LOGINภายในรถเงียบสนิทไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน จนกระทั่งรถเลี้ยวมาจอดหน้าร้านขายของชำที่พลับจีนเองก็เคยมาอยู่หลายครั้ง
“ลงสิ”
พลับจีนหันมองเจ้าของรถด้วยความสงสัย ทว่าไม่ทันได้ถามอะไรอีกฝ่ายก็ลงจากรถไปเสียแล้ว ดวงตากลมกลอกมองบนพลางเป่าลมออกจากปากจนผมหน้าม้าเสียทรง
ร่างสมส่วนเดินตามหลังคนอายุมากกว่าเข้ามาในร้านขายของชำ หันไปยิ้มทักทายเจ้าของร้านเล็กน้อย
“ช่วยเลือกซื้อของที่เด็ก ๆ ชอบหน่อย”
“เด็กที่ไหนครับ”
“บ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยไป”
พลับจีนไม่เข้าใจเคนจริง ๆ ว่าเป็นคนแบบไหนกันแน่ ครั้งก่อนบอกไม่ชอบเด็ก ทว่าครั้งนี้กลับพาเขามาช่วยเลือกซื้อของให้เด็ก ๆ น่ะเหรอ
แต่ถึงสงสัยยังไงพลับจีนก็ไม่อยากถามอะไรให้มากนัก เดินไปหยิบตะกร้าใบใหญ่มาใบหนึ่ง เลือกซื้อพวกขนมและของใช้ที่คิดว่าจำเป็น จำพวกของเดิมๆ ที่เคยซื้อเหมือนทุกครั้งเวลาไปที่นั่น เคนเดินตามหลังมาเงียบ ๆ ไม่พูดไม่ขัด ไม่ว่าพลับจีนจะเลือกซื้ออะไร แม้ว่าของบางชิ้นจะราคาแพงก็ตาม
“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ”
“มีเด็กเยอะไม่ใช่หรือไง แค่นี้จะพออะไร”
“แต่นี้ก็หลายบาทแล้วนะครับ” คนที่มีงบน้อยอย่างพลับจีนแม้ว่าจะอยากช่วยเหลือคนอื่น แต่ก็ต้องนึกถึงคุณทรัพย์ของตัวเองด้วยเป็นหลัก
“ฉันมีเงิน” ไม่ใช่การอวดโอ้แค่พูดความจริงเท่านั้น
“ค้าบ.. รู้แล้วครับว่ารวย”
ถึงจะรู้ว่ารวยจริงอย่างที่พูดมาแต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ มีเงินแล้วยังไง คิดจะซื้ออะไรราคาเท่าไรก็ได้หรือยังไง ก็รู้อยู่หรอกว่าทำอย่างนั้นได้
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับคนไม่สบอารมณ์ นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่คุยกันเมื่อสี่เดือนก่อนพลับจีนก็ดูเหมือนจะกล้าต่อปากต่อคำกับเขามากขึ้น แม้แต่น่านน้ำที่อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปียังไม่กล้าขนาดนี้ แล้วเด็กคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
เคนยืนรออยู่ตรงเคาน์เตอร์คิดเงินเกือบสิบนาที อีกคนก็เดินกลับมาพร้อมกับตะกร้าขนมสามสี่ตะกร้าราวกับประชดกันอย่างไรอย่างนั้น เคนเพียงเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนจะรอเจ้าของร้านคิดเงิน จ่ายเสร็จสรรพไม่มีอิดออดหรือคำบ่นออกมาจากปากแม้แต่คำเดียว ถุงขนม ของใช้ถุงใหญ่ ๆ สามถุงถูกหอบหิ้วมาใส่ไว้ท้ายรถ
“ขึ้นรถ ต้องให้บอกทุกอย่างเลยหรือไง”
“ครับคุณเคน”
เด็กหนุ่มตอบรับเสียงยาน กลอกตามองพลางทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย กลับขึ้นมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้อีกฝ่ายพาไปนั่นทีนี่ที
พอมานึกดูแล้วไม่รู้คิดผิดหรือคิดถูกที่ไปรับปากผู้ชายคนนี้ว่าจะเชื่อฟังทุกอย่างแลกกับเก็บความลับของเขา แค่ตอนนี้ยังขนาดนี้ ต่อไปต้องมีอะไรมากกว่านี้รอเขาอยู่แน่ ๆ เพราะคนอย่างคุณเคนพลับจีนเดาไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าจะทำอะไรยังไงกับเขาบ้าง
พลับจีนช่วยถือถุงขนมที่เพิ่งซื้อมาฝากเด็ก ๆ เดินนำเคนมาอย่างคุ้นชินกับสถานที่ ตรงไปยังห้องพักของครูใหญ่ ก่อนจะพากันมาที่ห้องของเด็กพักของเด็ก ๆ
ครั้นหันไปมองหน้าเคนพลับจีนก็เชื่อสุดใจเลยว่าอีกฝ่ายไม่ชอบเด็กจริง ๆ อย่างที่พูด ทว่ากลับยอมเดินตามเข้ามานั่งลงบนพื้นอย่างไม่นึกถือตัว เห็นว่าปากเสีย ทำตัวไร้มารยาทกับเขา แต่พอคุยกับผู้ใหญ่ก็ดูจะปรับตัวได้ดี ทั้งน้ำเสียง ทั้งรอยยิ้ม สิ่งที่เขาไม่เคยเห็นเคนกลับทำมันได้อย่างง่ายดายต่อหน้าครูใหญ่
ภายในห้องมีแต่เด็กเล็กอายุไม่เกินหกขวบวิ่งเล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว บ้างก็วิ่งมาลากพลับไปเล่นด้วยอย่างเช่นทุกครั้งเพราะความสนิทสนม ส่วนเด็กชายที่ซนหน่อยก็พากันไปปีนตักขี่คอเคนราวกับสนิทสนมกันมานาน
พลับจีนอดขำกับภาพตรงหน้าไม่ได้ ที่เห็นตอนนี้คือเคนนั่งนิ่งเป็นหิน ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นคงกำลังเก็บความรำคาญไม่ให้แสดงออกมา ปล่อยให้เด็กคนนั้นดึงไปทางนั้นทีทางนี้ที ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าหากมาที่นี่โอกาสที่จะเจอกับเด็กซนแบบนี้มีมากนัก แต่กลับยังเลือกที่จะมา พลับจีนไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไปทำไม
แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีหรือเปล่า การที่โดนลากมาที่นี่ อย่างน้อยเขาก็ได้มีโอกาสได้มาเจอกับเด็ก ๆ หลังจากที่หาเวลาว่างให้ตัวเองไม่ได้ พอได้หยุดพักวันอาทิตย์พลับจีนก็ต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาล
“คุณเคน มานี่สิครับ”
เจ้าของชื่อเงยมองหน้าคนตัวเล็กนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายตามคำสั่ง จนพลับจีนต้องถือวิสาสะดึงแขนให้ลุกขึ้นเดินมาหน้าห้อง กดไหล่ให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอีกตัวเล็กใกล้ ๆ ที่ตัวเองยืนอยู่
“เด็ก ๆ มีใครอยากพับนกบ้างเอ่ย?”
“หนู”
“ผมครับ”
เสียงตอบรับเจี๊ยวจ๊าวของพวกเด็ก ๆ ทำให้พลับยกยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะบอกให้ทุกคนนั่งให้เป็นระเบียบ เดินไปหยิบเอากระดาษมาแจก
“คุณเคนอยากลองพับด้วยไหมครับ”
“ไม่” ตอบปฏิเสธกลับไปทันที
“เอาน่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วลองพับดูหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวพลับสอน” ว่าพลางยื่นกระดาษให้กับอีกฝ่าย ดูก็รู้ว่าไม่พอใจแต่ก็ยอมรับไปแต่โดยดี
พลับจีนคอย ๆ สอนการพับนกทีละขั้นตอนอย่างละเอียด ไม่เร่งรีบ ไม่ใจร้อน อีกทั้งยังคอยเหลือบมองเคนอยู่เป็นระยะ ตอนแรกก็นั่งถอนหายใจทิ้งอยู่เฉย ๆ ไม่ยอมทำตาม ทว่าไม่นานก็เริ่มพับกระดาษตามที่พลับจีนสอน
“ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ!” เอ่ยพึมพำด้วยความรำคาญใจกับตัวเองแผ่วเบา เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมต้องมาทำเรื่องไร้สาระพวกนี้
“ผิดแล้วครับ ต้องพับมุมนี้ลงมาให้เป็นสามเหลี่ยมก่อนครับ” พลับจีนเดินสอนเด็ก ๆ จนครบทุกคนแล้วจึงกลับมาหาเคนที่ยังวุ่นอยู่กับขั้นตอนแรก
“ยากขนาดนี้ใครเขาจะทำเป็น แล้วจะมานั่งพับนกกระดาษนี่ไปเพื่ออะไร!” เอ่ยถามด้วยความหงุดหงิด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม เดี๋ยวนี้ใครเขามานั่งพับกระดาษเล่นกัน อย่าว่าแต่สมัยนี้เลย ตั้งแต่เขาเกิดมาไม่เห็นเคยมาทำอะไรแบบนี้
“นกกระดาษก็เหมือนของเล่นอย่างหนึ่งนั่นแหละครับ”
“ถ้าอยากได้ของเล่นก็ซื้อสิ ฉันซื้อให้ก็ได้”
“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการนะครับคุณเคน” พลับจีนนั่งลงข้าง ๆ พลางพับนกกระดาษไปด้วย “พ่อแม่ของคุณอาจจะมีเงินซื้อของเล่นทุกอย่างบนโลกนี้ที่คุณอยากได้ให้ได้ง่าย ๆ แต่เด็กที่นี่ไม่มี ถ้าไม่มีคนหยิบยื่นมาให้พวกเขา คุณคิดว่าจะได้เล่นของเล่นดี ๆ อย่างที่คุณเคยเล่นเหรอครับ”
“…”
“มันอาจจะดูไม่มีค่าในสายตาคุณ แต่ดูเด็ก ๆ สิครับ แค่นกกระดาษตัวเดียวที่พวกเขาพับขึ้นมาเองได้มันก็ทำให้เขามีความสุข สนุกไปกับมันต่อให้ไม่มีราคาเหมือนของเล่นที่คุณมีก็เถอะ”
พลับจีนไม่รู้ว่าเคนเข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า แต่สำหรับเขาที่เคยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามาก่อน กว่าจะได้ของเล่นสักชิ้นไม่ง่ายเลย ไม่ใช่ว่าจะมีผู้ใหญ่ใจดีมอบให้ทุกปี ของที่เคยมีก็สึกหรอไปตามสภาพอายุ การได้ประดิดประดอย หรือทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นมาเล่นเองก็เป็นอีกทางหนึ่งที่พลับจีนเคยทำในตอนนั้น
กระดาษที่ใช้แล้วทิ้งไว้พลับจีนสามารถพับให้เป็นรูปต่าง ๆ ได้เพื่อเอามาเล่นกับน้องสาว อาจจะดูไม่มีค่าในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยมีอะไรเป็นของตัวเองเลยกลับมีค่ายิ่งกว่าของราคาแพง
“แล้วทำไมต้องเป็นนกกระดาษ” เคนแค่สงสัยว่าทำไมพลับจีนถึงต้องสอนพับนกกระดาษ แทนที่จะสิ่งอย่างอื่นที่แข็งแรง และเล่นได้นานกว่านี้
“เพราะมันเป็นสิ่งแรกที่พลับทำเป็นตอนนั้น”
“…”
“พลับคิดว่านกกระดาษมันเหมือนกับพลับ”
“ยังไง?”
“ได้ชื่อว่านก แต่ก็บินไม่ได้..”
รูปร่างของมันเหมือนนก แต่ก็เป็นได้แค่นกกระดาษ โบยบินอย่างอิสระไม่ได้เหมือนนกจริง ๆ เป็นแค่สิ่งบอบบางที่หากปล่อยทิ้งตากฝนก็คงเปื่อยและขาดไป หากถูกขยำก็คงยับจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ในอดีตพลับจีนเคยเป็นอย่างนั้น ไม่ต่างจากนกกระดาษเลยสักนิด ต่อให้อยากโบยบินอย่างอิสระมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้
“เสร็จแล้วครับ ตัวนี้พลับให้คุณเคน”
“…”
นกกระดาษตัวสีฟ้าถูกวางลงตรงหน้าของเคน ดวงตาคมทอดมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองพลับจีนที่มองกันอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มนั้นปิดบังความเศร้าบางอย่างในตาไม่ได้เลยสักนิด
“ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดแล้วกันครับ”
พลับจีนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเคนเพราะเมื่อปีที่แล้วน่านน้ำชวนเขาไปฉลองวันเกิดเคนด้วยกัน จริง ๆ น่านน้ำส่งภาพตอนไปทำบุญที่วัดเมื่อเช้ามาให้ดูต่างหากพลับถึงนึกได้ ที่ไม่รับสายเขาก็เพราะไปกับครอบครัวนี่เอง
เคนแค่นหัวเราะในลำคอหนึ่งคำ มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นน้อย ๆ ของขวัญวันเกิด นกกระดาษเนี่ยนะ?
ไม่ทันออกจากที่นี่ ไม่ขาดก็คงหายก่อนกลับถึงบ้านพอดี
คิดว่าเขาจะเก็บของแบบนี้เอาไว้หรือไง?
“ได้ชื่อว่านก แต่ก็บินไม่ได้..”
tbc.
คุยกับนักเขียน
ไม่ชอบเด็ก? แต่พาเขามาหาเด็ก ๆ แค่อยากทำบุญวันเกิด หรือมีจุดประสงค์อะไรจ๊ะ เอาให้แน่จ้าาา มีคนจับตาดูอยู่เยอะเด้อออ อย่าให้ต้องทุบหลังก่อนถึงจะคิดได้
น้องพลับคือมีชีวิตที่น่าสงสารมาก แต่กลับเติบโตมาได้อย่างดี แค่นี้ก็โคตรจะเก่งแล้ว ไอ้ลูกชายแกจงฟังแม่ อย่าทำให้น้องเสียใจ!
ภายในรถเงียบสนิทไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน จนกระทั่งรถเลี้ยวมาจอดหน้าร้านขายของชำที่พลับจีนเองก็เคยมาอยู่หลายครั้ง“ลงสิ”พลับจีนหันมองเจ้าของรถด้วยความสงสัย ทว่าไม่ทันได้ถามอะไรอีกฝ่ายก็ลงจากรถไปเสียแล้ว ดวงตากลมกลอกมองบนพลางเป่าลมออกจากปากจนผมหน้าม้าเสียทรงร่างสมส่วนเดินตามหลังคนอายุมากกว่าเข้ามาในร้านขายของชำ หันไปยิ้มทักทายเจ้าของร้านเล็กน้อย“ช่วยเลือกซื้อของที่เด็ก ๆ ชอบหน่อย”“เด็กที่ไหนครับ”“บ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยไป”พลับจีนไม่เข้าใจเคนจริง ๆ ว่าเป็นคนแบบไหนกันแน่ ครั้งก่อนบอกไม่ชอบเด็ก ทว่าครั้งนี้กลับพาเขามาช่วยเลือกซื้อของให้เด็ก ๆ น่ะเหรอแต่ถึงสงสัยยังไงพลับจีนก็ไม่อยากถามอะไรให้มากนัก เดินไปหยิบตะกร้าใบใหญ่มาใบหนึ่ง เลือกซื้อพวกขนมและของใช้ที่คิดว่าจำเป็น จำพวกของเดิมๆ ที่เคยซื้อเหมือนทุกครั้งเวลาไปที่นั่น เคนเดินตามหลังมาเงียบ ๆ ไม่พูดไม่ขัด ไม่ว่าพลับจีนจะเลือกซื้ออะไร แม้ว่าของบางชิ้นจะราคาแพงก็ตาม“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ”“มีเด็กเยอะไม่ใช่หรือไง แค่นี้จะพออะไร”“แต่นี้ก็หลายบาทแล้วนะครับ” คนที่มีงบน้อยอย่างพลับจีนแม้ว่าจะอยากช่วยเหลือคนอื่น แต่
เจ้าของร่างสูงยืนพิงหน้าต่างมองดูคนหมดสภาพที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากถูกราดน้ำเรียกสติอยู่พักใหญ่กว่าจะหมดฤทธิ์ถึงได้หลับไป ปล่อยให้เคนจัดการเปลี่ยนผ้าให้ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่เลยสักนิดความต้องการของคนที่กินยาปลุกเซ็กซ์เข้าไปคือการที่มีความต้องการทางเพศ ซึ่งเคนไม่ได้อยากมีอะไรกับคนที่ขาดสติ วิธีที่พอจะช่วยได้ที่คิดออกก็มีเท่านี้ระหว่างทางกว่าจะมาถึงห้องพักของพลับจีน เจ้าตัวพยายามที่จะปีนป่ายเข้าหาเคนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถือว่าเก่งมากที่พยายามฝืนตัวเองได้ แม้ว่าจะต้องกัดแขนตัวเองจนเลือดซิบก็ตาม“เจอตัวยังครับคุณแซน”[ค่ะคุณเคน เป็นลูกค้าใหม่เพิ่งมาครั้งแรกค่ะ]“ไม่ว่าจะลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ผมไม่สนใจ กฎของร้านเป็นยังไงคุณแซนรู้ใช่ไหมครับ”[รู้ค่ะ แล้วเรื่องที่พนักงานของเราไปฟาดหัวเขาล่ะครับ]“ผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เพราะพนักงานเราไม่ผิดที่ปกป้องตัวเอง”“ค่ะ เดี๋ยวที่เหลือแซนจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”“ฝากด้วยครับ”เคนกดวางสายจากผู้จัดการร้าน ทอดมองพลับจีนพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยแต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะยังไงเสียพลับจีนก็ถือว่าเป็นพนักงานในร้านของเขาเห
หลังจากผ่านพ้นความอึดอัดบนโต๊ะอาหารมาได้ กลับต้องมากระอักกระอ่วนต่อในรถ เพราะน่านน้ำเป็นห่วงเขาจนจับยัดใส่รถคุณเคนให้พามาส่งที่บ้าน ประจวบเหมาะกับเวลาช่วงทุ่มครึ่งแบบนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยรถ ติดไฟแดงยาวเหยียดกว่าจะได้ขยับเขยื้อนพลับจีนถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ครั้นจะลงจากรถตอนนี้ก็ทำไม่ได้ ยังดีหน่อยที่ในรถยังมีคีนนั่งมาด้วยอีกคน“เฮียส่งคีนข้างหน้านี้ก็ได้ครับ เพื่อนคีนอยู่แถวนี้คีนจะไปหาเพื่อนก่อน”เวร!!! หรือเขาควรลงตรงนี้ด้วยเลยดีไหมวะ?รถยนต์ขับมาจอดเทียบริมฟุตพาทปล่อยให้เคนได้ลงตามที่ต้องการ พลับจีนกำลังชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะพูดออกไปไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก“พลับขอลงตรงนี้ด้วย---”“ปิดประตู”พูดไม่ทันจบเจ้าของรถก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน น้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงไปด้วยคำสั่งอยู่กลาย ๆ ทำให้พลับจีนต้องกระเถิบมานั่งที่เดิมพร้อมกับปิดประตูคนตัวเล็กหน้างอง้ำขึ้นเล็กน้อย ไม่พอใจที่ตัวเองเชื่อฟังคำสั่งของเคน ทั้งที่ควรทำตามที่ต้องการ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องนั่งอยู่ต่อเลยสักนิดเจ้าของรถเอื้อมมือไปหยิบของในเก๊ะเก็บของ ก่อนจะโยนมาไว้บนตักพลับจีน คำสั่งถูกเอ่ยออกจากปากเคนอีกครั้ง พลันดวงตากลมสบเข้า
สารนิโคตินถูกสูบเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นควันในปากออกมายาวเป็นสายให้มันค่อย ๆ จางหายไปในอากาศทิ้งไว้เพียงกลิ่นเฉพาะตัวที่คนสูบคุ้นเคยเป็นอย่างดีดวงตาคมเรียบนิ่งยากจะคาดเดา เลื่อนสายตาจากทิวทัศน์นอกหน้าต่างมามองคนบนเตียง ร่างกายขาวเนียนบอบบางซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม คงจะเหนื่อยจากกิจกรรมที่ทำด้วยกันเมื่อคืนนี้ถึงได้นอนหลับไม่รู้สึกตัวแม้ว่าตอนนี้จะหกโมงเช้าแล้วก็ตามความจริงวันนี้น่าจะเป็นวันที่อีกฝ่ายต้องไปทำงาน แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ไหว เคนเองก็ไม่อยากปลุก เอาแต่คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน พอทุกอย่างจบลงไปแล้วเขาถึงเพิ่งมานึกได้ว่าไม่ควรทำตั้งแต่แรก หากยับยั้งความต้องการสักนิดก็คงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนขึ้นเคนไม่รู้ว่าพลับจีนจะยอมรับข้อเสนอหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะยอมง่าย ๆ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไหม เพราะเขาไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น ต่อให้พลับจีนจะเป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน และอาจจะผิดใจกันได้ในภายหลัง ซึ่งเขาไมได้สนใจอยู่แล้ว ขอเพียงแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายให้เขาต้องปวดหัวภายหลังก็พอบุหรี่ม้วนที่สามถูกโยนทิ้งออกไปหน้าต่าง ร่างสูงโปร่งเดินมาหยิบเสื้อยืดของตัวเองที่กองอยู่บนโซฟามาสวมใส่ กำลังชั่
“เจ็บไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถามเสียงเบา“ฉันจะทำเบา ๆ”คำถามนี้ของพลับจีนพอจะเป็นคำตอบได้หรือเปล่าว่าไม่ปฏิเสธ ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศมันพาไปหรือว่าความต้องการอยากรู้อยากลองของพลับจีนเองที่ทำให้ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเกิดมายี่สิบหกปีพลับจีนไม่เคยผ่านมือชายใด หรือนัวเนียกับสาวคนไหนมาก่อน นี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขา และไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เอาเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว ลองสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ให้ได้รู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะยังไงหลังผ่านคืนนี้ไปเคนก็คงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขาก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน หลังจากนี้เราคงไม่มีเรื่องบังเอิญเจอกันบ่อยเหมือนช่วงนี้“แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่จูบ”“ครับ”“แน่ใจใช่ไหมว่าให้ฉันทำจริง ๆ ปฏิเสธตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะถ้าเริ่มแล้วฉันจะไม่หยุดกลางคัน ต่อให้เธอขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ตาม”“พะ พลับแน่ใจ พลับอยากลอง”นับว่าเป็นคนกล้าได้กล้าเสียพอสมควร เคนไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะกล้าทำเรื่องอย่างว่ากับตน ตอนแรกก็แค่จะขอดูเฉย ๆ ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่คิดว่าพลับจีนจะตอบตกลงง่าย ๆ แบบนี้ที่ผ่านมาเคนไม่ใช่คนติดเซ็กซ์ไม่ได้มีอะไรกับ
เป็นครั้งแรกที่พลับจีนพาคนอื่นเข้าห้องตัวเอง เพราะแม้แต่น่านน้ำก็ไม่เคยมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่เสียงฝนด้านนอกตกกระทบบนหลังคาเสียงดังชัดเจน แม้จะกั้นฝ้าแต่ไม่ได้ช่วยทำให้เสียงภายนอกเบาลงพลับจีนวางกล่องปฐมพยาบาลบนโซฟาข้าง ๆ ตัวเอง ใช้สำลีชุบน้ำเกลือค่อย ๆ ล้างแผลบนท่อนแขนแกร่ง ความเงียบภายในห้องทำให้พลับจีนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก รอยแผลขนาดยาวกับเลือดสีแดงสดทำพลับจีนกระอักกระอ่วน ทว่ายังฝืนตัวเองทำแผลต่อไป เพราะเขาบอกให้อีกคนไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา สุดท้ายก็ต้องลากกลับมาที่ห้องตัวเอง อย่างน้อยก็ควรทำความสะอาดสักหน่อยดีกว่าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้อีกอย่างแผลบนแขนนี่ก็เกิดจากการช่วยเขาเมื่อก่อนหน้านี้ หากเคนไม่เข้ามาช่วยเขาจากพวกคนเมา ไม่เอาตัวเข้ามาขวางตอนพวกมันกำลังจะใช้มีดแทงเขาแผลที่แขนนี่ก็คงไม่เกิดขึ้น“เจ็บไหมครับ” หลังจากเงียบมานาน พลับจีนก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาก่อน “พลับไม่เคยทำแผลให้ใครมาก่อน ไม่รู้ว่ามือหนักไปหรือเปล่า”“...”เคนยังคงเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมา พลับจีนเองก็เป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียว อีกทั้งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองกัน เอาแต่ก้มหน้าก้ม







