถึงแม่ตัวเองในชาติที่แล้ว ถูกสามีทิ้ง เงินไม่มี ต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง พอกลับบ้านเดิมก็ไม่มีใครอยากต้อนรับ แม่ก็เลยจำต้องก้มหน้าให้ทุกคนในตระกูลเหยียบย่ำ ตำหนิด่าทอสารพัด ตกต่ำกระทั่งพูดอะไรไปกลับไม่เคยเข้าหูพวกญาติๆ ท่าทีจึงระมัดระวังคำพูดเช่นนี้ และยังชอบทำทีเป็นแข็งแรงเช่นนี้ต่อหน้าเหมือนกัน กระทั่งล้มป่วยและใกล้จากลานั่นแหละถึงยอมรับว่าเจ็บมากจนทนไม่ไหวเฮ้อ...คิดถึงแม่จังติงยวี่ถิงนึกพลางจับประคองหญิงชรา พาเดินเข้ามาด้านในอย่างระมัดระวัง โดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากอีกฝ่าย ท่าทางอย่างนั้นทำเอาเสี่ยวจิงที่ยังคงยืนมองอยู่ถึงกับเบิกตาโพลงประหนึ่งเจอผี“นายหญิงเจ้าคะ แค่ขอทานเท่านั้น สกปรกยิ่ง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเจ้าค่ะ” “ไม่ใส่ใจได้อย่างไร
ติงยวี่ถิงหยิบกระดาษจับพู่กันมาปาดหมึกเขียนกำกับว่าตัวไหนกิน ตัวไหนใช้ทาบำรุงภายนอกแล้วใส่หีบห่อแยกให้อย่างชัดเจน นอกจากไม่ตระหนี่คำชมต่อลูกค้า นางยังไม่ตระหนี่ความรู้ มักสอดแทรกเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณควบคู่ไปกับการบำรุงสุขภาพร่างกายอีกมากมาย ประหนึ่งเป็นหมอยาประจำบ้าน เป็นที่กุนซือประจำเรือนหลังให้สตรีทุกบ้้าน โดยไม่คิดเงินเพิ่มยาทุกห่อถูกนำมาใส่กระเป๋าที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษ มีเฉพาะที่โรงยาเจี้ยนคัง เป็นการนำรูปแบบกระเป๋ายุคใหม่มาตัดเย็บประยุกต์ใช้กับยุคโบราณแห่งนี้หญิงสาวชอบงานฝีมือแต่ไม่เก่งเท่าใด แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีถุงพลาสติก นางจึงทำถุงผ้าแบบง่าย เป็นกระเป๋าแบบมีเชือกถักไม่ได้ปักลาย เอาไว้ฝึกฝนเก่งขึ้นหรือหาช่างฝีมือดีๆ มาได้ค่อยพัฒนาปรับปรุงแล้วกันระหว่างขายของอยู่หน้าร้าน สายตาของติงยวี่ถิงพลันหันไปเห็นหญิงชราผอมแห้งท่าทางมอมแมมผู้หนึ่ง เดินโซซัดโซเซแล้วล้มลงตรงทางเข้าหน้าร้านพอดีหญิงสาวตกใจนัก รีบหันไปสั่ง “เสี่ยวจิง เจ้ามาดูแลจัดสินค้าให้ฮูหยินซูทางนี้ อย่าลืมแยกใส่หีบห่อให้ชัดเจนด้วยนะ สังเกตให้ดีว่าตัวไหนกินตัวไหนทา อย่าใส่ผิด ข้าจะไปดูท่านป้าผู้นั้นสักหน่อย”จังหวะนั้นล
“ฮูหยินซู ท่านจะนำยาทาหน้าไปกินไม่ได้เจ้าค่ะ!” หญิงสาวบอกแก่ลูกค้าคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงห่วงใยกึ่งตกใจอีกฝ่ายบอกว่า “ยาตัวนี้น่ากินเหลือเกิน ข้าอยากซื้อเพราะมันเหมือนลูกท้อเชื่อม ต้องอร่อยแน่ๆ” นางหัวเราะ “เจ้าทำยาออกมาได้งดงามยิ่งนัก น่ากินทั้งหมดเลย”ติวยวี่ถิงยิ้มในหน้าแต่กลุ้มใจหนัก สหายรักออกแบบกล่องบรรจุ ส่วนนางขึ้นรูปไว้เป็นก้อนกลมกลึงเกลี้ยงเกลา เคลือบสีสันสวยงามเป็นมันวาว ยานี่น่ากินเกินไปแล้วจริงๆ หญิงสาวรีบอธิบาย “ตัวนี้กินไม่ได้เจ้าค่ะ เวลาจะใช้ต้องบีบเม็ดยาออก นำเอาน้ำมันด้านในมาลูบไล้บนผิวหน้าให้ทั่วอย่างเบามือ ตัวนี้ทาตอนเช้า ตัวนี้ทาผิวก่อนนอน ส่วนด้านนอกที่ใช้ห่อตัวยาก่อนหน้า ข้าผสมสมุนไพรลงในเนื้อแป้ง สามารถนำไปละลายน้ำ ใช้แช่ตัวในน้ำและอาบ ช่วยบำรุงผิวกายเจ้าค่ะ”สรรพคุณดีล้ำจริงๆ แต่ฮูหยินซูยังทำสีหน้าเสียดาย “กินไม่ได้หรือ?”“เจ้าค่ะ” ติงยวี่ถิงพยักหน้า หันไปหยิบยาอีกตัวมา ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบบรรจุอยู่ในกล่องประณีตลายเมฆ ค่อยๆ อธิบายต่ออย่างใจเย็น “แต่ตัวนี้กินได้เจ้าค่ะ กินง่าย ย่อยง่าย บำรุงจากภายใน ร่างกายดูดซึมได้ดี รสชาติหวาน แต่กลมกล่อมกำลังดี ไม่ขมเฉกยาบำร