Masukกลับบ้านช่วงวันหยุดรอบนี้ ฉันอุตส่าห์จองตั๋วรถไฟแบบนอนได้แท้ ๆ แต่พอตกกลางคืน ตอนที่นอนอยู่บนเตียงแคบ ๆ นี้ ฉันเหลือบตามองผู้ชายร่างใหญ่ที่นอนอยู่เตียงข้าง ๆ แขนล่ำกับไหล่กว้างของเขาเด่นชัดแม้จะอยู่ใต้แสงสลัว……จนฉันรับรู้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ฉันซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนเล็ก ความรู้สึกแปลก ๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ชายเสื้อและกระโปรงถูกถลกขึ้นเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวสวยค่อย ๆ ลูบไล้เข้าไปตามชายผ้าอย่างแผ่วเบา ร่างกายฉันร้อนรุ่มจนควบคุมไม่อยู่ ขาทั้งสองข้างสั่นเกร็งและหุบเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ฉันขบริมฝีปากแน่นเพื่อกดความรู้สึกเสียงซ่าน แต่บางครั้งก็เผลอหลุดเสียงร้องที่น่าอายออกมา และสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดเลยคือ ในความมืดนั้นมีดวงตาคมกริบคู่นึง……กำลังจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของฉัน
Lihat lebih banyak“ผู้ชายคนนั้นให้ฉันเอากระเป๋าใบเล็ก ๆ นั่นใส่ในกระเป๋าของฉัน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกคุณค่ะ แล้วให้ฉันถ่วงเวลาให้เขาหนีออกจากสถานีประมาณสิบห้านาทีด้วย”ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าฉันนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขารู้ได้ทันทีว่าในเมื่อโจวอวี่เฟิงกล้าเจาะจงเวลาหนีได้ขนาดนี้ พวกของโจวอวี่เฟิงน่าจะรออยู่ที่ทางออกสถานีแล้ว แสดงว่าเตรียมแผนไว้แล้วแน่นอนหลังเหตุการณ์ตึงเครียด พวกเขารีบติดต่อหาสายลับตำรวจคนอื่นทันทีพร้อมกำชับว่าให้ปลอมตัวเป็นผู้โดยสารธรรมดาไปดักรอที่ทางออก ส่วนฉันยังต้องรออยู่ที่นี่เพื่อไม่ให้คนพวกนั้นสงสัยจนไหวตัวหนีไปได้ทันคุณเอาหลิวเองก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วรีบเดินกลับยังตู้โดยสาร ส่วนฉันต้องอยู่กับเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก่อนเพื่อให้โจวอวี่เฟิงตายใจหลังจากนั้น ตำรวจบนรถไฟก็เริ่มประสานงานกัน เดินวนไปวนมาในตู้รถไฟทำทีเหมือนกระจายข่าวว่ามีผู้หญิงต้องสงสัยคนนึงลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมาย และตอนนี้ถูกควบคุมตัวไว้แล้วได้ยินว่าหลังข่าวนั้นแพร่สะพัดออกไป โจวอวี่เฟิงก็มีท่าทีได้ใจสุด ๆ เขาใช้ชีวิตปกติเหมือนไม่อะไรเกิดขึ้นทางตำรวจบอกฉันว่าฉันไร้เดียงสาและคิดน้อยเกินไปที่ทำแบบนี้ เ
หลังจากเหตุการณ์ในห้องน้ำ โจวอวี่เฟิงยื่นกระเป๋าที่ใส่สินค้าผิดกฎหมายมาให้ฉัน บอกให้ฉันหาจังหวะยัดมันลงในสัมภาระของฉัน ถ้าหากถูกจับได้จริง ๆ ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ให้รอจนเขาหนีไปได้สักสิบห้านาทีค่อยพูดความจริง“ไม่ต้องห่วง ฉันก็ไม่ได้อยากทำให้เธอซวยไปด้วย แต่คนเราต้องปกป้องตัวเองก่อนนี่ พอถึงสถานีจะมีคนของฉันมารับส่วนเธอก็ค่อยเอาตัวรอด”เขายังมีหน้ามาพูดว่าตัวเองวางแผนเพื่อฉันได้ยังไงกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันจะตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาแบบนี้เหรอ!แต่ต่อให้ฉันพูดอะไรไปก็คงจะสายเกินไปแล้ว ตอนนี้คงทำได้แค่ทำตามแผนที่โจวอวี่เฟิงวางไว้หลังจากที่ฉันกลับมานั่งที่เดิมในตู้โดยสารได้ไม่นานนัก พนักงานหลายคนรีบเดินเข้ามาหาฉัน ในขณะที่พวกเขาตรวจตั๋วก็จ้องมองฉันไม่วางตาตั้งแต่หัวจรดเท้าเม็ดเหงื่อเริ่มผุดซึมออกมาตามร่างกาย หัวใจเต้นเร็วขึ้นด้วยความตึงเครียดจากสถานการณ์ในตอนนี้ แต่อยู่ดี ๆ คุณอาหลิวก็เดินเข้ามาชวนคุยในจังหวะตึงเครียดนี่“เด็กน้อย สร้อยเส้นนี้สวยดีนะ ซื้อมาจากไหนเหรอ? ฉันจะได้ซื้อให้ลูกสาวบ้าง”ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น หัวใจของฉันก็หล่นไปอยู่ตาตุ่มทันที เดิมทีฉันว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่
พอเห็นสีหน้าที่จริงจังของเขา ฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่แต่สิ่งที่ทำให้ฉันอึ้งยิ่งกว่าคือ ในวินาทีถัดมา โจวอวี่เฟิงกลับแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาแล้วบอกว่าฉันทำเรื่องผิดกฎหมาย!“มันจะเป็นไปได้ยังไง!? ฉันยังไม่ได้ทำอะไร!?”เขาอธิบายว่าสร้อยที่ฉันใส่อยู่จริง ๆ แล้วทำมาจากสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็รับเรื่องเรียบร้อยแล้วพวกเขาเลยต้องปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วเพื่อหาตัวคนร้าย!ไม่นะ……เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน แต่สร้อยเส้นนี้เขาใส่ให้ฉันเองนี่! ฉันไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ!“ตอนนี้เธอพูดไปแล้วจะทำอะไรได้? ยังไงตอนนี้เธอก็เป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว”“ฉันอธิบายได้! สร้อยเส้นนี้คุณให้ฉันมานี่! ฉันไม่เคยรู้เลยว่าทำจากสัตว์ป่าคุ้มครอง!”คำพูดของฉันเหมือนไปจุดชนวนบางอย่าง สีหน้าของโจวอวี่เฟิงดุดันขึ้นมาทันที มือหนาของเขาบีบคอฉันแน่นดันตัวฉันเข้ากับผนัง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“ถ้าเธอกล้าดึงฉันไปเกี่ยวด้วย รับรองเลย… ว่าคลิปของเธอจะถูกปล่อยว่อนไปทั่วแน่!”เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขายังกล้าขู่ฉันแบบหน้าด้าน ๆ อีกเหรอ!?พอคิดได้ว่าตัวเองถูกลากไปเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎ
แต่ในจังหวะที่ฉันแทบจะหมดแรงต่อกรกับเขา เสียงเคาะประตูห้องน้ำก็ดังรัวขึ้นมาจากด้านนอก“ข้างในน่ะ ยังไม่เสร็จอีกหรอ? ยืนรอนานแล้วนะครับ!”เป็นเสียงของคุณอาหลิว เสียงของเขาเหมือนเสียงระฆังชีวิตช่วยชีวิตฉันไว้ ตอนที่ฉันกำลังจะส่งเสียงของความช่วยเหลือกลับถูกโจวอวี่เฟิงยกมือปิดปากไว้แน่น เขาจ้องเขม็งมาที่ฉันด้วยสายตาดุดัน พร้อมกับตะโกนตอบรับร่างสูงที่รอด้านนอกไปส่ง ๆ เหตุการณ์ที่เหมือนฝันร้ายนั้นก็ถูกหยุดลงในวินาทีสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปฉันใช้เวลานานกว่าจะลากร่างสั่นระริกของตัวเองกลับมายังเตียงนอน แต่ไม่ว่าจะย้อนคิดอีกกี่ครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็ยากเกินกว่าที่ฉันจะยอมรับโดยเฉพาะความลับน่าอายนั่นดันถูกโจวอวี่เฟิงล่วงรู้เข้า ทั้งยังถูกเขาคุกคามแถมยังให้สร้อยคอเป็นของขวัญ และเกือบจะข่มขืนกันในห้องน้ำ……ไม่สิ! นี่มันแปลกเกินไปแล้ว! ฉันสัมผัสได้ว่ากำลังตกลงไปในหลุมพรางบางอย่าง เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังพรากชีวิตปกติของฉันไปฉันเดินกลับเข้ามาในตู้โดยสารพร้อมกับสติที่เหมือนจะหลุดลอยไปแล้ว หันไปเห็นว่าคุณอาหลิวเปิดโคมไฟเล็ก ๆ ไว้บนโต๊ะ ส่วนตัวเขาก็นั่งอยู่บนเตียงของตน ซ