ตอนที่12 คนเก่ง
เช้าวันจันทร์แสนวุ่นวายของชีวิตคนในเมือง เด็กสาวตื่นแต่เช้าตรู่อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียนหนังสือ ณิชาใช้เวลาไม่นานมากนักในการจัดการธุระส่วนตัวของเธอ เพราะเป็นวันแรกของสัปดาห์แน่นอนว่ารถบนท้องถนนย่อมต้องติดยาวเป็นหางว่าวแน่ หญิงสาวจึงไม่มีเวลามากพอที่จะทานข้าวเช้าเพราะต้องรีบไปเรียน
ณิชานั่งรอรถประจำทางสายที่จะผ่านหน้าคอนโดตรงป้ายรถเมล์ ดีว่าที่พักที่ซันเดย์เลือกให้เธอนี้ค่อนข้างสะดวกสบายเรื่องการเดินทางไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ รถไฟฟ้า หรือรถเมล์ แต่ส่วนมากเธอเลือกที่จะเดินทางด้วยไฟฟ้ามากกว่าเพราะประหยัดค่าใช้จ่ายและเลี่ยงรถติดในชั่วโมงเร่งด่วน ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่างเช่นวันนี้เธอจะไม่นั่งแท็กซี่เพราะอนาคตไม่แน่นอนเธอจึงไม่อยากประมาทเรื่องการใช้เงิน
หลังจากเผชิญรถติดอยู่บนท้องถนนอยู่นานในที่สุดณิชาก็เดินทางมาถึงมหาลัยก่อนจะถึงเวลาเรียนเพียงแค่ 5 นาที และเพราะเป็นคาบที่ต้องมีการพรีเซนต์งานนักศึกษาต่างก็พากันเข้าคลาสเร็วกว่าปกติเพื่อจะเตรียมตัวพรีเซนต์งานที่อาจารย์สั่งและดูเหมือนณิชาจะเป็นคนสุดท้ายสำหรับการเดินเข้าคลาสในเช้านี้
“ทำไมมาช้าจังณิชา” มีญ่าและเจนด้าเพื่อนสาวในคลาสกระซิบกระซาบถาม
“รถติดมากเลยคิดว่าจะมาไม่ทันด้วยซ้ำ” ณิชาตอบกลับเพื่อนเสียงหอบเหนื่อยเพราะรีบเดินขึ้นห้องเรียนที่อยู่ชั้นสามเพราะตอนนี้ลิฟต์เต็มและต้องรอนาน
และในขณะที่นักศึกษาต่างพูดคุยกันอื้ออึงเต็มคลาส บ้างก็ซ้อมพรีเซนต์บ้างก็หันหน้าไปพูดคุยสอบถามกันเรื่องที่จะนำเสนอ ทันใดนั้นเสียงของอาจารย์ก็ดังขึ้น
“หวังว่าคงจะมาครบกันทุกคนแล้วนะครับ ถ้ามาครบแล้วผมจะให้เริ่มพรีเซนต์เลยนะจะได้ไม่เสียเวลา” กิตซึ่งเป็นอาจารย์ประจำวิชาในเช้านี้พูดพร้อมกวาดสายตามองนักศึกษาในคลาสของตนเอง
เพราะนักศึกษาในคลาสมีเกือบสี่สิบคน หากว่าจะให้เวลาในการพรีเซนต์มากไปก็กลัวว่าจะไม่สามารถพรีเซนต์ได้ครบคน แต่หากน้อยไปก็เกรงว่าจะจับสาระไม่ได้จนยากแก่การให้คะแนน กิตจึงแบ่งออกเป็นสองรอบ รอบละยี่สิบคน นั่นหมายถึงวันนี้จะมีนักศึกษาที่ต้องออกมาพรีเซนต์งานอยู่ยี่สิบคนและอีกยี่สิบคนในชั่วโมงหน้า
“วันนี้จะมีนักศึกษาต้องออกมาพรีเซนต์งานของตัวเองยี่สิบคน ผมจะใช้วิธีการสุ่มตัวเลขตามรหัสนักศึกษาและชื่อที่ถูกสุ่มเลือกทั้งหมดจะโชว์ที่หน้าจอ” กิตอธิบายกติกาที่ทุกคนยอมรับก่อนจะกดโปรแกรมสุ่มตัวเลข เมื่อโปรแกรมสุ่มหยุดลงตามมาด้วยเสียงฮือฮาของเหล่านักศึกษาในคลาส และหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของณิชาอยู่ที่ลำดับสุดท้าย
“ณิชา รายชื่อของเธออยู่ลำดับสุดท้ายของวันนี้พอดี รายงานเธอเสร็จหรือยัง” เจนด้าหันไปถามด้วยความเป็นห่วง
“เสร็จแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะออกมาดีหรือเปล่า” ณิชาตอบกลับสีหน้ากังวลเล็กน้อย
กิตเรียกนักศึกษาตามรายชื่อให้ออกมาพรีเซนต์งานตามหัวข้องานที่ได้ให้ไป แต่ละคนก็งัดเอาข้อมูลที่ตัวเองเตรียมไว้ออกมาพรีเซนต์ให้ทั้งอาจารย์และเพื่อนได้ฟังไปพร้อม ๆ กัน และสุดท้ายก็จบที่ณิชาสำหรับการพรีเซนต์ของคาบเรียนในเช้านี้
“ข้อมูลที่นำมานำเสนอวันนี้ไอ้ซันเป็นคนช่วยสอนให้หรือเปล่า” กิตเอ่ยถามในขณะที่ณิชานำไฟล์ต้นฉบับมาส่งที่อาจารย์หนุ่มหลังเลิกคลาส ขณะที่ทุกคนก็ทยอยเดินออกจากห้องกันไปเกือบหมด
“เปล่าค่ะ คุณซันไม่ได้สอนเลยค่ะและหนูเองก็ไม่ได้ถามเขาด้วยค่ะเพราะเห็นเขาดูเหมือนจะยุ่ง ข้อมูลที่หนูเอามาพรีเซนต์ในวันนี้ก็เป็นข้อมูลที่หนูค้นคว้าเองและทำความเข้าใจเองค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามจริงถึงแม้จะไม่รู้ผลคะแนนที่ตัวเองได้ก็ตาม
คำตอบที่ได้ทำให้กิตแปลกใจเพราะรายงานระดับนี้นักศึกษาปีหนึ่งไม่มีความสามารถทำได้ขนาดนี้
“หืม ค้นคว้าเองและทำความเข้าใจเองอย่างนั้นเหรอ” กิตหันมาถามย้ำ
“ใช่ค่ะ” ณิชาตอบอย่างมั่นใจ
“ผมเริ่มรู้สึกว่าคุณนี่ไม่ธรรมดาแล้วนะณิชา” กิตพูดพร้อมมองนักศึกษาสาวพ่วงตำแหน่งเด็กในปกครองของเพื่อนซี้อย่างพิจารณาอีกครั้ง
“ยังไงนะคะ” ณิชายังไม่เข้าใจในสิ่งที่กิตพูด
“คุณรู้ไหมว่าข้อมูลที่คุณหามารวมถึงการพรีเซนต์ตามความเข้าใจของคุณที่ออกมานั้นมันเป็นความคิดและมุมมองของนักธุรกิจคนหนึ่งเลยนะ ไม่ใช่นักศึกษาปี 1 อย่างที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้”
“อาจารย์ก็ชมเกินไปเดี๋ยวหนูก็ตัวลอยพอดีค่ะ”
แม้ว่านอกมหาลัยกิตและณิชาจะคุ้นเคยกันด้วยสถานะอื่นแต่เมื่ออยู่ในมหาลัยทั้งคู่จะวางตัวอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกียรติกันตามสถานะรวมถึงให้เกียรติสถาบัน แต่กระนั้นก็ไม่วายที่จะโดนข้อครหานินทาที่มาจากกลุ่มนักศึกษาด้วยกันที่คอยจับผิดทั้งสอง
ณิชาปรับตัวเข้ากับชีวิตในมหาลัยได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเธอจะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่พึ่งจะเข้ามาเมืองกรุง แต่เพราะเป็นคนที่ปรับตัวง่าย เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและมีความเฟรนด์ลี่จึงทำให้ณิชาไม่ลำบากในการปรับตัวมากนัก
