Masukเสียงสะอื้นดังออกมาเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนข้างนอกได้ยิน หยาดน้ำตาใส ๆ ที่ไหลออกมานั้น มันเป็นสัญลักษณ์ของความเสียใจ ที่เธอต้องกลายเป็นผู้หญิงของปรเมศอีกครั้ง ทั้งที่ห่างหายไปหลายปี ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกกับเธอ
ใบหน้าของลูกสาวลอยเข้ามา ยังดีที่ฝากมิราไว้กับเนเน่ ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงห่วงหน้าพะวงหลังจนเสียสติไปแล้ว ป่านนี้มาลิคคงเตรียมตัวพาลูกสาวของเธอเดินทางไปโรงเรียนแล้ว ถึงแม้ค่ำคืนที่ผ่านมาอาจดูเลวร้ายไปบ้าง อย่างน้อยก็ถือว่าโชคดีที่เธอไม่ได้เสียตัวให้กับผู้ชายอย่างอาจารย์สุชาติ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงคนเคาะประตูหน้าห้องน้ำดังขึ้น จึงทำให้เขมมิกาหันมาจัดการกับตัวเอง เธออาบน้ำล้างตัวด้วยความรีบเร่ง เพราะอยากไปให้พ้นจากผู้ชายอย่างศาสตราจารย์ปรเมศเต็มที
“เขม! คุณเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเงียบไป” น้ำเสียงทุ้มแฝงไปด้วยร่องรอยของความห่วงใย ทว่าคนที่อยู่ข้างในกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นดีใจแม้แต่น้อย
เขมมิกาหยิบชุดที่เคยเป็นของเธอมาสวมใส่ ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างศาตราจารย์ปรเมศจะยังคงเก็บเอาไว้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเขาและเธอได้หย่าขาดจากกันไปนานแล้ว
“ขอโทษค่ะ พอดีฉันพยายามขัดตัวให้สะอาด เพราะไม่อยากให้สิ่งสกปรกเกาะติดร่างกาย” หญิงสาวเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา พลางใช้ถ้อยคำเหน็บแนมอีกฝ่ายอย่างจงใจ
“คุณโกรธเหรอที่เมื่อคืนเป็นผม” ครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขมมิกาได้เห็นอดีตสามีของเธอ เอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกมาระคนกำลังน้อยใจ
“ฉันมีสิทธิ์โกรธคุณด้วยเหรอคะ”
“ผมรู้ว่าผมผิดที่ใช้วิธีแบบนี้ เพื่อช่วยให้คุณพ้นจากการทรมาน ยานั่นมันแรงเกินไป ผมไม่มีทางเลือกอื่นที่จะทำให้คุณหลุดพ้นจากฤทธิ์ของยาได้เลย”
“ช่างมันเถอะค่ะ ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ช่วยฉัน”
หมับ!! เขาเดินไปคว้าแขนเล็กเรียวเอาไว้ เมื่อเห็นเธอเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายเตรียมตัวเดินออกไปจากห้องนี้
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอพูดพลางปรายหางตามองมือที่เขาจับแขนเธอเอาไว้ ซึ่งศาตราจารย์ปรเมศรีบปล่อยอย่างไว เพราะกลัวเขมมิกาไม่พอใจ
ทำให้หญิงสาวแปลกใจไม่น้อย ผู้ชายคนที่เคยทำร้ายจิตใจเธอหายไปไหน ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปราวกับพระอาทิตย์กับดวงจันทร์จากกลางวันเป็นกลางคืน
“ข้างนอกนทีบอกว่ามีนักข่าวมาดักรออยู่หน้าประตู ยังไงเช้านี้เราสองคนคงต้องทานอาหารด้วยกัน มาสิผมสั่งไว้รอแล้ว” เขาพูดพลางเดินออกไปยังห้องอาหาร ซึ่งถูกจัดเอาไว้เป็นสัดส่วนสำหรับลูกค้าวีไอพี
เขมมิกากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เธอเดาได้ทันทีว่าห้องนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหกหลักอย่างแน่นอน การตกแต่งเลิศหรูดูแพง นี่สินะห้องสวีทที่สาว ๆ ใฝ่ฝัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่วันนี้ทำไมรู้สึกปวดใจจนน้ำตาคลอ
“คุณทานไปก่อนเลยค่ะ พอดีว่าฉันไม่หิว” ยิ่งเห็นความเฉยชาศาสตราจารย์หนุ่มก็ยิ่งอยากเอาชนะเธอ
“อาหารเช้าสำคัญที่สุด ผมสั่งให้นทีไปหาซื้อทอดมันปลากราย เมนูโปรดของคุณมาให้ด้วยนะ จะไม่ลองชิมดูหน่อยเหรอ”
“เมื่อก่อนฉันอาจจะเคยชอบกิน แต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้วค่ะ” เธอยืนกอดอกปฏิเสธอีกฝ่ายออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ประหนึ่งคนแปลกหน้าที่ไม่อยากสนทนากับเขาสักเท่าไหร่นัก
“อย่าดื้อสิ มานั่งก่อน” เขาไม่พูดเปล่าได้ลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาโอบไหล่เขมมิกา ก่อนจะรั้งให้เธอไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
“ปล่อยค่ะ”
“ถ้าคุณยังดื้อ อย่าหาว่าผมใจร้ายนะเขมมิกา”
“คุณจะทำอะไรฉันเหรอค่ะ”
“แล้วคุณคิดว่าผมทำอะไรได้บ้างล่ะ... หืม” เขาพูดพลางจ้องหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา เธอเกลียดสายตาเจ้าเล่ห์ของเขา กับท่าทียียวนกวนประสาทแบบนี้ “คุณบ้าอำนาจไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
“ใช่แล้ว.... ผมไม่เคยเปลี่ยนและไม่คิดจะเปลี่ยนอีกด้วย” เขาพูดพลางส่งสายตามองเธอเป็นประกาย ราวกับกำลังสื่อความหมาย ให้อีกฝ่ายได้รู้ถึงความในใจ ทว่าหญิงสาวกลับเลือกที่จะเมินเฉย
“ฉันคิดว่านักข่าวคงกลับกันหมดแล้ว ฉันขอตัวนะคะ”
“หยุด!” น้ำเสียงวางอำนาจดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทำให้เขมมิกาถึงกับชักสีหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ
“คุณรั้งฉันไว้ไม่ได้หรอกค่ะ แล้วอย่าคิดว่าฉันจะยอมเป็นเบี้ยล่างของคุณ ที่ผ่านมาฉันได้รับบทเรียนอย่างแสนสาหัส จนไม่อยากนึกถึงฝันร้าย ผู้หญิงอย่างฉันเจ็บแล้วจำ”
“พูดพอหรือยัง!” ในที่สุดศาสตราจารย์หนุ่มก็อดที่จะใช้น้ำเสียงดุเธอไม่ได้
“ค่ะ!” เขมมิกาตอบกลับไปด้วยประโยคสั้น ๆ ทว่าน้ำเสียงของเธอนั้นกระแทกโกรธขึ้งออกมาเบา ๆ
“ก็ดีลงมือทานข้าวได้แล้ว”
“ฉันจะกลับไปกินที่บ้านค่ะ”
“ทำไมกินกับผมที่นี่คุณกลืนไม่ลงเลยเหรอ หรือว่าลิ้นไม่รับรสอาหารที่ผมตั้งใจสรรหามาให้คุณ” นิสัยของศาสตราจารย์ปรเมศก็เป็นซะแบบนี้ ปากร้ายสุด ๆ แต่ลึก ๆ แล้วไม่มีอะไร เพราะหัวใจของเขามันยังคงเป็นเขมมิกาเหมือนเดิม
“ก็ได้! ฉันจะกินอาหารพวกนี้ให้หมด ดูซิว่าคุณจะหาข้ออ้างอะไรที่สมเหตุสมผล พอที่จะทำให้ฉันไม่ไปจากคุณ” พอพูดจบเขมมิกาก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารทันที
เธอไม่แม้จะเงยหน้าไปมองอีกฝ่าย ปล่อยให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับท่าทีมูมมามของเธอ หญิงสาวที่เคยเรียบร้อยอ่อนหวาน บัดนี้ได้กลายร่างเป็นกบฏจอมพยศไม่มีใครเกิน
เขาปล่อยให้เธอกินทุกอย่างจนเกลี้ยง โดยที่ไม่ปริปากพูดสักคำ ทำเอาเขมมิกาแทบอาเจียนออกมา เพราะเธอกินเข้าไปเยอะเกินอัตรา ทว่าหญิงสาวกลับแสร้งทำเป็นอวดเก่ง
“กินหมดแล้ว ฉันกลับได้หรือยัง”
“เชิญ”
“ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารเช้า”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะฉันขับรถมาเองก็ขับกลับเองได้”
“รถของคุณเดี๋ยวให้นทีขับตามไป ตามผมมาทางนี้ ถ้าไม่อยากเจอกองทัพนักข่าว” เขมมิกายืนชั่งใจมองตามแผ่นหลังของชายตัวโต สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเดินตามเขาออกไปอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศเรียกเขมมิกาไปพบเขาที่ห้อง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปทำกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปี ทว่าในปีนั้นต้องขึ้นดอย เพื่อนำอุปกรณ์กีฬารวมทั้งเครื่องเขียนต่าง ๆ ไปมอบให้กับทางโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ “ที่ผมเรียกคุณมาพบ เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าเดี๋ยวผมจะขับรถไปรับที่บ้าน” “บุคลากรในมหาลัยมีตั้งมากมายทำไมต้องเป็นฉันล่ะคะ” หญิงสาวชักสีหน้าใส่เขาด้วยความไม่พอใจ“มันเป็นระเบียบของทางมหาลัย อาจารย์คนใหม่ต้องไปช่วยสังคมกับผม” “ใช้ตรรกะอะไรคะเนี่ย บ้าชัดๆ” เขมมิการู้ดีว่าเธอกำลังถูกมัดมือชก ทว่าศาสตราจารย์หนุ่มกลับแสยะยิ้มร้าย เมื่อเขากำลังต้อนให้เธอจนมุมได้ “คุณกลับไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า” “ใครบอกว่าฉันจะไปกับคุณ” ความพยศของเขมมิกายังคงแสดงทีท่าไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาง่าย ๆ“ที่นี่ผมคือผู้บริหารสูงสุด ถ้าคุณกล้าปฏิเสธจะฉีกสัญญาทิ้งก็ได
เวลาผ่านไปคนทั้งคู่ได้กลับมาถึงคอนโดมิเนียมหรู พอเดินเข้ามาในห้องนอนเนเน่ตัดสินใจถามมาลิคเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นั้นอีกครั้ง ซึ่งพ่อบุญธรรมของเธอคงกำลังกลัดกลุ้มใจ ส่วนมาลิคเองก็เสียผลประโยชน์อยู่เช่นกัน “คุณไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ” “พวกเขาเคยทำอะไรไว้กับคุณบ้าง ผมจะเป็นคนตามคิดบัญชีให้คุณเองเนเน่” ครานี้ดวงตาของมาลิคแฝงไปด้วยร่องรอยเย็นเยียบจนชวนให้หนาวสะท้าน รอบกายแผ่รังสีคุกคามอำมหิตออกมา เมื่อเขาโกรธแค้นคนในบ้านหลังนั้นแทนภรรยา “คุณคือสามีแห่งชาติชัด ๆ” หญิงสาวพูดพลางเขย่งปลายเท้า ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้าไปกดจูบชายหนุ่มด้วยความดูดดื่ม เมื่อคนตัวเล็กเปิดโอกาสให้เขาได้สัมผัสกับรสจูบแสนหวาน มาลิคไม่รอช้าเขาตอบสนองเธอด้วยความเต็มใจ ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเธอ “อืม... อื้อ
ณ ห้องอาหารสุดหรู เนเน่เดินเข้ามาพร้อมกับมาลิค ทว่าสามีของเธอเจอเพื่อนเก่าพอดี จึงให้หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในก่อน เพราะเขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเพื่อนสักครู่ พอหญิงสาวเดินเข้ามาถึง เธอถึงกับชะงักเมื่อเห็นสองพ่อลูกกำลังพูดถึงท่านประธานหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นสามีของเธอ ซึ่งดูเหมือนทับทิมกำลังคิดจะเป็นศัตรูหัวใจกับเนเน่อย่างไม่รู้ตัว “คุณมาลิคทั้งหล่อทั้งรวยเขาโสดแน่นะคะ ทับทิมแอบปลื้มเขามานาน คุณพ่อคิดว่าคุณมาลิคชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอคะ” หล่อนจีบปากจีบคำตั้งคำถามกับบิดาอย่างไม่มีท่าทีเขินอายเลยสักนิด “พ่อได้ข่าวว่าคุณมาลิคเพิ่งมารับช่วงต่อจากประธานคนเก่า แต่ก็ไม่เคยได้ยินคนวงในพูดถึงภรรยาเขาเลยนะ” นายประจักษ์นักธุรกิจผู้มั่งมั่งกล่าวถึงอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม เขายังแอบคิดในใจอยากได้มาลิคมาเป็นลูกเขยอีกด้วย
เมื่อสองแม่ลูกกลับไป เขมมิกาพยายามคิดหาทางพูดกับศาสตราจารย์ปรเมศ เธอไม่อยากให้เขาได้เข้าใกล้มิรา ทว่าที่ฟังจากลูกสาวเล่ามานั้น เขามีอิทธิพลต่อจิตใจของลูกสาวเธอไปแล้ว คุณลุงข้างบ้านที่มิราพูดถึงบ่อย ๆ ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง “คิดจะเปิดศึกคงอยากเล่นสงครามประสาทกับฉันสินะศาสตราจารย์ปรเมศ” คราวนี้เขามิกาพูดพลางกำหมัดแน่น ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินตรงไปที่บ้านของเขาทันที “คุณพ่อขา...อันนี้ล่ะคะ” “มาเดี๋ยวพ่อช่วยนะ” สองพ่อลูกกำลังช่วยกันสร้างปราสาทเจ้าหญิง ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศจะมีมุมอ่อนโยนละมุนขนาดนี้ เมื่อมาถึงบ้านของคู่กรณี เขมมิกายืนมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาสุดแสนเจ็บปวด เธอไม่อยากทำลายความรู้สึกของมิราที่มีต่อเขา แต่จะให้ปล่อยผ่านไปได้อย่างไร ในเมื่อศาสตราจารย์หนุ่มเป็นคนออกคำสั่งให้เธอกำจัดมิราด้วยตัวเอง
หลังจากการวางยาเขมมิกาไม่สำเร็จ ทำให้รองอธิการฐานินโกรธมาก เขาไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยอาจารย์สุชาติ ปล่อยลอยแพเขาไปกับโชคชะตาแสนโหดร้าย “ท่านจะไม่ช่วยเขาจริง ๆ เหรอครับ” มือขวาของชายสูงวัยเอ่ยขึ้น หลังจากรู้ว่าอาจารย์สุชาติกำลังจะถูกส่งตัวออกนอกประเทศ “มันทำงานไม่สำเร็จก็สมควรโดนแล้วไม่ใช่เหรอ” “แต่เขายังมีภรรยากับลูกชายเพิ่งคลอดได้ไม่ถึงเดือนนะครับท่าน” “พูดแบบนี้หรือว่าแกอยากเป็นคนถูกส่งออกนอกประเทศเสียเอง” “ปะ... เปล่าครับท่าน” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธออกไปทันควัน เพราะไม่เช่นนั้นเขาอาจโดนหางเลขไปด้วย“คุณพ่อขา... วันนี้ญาไปหาศาตราจารย์ปรเมศ แต่ก็ไม่เจอถามแม่บ้านก็ไม่ได้คำตอบ ญาโทรหาเขาจนสายจะไหม้เขากลับไม่รับสาย สรุปแล้วเขาเห็นญาเป็นตัวอะไรคะคุณพ่อ” ญานินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นบิดา พลางบีบน้ำตาร้องไห้ออกมา เมื่อผู้ชายที่หมายปองไม่ยอมแม้แต่จะกดรับสายหล่อน “เขาคงยุ่งอยู่น่ะ”
ณ เวลานี้ มาลิคกำลังวุ่นวายอยู่กับงานที่บริษัท จึงทำให้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปส่งสาวน้อย หน้าที่นี้จึงต้องตกไปอยู่กับภรรยาของเขา หลังจากไปส่งมิราที่โรงเรียน เนเน่ขับรถตรงมายังบริษัทที่เพิ่งรับเธอเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยนักออกแบบ ซึ่งมีบรรจุภัณฑ์หลากหลายชนิดให้เลือก บรรดาลูกค้าต่างไว้วางใจในความประณีตและใส่ใจของนักออกแบบ ซึ่งเนเน่ไม่รู้ว่าประธานบริษัทคือมาลิค เธอไม่สงสัยเขาเลยสักนิด เพราะคิดว่าชายหนุ่มเป็นเพียงพนักงานบริษัท ตำแหน่งของเขาคงไม่ใหญ่โตอะไร แน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจ เพราะหญิงสาวรักเขาที่เป็นมาลิคไม่ใช่ชื่อเสียงเงินทอง “เนเน่ทำไมมาช้าจัง ผมรอคุณอยู่ตั้งนาน” “อ้าว! ทำไมไม่ขึ้นไปก่อนล่ะคะ” “ผมขึ้นไปแล้ว แต่ก็กลับลงมารอคุณมิรางอแงไหม” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ให้กับการเอาใจใส่ของสามี เขานั้นช่างแสนดีเป็นเทพบุตร







