เวลาเก้านาฬิกาเศษๆ ณ มหาวิทยาลัยนีว่าขณะนี้บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะนิเทศศาสตร์มีนักศึกษาหลายคนนั่งอยู่ หนึ่งนั้นก็คือกลุ่มของซินดี้นั่นเอง โดยกลุ่มของซินดี้มีกันทั้งหมดห้าคน คือ ซินดี้ เรเน่ แพรวา อลิส และน้ำหวาน ทุกคนรู้จักกันตั้งแต่มัธยมแล้วล่ะ พวกเขาสนิทกันมากและไม่เคยมีความลับต่อกัน แต่ตอนนี้ทั้งสี่สาวกำลังนั่งรอซินดี้เด็กน้อยของกลุ่ม
*ทำไมถึงเรียกเด็กน้อยน่ะหรอเพราะเธอน่ะอ่อนต่อโลกใสซื่อและหัวอ่อนไม่เหมือนผู้ใหญ่เลยสักนิด*
“เรเนนนน่” นั่นไงนางมาละ
“ว่า?”
“ตอนเย็นไปพีพีคาเฟ่กันอยากกินแพนเค้กง่ะ”
“แกชวนแค่ยัยเรเน่หรอ” แพรวาถามพร้อมแสร้งทำท่าทางเหมือนน้อยใจมาก
“เปล่าซะหน่อยก็ชวนทุกคนแหละ”
“จะว่าไปแกนี่กินแต่ของหวานจนจะเป็นเบาหวานอยู่แล้วนะซิน” อลิสแซวคนตัวเล็ก
“ไม่ได้เป็นสักหน่อย”
“ไปตรวจบ้างก็ดีนะย่ะ” ซินดี้ยู่หน้าใส่น้ำหวานทันที
“ป่ะๆ ขึ้นเรียนกัน” เรเน่บอก
อีกด้านหนึ่งของมหาลัยฯกวินทร์ขับรถมาจอดหน้าคณะบริหาร เพื่อมาส่งคู่ขาคนเมื่อคืนของเขา เธอชื่อเคท เป็นสาวสวยน่ารักหน้าอกใหญ่ปีหนึ่งคณะเดียวกับเขาเองแหละ
“พี่วินคะเคทอยากได้กระเป๋าใบนี้” บอกพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้กวินทร์ดู
“อืม”
“เคทอยากได้ พี่วินซื้อให้เคทหน่อยน้าา นะๆ”
“อืม”
“พูดเป็นอยู่คำเดียวรึไงเนี่ย” เคทบ่นในใจ แต่ไม่สนใจหรอกขอแค่หล่อและกระเป๋าหนักพอละ คิดได้ดังนั้นจึงเอ่ยประโยคถัดมาด้วยความดีอกดีใจ “เย้ พี่วินน่ารักที่สุด” แม้จะเย็นชาไปหน่อยแต่ก็สายเปย์ที่หนึ่งเลยแหละ
“ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นมารับ”
“ห้ามลืมนะคะ จุ๊บ” กวินทร์ส่งเคทเสร็จเขาจึงบึ่งรถไปหาเพื่อนทันทีก็วันนี้เขาไม่มีเรียนหนิ
WILLESS NIGHTCLUBS
กวินทร์ขับรถเข้ามาจอดบนชั้นจอดรถวีไอพีเสร็จแล้วเดินตรงเข้าไปหาเพื่อนทันที ในกลุ่มของเขามีกันสี่ คนคือเขา ธีสิต อลัน มาร์คัส พวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่มาจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย พอรู้จักและสนิทกันนานเข้าวันหนึ่งกวินทร์เกิดบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็โพล่งบางอย่างออกมา
“เปิดผับกันมั้ยว่ะ”
หลังจากนั้นก็อย่างที่เห็นนี่แหละ WILLESS CLUB เป็นสถานบันเทิงที่ค่อนข้างทันสมัยและหรูหรา คนที่มาเรียกได้ว่าต้องมีเงินเท่านั้นถึงจะเข้าได้
“ไง ทำไมวันนี้มึงมาเร็วได้ล่ะ” ยังไม่ทันที่กวินทร์จะนั่งมาร์คัสก็เหน็บแนมเขาทันที เนื่องเพราะปกติกว่าเขาจะมาเพื่อนก็จะกลับกันแล้ว
“เรื่องของกู” ตอบออกไปนิ่งๆ
“เออ พวกมึงมะรืนนี้เจ๊กูจะแต่งงาน อย่าลืมไปล่ะ” ธีสิต
“เออ” อลัน
“เค” มาร์คัส
“อืม” กวินทร์
“เออ ไอ้วินเมื่อวันก่อนกูเห็นมึงหิ้วน้องไลลาเดือนอักษรฯไปแดกแล้วใช่มั้ย” มาร์คัสเค้นกวินทร์เพราะเมื่อวานเขากำลังจะขึ้นไปเอาเอกสารกับแด็ดที่โรงแรมก็เจอมันพอดีแต่ไม่ได้ทักเพราะเขารีบ ‘มากินกันที่โรงแรมกูอีกไอ้นี่’ มันคือสิ่งที่มาร์คัสบ่นให้เพื่อนรักของตนตอนที่เขาเห็นมัน
“ทำไม?”
“ไอ้ห่าก็มึงตัดหน้ากูอ่ะ” น้ำเสียงมาร์คัสตัดพ้อนิดหน่อย
“มึงช้าเองช่วยไม่ได้”
“เชอะ ว่าแต่เด็ดมั้ยวะ”
“เฉยๆ ว่ะ” ตอบเสียงเรียบ
“มึงจะทำอะไรเกรงใจพี่ซินหน่อยนะ อย่าให้มันโจ่งแจ้งเกินไปกูเตือนด้วยความหวังดี” อลันพูดจริงจัง
“ก็แค่เอาเล่นๆ ไม่ได้จริงจัง ยังไงกูก็รักซินคนเดียว”
“เหอะ ถ้าวันนึงเขาทนไม่ได้ขึ้นมาอย่ามาร้องไห้ให้กูเห็นนะมึง”
“หุบปากเน่าๆ ของมึงซะไอ้มาร์ก่อนที่จะได้กินตีนกู”
“ชิ”
“อีกอย่างพวกมึงก็รู้ ซินรักกูมากไม่มีทางไปจากกูแน่นอน”
“แล้วกูจะคอยดู”
.
.
.
ณ มหาวิทยาลัยขณะนี้
“เลิกคลาสสักที เฮ้ออ สอนเยอะจริงยัยป้าแว่นนี่!” ออกจากห้องแพรวาก็บ่นทันที
“นินทาอาจารย์มันบาปนะ”
“ยัยซิน!”
“ก็จริงหนิ เราเห็นแพรออกจากห้องทีไรก็พูดตลอด” เถียงเก่งอีก
“จริงของซินมันนั่นแหละ” อลิสเสริม
“ไอ้ลิส!!” ยิ่งทำให้แพรวามีน้ำหูขึ้นไปอีกกำลังจะกระโดดเต๊ะอลิสแต่....
“โอ้ย พวกแกสองคนเลิกตีกันได้แล้ว” เรเน่ที่ฟังบทสนทนาแสนน่ารำคาญก็รีบห้ามทัพ ก่อนที่พวกมันสองคนจะได้ปะทะกันจริงๆ
“ดูซิยัยซินมันหิวจนหน้าบูดเป็นตูดลิงแล้วนั่น” น้ำหวานแกล้งแหย่ซินดี้
“เอ๊ะ ไม่ใช่ซะหน่อย ชิ” เชิดหน้าหนีไปอีกทาง งอนแล้วว!
“จะกินมั้ยเค้กน่ะ” เรเน่
“กิน!” ซินดี้ตอบอย่างรวดเร็ว
พีพีคาเฟ่
ร้านคาเฟ่โปรดของซินดี้ ซึ่งมีทั้งอาหารคาวและหวานที่สำคัญแพนเค้กที่นี่อร่อยมาก แถมยังตกแต่งร้านได้น่ารักมากด้วย //^^ พอหาที่นั่งได้ไม่รอช้าทุกคนจึงเริ่มสั่ง…
“เอาแพนเค้กเรดเวลเว็ท ช็อกโกแลตลาวา ชีสพายชาเขียวแล้วก็นมสดปั่นค่ะ ออ! เอาอย่างละชิ้นนะคะ” เมื่อทุกคนสั่งเสร็จก็หันไปหาซินดี้แล้วว
“เยอะไปนะบางที” เรเน่แซวอย่างไม่จริงจังนัก
“แกสั่งเยอะขนาดนี้ กินหมดหรอย่ะ” อลิสถามขึ้นอีกคน
“หมดซิ”
“ให้มันแน่ ถ้าไม่หมดนะเดี๋ยวจะโดน” แพรวาแกล้งดุขำๆ ซินดี้หัวเราะ แห่ะๆ
“ก็มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลยนี่นา” เถียงในใจ
เมื่อได้ของที่สั่งแล้วพวกเขาก็ลงมือกินกันทันทีและแล้วซินดี้ก็กินหมดจริงๆ
“อื้มม อิ่มจัง” เอามือลูบพุงเบาๆ
“ไอ้ซินฉันเชื่อแกเลยจริงๆ” แพรวามองแล้วพูดอย่างอึ้งๆ
“เพื่อนฉันเป็นยักษ์แน่เลย” น้ำหวานแซว
“ก็คนมันหิวนี่น่า” แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
“จ๊ะๆ ๆ แม่คนรักของหวาน”
“ฉันว่านะเดี๋ยวกวินทร์มันต้องเลี้ยงแกไม่ไหวแน่ๆ กินเยอะขนาดนี้”
“แฟนมันรวยล้นฟ้าขนาดนั้นแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก” เรเน่แกล้งแซวซินดี้ไม่จริงจังนัก
ร่างบางผู้ถูกแซวได้แต่นั่งก้มหน้าเขินอาย แก้มก็ร้อนผ่าวๆ อย่างกับจะระเบิดไม่รู้จะแดงแค่ไหน เพื่อนบ้านี่! เราก็เขินเป็นนะ //^^
“โอ้ยยยย ฉันเบื่อคนมีแฟน” แพรวาพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้เพื่อนรัก
“ป่ะๆ กลับได้แล้ว” วิวพูดจบทุกคนก็ลุกไปจ่ายเงินแล้วกลับบ้านใครบ้านมัน
NIVA UNIVERSITY
Lamborghini Aventador หน้าคณะบริหารเรียกสายตาของเหล่านักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี จนอยากจะเห็นเจ้าของรถกันเลยทีเดียว แต่ติดตรงที่รถคันนี้ติดฟิล์มสีดำสนิทนี่สิ กวินทร์ไม่สนใจกลุ่มคนที่น่าเบื่อพวกนั้นหรอก ร่างสูงยกนิ้วเคาะพวงมาลัยเล่น เนื่องเพราะกำลังรอใครบางคนอยู่ และไม่นานนักก็เห็นร่างเพรียวบางของเคทเดินออกมา ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเคทก็...
“รอนานมั้ยคะ”
“.......” เคทไม่พอใจเล็กน้อยที่กวินทร์ไม่ตอบ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
“ไปกันเลยมั้ยคะ”
“อืม”
.
.
.
ณ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง…
“พี่วินคะเคทอยากได้รองเท้าคู่นี้”
“อืม เลือกไปเถอะ อยากได้อะไรก็หยิบ เดี๋ยวฉันมา”
“พี่วินจะไปไห...” เคทหุบปากทันทีที่เห็นสายตาเรียบนิ่งแต่ทว่าน่าเกรงขามของกวินทร์
เมื่อตกลงกับเคทได้กวินทร์ก็เดินออกจากร้านรองเท้าแบรนด์หรูทันที ปล่อยให้เคทยืนกัดฟันแน่นด้วยความโมโหอยู่คนเดียว จนกระทั่งพนักงานหญิงคนหนึ่งเสนอสรรพคุณความดีงามของรองเท้าคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดคู่ที่เธอหมายปองตั้งแต่แรกให้ดู เคทจึงละสายตาจากแผ่นหลังกว้างและหันมาสนใจพนักงานสาวทันที
CLASSY CONDOMINIUM
ครืดด ครืดดด เสียงโทรศัพท์ดังทำให้ร่างบางที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ต้องหยิบมารับและเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรมาก็ยิ้มกว้าง
GAVYN…
“ฮัลโหล”
[ทำไรอยู่] กวินทร์ถามคนตัวเล็กเสียงทุ้ม จนคนฟังเขินจัดแก้มแดงซ่าน
“อ่านหนังสือวินล่ะทำอะไรอยู่หรอ”
[วินอยู่กับเพื่อนครับ ‘โกหกไปหน้าด้านเลยนะตาวิน’ แล้วนี่กินข้าวยัง]
“กินแล้วววว วินจะกลับเมื่อไหร”
[วันนี้วินคงกลับดึกนะ ที่ผับมีปัญหานิดหน่อย] ซินดี้หน้าหงอยลงไปนิด กลับดึกอีกแล้ว!
“งั้นหรอ...”
[เสียงแบบนี้...งอนหรอ....ไม่งอนนะครับ เดี๋ยววินซื้อขนมไปฝาก]
“ซินไม่ใช่เด็กซะหน่อย”
[หรออ แต่จะว่าไปก็ไม่เด็กจริงๆ นั่นแหล่ะ หึหึ] น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของร่างสูงทำให้คนตัวเล็กหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
“บ้า!!!”
[หึๆ วินต้องรีบวางแล้ว อย่านอนดึกนะครับ ฝันดีนะ เมีย]
“วินน!!!!” คำสุดท้ายของกวินทร์ทำให้ซินดี้ทั้งโกรธทั้งเขินไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว //
RATTANACHOTRUENGKUL GROUP บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังมีธุรกิจมากมายในเครือ เรียกได้ว่าร่ำรวยมหาศาลเลยล่ะ ขณะนี้เองร่างสูงของกวินทร์กำลังเดินเข้าไปในตึกขนาดใหญ่ตรงหน้า เพราะหลังจากที่เขาส่งซินดี้เสร็จ เขาก็แวะมาหาบิดาที่บริษัท เนื่องจากท่านบอกมีธุระสำคัญจะคุยด้วย ไม่อยากคุยผ่านโทรศัพท์เขาเลยต้องถ่อมาถึงนี่ยังไงล่ะ ระหว่างทางเดินก็มีพนักงานหันมองเขากันตาเป็นมัน ทำอย่างกับไม่เคยเห็นลูกชายท่านประธาน ถึงกวินทร์จะมาไม่บ่อยนักแต่ก็ไม่ใช่ไม่มาเลยนะ “แกๆ ดูคนนั้นดิใครวะโคตรหล่อเลย” พนักงานคนนึงซึ่งเป็นพนักงานใหม่เข้ามาทำงานได้ไม่นานสะกิดเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างกันให้หันมองตาม “นั่นมันคุณกวินทร์หนิ” “ใครหรอ” “เอ้า ก็ลูกชายคนเดียวของท่านประธานไง” พอเพื่อนพูดจบเท่านั้นพนักงานคนนั้นถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน เธอเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่เลยไม่เคยเจอเขา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทายาทตระกูลใหญ่จะหล่อราวกับเทพบุตรแบบนี้ พ่อกับแม่ว่าสวยหล่อมากแล้วเจอลูกชายยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่ใครได้เขาเป็นแฟนคงโชคดีไม่น้อย “ฉันอยากได้แฟนแบบนี้บ้างจัง” “ฝันไปเถอะย่ะ” แล้วก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้ทันทีที่เพื
...Truuu...Truuu...โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นอย่างน่ารำคาญ เพราะมันกำลังรบกวนคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงไม่น้อย จนเจ้าของร่างสูงอย่างกวินทร์ต้องดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ“อื้ออ” เป็นซินดี้ที่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะทนเสียงอันน่ารำคาญของมันไม่ไหวมือเรียวรีบคว้ามารับอย่างรวดเร็ว โชคดีหน่อยที่เจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นวางอยู่ใกล้เมื่อได้แล้วก็กดรับทันทีโดยไม่ดูเลยว่าใครโทรมา“ฮัลโหล” ปลายสายเงียบไปหลังจากที่ได้ยินเสียงผู้หญิงแทนที่จะเป็นลูกชายของเธอ และใช่คนที่โทรมาคือพิมลแขมารดาของกวินทร์[เธอเป็นใคร ทำไมถึงกล้ามารับโทรศัพท์ลูกชายฉัน] พิมลแขถามด้วยเสียงไม่พอใจ ซินดี้เมื่อรู้ว่าคนที่โทรเข้ามาคือใครเปลือกตาก็ลืมขึ้นทันที ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเจ้าของปลายสายนั้นคือมารดาคนรัก คนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะได้สติและตอบไปว่า“อะ..เอ่อ น..หนูซินดี้เองค่ะ ตอนนี้กวินทร์หลับอยู่ แต่ถ้าคุณท่านต้องการจะคุยกับเขาหนูจะปลุกให้เดี๋ยวนี้ค่ะ” รีบบอกออกไปประโยคยาวเหยียดและที่คนตัวเล็กต้องเรียกพิมลแขแบบนั้น ก็เพราะไม่กล้าพอที่จะเรียกมารดาของ
ทางด้านของกวินทร์กับซินดี้ยังคงนั่งหยอกล้อกันอยู่อย่างไม่แคร์ว่าใครจะมองเลยสักนิด แต่เฉพาะกวินทร์นะที่ไม่อายส่วนร่างบางนี่แทบจะเอาหน้ามุดดินหนีแล้ว เพื่อนสนิทก็เอาแต่นั่งมองและล้อเลียนเธอด้วยสายตาอีก กวินทร์เอานิ้วจิ้มเอวซินดี้ไม่หยุด“อ๊ะ วิน ฮ่าๆ พอแล้ว”“ไม่”“วิน พอแล้วววว ฮ่าๆ” กวินทร์มองซินดี้ด้วยสายตาเอ็นดู มีความสุขที่ได้เห็นเธอยิ้มและหัวเราะแบบนี้ เขาปล่อยมือออกจากเอวบางแล้วเอ่ยบอกกับร่างบางว่า...“วันนี้เรียนเสร็จกลับพร้อมกันนะวินจะรอ”“อื้ม!” ร่างสูงเพรียวของเจนนี่ที่เพิ่งเดินออกมาจากอาคารเรียนพร้อมกับเพื่อนใหม่ทั้งสามคนของเธอคือ เอมมี่ รานินและมิลล่า จำต้องหยุดชะงัก…“นั่นพี่วินหนิ แล้วผู้หญิงคนนั้น? ...”“แฟนพี่กวินทร์น่ะ” รานินเป็นคนตอบข้อสงสัยของเธอ แฟนงั้นหรอทำไมเธอถึงไม่เคยรู้ว่าพี่วินมีแฟน เจนนี่คิดในใจ“น่าอิจฉาเนอะผู้หญิงก็สวยผู้ชายก็หล่อเหมาะสมกันสุดๆ” มิลล่า เพื่อนเจนนี่รู้ว่าเธอรู้จักกับกวินทร์แต่ยังไม่รู้ว่าเจนนี่ชอบเขา“แต่ฉันว่าไม่นะถึง
ตอนนี้สองเพื่อนรักอยู่ห้างเป็นที่เรียบร้อย ซินดี้ควงแขนแพรวาเดินเข้าไปในร้านบิงซูร้านนึงที่ค่อนข้างน่ารัก ของภายในร้านเต็มไปด้วยสีชมพูทั้งหมด“ร้านน่ารักมากเลยเนอะ” เป็นซินดี้ที่พูดขึ้นเพื่อถามความเห็นของเพื่อนรักอย่างแพรวา“แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบสีชมพู” แพรวาตอบกลับด้วยท่าทางเบื่อหน่ายนี่ถ้ายัยเพื่อนตัวดีไม่ลากเข้ามาเธอจะไม่มีวันเหยียบที่นี่เด็ดขาด สีอื่นหรือว่าหลากสียังพอโอเคแต่นี่อะไรสีชมพูทั้งร้านพูดได้คำเดียวว่า เลี่ยน!“คิคิ น่ารักออก” จ้า ยอมนางเลยจริงๆ มองหน้าซินดี้อย่างเอือมระอา หลังจากนั้นก็พากันสั่งบิงซูเมื่อได้ของที่สั่งแล้วก็เริ่มลงมือกินกันทันทีเพราะพวกเขาต้องไปที่อื่นต่ออีก ณ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตอนนี้ซินดี้กำลังเดินเลือกซื้อของส่วนแพรวามีหน้าที่เข็นรถเข็นให้ ‘เห็นเพื่อนเป็นคนใช้รึไงวะ’ บ่นมุบมิบอยู่คนเดียว ซินดี้เลือกของไปเรื่อยๆ หยิบนู่นหยิบนี่จนเสร็จก็ไปจ่ายเงินเอาของใส่ในรถเข็น แล้วทั้งสองก็เข็นรถออกมาแต่ยังไม่ถึงไหนซินดี้ก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาซะงั้น“แพรไปเข้าห้องน้ำมั้ย” ถามแพรวาเธอส่ายหน้าเชิงว่
กวินทร์เดินยิ้มหน้าระรื่นล้วงกระเป๋ากางเกงเนื่องจากเขากำลังอารมณ์ดีเพราะได้ปลดปล่อย ขายาวก้าวเดินไปเรื่อยอยู่ๆ โทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าก็สั่น เขาหยิบมันออกมาดูพบว่าบุคคลที่โทรเข้ามาไม่ใช่ใครไหนไกล แฟนสาวของเขานั่นเองCINDY…กวินทร์ไม่รอช้าเขารีบกดรับสายด้วยความรวดเร็ว“ฮัลโหลครับ” เสียงทุ้มเอ่ยกับปลายสาย[วินอยู่ไหนหรอ]“ผับครับ มีอะไรรึเปล่า”[เปล่าหรอกซินแค่จะโทรมาถามว่าวินจะกลับคอนโดมั้ย]“ไม่กลับได้ไงล่ะ คิดถึงซินจะแย่อยากกอดอยากหอมอยากทำทุกอย่างเลย” คำพูดกวินทร์ทำเอาคนในสายหน้าแดง[อื้ม..แล้วจะกลับตอนไหน]“คงดึกๆ อ่ะ”[อืม อ่อ วินเมื่อวานซินโทรหาวินด้วยนะแต่ไม่ติดเลย]“แบตหมดน่ะ พอเห็นว่าหมดวินก็รีบเอาไปชาร์จเลยนะโทรกลับหาซินแต่ซินก็ไม่รับสาย” ร่างสูงแกล้งทำเสียงเศร้าเหมือนน้อยอกน้อยใจหนักหนา[ก็ลืมไว้ในห้องนั่งเล่นนี่นา] ซินดี้พูดเสียงอ่อนด้วยความรู้สึกผิด“ช่างมันเถอะ..ยังไงซะตอนนี้เราก็ได้คุยกันแล้วหนิ ใช่มั้ย”[อื้ม] ทั้งสองคุยกันไปสักพักกวินทร์ก็เป็นคนบอกล
NIVA UNIVERSITYหลังจากทั้งห้าคนทานข้าวกันเสร็จก็มารวมตัวกันที่โต๊ะม้าหินอ่อน สถานที่ประจำของกลุ่มทันทีเพื่อรอเข้าเรียนในช่วงบ่าย“เรียนเสร็จไปหาไรกินที่ห้างกันมั้ย” แพรวาถามเพื่อน“ฉันไม่ว่างอ่ะ” เรเน่“ฉันเหมือนกัน” น้ำหวาน“แล้วยัยซินกับยัยลิสล่ะ” เมื่อเรเน่กับน้ำหวานไม่ว่างแพรวาก็หันไปถามซินดี้กับอลิส“เอ่อ เรารู้สึกเพลียๆ อ่ะว่าจะกลับคอนโดเลย”“ฉันว่าง เดี๋ยวไปด้วยขี้เกียจกลับบ้านอ่ะ” ตกลงกันเรียบร้อยก็คุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาเข้าเรียน ณ บ้านจันทรเกษม ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น กวินทร์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่เพื่อรอรับใครบางคน ไม่นานนักคนๆนั้นก็เดินนวยนาดออกมาวันนี้เธอใส่ชุดเดรสสีชมพูดูแล้วน่ารักมาก“สวัสดีค่ะพี่วินรอนานเจนมั้ยคะ” เธอคนนั้นก็คือเจนนี่นั่นเอง“ไม่ครับ พี่เพิ่งมาถึงก่อนลูกหมูจะเดินออกมาแปบเดียวเอง” พูดจบรถหรูก็แล่นออกไปทันทีภายในรถก็ยังคงมีแต่เสียงของเจนนี่พูดคุยไม่หยุด“พี่วินรู้มั้ยคะวันนี้เจนไ