“หมั่นไส้ยายณิชานะแกว่าไหมคงคิดว่าเป็นคนโปรดของอาจารย์กิตหรือไงถึงพยายามทำตัวดีกลัวเขาไม่รู้หรือไงว่าเป็นเด็กเส้นเด็กเสี่ย ตั้งใจเรียนทำคะแนนนำโด่งเกือบทุกวิชาคงจะอยากคว้าเกียรตินิยมมากลบเรื่องแย่ ๆ ของตัวเอง ที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่ก็คงเพราะเอาตัวเข้าแลกนั่นแหละถึงได้เรียน เด็กบ้านนอกแบบนั้นถ้าไม่เอาตัวเข้าแลกจะมีปัญญาหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเทอมแพง ๆ เผลอ ๆ คงจะเอาตัวแลกเกรดด้วยหรือเปล่าไม่รู้” เสียงนินทาจากเพื่อนในห้องที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของตึกดังพอที่จะให้ณิชาที่กำลังจะเดินผ่านหยุดฟังในสิ่งที่เกี่ยวกับตนเอง
“จริงเหรอแก นี่ฉันไม่รู้เลยนะว่ายายณิชาเป็นคนแบบนั้น เห็นซื่อ ๆ ใส ๆ”
“น้ำนิ่งไหลลึกแกไม่รู้จักหรือไงคำนี้ ซื่อ ๆ ใส ๆ นั่นแหละตัวดี ร้ายลึกจะตาย นี่ก็ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงไปเข้าตาอาจารย์กิต ดูสนิทสนมกันอย่างกับรู้จักกันมาก่อนทั้งที่พึ่งจะเข้าเรียน ปี 1”
“จะว่าไปถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถือว่ายายนั่นตาถึงนะแก อาจารย์กิตไม่ใช่แค่อาจารย์ประจำคลาสอย่างเดียวนะ แต่ยังเป็นถึงเจ้าของมหาลัย เป็นฉัน ฉันก็เอาค่ะหล่ออย่างกับพระเอกซีรีส์แบบนั้น” เสียงซุบซิบนินทายังคงยาวต่อเนื่องโดยคนที่นินทาไม่รู้ว่าคนที่พวกตนกำลังพูดถึงในบทสนทนานั้นได้ยินทุกถ้อยคำที่พูดออกมา
ณิชาตัดสินใจเดินถอยกลับออกมา ไม่คิดที่จะเดินผ่านกลุ่มคนที่นินทาเธอ และก็ไม่คิดที่จะเดินไปโต้แย้งในสิ่งที่ถูกนินทา เพราะสิ่งที่พวกหล่อนพูดนั้นมันก็เป็นความจริงทั้งหมด เธอขายตัวแลกเงินและความรู้ เธอใช้ร่างกายเป็นใบเบิกทางเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเอง แม้ความจริงมันจะเจ็บปวด แต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวที่เธอมีและเธอก็ตัดสินใจไปแล้ว
หญิงสาวเก็บความขมขื่นไว้ในใจลึก ๆ คนเดียว คนที่เกิดมาพร้อมทุกอย่างไม่มีวันรู้ว่าคนที่เกิดมาพร้อมกับความลำบากเป็นยังไง เธอจะไม่สนใจเสียงนกเสียงกาและจะไม่ให้ค่าคำคนที่ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเธอ
ช่วงเย็นมีการเรียกประชุมน้องปีหนึ่งจากรุ่นพี่ซึ่งต่างก็ได้รับความร่วมมือจากน้องปีหนึ่งเป็นอย่างดี เพราะเดี๋ยวนี้การรับน้องไม่ได้น่ากลัวเหมือนสมัยก่อน ตรงกันข้ามรุ่นพี่ต่างก็มีกิจกรรมให้รุ่นน้องทำและเป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นน้องกับรุ่นพี่เพื่อให้มีความสัมพันธ์ที่ดีในคณะ
และวันนี้รุ่นพี่ปีสองและปีสามก็มีเรื่องแจ้งให้รุ่นน้องปีหนึ่งทราบถึงกิจกรรมกีฬาสีของมหาลัยที่กำลังจะมีขึ้น รวมถึงเข้าทาบทามน้องปีหนึ่งไปร่วมทำกิจกรรมเดินขบวนกีฬาสี
และด้วยหน้าตาและรูปร่างที่เตะตาจึงทำให้ณิชาถูกทาบทามให้เป็นไม้คทาไม้หนึ่งซึ่งหญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธ เพราะถือว่าเป็นการให้ความร่วมมือกิจกรรมของมหาลัย
“ดีใจด้วยนะณิชาที่เธอได้เป็นคทามือหนึ่ง รู้ไหมว่ามีแต่คนอยากทำหน้าที่นี้เพราะหากโชคดีมีคนแชร์รูปจนไปเข้าตาแมวมองเผลอ ๆ ได้เป็นดาราเลยนะแก” มีญ่าพูดอย่างตื่นเต้นราวกับว่าเป็นตัวเอง
“จริงด้วยแก ว่าแต่แกก็สวยจริง ๆ แหละถึงถูกเลือกฉันสนับสนุนเอาให้เต็มที่ แต่หากไปเข้าตาแมวมองแล้วเกิดได้เป็นดาราขึ้นมาอย่าลืมฉันกับยัยมีญ่าล่ะ ฉันจองเป็นผู้จัดการส่วนตัว” เมื่อเจนด้าพูดจบทั้งณิชา มีญ่าและเจนด้าต่างก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันเหมือนเป็นเรื่องสนุกสนานมากกว่า แต่ทว่าก็มีเสียงซุบซิบนินทาที่เป็นพิษต่อชีวิตดังแว่วมาเข้าหู
“ที่ได้รับเลือกเป็นคทามือหนึ่งก็คงไม่พ้นเส้นสายอาจารย์กิตหรอกมั้งถึงได้ถูกเลือก หึ! ของเขาแรงจริง ๆ” ท่าทางเบะปากที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรของเพื่อนร่วมคลาสทำให้ณิชาต้องถอนหายใจหนัก ๆ ผิดกับมีญ่าและเจนด้าที่ตั้งท่าจะไปเอาเรื่อง
“อย่าเลย ช่างเขาเถอะมีเรื่องกับคนแบบนี้เสียพลังงานและเสียเวลาชีวิตเปล่า ๆ คิดเสียว่าเป็นเสียงนกเสียงกาก็แล้วกัน ถ้ามันไม่มากไปจนถึงขั้นมายืนด่าต่อหน้าก็อย่าไปสนใจเลย” ณิชาห้ามเพื่อนทั้งสองก่อนที่ทั้งสามจะร่ำลากันและแยกย้ายกันกลับหลังจากที่รุ่นพี่ได้พูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรมกีฬาสีเรียบร้อยแล้วและปล่อยน้องปีหนึ่งให้กลับบ้านได้
ณิชากลับมาบ้านและไม่ได้แจ้งให้ซันเดย์ทราบถึงเรื่องที่เธอถูกเลือกให้เป็นคทามือหนึ่งของงานกีฬาสีมหาลัยเพราะมันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงที่เธอทำไว้กับเขา
เธอมีสิทธิ์ใช้ชีวิตอิสระได้ตามใจยกเว้นข้อห้ามเรื่องใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นมากเกินไป และเรื่องตอบสนองเรื่องบนเตียงแก่ชายหนุ่มได้ตลอดเวลาเมื่อเขาต้องการ แต่ถึงแม้รายละเอียดในสัญญาจะไม่ได้ลงรายละเอียดยิบย่อยแต่คนอย่างซันเดย์ก็ไม่ได้ชอบที่จะให้คนของตัวเองทำอะไรโดยไม่บอกกล่าว แม้ว่าชายหนุ่มจะให้อิสระในการใช้ชีวิตกับเด็กสาวแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่แจ้งให้เขาทราบและครั้งนี้เด็กสาวเองก็ลืมนึกถึงข้อนี้ไป
ทางด้านณิชาที่รับปากรุ่นพี่เพราะคิดว่าไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไร เพราะกำลังตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ๆ ในรั้วมหาลัยที่กำลังเข้ามาในชีวิต โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องเล็กน้อยที่เธอคิด มันกำลังจะนำความเดือดร้อนมาให้เธอจากชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองของเธอ
ตอนพิเศษ 3เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมแสงแดดอ่อนที่สาดผ่านผ้าม่านบางเบาในห้องนอน ซันเดย์ยังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากเมื่อคืนที่เขาทุ่มพลังงานไปหมดทุกหยดเพื่อกิจกรรมสร้างครอบครัว แต่แทนที่ร่างกายจะได้พักเต็มที่ กลับต้องรู้สึกตัวตื่นเพราะความเคยชิน และความเงียบผิดปกติของเตียงข้างกายมือหนาควานหาคนรักอย่างเชื่องช้า ทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา แต่ความว่างเปล่าบนผืนเตียงกลับเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเมียตัวน้อยไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น กะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสลัวในห้อง ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาดิจิทัลที่หัวเตียง"ตีห้าห้าสิบแปด..." เสียงทุ้มสบถแผ่วเบาในลำคอ พร้อมขมวดคิ้วอย่างหัวเสีย“ตื่นไปทำบ้าอะไรแต่เช้าวะ...” เขาพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ ดันตัวลุกขึ้นช้า ๆ กล้ามเนื้อยังปวดระบมจากเมื่อคืน หัวคิ้วเข้มยังคงขมวดแน่น"เมื่อคืนยังทำท่าจะหมดแรงอยู่เลย ไม่รู้จักนอนพักให้เต็มอิ่มบ้างหรือไง..." น้ำเสียงขุ่นเคืองแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเขาเอื้อมหยิบเสื้อคลุมมาสวมลวก ๆ เดินเซ ๆ ออกไปทางประตู ระหว่างนั้นก็ยังบ่นกับตัวเองไม่หยุด เห็นณิชาใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นกำ
ตอนพิเศษ 2“ไปอาบน้ำกัน” ซันเดย์อุ้มณิชาในท่าเจ้าสาวเข้าไปในห้องน้ำ ค่อย ๆ วางหญิงสาวลงอย่างเบามือ ขาเล็กยังมีอาการสั่นพยายามยืนประคองตัวเองใต้ฝักบัว“ยืนไหวหรือเปล่า” ซันเดย์เอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นภรรยาตัวน้อยมีอาการขาสั่นเล็กน้อย“ไหวค่ะ”“ยืนเฉย ๆ ฉันอาบให้” ฝ่ามือหนาชโลมครีมอาบน้ำลงไปบนตัวหญิงสาว ค่อย ๆ ลูบไล้ทั่วตัวอย่างอ้อยอิ่ง“รีบอาบเถอะค่ะ มัวแต่ลูบอยู่นั่นแหละเมื่อกี้ยังกินไม่อิ่มหรือไง” เสียงเล็กดุออกไป ฝ่ามือหนากำลังนวดคลึงอยู่เต้าอวบต้องหยุดชะงัก“ถ้าตอบว่าไม่จะให้กินต่ออีกรอบหรือไง” ซันเดย์แกล้งโยนหินถามทาง“ได้ค่ะ แต่เสร็จจากนี้ช่วยไปเซนต์ใบหย่ากับหนูที่อำเภอด้วยนะคะ” ณิชาตอบกลับเสียงแข็ง“รีบอาบน้ำแล้วไปกินข้าวดีกว่านะ สายมากแล้วเธอคงจะโมโหหิว”“น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะคะ มัวแต่หื่นอยู่ได้ตั้งแต่เช้า” ณิชาว่ากลับ ซันเดย์รีบเปิดน้ำล้างตัวให้หญิงสาว ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกหยิบมาพันรอบตัวหญิงสาว จากนั้นอุ้มออกไปห้องแต่งตัวห้องอาหาร“มากันแล้วเหรอลูก แม่กำลังจะให้เตมินไปตามพอดีเลย เป็นไงบ้างเมื่อวานเหนื่อยไหม” สไมล์เอ่ยถามทั้งสองเมื่อเดินมานั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ โดยทุกคน
ตอนพิเศษ 1คืนส่งตัวเข้าหอเป็นคืนที่เหน็ดเหนื่อยมากที่สุดคืนหนึ่งของณิชา ครั้งสุดท้ายที่เธอดูนาฬิกาคือเวลาเที่ยงคืน หลังจากนั้นเธอทำได้เพียงร้องครางออกมาแค่นั้น“คุณไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนคะ หนูจะไม่ไหวแล้วนะคะ” หญิงสาวบอกเจ้าบ่าวหมาด ๆ ของเธอออกไปเสียงเหนื่อยอ่อน“หนึ่งปี ฉันอดอยากมาหนึ่งปีเต็ม” เสียงเข้มตอบกลับขณะที่สะโพกสอบยังขยับเข้าออกไม่หยุด“หนูยังอยู่เป็นเมียคุณอีกนานนะคะ” ณิชาไม่รู้จะหาคำไหนมาบอกชายหนุ่มให้เข้าใจ“เสร็จครั้งนี้ฉันจะปล่อยให้นอนพัก”“นอนพัก คุณยังจะทำต่ออีกเหรอคะ” ณิชาถึงกับต้องทวนคำพูดของซันเดย์อีกครั้ง“ฉันยังไม่อิ่ม อ่าส์..”“หนูสามารถตายได้เลยนะคะ ถ้าคุณจะใช้งานร่างกายหนูหนักขนาดนี้”“แค่นอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกแรงอะไร และฉันเป็นหมอฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก ถึงจะตายคาอกฉันก็ตาม” ซันเดย์ยังเมินเฉยต่อคำขอร้องของณิชา ขณะที่นอนพักเหนื่อยอยู่ฝ่ามือหนาไม่วายบีบจับตามตัวของเธอ“หนูให้คุณทำอีกแค่ครั้งเดียวนะคะ ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุดพรุ่งนี้เราไปอย่ากันที่อำเภอ” ณิชาจำต้องขู่ชายหนุ่มออกไปแบบนั้น เพราะแขนขาเธออ่อนแรงและสั่นเทา คอแหบแห้งเพราะครวญครางมานานต่อกันหลายชั่วโมง“เ
ตอนที่49 งานแต่งในฝัน“ตกลงค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”“อื้อ..” ร่างบางถูกอุ้มลอยขึ้นจากพื้นถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือชุดนอนตัวบางถูกถอดออกด้วยฝีมือของชายหนุ่ม อกอวบนุ่มเด้งสีขาวเนียน ยอดอกสีชมพูเข้มชูชันยั่วยวนอยู่ตรงหน้าจ๊วบ!“อือ..คิดถึง ตรงนี้ก็ของฉัน จ๊วบ! ตรงนี้ก็ของฉัน ร่างกายเธอเป็นของฉัน” เสียงกระเส่าพร่ำบอกขณะที่ลิ้นสากโลมเลียไปทั่วร่างกาย“อื้อ..คุณ” ณิชาร้องเสียงหลงเมื่อลิ้นสากลากผ่านตรงกลางกลีบอวบนูนจากล่างขึ้นบน ไปหยุดที่ตรงติ่งเกสร“ตรงนี้เธอแฉะหมดแล้ว จ๊วบ” ซันเดย์ตวัดลิ้นเลียตรงรูแคบที่ปิดสนิทเพราะไม่ได้ใช้งานมานานอย่างไม่นึกรังเกียจ ดูดเลียน้ำหวานที่ไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย“ฉันจะสอดนิ้วเข้าไปแล้วนะ” ซันเดย์เอ่ยบอกหญิงสาว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาสอดเข้าไปไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะเจ็บหรือตกใจหรือไม่“อื้อ..คุณ หนูเสียว มันเสียวมากหนูจะทนไม่ไหว ขยับที” ทันทีที่นิ้วเรียวสอดเข้าไปจนสุด สะโพกกลมมนก็บิดเร้าด้วยความเสียว ช่องทางคับแคบขมิบตอดรัดนิ้วถี่ขึ้นเรื่อย ๆ“อื้อ..เร็ว ๆ หนูต้องการเร็ว ๆ” ณิชาร้องขออย่างไม่นึกอายเมื่อโดนความเสียวซ่านครอบงำแจ๊ะ! แจ๊ะ! แจ๊ะ!“อือ..อ่าส์”“ฉันขอใส
ตอนที่48 ขอแต่งงาน“ช่วยด้วย ช่วยด้วย คนเป็นลม” เสียงตะโกนดังลั่นมาจากหลังซอยด้านใน สายตาคมมองขวับตามสัญชาตญาณความเป็นหมอตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของทั้งสองวิ่งไปทิศทางที่คนมุงอยู่ด้วยความเร็ว“ขอทางหน่อยครับ ผมเป็นหมอ” เสียงเข้มพูดขึ้นเดินแทรกเข้าไปหาคนป่วยที่นอนเป็นลมหมดสติอยู่บนพื้น โดยมีผู้เป็นสามีนั่งประคองศีรษะหนุนไว้ที่ตักพรึบ!แจ็กเกตราคาครึ่งแสนถูกถอดออกและปูลงกับพื้นไม่กลัวเปื้อนแม้แต่น้อย“วางศีรษะคนป่วยนอนราบกับพื้นครับ เอากระเป๋ามารองเท้าให้ยกสูงขึ้น” ซันเดย์จัดการทุกอย่างด้วยความชำนาญ มือหนาคลำชีพจรที่คอเมื่อรับรู้ว่าชีพจรคนป่วยนั้นเริ่มเต้นอ่อนจึงรีบคลายเสื้อเพื่อให้หายใจสะดวกและเช็กชีพจรเป็นระยะระหว่างที่รอรถพยาบาลมาถึง“ณิชาโทรเรียกรถพยาบาล ทุกคนอย่ามุงครับคนป่วยไม่มีอากาศหายใจช่วยถอยออกไปก่อนครับ”“ถอดรองเท้าคนป่วยออกให้หมด ใครมีน้ำเปล่าบ้างครับ” ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กสีเทาเข้มถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง น้ำเปล่าถูกเทราดจนเปียกชุ่ม และเช็ดบริเวณต้นคอและตามใต้ข้อพับของคนป่วยปี๋ปอ ~ ปี๋ปอ ~ ปี๋ปอ ~“ขอทางให้เจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรถฉุกเฉินเดินเ
ตอนที่47 ไฮโซขายผักที่ว่างเปล่าผืนใหญ่แปลงติดกับบ้านณิชาถูกกว้านซื้อโดยเศรษฐีหนุ่มจากกรุงเทพฯ และในช่วยบ่ายวันเดียวกันบ้านน็อกดาวน์พร้อมเข้าอยู่ก็ถูกยกมาติดตั้งและเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาติดตั้งหม้อไฟและเดินสายเมนเข้าบ้านให้เรียบร้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นถูกติดตั้งทั่วทั้งหลังพร้อมเข้าอยู่ภายในหนึ่งวัน จนชาวบ้านแถวนั้นต่างตะลึงที่ซันเดย์สามารถเนรมิตบ้านหนึ่งหลังขึ้นมาได้ภายในวันเดียว“โอ้โห คนมีเงินเขาสามารถเนรมิตได้ทุกอย่างจริง ๆ” เสียงของชาวบ้านในหมู่บ้านที่มายืนดูบ้านหลังใหม่ของซันเดย์ที่มีขนาดไม่เล็กมาก ถ้าเทียบกับบ้านของชาวบ้านแถวนี้บ้านของชายหนุ่มนั้นดูใหญ่กว่าด้วยซ้ำ“ได้ข่าวว่าที่แปลงนั้นยี่สิบกว่าไร่เขากว้านซื้อคนเดียวหมด แถมให้ราคาสูงกว่านายทุนที่มาขอซื้อวันก่อนหลายเท่าตัวเลยนะ”“ใช่สูงกว่าราคากลางที่กรมที่ดินประเมินให้ด้วย พ่อหนุ่มคนนั้นไม่ได้เป็นเศรษฐีหน้าเลือดเหมือนพวกนายทุนที่มากว้านซื้อที่ดินเพื่อเอาไปเก็งกำไรขายต่อเลย”“ใช่ ๆ ๆ เขายังบอกอีกว่าจะซื้อที่ดินแปลงนี้ไปทำฟาร์มผักปลอดสารพิษและจะจ้างพวกเราไปทำงานในฟาร์มอีกด้วยนะ” เสียงของชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าชายหนุ่