เจคอปมองญาดาด้วยแววตาเหี้ยมเกียมที่สุด “ฉันมีอะไรอยากให้เธอช่วยหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบแต่ทว่าเย็นชา แต่เหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้เฉลียวใจอะไร หล่อนยังคงยิ้มหน้าระรื่น ใช้เรือนร่างอวบอัดนั้นยั่วยวนเขาทุกครั้งที่มีโอกาส
“มีอะไรให้หนูช่วยเหรอคะพี่เจค” เสียงดัดจริตที่ฟังทีไรเป็นต้องไมเกรนขึ้นทุกที ไม่แปลกใจที่เวลาแม่นี่จะอ่อยใคร ต้องแอบอ้างเป็นยัยตัวเล็กเสมอ คงเพราะถ้าใครรู้ว่าตัวจริงแม่นี่เป็นยังไง คงไม่มีผู้ชายที่ไหนเอา อย่างมากก็คงแค่เอาเล่นๆ แต่ต่อให้เป็นเขา… “เอ่อ ทำไมพี่เจคมองหนูแบบนั้นละคะ” เขาเผลอมองหล่อนเป็นสัตว์ชั้นต่ำอีกแล้ว ไม่ได้การ...
เจคอปรีบโน้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อไม่ให้หล่อนเห็นสายตาสะอิดสะเอียนที่ปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด
“ฉันอยากให้เธอช่วยทำอะไรเพื่อฉันสักอย่าง ทำอะไรพิเศษๆ ที่คงจะไม่มีใครทำได้ ถ้าไม่ใช่เธอ”
“อะไรเหรอคะ” ญาดาดีใจจนเนื้อเต้น เธอแกล้งหันหน้าไปหาเขา จงใจให้ริมฝีปากชนกัน พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขยับตัวหนี ก็รู้สึกลิงโลด เธอชนะนาเดียแล้ว…
“ฉันอยากทำอะไรพิเศษๆ เพื่อคนพิเศษของฉันไง และก็คงจะมีแค่เธอคนเดียวที่ทำหน้าที่นี้ได้” ญาดารู้สึกถึงแรงขย้ำเข้าที่ก้นอวบ ดึงรั้งร่างกายเธอเข้าไปแนบชิดกับร่างกำยำ สัมผัสของเรือนร่างแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามทำให้ญาดาใจสั่น เธออยากได้ผ.อ.เจคอปใจจะขาดอยู่แล้ว “ทำไมต้องเป็นหนูละคะ หนูคิดว่าคนพิเศษของพี่จะเป็นนาเดียซะอีก” เป็นอีกครั้งที่ญาดาเห็นเจคอปหลบสายตา
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าโดยไม่หายใจออก เขาแทบจะเผลอตบหน้าหล่อนทันทีที่ได้ยินชื่อของยัยตัวเล็ก เป็นครั้งแรกที่เขาคิดจะลงไม้ลงมือกับผู้หญิง
“ตกลงจะทำไหม” น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด บางทีแผนนี่อาจจะไม่เวิร์ค เพราะเขาเริ่มจะพลั้งมือกับหล่อนหลายรอบเกินไปแล้ว แต่พอเธอเห็นว่าชายหนุ่มทำท่าจะเปลี่ยนใจ ญาดาก็รีบตอบตกลงทันที
“ดี งั้นทำตามที่ฉันบอกนะ...” เจคอปกระซิบแผนการที่ข้างใบหู ทันทีที่ฟังจบ ใบหน้าของญาดาก็แดงก่ำด้วยความดีใจ เธอมองชายหนุ่มด้วยแววตาหวานซึ้งก่อนจะโน้มหน้าเข้าหาหมายจะจูบ แต่กลับถูกอีกฝ่ายรั้งใบหน้าเอาไว้ เจคอปขย้ำก้นอวบจนร่างบางลอยขึ้นจากพื้น
“อื้มมม...” ญาดารู้สึกสยิวกับสัมผัสหนักหน่วงที่ได้รับ เธอมั่นใจว่าลีลาของเจคอปต้องไม่เป็นสองรองใครแน่ เจคอปทำท่าเผยอปากรับคล้ายจะรับจูบจากเธอ แต่แล้วเขาก็กดริมฝีปากลงกับใบหูของเธอแทน “ไม่ใช่ตรงนี้ รอหลังงานเลี้ยงนะ รับรอง...เธอได้ขึ้นสวรรค์แน่”
หรืออาจจะตกนรก เจคอปต่อท้ายไว้ในใจ ก่อนจะปล่อยมือ ชายหนุ่มไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ยังเหลือธุระปะปังให้ต้องจัดการอีกนิดหน่อย แต่ไม่น่าเหนือบ่ากว่าแรง เขามี connection เยอะแยะ เริ่มจากผับประจำของเขาก่อนก็แล้วกัน
หลังแยกกับเจคอป ญาดาก็เดินกระหยิ่มยิ้มย่องกลับไปที่ห้อง หลงระเริงกับคำพูดของร่างสูง คืนนี้แหละ ฉันจะได้เปิดตัวในฐานะเมียของผ.อ. โอ๊ยย ตื่นเต้นจริงๆ
ญาดาเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เจอกับนาเดียที่นั่งดูทีวีอยู่ก่อนแล้ว ลืมคำพูดตัดสัมพันธ์ของคนตรงหน้าไปเสียสนิท
“......” นาเดียหันไปมองคนที่พึ่งเข้ามา แล้วก็เบือนหน้ากลับไปดูทีวีเหมือนเดิม ท่าทางเฉยเมยของเธอทำให้ญาดาหงุดหงิด
“เป็นไร ทำไมไม่พูดกับฉัน หรือยังโกรธที่ฉันตบบอลใส่หน้าแก” ญาดายืนกอดอกมองหน้าคนเป็นเพื่อน นาเดียยังคงไม่สนใจ หัวเราะกับการ์ตูนตรงหน้า ญาดารู้สึกโมโหจนเดินไปคว้ารีโมตมากดปิด เรียกความสนใจจากอีกฝ่ายได้สำเร็จ
“ตกลงเป็นเหี้ยไรของมึง กูต้องเป็นฝ่ายโกรธมึง ไม่ใช่มึงมาโกรธกู” ญาดาแผดเสียงลั่นห้อง รู้สึกทนไม่ได้ที่เห็นเบี้ยล่างที่เคยยอมตามใจตัวเองมาตลอด แต่วันนี้กลับลุกขึ้นมาแข็งข้อ ปกติถ้าเธอโกรธขนาดนี้ คนตรงหน้าต้องยอมง้องอนแล้ว แต่ไม่เลย... ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกที สายตาที่คนตรงหน้ามองเธอ ไม่เหลือวี่แววของคนที่จะยอมเป็นเบี้ยล่างอีกต่อไป
“กูไม่ได้โกรธ และต่อให้มึงจะโกรธ ก็เรื่องของมึง” นาเดียจ้องหน้าญาดาตอบอย่างไม่กลัวเกรง ตลอดบ่ายเธอนอนคิดทบทวนย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แล้วเธอก็ค้นพบความจริงที่ทำให้เธอตาสว่าง มีแต่เธอฝ่ายเดียวมาตลอดที่ต้องยอมให้หล่อน ต้องตามใจหล่อน ต้องทนให้หล่อนโขกสับ ทั้งๆที่เธอยอมทำทุกอย่างก็เพราะเห็นอีกฝ่ายเป็นเพื่อน แต่ไม่เลย… มันไม่เคยเห็นเธอเป็นเพื่อนเลย ไม่เคยสนใจความรู้สึก ไม่เคยเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่เพื่อนคนอื่นเขาทำกัน มันก็คิดถึงแค่ตัวเอง แล้วที่มันช่วยเธอเรื่องพี่พีท แท้จริงมันแค่ไม่อยากให้เธอติดแฟนจนไม่สนใจมัน คนอย่างมันก็มีแค่ความเห็นแก่ตัว
“อ๋อออ พอแข่งกับฉันแล้วแพ้ ก็เลยพาลเลิกคบเป็นเพื่อนสินะ ฮ่ะๆๆๆ สมน้ำหน้า ผู้ชายก็ไม่เลือก ส่วนพี่เจมส์ก็ได้ข่าวว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เสียใจด้วยนะจ๊ะนาเดีย”
“..........”
“เอาเถอะ ไม่อยากคบก็ไม่ต้องคบ ยังไงที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้เห็นแกเป็นเพื่อนอยู่แล้ว แล้วก็... เย็นนี้อย่าลืมมางานเลี้ยงอาหารค่ำล่ะ ฉันกับพี่เจคมีอะไรจะให้แกดู เซอร์ไพร์สจากฉันไงล่ะ ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับการจากลาของเราก็แล้วกันนะ ฮ่ะๆ”
“..............”
ญาดาเดินไปเก็บข้าวของลงกระเป๋า สงสัยมันคงจะออกไปนอนที่อื่น ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของมัน นอกจากเรื่องเดียว เซอร์ไพร์สจากมันกับพี่เจค!? คืออะไรนะ? ฉันไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ไม่อยากจะลงไม้ลงมือด้วย เพราะอะไรนะเหรอ เพราะฉันไม่อยากลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงอย่างมันไง ส่วนเรื่องที่ฉันสงสัย ฉันคงต้องถามจากคนของฉัน ซึ่งฉันแน่ใจว่าคนนอกอย่างมันไม่เกี่ยวอยู่แล้ว
“อ๋อ ฉันรู้ว่าแกก็คงจะชอบพี่เจคเหมือนกัน อย่าดิ้นตายไปก่อนล่ะ ฮ่ะๆๆ”
หึ... ใครกันแน่ที่จะต้องดิ้นตาย
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต