‘รัก... รัก... พี่รักเธอ ได้ยินรึยัง’
ร่างบางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนึกถึงคำหวานที่พึ่งได้ฟังซ้ำไปซ้ำมา คำว่ารักจากปากร่างสูงยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ ชัดเจนเสมือนว่าเขาคอยมากระซิบที่ข้างหูอยู่ตลอดเวลา
เจคอปออกจากห้องไปได้สักพักแล้ว เพราะเขายังต้องกลับไปดูแลการแข่งขันกีฬาและงานเลี้ยงเย็นนี้ ไม่รู้ว่าป่านนี้ข้างนอกจะเป็นอย่างไรบ้าง ก็เขาเล่นหายเข้ามาขลุกตัวอยู่ในห้องกับเธอนานเกือบสองชั่วโมง บางทีการแข่งขันอาจจะใกล้จบแล้ว ไม่วายอดนึกถึงผู้หญิงอีกคนที่เคยเรียกว่า 'เพื่อน'
นาเดียมองไปรอบๆห้อง นึกถึงคำพูดที่ประกาศตัดสัมพันธ์กับญาดาไปแล้ว ก็ไม่อยากจะอยู่ร่วมห้องให้อึดอัด คิดได้ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นเก็บข้าวของเพื่อขอย้ายไปนอนกับคนอื่น
เสื้อผ้าถูกยัดลงกระเป๋าลวกๆ ในระหว่างนั้นความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว ทำไมฉันต้องหนี ฉันไม่ได้เป็นคนผิด และต่อให้ต้องอยู่ร่วมห้องกัน ฉันก็จะไม่กลัวมัน เพราะต่อจากนี้ฉันจะไม่ยอมผู้หญิงอย่างมันอีกแล้ว
ข้าวของถูกรื้อออกจากกระเป๋าและถูกนำไปเก็บไว้ที่เดิม
ร่างบางทิ้งตัวนอนหงายลงบนเตียง เหม่อมองเพดานสีขาวตรงหน้า ปล่อยให้ความคิดไหลย้อนกลับเข้าไปในความทรงจำตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกับญาดา
เจคอปเดินย้อนกลับมาที่ชายหาดเพื่อดำเนินกิจกรรมต่อให้จบ หน้าที่ต้องมาก่อนความรู้สึกเสมอ แม้จะตั้งกฏไว้กับตัวเองแบบนั้น แต่พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับยัยตัวเล็ก เขาเป็นต้องแหกกฏของตัวเองเสมอ
ญาดา ชื่อของผู้หญิงที่กำลังกวนใจเขาอยู่ในตอนนี้ คำพูดบางอย่างที่หล่อนเผลอพูดออกมาตอนกำลังเมา มันคอยรบกวนจิตใจของเขามาตลอดทั้งคืน
“ใครๆก็พากันชอบนาเดียกันหมด แม้แต่พี่เจมส์ ทั้งๆที่ดาเป็นคนคุยกับพี่เจมส์มาตลอดแท้ๆ แต่อยู่ๆเดียมันก็มาคาบไป พอดาบอกมันว่าดาแอบชอบผ.อ. มันก็ทำท่าเหมือนจะแย่งดาอีก ไม่ว่าดาจะชอบผู้ชายคนไหนก็ต้องถูกเดียแย่งไปหมดทุกคน แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่คะ ก็นาเดียมันสวยกว่าดานี่ ดูท่าผ.อ.ก็เหมือนจะสนใจเดียเหมือนกันใช่ไหมคะ”
ทั้งๆที่ดาเป็นคนที่คุยกับพี่เจมส์มาตลอด…
เจคอปมองนาฬิกา ป่านนี้น้องชายตัวดีของเขาน่าจะตื่นแล้ว
เสียงรอสัญญาณดังเพียงไม่นาน ปลายสายก็กดรับ “ครับพี่”
“เจมส์ นายรู้จักผู้หญิงที่ชื่อญาดารึเปล่า?”
“ก็รู้แค่ว่าเป็นเพื่อนกับนาเดียนะครับ”
“ไม่เคยคุยกันเหรอ”
“ไม่เคยนะ พี่เจคมีอะไรรึเปล่า”
“เล่าเรื่องทุกอย่างระหว่างแกกับนาเดียมาให้หมด เขาไปเอาไลน์แกมาจากไหน แล้วแกรู้สึกยังไงกับคนที่คุยไลน์กับแก กับนาเดียตัวจริง”
คำถามไม่คาดฝันทำให้เจมส์หนีเมธาวีออกไปคุยสายต่อที่ระเบียง
“พี่เจครู้ว่าผมกับเดีย?” เจมส์ค่อนข้างมั่นใจว่าความลับของตนแตกแล้ว ฟังจากน้ำเสียงเคร่งเครียดของเจคอป อีกฝ่ายคงกำลังมีเรื่องกลุ้มใจแน่ เขาจึงไม่คิดปิดบัง “โอเค น้องดาเขาเป็นคนมาขอไลน์ผม เขาบอกว่านาเดียเป็นคนฝากมาขอ จริงๆผมก็แอบสงสัยนะครับว่าคนที่คุยไลน์กับผมใช่น้องเดียตัวจริงรึป่าว ท่าทางการพูด นิสัย แตกต่างกันลิบลับเลย เวลาเจอหน้ากันก็ไม่ค่อยจะพูดด้วยสักเท่าไหร่ ทำเหมือนไม่รู้จักกัน ทั้งๆที่ในไลน์เธอดูจะสนิทกับผมมาก... เอ่อ แต่ผมกับเดียเป็นแฟน..”
เจมส์อดพูดหยอกพี่ชายไม่ได้ แต่ทว่าอีกฝ่ายชิงตัดบทเสียก่อน
“ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว กลับไปฉันจะจัดการนายทีหลัง แค่นี้แหละ!” เขากดตัดสายทันที ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าถูกน้องชายปั่นหัวอยู่
คำยืนยันจากเจมส์มาร์ทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดในความคิด เขานึกไปถึงคำพูดของนาเดียในตอนนั้น และนั้นยิ่งทำให้เขามั่นใจ
‘ป่าวนะคะ เดียไม่เคยคุยไลน์กับพี่เจมส์จริงๆ มีคนปลอมไลน์เดีย แต่เดียบอกไม่ได้จริงๆว่าเป็นใคร’
หึ! ญาดา.... คนอย่างเธอฉันควรจะจัดการยังไงมันถึงจะสาสม
เจคอปพาร่างที่อาบไปด้วยโทสะเดินมาจนถึงชายหาด และทันทีที่เขาปรากฏตัว เป้าหมายที่อยู่ในความคิดก็เสนอหน้าเข้ามาหาทันที
“พี่เจค นาเดียเป็นยังไงบ้างคะ ดาไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ” เสียงที่ดัดจริตจนเล็กแหลมฟังแล้วรำคาญรูหูเป็นบ้า เจคอปขบฟันกรามเพื่อข่มใจไม่ให้พลั้งมือบีบคอคนตรงหน้าให้แหลกคามือเสียตรงนี้ ผู้ชายอย่างเขาเคยเจอผู้หญิงมาทุกรูปแบบ แต่ก็ไม่ยักเคยเจอที่ตอแหล มารยาสาไถเยอะเท่านี้มาก่อน ไม่รู้ว่ายัยเด็กบ้านั้นโง่คบอยู่ได้ยังไงตั้งนาน แล้วก็ดันเป็นคนหัวอ่อน โดนมันหลอกใช้สบายเลย ไม่รู้ว่าที่ผ่านมายัยตัวเล็กของเขาต้องเสียสละอะไรให้แม่นี่ไปบ้าง แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เธอมีเขาอยู่ทั้งคน เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนเอาเปรียบผู้หญิงของเขาอีก!
“พี่เจคคะ”
“ดีขึ้นแล้ว” เจคอปเบือนหน้าหนีก่อนจะตอบ แต่ยิ่งพยายามข่มอารมณ์ คนตรงหน้าก็ยิ่งยั่วยวน ญาดาขยับเข้ามาประชิดตัวเจคอป จงใจใช้หน้าอกถูไถแขนชายหนุ่ม
“ฉันขอตัวก่อน”
เจคอปต้องรีบเดินหนีออกมาเพราะไม่อาจทนเก็บสายตาอาฆาตได้ เขาต้องไม่เผยพิรุทธ์ให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน เป็นครั้งแรกที่เขาต้องทนข่มอารมณ์ขนาดนี้ ชายหนุ่มรีบกล่าวปิดการแข่งขันกีฬาเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีงามในองค์กร และตัดสัมพันธ์เลวทรามในองค์กรไปพร้อมกัน
“คุณยุทธ์ งานเลี้ยงเย็นนี้ผมอยากแก้ไขอะไรสักหน่อย ฝากคุณจัดการให้ผมตามนี้ด้วยนะ” คนตรงหน้ามีสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเจ้าของโรงพยาบาล เขาก็ไม่กล้ามีข้อสงสัย
เสร็จไปหนึ่งอย่าง เหลืองานสำคัญอีกอย่าง ร่างสูงรีบตรงดิ่งไปหาเป้าหมาย ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็กำลังยืนคอยให้ชายหนุ่มเข้าไปหาอยู่แล้ว
บางครั้งเขาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองโง่ เพราะเขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับนาเดียมาโดยตลอด ที่แท้... ผู้หญิงที่ทั้งแรดทั้งร่านก็อยู่ตรงนี้นี่เอง
“ผ.อ.ครับ นาเดียเป็นยังไงบ้าง” เสียงหนึ่งเอ่ยขัดจังหวะขึ้น ทำให้เจคอปต้องหยุดเดิน เขาหันไปมอง เป็นไอ้หน้าอ่อนคนเดิมนี่เอง สีหน้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใยทำให้เขารู้สึกหวงยัยตัวเล็กขึ้นมาตะหงิดๆ
“หายแล้วล่ะ ไม่ได้ข้อเท้าพลิก แค่ระบม” เขาตอบโดยไม่ได้หันไปมอง สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เหยื่อตรงหน้า ไม่อยากจะเสียเวลากับอะไรไร้สาระพวกนี้ เขาแทบทนรอจัดการกับแม่นี่ไม่ไหวอยู่แล้ว
“งั้นเหรอครับ งั้นผมขอตัวไปเยี่ยมเธอหน่อยดีกว่า”
ทั้งที่คิดว่าจะไม่สนใจ แต่ไอ้ท่าทางตามติดผู้หญิงของเขาไม่ปล่อย มันทำให้เจคอปเหลือทน เขาเอื้อมมือไปแตะบนไหล่ของแมลงตัวจ้อยที่น่ารำคาญ ก่อนจะออกแรงบีบเพียงเล็กน้อย แต่เหมือนจะสร้างความเจ็บปวดไปจนถึงกระดูก “เมียฉัน ฉันดูแลเองได้ ไม่ต้องลำบากนายหรอก” เขาตบบ่าเล็กเบาๆอีกสองสามที พูดแค่นี้ก็น่าจะเข้าใจแล้วล่ะ
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต