ทางด้านประชาสัมพันธ์
"แกโอเคป่ะยันวัชพืชมงคล" เพื่อนสาวที่สังเกตการณ์และรู้ดี ยิ่งกว่าตัวเธอทักถามขึ้นมาทันทีเมื่อ คนไข้สองชายหญิงเดินจากไป "ชื่อใบหม่อน เรียกดี ๆ ดิ ยัยโคลน ทำไม่จะไม่โอเคละ คนอย่างใบหม่อนเลิกคือเลิกไง" หญิงสาวพูดด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจว่าจะไม่มีทางกลับไปคืนดีกับอดีตแฟนหนุ่มอย่างสกาย "ชื่อชาโคลเหอะ แล้วทำไมถึงเลิกกันได้วะเห็นแกสองคนรักกันออก ขนาดนั้นไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องเลิกลากัน คนเชียร์อย่างฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ" ชาโคลยักคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้เพื่อนสาว "อืม ก็ไม่คิดเหมือนกัน เขาไม่ง้อจะหน้าด้านกลับไปขอคืนดีก็ไม่ได้แล้วป่ะเป็นคนบอกเลิกเองก็ต้องทำใจอยู่ดีว่ะ" ใบหม่อน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ เพราะความที่เธอปากไว(พล่อย)ไปหน่อย เลยขอเลิกไปอย่างนั้นและไม่คิดว่าจะต้องเลิกกันจริง ๆ "ถามจริง! แกได้พกสมองมาด้วยป่ะเนี่ย~" ชาโคลมองเพื่อนสาวตัวเองอย่างอึ้ง ๆ รักกันปานจะกลืนกินจะเลิกก็เลิกกันง่าย ๆ ขนาดนี้เลยหรอวะ คนสวยไม่เข้าใจ! "ถ้าไม่พกมาจะเรียนจนจะจบแล้วต้องมาฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ไหมล่ะ ถามอะไรโง่ ๆ ไม่สมกับชาโคลเลยนะ" ก็ไม่ต้องแปลกใจหรอก ที่คบกันอยู่แค่สองคนก็เพราะปากหมาด้วยกันทั้งคู่นี่แหละ "โอ๊ยย ยัยซื่อบื้อเอ๊ย ช่างมันเถอะ สมองมันคนละส่วนกัน แกเข้าใจไหมว่าสมองความรู้สึกกับสมองการเรียนมันคนละส่วนกัน ฉันอยากจะกรี๊ด ถามจริงเหอะใบหม่อนแกยังรักเขาอยู่หรือเปล่า" ชาโคลมองเพื่อนตัวเองพร้อมกับระบายอารมณ์ออกมาทันทีด้วยความที่เธอเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่อยู่แล้วยิ่งมาเจอเพื่อนที่ไม่รู้ว่าฉลาดเฉพาะแค่การเรียนหรือเปล่าเพราะเรื่องอื่นก็คือดูมันโง่ไปหมดเลย ช่างหัวมันเถอะ "รักสิ รักมากด้วย" ใบหม่อนหันไปยิ้มบอกกับเพื่อนสาวแม้ใจข้างในจะรู้สึกปวดร้าวมากก็ตามไม่เป็นไรเธอทนได้เจ็บแค่นิดเดียว ทนไหวอยู่แล้ว . . ห้องตรวจ "คุณสกาวฟ้า เชิญค่ะ ห้องตรวจสองนะคะนายแพทย์รออยู่" ผู้ช่วยพยาบาลเดินออกมาเรียกคนไข้ที่มีคิวรอ ตรวจและฝากครรภ์ ทันทีหลังจากที่คนไข้รายก่อนหน้านี้ได้ตรวจและทำการฝากครรภ์กับคุณหมอจนมาถึงคิวของสกาว "สกาวเขาเรียกแล้ว ให้พี่เข้าไปด้วยไหม" สกายถามน้องสาวทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของผู้ช่วยพยาบาล "ไม่เป็นไรพี่รออยู่ข้างนอกนี่แหละหนูเข้าไปเองไม่ต้องห่วงหรอกน่าแค่นี้สบาย ๆ เดี๋ยวเอารูปอุลตร้าซาวด์ยายจิ๋วมาฝาก" สกาวส่งยิ้มให้พี่ชายก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องตรวจสอง . . "สวัสดีค่ะคุณหมอมาฝากครรภ์ค่ะ" สกาวเข้าไปถึงในห้องก็กล่าวสวัสดีทักทายคุณหมอเจ้าของไข้ทันที เธอไม่รู้ว่าคุณหมอเป็นใครเนื่องจากเขาหันหลังให้เธอและเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้างก็ไม่รู้ข้างๆเตียงนอน คนไข้ "เชิญครับ" หลังจากเตรียมอุปกรณ์เสร็จทักษ์ก็หันกลับมามองคนไข้ของตัวเองก็แอบตกใจนิดหน่อยแต่ก็ยังคงนิ่งเฉย เพราะเขาเจอผู้หญิงคนนี้เมื่อวาน! เธอท้อง!! "คะ..ค่ะคุณหมอ" สกาวเองก็แอบตกใจไม่ต่างกันเพราะเธอไม่คิดว่าจะเจอเขาอีกในวันนี้ ตอนที่เธอเข้ามาในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ไม่ได้สังเกตเพราะโรงพยาบาลที่ไหนมันก็คล้าย ๆ กัน สรุปก็คือไม่ใช่คล้ายกันแต่มันคือโรงพยาบาลที่เธอมาเมื่อวาน เพื่อมาตามคุณยายกลับบ้าน! "ประจำเดือนไม่มากี่เดือนแล้วครับ" ทักษ์ ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีแม้จะยังสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแต่เขาเองก็ทำตัวปกติไม่ได้มีพิรุธอะไร "เอ่อ สะ..สองเดือนค่ะ" สกาวตอบเสียงดวงตาแอบเลิ่กลักไม่น้อย เธอเองก็พยายามปรับลมหายใจของตัวเองให้มันอยู่ในอาการปกติไม่ตื่นเต้นจนเกินไปกว่านี้ "แล้วประจำเดือนมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ครับ พอจะจำได้ไหม" ผมมองคนไข้ที่เข้ามาฝากครรภ์ไม่คิดว่าจะเป็นเธอเจอกันอีกแล้วสินะเธอคือความวุ่นวายของผม ความจริงแล้วมันอาจจะไม่เกี่ยวกับเธอก็ได้แต่ว่า ตั้งแต่เมื่อวานที่ผมเจอเธอก็มีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นไม่หยุด "จำวันที่ ที่แน่นอนไม่ได้ค่ะคุณหมอแต่มันมาช่วงประมาณต้นเดือนเมื่อ สองเดือนที่แล้วแล้วก็ขาดหายไปเลย พอตรวจครรภ์ดูก็ขึ้น สองขีด" สกาวเริ่มปรับจูนอารมณ์ของตัวเองให้มาเป็นปกติได้แล้วก็อธิบายไปตามความจริง "ครับ งั้นเดี๋ยวผมจะโทรวันกำหนดคลอดคร่าวให้ก่อนแล้วกันคุณพอจะจำวันที่ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายได้หรือเปล่า" หมอทักษ์ถามอีกครั้ง เพื่อความชัวร์ในการคาดคะเนวันกำหนดคลอดก่อนที่จะไปอุลตร้าซาวด์ ดูเด็กในท้องของเธอ "จำวันที่ที่แน่นอนไม่ได้ค่ะคุณหมอแต่ว่ามัน คงช่วงประมาณวันที่ 7-12 กุมภา ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะเพราะมันหลายเดือนแล้ว" สกาวตอบหมอออกไปพร้อมกับเห็นคุณหมอกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้าเธอซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เขาเลื่อนกระดาษกลมๆนั้นมันคืออะไร "ถ้าประจำเดือนคุณหมดประมาณช่วงนั้นกำหนดคลอดก็จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนน่าจะเป็นช่วงปลายๆเดือนเพราะตอนนี้ มันก็ใกล้ช่วงซัมเมอร์แล้วเดี๋ยวลองไปอุลตร้าซาวด์ดูอีกทึแล้วกัน" ทักษ์บอกกับหญิงสาวก่อนจะเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้อย่างเป็นที่เป็นทาง "เดี๋ยวคนไข้ขึ้นไปนอนบนเตียงเลยนะครับ" หมอทักษ์ บอกเธออีกครั้งก่อนที่เขาจะหยิบเจลแล้วก็มองอุปกรณ์ทั้งสองอย่างตรงหน้า ว่าเขาจะเลือกใช้ตัวอุลตร้าซาวด์แบบสอดหรือแบบซาวหน้าท้องดีนะ ซึ่งแน่นอนว่าคุณหมอดี ๆ แบบเขาก็ต้องใช้อุลตร้าซาวด์ ตรงหน้าท้องอยู่แล้วสิ! "เดี๋ยวคนไข้ดึงเสื้อขึ้นไปถึงใต้หน้าอกเลยนะครับ หมอจะอุลตร้าซาวด์ให้เห็นภาพและให้ฟังเสียงหัวใจเด็กแล้วกันนะครับ" เขาบอกเธอเพียงให้คนไข้ได้ทำตามจะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ "ค่ะคุณหมอ" สกาวพยักหน้าตอบรับก่อนจะทำตามอย่างว่าง่าย จนถึงตอนที่เจลเย็น ๆ ถูกทาทาบลงบนหน้าท้องที่ยังไม่นู้นออกมาแทบดูไม่ออกเล่นด้วยซ้ำว่าเธอกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ป้ายแดง "เฮือก!" เสียงตกใจทำเอามือหมอที่กำลังถึงเจลบีบลงหน้าท้องถึงกระชะงักและมองคนที่สะดุ้งตกใจอยู่ "___" "เฮ้อ~ มันเย็นนิดหนึ่งนะครับโทษทีทีหมอไม่ได้บอกไม่คิดว่าคนไข้จะเป็นขี้ตกใจขนาดนี้" หมอทักษ์ก็อดใจได้ได้ที่จะต้องอธิบายให้เธอฟัง ทั้งชีวิตแทบไม่ต้องอธิบายอะไรเลยส่วนใหญ่นางพยาบาลจะคอยอธิบายให้ แต่ไม่รู้ตอนนี้ไปติดธุระที่ไหน ออกไปเรียกคนไข้แล้วก็หายจ๋อมไปเลยไม่บอกกล่าวสักคำ กลับมาละน่าดู "ค่ะ" สกาวพยักหน้ารับทำความเข้าใน "ดูที่จอนะครับ อาจจะเจ็บท้องนิดหน่อยหมอต้องกดหาตัวอ่อนน้องนะครับ" เป็นอีกครั้งที่เขาต้องมาอธิบายอะไรแบบนี้ให้คนไข้ แต่เรื่องนี้ช่างมันเถอะถือว่าเพิ่มงานให้ตัวเองแล้วกัน เพียงไม่นานจอมองมิเตอร์ ก็มีรูปเมล็ดถั่วอันเล็ก ๆ จะว่าเป็นเพียงเมล็ดถั่วก็ไม่ได้เพราะเหมือนเริ่มมีแขนขางอกออกมานิด ๆหน่อย ๆ มอง ๆ ไป ๆ ก็เหมือนปลาดาวที่ยังไม่สมบูรณ์ "เอ๊ะ โห่อเมชิ่งมากครับคุณแม่" หมอทักษ์ตาโตมองจอมอนิเตอร์คอมค้างด้วยความตกใจ ซึ่งคนที่ฟังเสียงของคุณหมอก็ไม่รู้เรื่องได้แต่ขมวดคิ้วมองหน้าคุณหมอสลับกับมองจอมอนิเตอร์คอม "อะไรคะคุณหมอ" ฉันมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้านบนปลายเตียงนอน กลับมองหน้าหมอสลับกันเหมือนว่าหมอจะดูอึ้งและสติสตางค์หลุดออกจากพะวงไปแล้วหรือเปล่านะ "มันอเมชิ่งมาก! คุณแม่รู้หรือเปล่าครับว่าคุณแม่ได้ลูกแฝด!" หมอทักษ์กล่าวออกมาอย่างดีใจเพราะนานทีจะมีเคสเด็กแฝดเข้ามาเพราะเคสแบบนี้จะหายากมาก ๆ ส่วนใหญ่เขาจะเจอเฉพาะบุคคลที่อยากได้ลูกแฝดจริงๆมาทำกิ๊ฟ ฝากรังไข่ฝังตัวอ่อนไม่เคยเจอเคสแฝดธรรมชาติแบบนี้มาก่อน "อะไรนะคะ!" อึ้ง สมอง อึ้ง ร่างกายแข็งค้างคนนอนดูผลอุลตร้าซาวด์ไม่คิดว่าตัวเธอเองจะได้ลูกแฝดเหมือนกัน "คุณแม่ได้ลูกแฝดนะครับ" หมอทักษ์บอกกับเธอแล้วยิ้มออกมา ตอนนี้ตัวเขาเองก็รู้สึกมีความดีใจอย่างน่าประหลาดทั้ง ๆ ที่เมื่อวาน มันก็คนละฟิวกันเลยหรือตัวเขาเองจะทำงานหนักเกินไปจนเป็นไบโพล่าอารมณ์ขึ้น ๆลง ๆ สงสัยออกเวรวันนี้คงต้องไปตรวจแล้วล่ะ "ลูกแฝด แฝดเลยเหรอคะหมอ ละ..แล้ว แล้วเรารู้เพศลูกได้เลยไหมคะ" สกาวถามออกมาเสียงลน ๆ เพราะเธอทำตัวไม่ถูกเก็บอาการที่ดีใจเอาไว้ไม่อยู่ ทำทีเดียวมาถึงสองคน มันช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของชีวิตเธอ จริง ๆ "ตอนนี้ยังไม่ทราบเพศครับแต่ถ้าอยากทราบจริง ๆ ก็ต้องเจาะน้ำคร่ำเจาะเลือดตรวจ และรอผลประมาณประมาณสองสัปดาห์ แต่ถ้าคุณแม่จะรอดูตอนอายุครรภ์ 16-18สัปดาห์ ก็รู้เพศแล้วครับ" หมอทักษ์ก็ค่อย ๆอธิบายให้คนไข้ของตนเองฟังเพื่อทำความเข้าใจ "เข้าใจแล้วค่ะคุณหมอยังไงก็รออุลตร้าซาวด์อีกทีตอนอายุครรภ์ 16สัปดาร์ก็ได้ค่ะ" สกาวหันไปยิ้มพยักหน้าตอบรับคำแนะนำคุณหมอ "แต่วันนี้คุณแม่ต้องเจาะเลือดเอาไปตรวจนะครับเพื่อป้องกันพาหะนำโรคหรือธาลัสซีเมียในเด็ก" และหลังจากนั้นหมอก็ยังคงอธิบายต่อถึงรายละเอียดที่ต้องดูแลสำหรับคุณแม่พร้อมกับเอาสมุดฝากครรภ์ยื่นให้ และเขียนใบสั่งยาทันที . ร่างอรชรเดินออกจากห้องตรวจมองหาพี่ชายตัวเองแต่กลับไม่พบคนที่ควรนั่งรอเธออยู่ "ไปไหนของเขา" สกาวกวาดสายตามองหาพี่ชายทั่วบริเวณนั้นแต่กลับไม่เจอ เธอจึงตัดสินใจที่จะต่อสายหาพี่ชายตัวเองแต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่งเมื่อมองไปยังจุดที่ตัวเองนั่งก่อนจะเข้าตรวจกับพบกระเป๋าของเธอวางอยู่ตรงนั้นพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของพี่ชายเธอที่วางอยู่บนกระเป๋า "โอ้โหพ่อนักธุรกิจ คิดจะทิ้งของก็ทิ้งไปเฉย ๆ อย่างนี้เลยหรือไงรวยมากจริง ๆ เลยนะ" จากที่เธอกำลังอารมณ์ดีเริ่มมีอาการโมโหขึ้นมานิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าพี่ชายของเธอจะทิ้งโทรศัพท์ของตัวเองไว้หน้าตาเฉยได้ขนาดนี้ คงกลัวเธอโทรตามมากมั้ง! ชิน่าเบื่อชะมัดร่างบางเดินตามหาพี่ชาย ทันทีที่เก็บกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง เดินไปหาทั่วแผนกก็ยังไม่เจอไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน "ไปไหนของเขานะ" ฉันเดินออกมาจากแผนกฝากครรภ์แล้ว พอมองหาพี่ชายตัวเองก็ไม่พบโทรศัพท์ก็ทิ้งไว้มันหน้านัก พ่อคนรวยพ่อจอมงก 'สกาย ใบหม่อนขอโทษ ใบหม่อนอยากขอบคุณช่วงเวลาดี ๆ ที่เรามีด้วยกันแล้วก็ขอโทษที่เผลอพูดบอกเลิกไปวันนั้นใบหม่อนไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ' 'เราจบกันไปตั้งนานแล้วไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมาขอโทษเราหรอก ใช้ชีวิตของตัวเอง ให้ดีนะ' ฉันที่เดินตามหาพี่ชายตัวเองก็เผอิญได้ยินเสียงคุยกันครั้งแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคนชื่อเหมือนกันก็มีตั้งเยอะแยะ จนได้ยินเสียงพี่ชายของฉันพูดขึ้นมานั่นแหละ นี่พี่เราไปแอบมีแฟนตอนไหนเนี่ย อย่าให้รู้นะว่าแอบปิดบังแม่จะฟ้องคุณยายให้หมดเลย "พี่คะ หนูเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า" ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชายตัวเองทันทีเมื่อเห็นร่างของสองคนคุยกันอยู่แล้วยังเข้าไปถามอย่างคนไม่รู้อีโนอีเน กลายเป็นคนอินโนเซ้นท์ไปชั่วขณะ ใครใช้ให้พี่หน้าแกล้งล่ะ "เปล่าไม่ได้มาขัดจังหวะอะไร แค่บังเอิญคุยกันถูกคอเฉย ๆ นะเสร็จแล้วหรอไปกันเถอะ" สก
"___" ..."___!?" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบและยังไม่ตอบอะไรสกาวก็ได้แต่เงียบและรอฟังอย่างใจเย็น "นั่งก่อนสิคะ" ฉันบอกกับคุณใบหม่อนที่ยังไม่เคยปากพูดอะไรไม่รู้ว่าแค่แวะมาทักทายเฉย ๆ จริง ๆหรือเปล่าหรือมีเรื่องอยากจะคุยอะไรกับเธอกันแน่ท่าทางดูเหมือนว่าจะคิดหนักมากเลยทีเดียว "ขอบคุณค่ะ" หลังจากคำเชิญชวนใบหม่อนก็นั่งลงข้าง ๆ สกาวทันทีพร้อมกับส่งยิ้มมาให้เล็กน้อยราวกับว่ามีความในใจมากมายอยู่เต็มเปี่ยมที่อยากจะคุยกับสกาว "คุณใบหม่อนมีอะไรจะคุยกับกาวหรือเปล่าคะมีเรื่องหนักใจหรือทุกข์ร้อนใจอะไรระบายกับกาวได้นะคะกาวเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอค่ะแม้เราจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็เถอะ" ระหว่างรอรับยาฉันก็รู้สึกว่าโชคดีที่มีคนเข้ามาทักมาคุยด้วย "คือจริง ๆ แล้วก็มีเรื่องอยากจะขอคุณกาวนิดหน่อยนะคะไม่ได้สำคัญอะไรมากแต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณกาวเข้าใจดี" ใบหม่อนพูดออกมาทันทีหลังจากที่หญิงสาวถามขึ้นมา "พูดได้นะคะเรารับฟังเสมอค่ะ" สกาวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแล้วมองคนที่อยากจะคุยกับเธอ "ว่าแต่คุณกาวอายุเท่าไหร่หรอคะ ส่วนหม่อนตอนนี้อายุ 25ปี แล้วค่ะ" เธอถามอายุของสกาวพร้อม
"พี่คะเสร็จแล้วค่ะกลับบ้านกันเถอะน้องง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย" ฉันบอกพี่ชายทันทีที่เดินเขามาทักทายคุณหมอเจ้าของไข้ฉัน "ปะกลับสิพี่ก็มีธุระต่อเหมือนกัน กะว่าจะเข้าไปดูงานสักหน่อย" สกายหันหน้ามองน้องสาวตัวเองก่อนจะหันกลับไปบอกลาคุณหมอ "งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ""กลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอ" ทั้งสองคนกล่าวลาคุณหมอแล้วก็เดินจากไปทันที "ครับ" ผมมองคนที่กล่าวลาและเดินจากไป ก่อนจะพาตัวเองออกจากตรงจุดนั้นและกลับไปห้องพักของตัวเองทันที ."คุณหมอคะ มีเคสด่วน!" พยาบาลผู้ช่วยของผมบอกกับผมทางนี้ที่ผมเตรียมตัวจะเดินเข้าห้องพักของตัวเอง "โอเคเดี๋ยวผมออกไปรับเองคุณก็เตรียมอุปกรณ์และอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ลูกอ่อนและครอบครัวของเขาด้วยแล้วกัน" ผมบอกกับพยาบาลก่อนที่จะเปิดเข้าไปห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมของจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำงาน "ค่ะคุณหมอ" พยาบาลตอบรับแล้วเดินออกไปทันทีเพื่อไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย ..ภายในรถ "น้องมีอะไรจะถาม" เมื่อถึงรถแล้วเข้ามานั่งภายในรถฉันก็ถามพี่ชายตัวเองทันทีในเรื่องที่สงสัยและอ
พอนึกถึงวันนั้นก็แอบหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่มาก จุดเริ่มต้นของการอยากลองของมันมาจากตรงนี้สินะ วันนั้นที่ทะเลาะกับคุณยายแล้วแอบหนีเที่ยว! "ยัยตัวแสบมานี้สิยายมีเรื่องจะคุยด้วย เร็ว ๆ อย่ามาทำหน้าทำตาอาลัยอาวรณ์อย่างนั้น" ยายผู้ที่คอยดูและและกำหนดชีวิตหลาน ๆ ทั้งหลายของนางเรียกยัยสกาวอย่างฉันเข้าไปคุยไม่รู้มีเรื่องสำคัญอะไร คนพึ่งเรียนจบพร้อมกลับมานอนสลบอยู่ที่บ้านก็ต้องฝืนร่างกายตัวเองมานั่งเป็นกลุสตรี ต่อหน้าคุณยาย "มีอะไรคะ กาวง่วงอยากนอนอ่อนล้าไปหมดรีบคุยมาได้เลยคะคุณยายขา~" ฉันหันไปตอบรับเสียงหวานเพราะง่วงมากจริง ๆ "เรียนจบแล้วใช่ไหม พอดียายมีคนแนะนำอยากให้รู้จักสนิทสนมกันไว้ไหน ๆ ก็ต้องเป็นคู่หมั้นคูหมายกันอยู่แล้ว" และนั่นแหละหลังจากที่คุณยายพูดจบก็เหมือนโลกทั้งใบได้แตกสลายฟ้าถล่มดินทลาย ไปในพริบตาคนที่กำลังสะลึมสะลือพร้อมนอนหลับอย่างฉันสะดุ้งตัวตื่นได้เต็มตาทันที "เดี๋ยวนะคะใครจะหมั้นกับใคร แล้วใครจะหมั้นกันตอนไหน คุณยายคงไม่ได้หมายถึงกาวหรอกใช่ไหมคะ" ฉันถามออกมากทันทีเพื่อคลายความสงสัย "ยายก็หมายถึงหลานนั่นแ
"คุณ..ไอ้นี่เขาเรียกว่าอะไรคุณเอามาจากไหนเอามาตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นเลย" สกาวมองตามอุปกรณ์ที่ชายหนุ่มได้ถึงไว้ในมือด้วยความสับสนเพราะเธอไม่เคยเห็นอุปกรณ์มากมายหลายชนิดที่อยู่ในมือของชายหนุ่มเลยสักชิ้นเดียวจะว่าเธอโลกสวยก็ได้เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่รู้จักไอ้อุปกรณ์อะไรพวกนี้เลยจริง ๆ "เขาเรียกว่าอุปกรณ์เสริมความเร่าร้อนระหว่างเรา คุณอยากลองอันไหนก่อนล่ะระหว่าง โซ่! แซ้ กุญแจมือ! หรือว่าเทียนไขสื่อรัก" ชายหนุ่มถามออกมาทันทีพร้อมกับสายตามุ่งมั่นเพื่อรอคำตอบจากเธอ "มะ..มันจำเป็นต้องใช้ ดะ..ด้วยเหรอ" สกาวมองไปตามอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมกับเอ่ยถามออกมาได้ไม่เต็มเสี่ยงมากนักเพราะเธอไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์เหล่านี้ต้องใช้ทำอะไรบ้าง "จำเป็นสิไม่งั้นเขาจะเรียกกันว่าความสนุกสุดเหวี่ยงเหรอ" ซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มให้แล้วตอบออกมาด้วยความใจเย็น "อย่างเดียวได้ไหม!?" หญิงสาวถามออกมาอีกครั้ง "อะไร" เขาก็มึนงงกับคำพูดของเธอเล็กน้อยจึงเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย "เลือกอย่างเดียวได้ไหมไม่เลือกทั้งหมดได้ไหมฉันไม่รู้ว่าคุณเอาพวกมันมาทำอะไร" สกาวก็ตอบออกมาตามคว
กึก! ปึก! เยื่อพรหมจรรย์ขาดสะบั้น ทำเอาคนที่โดนกระทำเบ๊หน้าด้วยความเจ็บแสบ "ซี๊ด~ อ่า~" เสียงครางด้วยความเสียวของชายหนุ่มเมื่อร่องสวาทตอดรัดลำรักแนบแน่น "อืม~ แสบ! เบา ๆ สิ!" ร่างบางเองก็ทรมานไม่ต่างกันพยายามขยับตัวถอยห่างก็กลับกลายเป็นว่าช่วงขาขยับกว้างมาขึ้นราวกับรอรับแกนกายให้ปรนเปรอความสุขสัน "อยากขนาดนั้น เลยเหรอครับ~" ชายหนุ่มถามออกมาทันที ที่มองเห็นช่วงขาเธออ้ากว้างขึ้นกว่าเดิม "ไม่..ชะ...อืม~" ร่างบางทีก็พยายามพูดปฏิเสธในสิ่งที่ชายหนุ่มเข้าใจผิดก็จำต้องรับจูบอันดื่มด่ำและเร้าร้อนที่ชายหนุ่มมองให้ จ๊วบ ๆ จ๊วบ ๆ จ๊วบบบบ ปึก! ปึก! ปึก! เมื่อเห็นว่าคนโดนจูบเคลิบเคลิ้มแล้วก็สวนแกนกายอันมโหฬาร เข้าไปสัมผัสร่องรักให้ลึกที่สุด "อืม~" ร่างบางที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตัวผวาลืมตาโตพร้อมกับร้องครวนครางในลำคอเพราะความเจ็บโดยไม่ได้ตั้งตัวรับมัน ร่างบางพยายามขยับดิ้นไปมาเพื่อถอยห่างแต่มันก็ยังคงกลับทำให้เหมือนว่าช่วงขาขยับกว้างขึ้นไปอีกเพราะด้วยความที่เธอถูกล็อคข้อมือไว้กับหัวเตียง จา
"ชะ...ชอบทะ..ทั้งสองอย่างอ่าส~" สกาวตอบรับในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการทันทีพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเสียวซ่านกับแรงกระแทกที่ตอกอัดเข้ามาบริเวณร่องสวาทของเธอ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ "อ๊า ๆ อ๊า เบา ๆ สิ น..หนูเสียว~ อ๊า~" "เสียวมากไหมครับ~" เสียงร้องครวญครางของเธอทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจในสิ่งที่ตนต้องการ "มะ...มากค่ะ!" สกาวตอบรับด้วยใบหน้าที่เก็บกั้นอารมณ์ความเสียวซ่านเอาไว้แทบไม่อยู่ "พี่ก็ชอบ! ชอบเสียงครางของหนู~" ชายหนุ่มตอบกลับเสียงทุ่มใกล้ใบหูทำให้สกาวต้องหันหน้ากลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังของเธอแล้วสวนแกนกายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ "อ๊า ๆ อ่ะ อ่า~ อ๊ะ ๆ อ๊าย~" หญิงสาวร้องครางออกมาทันทีพี่ชายหนุ่มอัดกระแทกแกนกายเข้ามาจนทำให้เธอมองหน้าเขาได้เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น "ชี๊ดอ่า~ เสียวมาก!" ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความเสียวซ่านกับร่องรักที่ดูดรัดแกนกายขนาดใหญ่ของเขาอย่างกลับว่าไม่อยากให้หลุดพ้นออกจากร่องสวาทของเธอ "หนูมะ...ไม่ไหวแล้วจะเ
ร่างกายสาวขยับโยกแรงขึ้นจากท่าด็อกกี้จำต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะแรงตอกอัด "อ๊ะ...เดี๋ยว!" เมื่อลืมตาตื่นสกาวก็จำต้องหันหลังไปมองคนที่สวนแกนกายเข้ามาทันที ปึก ๆ ตรับ ๆ ตรับ ปึก ๆ "ตื่นแล้วเหรอ~ อ๊า~" ทัักษ์รัองครางออกมาด้วยความเสียวซ่านเพราะแรงตอดรัด ที่ถูกกระตุ้นอารมณ์ "แสบ! หยุดหนูไม่ไหวแล้ว~" ร่างบางร้องเสียงหลงเมื่อแรงตอกอัดของลำกายไม่มีท่าทางที่จะผ่อนเปรอลง "ทนอีกสักน้ำสองน้ำนะฮันนี่~" ร่ากายของชายหนุ่มยังคงมีความต้องการมากขึ้นราวกับว่าเขานั้นโดนยาเสียว เพราะปกติก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้และนานขนาดนี้มาก่อน "มะ..ไม่ไหวหรอก~ อ๊า~ อ๊ะ อ๊ะ~ อ่าส~" สกาวร้องครางทันทีเมื่อแกนกายตอกอัดเข้ามาสุดลำรัก ทำให้เธอทั้งจุกทั้งเสียวแถมยังรู้สึกแสบตรงบริเวณร่องรักของตัวเองอีกด้วย 'แบบนี้ไม่ไหวหรอกพังหอยพังพอดี' สกาวทำได้แค่บ่นในใจ ตรับ ๆ ตรับ ๆ ปึก! ปึก ปึก ตรับ ๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นในห้องพักแสนโรแมนติกของผับ ทำเอาร่างบางที่ดวงตาแทบจะหลับลงสนิทอีกครั้งจำต้องตื่น จนร้องควรญครางเพราะความเสียวซ่าน ที่ถูกมอบให้ "ไม่ไหวก็นอนครางอย่างเดียว เดี๋ยวพี่ทำให้เอ
ภายในห้องตรวจ"คุณหมอสวัสดีค่ะ" แพทย์หญิง ชารันญา ทักทายผู้บริหารที่ตอนนี้กำลังนั่งมองดูอัลตราซาวด์ข้าง ๆ สกาวและค่อยมองจอที่ปรากฏ ขนาดและน้ำหนักตัวของเด็ก ๆ ขึ้นที่ละคน "มาทำงานสายนะครับ" หมอทักษ์ไม่ได้สนใจคนเดินเข้ามาใหม่อย่างหมอ ชารันญา เพราะเขากำลังสนใจสิ่งมีชีวิตในครรภ์มารดา "ขอโทษค่ะ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก" แพทย์หญิงชารันญา กล่าวบอกกับคุณหมอทักษ์ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุดของคุณหมอเขาก็มาทำหน้าที่แทนเธอทำให้เธอปลื้มใจเขาอยู่ไม่น้อย "ไม่เป็นไร" เขายังคนสนใจสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในครรภ์ของแฟนสาว "พี่หมอคะลูกตัวเล็กไปไหมค่ะ" สกาวมองในจอและถามเขาเพราะขนาดของเด็กแต่ละคนไม่เคยตามเกณฑ์ "ยังอยู่ในเกณฑ์ครับไม่ต้องกังวล" เขาหันมามองหน้าสบตากับเธอแล้วก็กลับไปมองจอ เพื่อดูพัฒนาการของเด็ก ๆ ในครรภ์ "พี่หมอซาวด์สี่มิติได้ไหมคะ" สกาวถามเขาเพราะความอยากเห็นหน้าตาของทารกในครรภ์ "ได้สิครับ" เขามองแพทย์หญิงที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลแล้วเอ่ยบอกให้เธอทำงานในหน้าที่ของเธอ"คุณชารันญาครับ ช่วยต่อสายคอมให้หน่อย เสร็จแล้วคุณไปรอรับคิวคนไข้คนต่อไปได้เลยนะครับส่วนคนนี้ผมดู
ภายในร้านอาหาร ทั้งสองคนนั่งรออาหารมาเสิร์ฟและคุณแม่ท้องโตที่โวยวายเมื่อครู่ก็สงบลงเพราะได้สั่งในสิ่งมี่อยากลองกินสมใจ "หายงอนยังครับ" คนที่นั่งมองเธอตั้งแต่สั่งอาหารเสร็จก็ถามออกมา "ก็พี่หมอพูดจาไม่ดีทำให้หนูเข้าใจผิด ไม่รู้แหละแต่หนูไม่ได้งอนสักหน่อย" สกาวรีบปฏิเสธทันทีที่ถูกกล่าวหา "ครับพี่เชื่อว่าหนูไม่ได้งอนแต่โวยวายไม่หยุดเลยนะครับ" หมอทักษ์ เองก็อดไม่ได้ที่จะแซวคุณแม่จอมขี้โวยวายในช่วงหลัง ๆ มานี้ที่ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์รู้สึกว่าตัวเธอจะท้องโตขึ้นมากเลยทีเดียว "กาวจะไม่คุยกับคุณหมอ" สกาวมองหน้าเขาก่อนพนักงานจะเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ทั้งสองคน และเดินกลับไปทำงานในหน้าที่ของตัวเองต่อ .หลังจากนั้นเขาก็พาเธอมาห้องของเขาที่เซ็นสัญญาซื้อขาย ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน "ห้องสวยมากเลยค่ะ ใหญ่ด้วยห้องกว้างมาก" สกาวเดินอุ้ยอ้ายสำรวจห้องของชายหนุ่มที่พาเธอขึ้นมาดูซึ่งเธอชอบมาก ใหญ่พอ ๆ กับห้องนอนที่บ้านของเธอเลย "ชอบไหม ห้องนี้มีห้องนอนตั้งสี่ห้อง" หมอทักษ์บอกกับเธอก่อนจะพาเธอเดินสำรวจขนทั่ว ห้องพักสุดหรูที่เขาจ้างรีโนเวท ทั้งอาทิตย์ และมันก็พึ่งเสร็จเมื่อสองวั
ห้องพักพิเศษ สำหรับคนไข้vvip ของเขาเป็นห้องที่เพิ่มความสะดวกสบายและกว้างขวางราวกับอยู่ในคอนโดหรู หากป้ายทางเข้าไม่มีคำว่าโรงพยาบาลติดอยู่หลายครอาจจะคิดว่านี้คือคอนโดมิเนียมที่สร้างขึ้นภายใต้อาคารอเนกประสงค์ของทางโรงพยาบาล "เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งมาเอาติดตั้งเลยไหมครับ" เลขาที่เขาพึ่งรับเข้ามาทำหน้าที่ตรวจทานเอกสารและค่อยนำเนินแผนงานต่าง ๆ ให้ถามเจ้านายหนุ่มอายุน้อย "ครับคุณ นรินทร์จัดการได้เลยนะครับตามแบบที่ผมส่งให้ในเมล" หมอทักษ์บอกกับเลขาและคอยตรวจสอบเอกสารงานต่าง ๆ ที่ถูกส่งเข้ามาภายในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ทำไมเอกสารถึงล้นมือจนเขาแทบไม่มีเวลาจับโทรศัพท์เลย ..ทางด้านสกาวตอนนี้เธอมาอยู่ที่ประเทศไทยได้เกือบสัปดาห์แต่ก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหน "ยายจะเดินทางไปต่างประเทศเราอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม" ยายนีน่าเดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาหาหลานสาวในห้องนั่งเล่น "ไปทำไมคะ" สกาวมองกระเป๋าใบใหญ่ของคุณยายรางกับว่าจะไปนานขนไปทั้งบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ "ไปทำงานและไปเที่ยวคนแกอยู่บ้านเฉย ๆ มันก็เหงา รอหลานคลอดยายจะกลับมาช่วยเลี้ยงเหลนแล้วกันนะ" คุณยายนีน่าบอกหลายสาวไ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองที่เดินทางมาหลายสัปดาห์เรือสำราญก็จอดเข้าแทบท่าที่อ่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยว และคนที่มีจุดหมายลงที่ประเทศได้ก็เริ่มเช็คเอาท์ออก และบัตรการ์ดที่เชื่อมบัตรของแต่ละคน ทางเรือก็ไม่คิดเก็บคืนถือว่าเป็น ของกำนันเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นักท่องเที่ยวไว้สะสม"มาพี่ช่วยถือให้ครับ" หมอทักษ์ยืนมือไปรับกระเป๋าสัมภาระของเธอมาถือเอง "พี่สกายแชทมาบอกว่าคุณยายมารอรับ" สกาวรู้สคกใจคอไม่ดีเพราะเขาและยายของเธอเคยมีปากเสียงกันมาก่อน กลัวว่าพอเจอกันแล้วทันเขาและยายเธอคงเข้าหน้ากันไม่ติด "ครับ" เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ไลฟ์สไตล์ชีวิตเขาเป็นคนโหมงานหนักและไม่ค่อยได้เที่ยวสังสรรค์ทั้งยังพอจะรู้สึกถึงความประหม่าของเธอได้ "ไม่ต้องทำหน้าคิดหนักขนาดนั้นหรอกครับ" หมอทักษ์เอามือข้างที่ว่างขยี้ผมเธอเล่นเบา ๆ "ก็จะไม่ให้คิดหนักได้ไงค่ะ คุณหมอกับคุณยายเคยทะเลาะกันรุนแรงขนาดนั้น" สกาวยังคงมีสีหน้ากังวลมาก เพราะไม่รู้จะอธิบายกับคุณยายยังไงอีกทั้งกลัวว่าคุณยายของเธอกับคุณหมอจะปะทะฝีปากกันอีก คนหนักใจคงไม่พ้นเธออีกเช่นเคย "พี่สัญญาว่าจะไม่ตอบโต้จะไม่ปา
"ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอครับ ถอดได้ไหมถ้าถอดไม่ได้เดี๋ยวพี่ถอดให้" หมอทักษ์เดินเข้ามาเห็นคนที่กำลังพยายามจะถอดชุดตัวเองออก เธอเหนื่อยจนต้องนั่งถอนหายใจออกมากหลายครั้งเพราะ ชุดที่ตัวเธอเองเลือกที่จะใส่ ทั้ง ๆ ที่คุณหมอเตือนแล้วก่อนออกจากห้องไปชมวิว แต่คนดื้อแบบเธอมีเหรอที่จะฟังเขา ไม่ได้ดั่งใจก็มีบีบน้ำตาบ้างเล็กน้อย จนคนเตือนต้องยอมจำนน "ช่วยหน่อยนะคะ มันติดพุงค่ะ" สกาวมองชุดที่สวมใส่มันสวยและเธอชอบมาก สุดท้ายก็ต้องมาลำบากตอนที่จะถอดเนี่ยแหละ "ถอดง่ายที่ไหนละ พี่ห้ามแล้วเธอไม่ฟังพี่เองนะครับ" หมอทักษ์เดินเข้ามาช่วยเธอถอดชุดออกพร้อมซ้อนตัวเธอ เข้าไปแช่ในอ่างพร้อมกับเขาที่ลงไปนั่งแช่ตัวด้วยเช่นกัน "อืม" สกาวเริ่มรู้สึกว่าเธอมีอารมณ์เพราะถูกปรายนิ้วของคุณหมอคนหื่นขยี้ตรงจุดคริสตัลเพื่อทำให้เธอน้ำเดินและมีอารมณ์ในเรื่องเพศศึกษา "พี่หมอ" ดวงตาหยาดเยิ้มเงยหน้าขึ้นมองคนที่โอบกอดแนบชิดแผ่นหลังของเธอ "ครับ หนูจะเสร็จแล้วเหรอ" หมอทักษ์มองเธอที่ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ เขาเธอก็นึกสนุกอยากให้เธอขึ้นขย่มบ้าง "หมอ หยุดทำไมคะหนูใกล้จะเสร็จแล้ว" สกาวเริ่มรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่
ทั้งสองคนอาศัยอยู่บนเรือสำราญนานนับสัปดาห์เพราะเรือสำราญเข้าเทียบท่าหลายประเทศเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวที่เสียเงินเป็นจำนวนมากได้เปิดหูเปิดตาในสิ่งใหม่ ๆ และภูมิอากาศของแต่ละประเทศด้วยตัวเอง "อีกสามวันเรือก็เข้าเทียบท่าประเทศไทยแล้ว" หมอทักษ์ยืนกอดอกมองชมวิวอยู่บนดาดฟ้าของเรือพร้อมกับหญิงสาวที่อยากออกจากห้องพักมารับลมทะเล ในช่วงสาย ๆ ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าไร้ก้อนเมฆ ทำให้น้ำทะเลสะท้อนความแวววาว อย่างน่าอัศจรรย์ "ค่ะ ท้องฟ้าไร้เมฆบดบังมันก็ดูสวยดีนะคะ" สกาวนั่งมองวิวบนดาดฟ้าทั้งยังเอาโทรศัพท์มาถ่ายเก็บรูปภาพแห่งความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเธอเคยได้ท่องเที่ยวไปพร้อมกับเรือสำราญที่จอดเทียบท่าเรือให้ได้ชื่นชมในเมืองต่าง ๆ "คงจะสวยสู้ใครบางคนแถวนี้ไม่ได้หรอกครับ" หมอทักษ์หันหน้ามาสบสายตาคนที่กำลังสนใจในการถ่ายรูปตัวเองให้ติดวิวธรรมชาติเข้าในเฟรมกล้องเยอะ ๆ อยู่ "ใครเหรอคะ" สกาวเอ่ยถามทั้งที่มือของเธอ ก็ยังคงจับกล้องโทรศัพท์ถ่ายตัวเองและวิวบนท้องฟ้าที่สวยงามสะดุดตา ในความแวววาวของท้องฟ้ากลางมหาสมุทร "คนข้าง ๆ" หมอทักษ์หันไปมองคนที่กำลังสนใจอย่างอื่นมากกว่าตัวเขา แต่พอจังหวะม
ผมมองคนที่กำลังจ้องมองถาดอาหารของผมทั้งสีหน้าและท่าทางเหมือนคนที่กำลังร้องของในสิ่งที่ต้องการแต่เธอคงจะมีความเกรงใจอยู่ไม่น้อยเลยไม่กล้าขออีก"แลกกันไหมครับ" ผมถามเธอทันทีที่เห็นสายตาแบบนั้นรู้สึกเอ็นดูอาการที่แสดงออกมาของเธอ มันก็น่ารักดีนะครับ สกาวรีบพยักหน้าตอบรับทันทีอย่างไม่ต้องคิด "แลกค่ะ" น้ำเสียงตอบกลับมีความรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยที่เธอได้รับในสิ่งที่ต้องการ "ครับ" หมอทักษ์ค่อย ๆ ยกอาหารของเขาให้เธอ "ขอบคุณนะคะ" สกาวมองหน้าคุณหมอที่กำลังสลับสับเปลี่ยน อาหารที่อยู่บนโต๊ะกล่าวขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มหวานจนทำให้คนได้รับบาดใจจนใจสั่นทุกครั้ง "อืม ครับ" มองทักษ์ก็เริ่มลองทานในสิ่งที่หญิงสาวชอบ ก็พอได้นะสำหรับอาหารฟาสฟู๊ดของเธอคนรักสุขอย่างคุณหมอก็ต้องมีหลุดลุคบางใครบางเวลาที่จำเป็น โดยเฉพาะต่อหน้าหญิงสาวที่ทำให้เขาใจสั่นโดยไม่รู้ตัวว่าเกินขึ้นตั้งแต่ตอนไหน ..เมื่อทั้งสองร่วมรับประทานอาหารเสร็จก็พากันกลับขึ้นห้องพักเลย ทั้งยังมีอาหารที่แทบจะไม่ได้แตะต้องเอาให้พนักงานบริการหรือผู้ช่วยในห้องอาหาร เอาไปห่อมาให้อีก สามสี่ถุง "อยากทำอะไรอีกไห
"หืมคนเยอะมากเลยค่ะ มอง ๆ เข้าไปในร้านแล้วดูอึดอัดอยู่นะ" สกาวที่ถูกหมอหนุ่มขอร้องให้นั่งรถเข็นวีแชร์ บ่นทั้งเงยหน้ามองคนที่คนซัพพอร์ตด้วยการเข็นรถให้เธอ "ครับ ปกติคนก็เยอะอยู่แล้วแบรนด์ใหม่พึ่งเข้าและกำลังดังมาก สินค้าตัวใหม่มักจะได้ขึ้นโชว์บนเรือสำราญก่อนจะถูกนำไปวางจำหน่ายในห้าง" หมอทักษ์มองกระเป๋าแบรนด์ดังราคาหลักหมิ่นที่ครองตลาดในช่วงนี้ และทางแบรนด์มักจะส่งมันมาให้ตั้งโชว์สินค้าและขายลองตลาดภายในเรือสำราญที่มีห้างขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีสินค้าหลาย ๆ ส่งมาไม่ต่างกัน เพราะนักท่องเที่ยวของเนืองสำราญจะเป็นกลุ่มใหญ่และเฉพาะเจาะจง ชนชั้นได้ดีกว่าห้างสรรพสินค้าทั่วไป "จริงเหรอคะ" หน้าตาตื่นเต้นต่อการรับรู้เรื่องใหม่ ๆ ทำให้สกาวอยากเข้าไปมองและชมสินค้าด้านในแต่ติดที่คนเยอะจนดูเหมือนจะแออัดเกินไป "จริงครับ ลองเข้าไปดูอีกร้านก็ได้ หรูกว่าราคาดีกว่า ซื้อมาไว้ใช้หรือไว้โชว์ก็ไม่เสียหาบยนะครับ" เขาเลื่อนวีลแชร์พาเธอเดินเข้าไปในร้านที่เรียบหรูและดูเหมือนว่าจะแพงกว่าร้านอื่น ๆ "สัวสดีครับ" พนักงานตอนรับเข้าชาร์จและบริการลูกค้าตามที่ได้อบรมมาก่อนที่ทางเจ้าของแบรนด์
ผ่านมาสองชั่วโมง ทั้งสองคนก็เผลอหลับไหลไปโดยไม่รู้ตัวร่างกายกอดก่ายกันมอบความอบอุ่นบนเตียงนอน เสียงลมหายใจแผ่วเบาและคลื่นทะเลอันมืดหม่นและเงียบสงบกลมทั้งสองให้หลับสบายได้เป็นอย่างดี ..ก๊อก ๆ ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้หมอทักษ์จำใจต้องตื่นขึ้นมาและมองคนที่หลับสนิท ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูห้องดู "อ่าหารเช้าที่สั่งให้เตรียมไว้เมื่อวานมาเสิร์ฟครับ" พนักงานบอกกลับคนที่เปิดประตูห้องออกมาเจอเขา "ขอบคุณ" หมอทักษ์รับอาหารมื้อเช้าที่เขาบอกกับพ่อครัวไปเมื่อวานให้นำมาส่งที่ห้องเพราะไม่สะดวกออกไปรับประทานพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ผมมองคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแม้ว่าคลื่นลมในยามเช้าจะแรงมากกว่าช่วงสาย แต่น้ำทะเลกลับนิ่งสงบ "สกาวครับ สกาวตื่นได้แล้วอาหารเช้ามาส่งแล้วนะ" หมอทักษ์เดินเข้าไปนั่งบนเตียงพร้อมเรียกคนที่หลับสนิทให้ตื่นขึ้นมาทานข้าว มือก็สัมผัสหน้าท้องที่นู้นขึ้นมาตามไตรมาสแต่อาจจะใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปเพราะเป็นเด็กแฝด "อืมอย่าพึ่งกวนนะคะ ขอนอนต่อ" สกาวยังคนนอนเซานัวเนียอยู่บนเตียง "ครับ" เขามองคนที่นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนและให้เธอได้พักผ่อน