LOGINวันนี้เขมมิกาออกมาจากบ้าน เพราะเธออยากพบมาลิค เพื่อเตรียมเอกสารก่อนเดินทาง เธออยากไปเรียนต่อปริญญาเอกอีกด้วย หญิงสาวไม่อยากใช้เวลาอยู่ที่เมืองไทยอีกแล้ว เธอพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง มันคงพอทำให้เธอกับลูกได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้
ทว่าในเวลานี้ปรเมศได้ผ่านมาที่ร้านอาหารพอดี เขากำมือแน่นด้วยความโกรธ ก่อนจะคิดหาทางแอบฟังคนทั้งคู่สนทนากัน เขาใช้เวลาไม่นานเครื่องดักฟังถูกนำไปวางที่โต๊ะอาหารทันที
เพราะชายหนุ่มรู้จักกับเจ้าของร้าน เขาแอบติดเครื่องดักฟังไว้ที่แจกันดอกไม้ ก่อนจะสั่งให้พนักงานนำไปเปลี่ยนกับอันเดิม ซึ่งเขมมิกากับมาลิคก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะคิดว่าทางร้านคงอยากสร้างบรรยากาศน่ารับประทานอาหารมากขึ้น
“ผมดีใจนะครับที่คุณเขมตัดสินใจจะไปกับผม”
“เขมจะรีบหาทางหย่ากับเขาให้เร็วที่สุดค่ะ”
“เรื่องลูกคุณเขมไม่ต้องห่วง ผมจะทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มความสามารถ เขาจะไม่รู้สึกขาดหายอย่างแน่นอน คุณต้องดูแลตัวเองให้ดี คนท้องเรื่องสุขภาพสำคัญมาก สุขภาพจิตก็สำคัญไม่แพ้กัน คุณจะทำอะไรก็นึกถึงเด็กในท้องให้มาก ๆ เข้าใจไหมครับ”
เขมมิกาแอบกังวลใจ เนื่องจากหญิงสาวไม่ได้รู้สึกกับชายหนุ่มมากกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป เพราะกลัวมาลิคจะเสียใจ ที่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจให้เธอกับลูก
“เข้าใจค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณเขม ผมเพิ่งเข้าใจการที่เราจะได้เป็นพ่อคนมันตื่นเต้นแค่ไหน”
“เขมก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ”
บทสนทนาของคนทั้งคู่ไม่ต่างจากใบมีดกรีดลงกลางใจปรเมศ เขาเกลียดที่สุดคือเรื่องนี้ หลังจากที่มารดาของเขาถูกทำร้ายจิตใจอย่างหนัก ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาตกที่นั่งเดียวกับผู้ให้กำเนิด
“เขมมิกา! คุณต้องได้ชดใช้” เขาสบถออกมาด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ในใจอยากประกาศออกไป ให้โลกได้รู้ถึงการกระทำของผู้เป็นภรรยา แต่เขากลับเลือกที่จะเดินเงียบ ๆ ออกมาจากตรงนั้น
////
เมื่อกลับมาบ้าน ปรเมศเอาแต่นั่งดื่มไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เขาเพิ่งเข้าใจว่าการถูกหักหลังมันเจ็บปวดแค่ไหน กว่ามารดาของเขาจะผ่านไปได้ในแต่ล่ะวันนางคงทรมาน จนถึงขั้นตรอมใจตาย
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ” พอเขมมิกากลับมาถึงบ้าน หญิงสาวไม่ลังเลใจ เธอรีบเดินเข้าไปหาปรเมศทันที
“ผู้หญิงอย่างคุณ ไม่น่าเชื่อว่าจะร่านได้ขนาดนี้”
“นี่คุณ!” หญิงสาวไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูกเธอแบบนั้น
"หยุดสร้างภาพให้ตัวเองดูดีสักทีเถอะเขมมิกา ลับหลังผมคุณกับไอ้มาลิคไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ทำไมผมจะไม่รู้"
"หย่ากับฉันสิ! รออะไร" เขมมิกาพอเข้าใจแล้ว แต่เธอกลับไม่ปฏิเสธหรือคิดที่จะอธิบายอะไรเลย
"รอให้คุณกับมันตกนรกไปพร้อมกันไง"
"ป่วยก็ไปพบแพทย์ อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเหมือนคุณ แม้แต่ศีลข้อสามยังรักษาไม่ได้"
"คุณเองก็ไม่ได้สูงส่งไปกว่าผมนักหรอก"
"อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยนอกใจนอกกายคุณก็แล้วกัน”
“พูดไม่อายปาก คุณนี่มันหน้าด้านกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก”
“พรุ่งนี้เจอกันที่เขต สินสมรสฉันไม่ต้องการแม้แต่สตางค์แดงเดียว เมื่อไม่รักกันแล้วก็ปล่อยฉันไป" เธอสุดทนจึงระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"ฝันไปเถอะ!" แววตาของปรเมศราวกับคลื่นลูกใหญ่ซัดสาดอยู่กลางหัวใจ เป็นดั่งพายุร้ายไม่ต่างจากสินามิ ที่พร้อมโหมกระหน่ำ สร้างหายนะให้กับชีวิตของเขมมิกา
หลายวันผ่านไป
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่ปรเมศก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ
ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขา ต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา
“เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป
“กี่เดือน”
“หกสัปดาห์แล้วค่ะ”
“เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร”
“คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ
“เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน”
“คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ”
“ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด”
คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่กลับมาได้เพราะทารกน้อยในครรภ์ เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศเรียกเขมมิกาไปพบเขาที่ห้อง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปทำกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปี ทว่าในปีนั้นต้องขึ้นดอย เพื่อนำอุปกรณ์กีฬารวมทั้งเครื่องเขียนต่าง ๆ ไปมอบให้กับทางโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ “ที่ผมเรียกคุณมาพบ เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าเดี๋ยวผมจะขับรถไปรับที่บ้าน” “บุคลากรในมหาลัยมีตั้งมากมายทำไมต้องเป็นฉันล่ะคะ” หญิงสาวชักสีหน้าใส่เขาด้วยความไม่พอใจ“มันเป็นระเบียบของทางมหาลัย อาจารย์คนใหม่ต้องไปช่วยสังคมกับผม” “ใช้ตรรกะอะไรคะเนี่ย บ้าชัดๆ” เขมมิการู้ดีว่าเธอกำลังถูกมัดมือชก ทว่าศาสตราจารย์หนุ่มกลับแสยะยิ้มร้าย เมื่อเขากำลังต้อนให้เธอจนมุมได้ “คุณกลับไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า” “ใครบอกว่าฉันจะไปกับคุณ” ความพยศของเขมมิกายังคงแสดงทีท่าไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาง่าย ๆ“ที่นี่ผมคือผู้บริหารสูงสุด ถ้าคุณกล้าปฏิเสธจะฉีกสัญญาทิ้งก็ได
เวลาผ่านไปคนทั้งคู่ได้กลับมาถึงคอนโดมิเนียมหรู พอเดินเข้ามาในห้องนอนเนเน่ตัดสินใจถามมาลิคเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นั้นอีกครั้ง ซึ่งพ่อบุญธรรมของเธอคงกำลังกลัดกลุ้มใจ ส่วนมาลิคเองก็เสียผลประโยชน์อยู่เช่นกัน “คุณไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ” “พวกเขาเคยทำอะไรไว้กับคุณบ้าง ผมจะเป็นคนตามคิดบัญชีให้คุณเองเนเน่” ครานี้ดวงตาของมาลิคแฝงไปด้วยร่องรอยเย็นเยียบจนชวนให้หนาวสะท้าน รอบกายแผ่รังสีคุกคามอำมหิตออกมา เมื่อเขาโกรธแค้นคนในบ้านหลังนั้นแทนภรรยา “คุณคือสามีแห่งชาติชัด ๆ” หญิงสาวพูดพลางเขย่งปลายเท้า ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้าไปกดจูบชายหนุ่มด้วยความดูดดื่ม เมื่อคนตัวเล็กเปิดโอกาสให้เขาได้สัมผัสกับรสจูบแสนหวาน มาลิคไม่รอช้าเขาตอบสนองเธอด้วยความเต็มใจ ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเธอ “อืม... อื้อ
ณ ห้องอาหารสุดหรู เนเน่เดินเข้ามาพร้อมกับมาลิค ทว่าสามีของเธอเจอเพื่อนเก่าพอดี จึงให้หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในก่อน เพราะเขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเพื่อนสักครู่ พอหญิงสาวเดินเข้ามาถึง เธอถึงกับชะงักเมื่อเห็นสองพ่อลูกกำลังพูดถึงท่านประธานหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นสามีของเธอ ซึ่งดูเหมือนทับทิมกำลังคิดจะเป็นศัตรูหัวใจกับเนเน่อย่างไม่รู้ตัว “คุณมาลิคทั้งหล่อทั้งรวยเขาโสดแน่นะคะ ทับทิมแอบปลื้มเขามานาน คุณพ่อคิดว่าคุณมาลิคชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอคะ” หล่อนจีบปากจีบคำตั้งคำถามกับบิดาอย่างไม่มีท่าทีเขินอายเลยสักนิด “พ่อได้ข่าวว่าคุณมาลิคเพิ่งมารับช่วงต่อจากประธานคนเก่า แต่ก็ไม่เคยได้ยินคนวงในพูดถึงภรรยาเขาเลยนะ” นายประจักษ์นักธุรกิจผู้มั่งมั่งกล่าวถึงอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม เขายังแอบคิดในใจอยากได้มาลิคมาเป็นลูกเขยอีกด้วย
เมื่อสองแม่ลูกกลับไป เขมมิกาพยายามคิดหาทางพูดกับศาสตราจารย์ปรเมศ เธอไม่อยากให้เขาได้เข้าใกล้มิรา ทว่าที่ฟังจากลูกสาวเล่ามานั้น เขามีอิทธิพลต่อจิตใจของลูกสาวเธอไปแล้ว คุณลุงข้างบ้านที่มิราพูดถึงบ่อย ๆ ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง “คิดจะเปิดศึกคงอยากเล่นสงครามประสาทกับฉันสินะศาสตราจารย์ปรเมศ” คราวนี้เขามิกาพูดพลางกำหมัดแน่น ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินตรงไปที่บ้านของเขาทันที “คุณพ่อขา...อันนี้ล่ะคะ” “มาเดี๋ยวพ่อช่วยนะ” สองพ่อลูกกำลังช่วยกันสร้างปราสาทเจ้าหญิง ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศจะมีมุมอ่อนโยนละมุนขนาดนี้ เมื่อมาถึงบ้านของคู่กรณี เขมมิกายืนมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาสุดแสนเจ็บปวด เธอไม่อยากทำลายความรู้สึกของมิราที่มีต่อเขา แต่จะให้ปล่อยผ่านไปได้อย่างไร ในเมื่อศาสตราจารย์หนุ่มเป็นคนออกคำสั่งให้เธอกำจัดมิราด้วยตัวเอง
หลังจากการวางยาเขมมิกาไม่สำเร็จ ทำให้รองอธิการฐานินโกรธมาก เขาไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยอาจารย์สุชาติ ปล่อยลอยแพเขาไปกับโชคชะตาแสนโหดร้าย “ท่านจะไม่ช่วยเขาจริง ๆ เหรอครับ” มือขวาของชายสูงวัยเอ่ยขึ้น หลังจากรู้ว่าอาจารย์สุชาติกำลังจะถูกส่งตัวออกนอกประเทศ “มันทำงานไม่สำเร็จก็สมควรโดนแล้วไม่ใช่เหรอ” “แต่เขายังมีภรรยากับลูกชายเพิ่งคลอดได้ไม่ถึงเดือนนะครับท่าน” “พูดแบบนี้หรือว่าแกอยากเป็นคนถูกส่งออกนอกประเทศเสียเอง” “ปะ... เปล่าครับท่าน” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธออกไปทันควัน เพราะไม่เช่นนั้นเขาอาจโดนหางเลขไปด้วย“คุณพ่อขา... วันนี้ญาไปหาศาตราจารย์ปรเมศ แต่ก็ไม่เจอถามแม่บ้านก็ไม่ได้คำตอบ ญาโทรหาเขาจนสายจะไหม้เขากลับไม่รับสาย สรุปแล้วเขาเห็นญาเป็นตัวอะไรคะคุณพ่อ” ญานินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นบิดา พลางบีบน้ำตาร้องไห้ออกมา เมื่อผู้ชายที่หมายปองไม่ยอมแม้แต่จะกดรับสายหล่อน “เขาคงยุ่งอยู่น่ะ”
ณ เวลานี้ มาลิคกำลังวุ่นวายอยู่กับงานที่บริษัท จึงทำให้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปส่งสาวน้อย หน้าที่นี้จึงต้องตกไปอยู่กับภรรยาของเขา หลังจากไปส่งมิราที่โรงเรียน เนเน่ขับรถตรงมายังบริษัทที่เพิ่งรับเธอเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยนักออกแบบ ซึ่งมีบรรจุภัณฑ์หลากหลายชนิดให้เลือก บรรดาลูกค้าต่างไว้วางใจในความประณีตและใส่ใจของนักออกแบบ ซึ่งเนเน่ไม่รู้ว่าประธานบริษัทคือมาลิค เธอไม่สงสัยเขาเลยสักนิด เพราะคิดว่าชายหนุ่มเป็นเพียงพนักงานบริษัท ตำแหน่งของเขาคงไม่ใหญ่โตอะไร แน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจ เพราะหญิงสาวรักเขาที่เป็นมาลิคไม่ใช่ชื่อเสียงเงินทอง “เนเน่ทำไมมาช้าจัง ผมรอคุณอยู่ตั้งนาน” “อ้าว! ทำไมไม่ขึ้นไปก่อนล่ะคะ” “ผมขึ้นไปแล้ว แต่ก็กลับลงมารอคุณมิรางอแงไหม” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ให้กับการเอาใจใส่ของสามี เขานั้นช่างแสนดีเป็นเทพบุตร







