LOGIN
หากบอกว่าชีวิตของคนเราอาจคล้ายนิทานปรัมปราที่ดำเนินวนเวียนอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
สำหรับกนกนารี เธอคิดว่าตัวเองคงไม่ต่างจาก The Little Mermaid นางเงือกน้อยที่แสนโง่เขลา ยอมแลกเสียงของตนเองกับแม่มดเพื่อจะได้เปลี่ยนจากครีบหางเป็นขาสองข้างเยี่ยงมนุษย์ และใช้มันก้าวย่างเข้าไปสู่โลกของเจ้าชาย ถ้าได้รับความรักตอบกลับมาเธอจะกลายเป็นเจ้าหญิงผู้แสนโชคดี
หากไม่...ก็จะกลายเป็นเพียงฟองอากาศแล้วสลายไปในท้องทะเลอย่างโดดเดี่ยว
บางครั้งกนกนารีก็อยากรู้ว่าสี่ปีที่อยู่ด้วยกันมา นอกจากเซ็กส์รสชาติเผ็ดร้อน เจ้าชายของเธอเคยมีสักวูบของความหวั่นไหวหรือเข้าใกล้ในสิ่งที่เรียกว่าความรักบ้างหรือเปล่า
หญิงสาวสลัดห้วงของความคิดล่องลอย พับปลายแขนเฟรนช์คัฟฟ์สีขาวขึ้นมาไว้ที่พอดีข้อมือ จากนั้นกลัดคัฟฟ์ลิงก์เรียบ ๆ สีเงินยวงก็เพื่อยึดแขนเสื้อเอาไว้ให้ กนกนารีหยิบคัฟฟ์ลิงก์อีกอันมาทำอย่างเดียวกันกับแขนอีกข้าง อยู่กับผู้ชายคนนี้มาสี่ปี ทำไมเธอจะไม่รู้ความชื่นชอบและรสนิยมของเขา ทุกอย่างที่ประกอบหรืออยู่รอบตัวของ ‘ภัทร พงศ์พีระ’ ต้องดีที่สุดจากหัวจดเท้า แม้แต่กระดุมกลัดแขนเสื้อก็ต้องแพงระยับ
ทำหน้าที่กลัดแขนเสื้อไม่พอ มันต้องเป็นเครื่องประดับชั้นดีที่ส่งเสริมบุคลิก ไม่เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสเฉียดกรายอยู่บนตัวเขา หรือถ้าจะอยู่ ก็ต้องอยู่แบบซ่อนเร้นเช่นเดียวกับเธอ
หญิงสาวตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มพราวแบบคนขี้เล่นและอ่อนโยนตามนิสัย
“หล่อแล้วค่ะคุณภัทร”
“อืม ผมไปล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวขาวสะอาดคว้าสูทสีเข้มเฉดเดียวกับกางเกงสแล็กส์มาสวม ยิ่งทำให้ไหล่หนาดูกว้างกว่าเดิม แต่บุคลิกสูงส่งเย็นชาอาจจะเป็นเนื้อแท้ที่ต่อให้คนอย่างภัทรลงมาแต่งตัวปอน ๆ บางอย่างในตัวเขาก็ยังทำให้เหมือนคุณชายผู้เย่อหยิ่งอยู่ดี
กนกนารีหยิบกระเป๋าสะพายเดินตามไปที่ประตูเพนต์เฮาส์ ภัทรหมุนตัวกลับมาและมองหญิงสาวที่อยู่กับเขามายาวนานที่สุด ยาวนานแบบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
“คุณจะไปไหน” แม้กนกนารีจะเด็กกว่าภัทรหลายปี และสถานะก็อยู่ในลักษณะที่อธิบายยากพอสมควร ไม่ใช่แฟน แต่ก็ไม่ใช่เด็กที่เขาเลี้ยงดู เพราะเธอไม่เคยใช้เงินเขา บางอย่างบอกกับภัทรว่ากนกนารีเป็นคนที่พิเศษในช่วงเวลาหนึ่ง เพียงแต่เธอธรรมดาเกินไปสำหรับคนที่ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบในทุกมิติแบบเขา และก็ไม่มีผลประโยชน์อะไรที่จะเกื้อกูลกันได้
“เฟิร์นก็จะไปเรียนเหมือนกันค่ะ” เขาถามเพราะช่วงนี้เธอได้เริ่มฝึกงานตามสถานพยาบาลต่าง ๆ ตามแผนการเรียนของนักศึกษาเภสัชศาสตร์ปีสุดท้าย
“สาวสวยในเสื้อกาวน์ เร้าใจดีนะ” ภัทรรั้งเอวบอบบางของหญิงสาวตัวหอมเข้ามาใกล้ กระชับต้นคอระหงด้วยมือเรียวยาวของเขาก่อนจะประกบริมฝีปากของตนเองลงไป คลึงเคล้าเบา ๆ พอกนกนารีตอบสนอง สองร่างที่กอดเกี่ยวกันอยู่ก็เหนี่ยวนำกันไปที่ผนังของโถงลิฟต์สำหรับเพนต์เฮาส์ส่วนตัว
บั้นท้ายเด้งแน่นในกระโปรงสีดำทรงเอสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยถูกกดแนบกับหินอ่อนเย็นเฉียบในท่ายืน อยู่ใกล้กันแบบเนื้อตัวแนบชิด อารมณ์ตื่นตัวของชายหนุ่มที่ดุนดันหน้าขาชัดเจนแจ่มแจ้ง ตอนที่ภัทรปล่อยให้เธอหายใจแต่เขาเองกลับก้มลงสูดกลิ่นหอมสะอาดเหมือนอากาศหลังฝนตกจากข้างแก้ม ไซ้ลงไปยังซอกคอขาวเหมือนน้ำนม
“คุณภัทรประชุมเช้า” กนกนารีจิกเล็บลงไปบนบ่ากว้างของเขาอย่างลืมตัว มันก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งสะเทือนนักหรอกในเมื่อเขามีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า อีกอย่างเล็บของเธอตัดสั้นสะอาดตามแบบของนักศึกษาในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพส่วนใหญ่
“แต่คุณร้อนแล้ว ผมไม่อยากปล่อยให้ค้าง” ภัทรกระซิบข้างหูที่เริ่มขึ้นสีเรื่อ นิ้วมือเรียวยาวของเขาใช้งานได้อย่างเจนจัด ยิ่งในพื้นที่ซ่อนเร้นลึกลับของกนกนารี เขายิ่งรู้ว่าต้องการแบบไหน ทุกสัมผัสและทุกจังหวะที่จะทำให้เธออ่อนเหลวละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟ การขยับลึกล้ำแค่ไหนที่จะทำให้เธอมีความสุข
กนกนารีเคยบอกว่าเธอเหมือนนางเงือกน้อย สิ้นเสียงเพื่อแลกกับการเดินด้วยเท้าเข้าหาความรัก...ภัทรรู้สึกไม่ชอบตำนานบ้า ๆ นี่เลย แม้เธอจะพูดน้อยสงบเสงี่ยม แต่เสียงครวญครางหวานหูเย้ายวนใจเป็นการยืนยันให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้สูญเสียสิ่งใดนอกจากความสาวเพื่อแลกกับความสุขสมระหว่างชายหญิง
“พกถุงยางไว้ไหม คุณเภสัชกร” นอกจากกดคลึงที่ติ่งเนื้อกลางกายสาว นิ้วยาวของภัทรยังสอดใส่เข้าไปยังช่องทางเยิ้มฉ่ำอันแสนอบอุ่น หยอกเอินยั่วเย้าจนเธอตัวสั่นสะท้านหนักกว่าเดิม เสียงครางอ่อนเหมือนลูกแมวหลุดออกมาให้ได้ยิน ทั้งน่าแกล้งรังแกและกระตุ้นเร้าสัญชาตญาณดิบของผู้ชายให้ยิ่งเหิมเกริม
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวตาอ่อนเชื่อม ผิวแก้มแดงซ่านตามอุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้น ภัทรรู้จักร่างกายของเธอดีกว่าที่ตัวเองรู้จักเสียด้วยซ้ำ และเป็นตัวเขาเองที่หยิบซองฟอยล์มาฉีกออกเพื่อสวมเครื่องป้องกัน อีกสองชิ้นก็ถือวิสาสะสอดไปในกระเป๋าสะพายของเธอ
“ยืมกระถางต้นไม้ปลอมนี่หน่อยนะ” คนขายาวเกี่ยวกระถางแบบหวายสานที่กำลังเป็นที่นิยมมาใกล้ตัว ยกขาข้างหนึ่งของหญิงสาวให้วางบนขอบกระถาง เปิดทางให้ตัวตนของเขาดำดิ่งลงไปในความชุ่มฉ่ำอันแสนหวานของหญิงสาว
“คุณภัทร...” หลังเรียกชื่อก็กลายเป็นเสียงครางออดอ้อนมาแทนที่ กนกนารีซบซีกหน้าลงบนไหล่ของเจ้าชายที่เธอหลงรัก เนื้อตัวสั่นไหวจากแรงเร่งด่วน เผ็ดร้อน รุนแรง ภัทรเป็นคนทำทุกอย่างตามแบบแผน ในขณะที่เซ็กส์ของเขากลับผาดโผนและไร้กฎเกณฑ์แตกต่างจากอย่างอื่นในชีวิตของเขาสุดขั้ว
“เฟิร์น” เสียงคำรามต่ำพร่าของเขาดังขึ้นเมื่อต่างพากันไปถึงจุดหมาย แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะยังไม่ยอมหยุด
“คุณภัทร เฟิร์นมีเรียน” หญิงสาวตัวสั่นระริก แข้งขาอ่อนปวกเปียกจนต้องเกาะร่างหนาแกร่งของเขาไว้เป็นหลักยึด
“ผมยังไม่จุใจเลย” ภัทรหมายความตามนั้นจริง ๆ ทั้งที่แค่เซ็กส์ แต่เขาดันติดใจจนเกินเหตุ
“คืนนี้นะคะ” กนกนารีอ้อนวอนอยู่กับแผ่นอกกว้าง เธอตามใจเขาทุกอย่าง พอ ๆ กับที่เขาเอาแต่ใจกับเธอทุกทางเหมือนกัน เพียงแต่เช้านี้เธอต่อกับเขาไม่ไหว ขืนยอมมีหวังเธอไม่ได้ไปเรียนแน่ ๆ
ภัทรเชยคางของหญิงสาวที่ซุกอยู่กับอกขึ้นมอง ดวงตาสีดำเงากระจ่างใสของเธอยังไม่ต่างกับคราวที่เขาได้เจอกับเธอเป็นครั้งแรก เมื่อย้อนนึกถึงเขาก็มักจะอมยิ้มด้วยความประหลาดใจเสมอ
“บางครั้งผมก็งงนะว่าเด็กแบบคุณ หลงมาอยู่กับผมได้ยังไง”
หลังจากคุณหญิงรสรินทร์หอบหิ้วเด็กหญิงฟองสมุทรออกไปเล่นที่สวนหลังบ้านเพราะไม่อยากให้หนูน้อยจดจ่ออยู่กับการดูการ์ตูนอย่างเดียว ทั้งบ้านก็เงียบลง…เจ้าสัวภพและท่านผู้หญิงนวลปรางค์ถูกอัปเปหิไปใช้ชีวิตที่โคราช โดยมีการ์ดดูแลอย่างใกล้ชิด หลายครั้งที่บิดาเพียรโทร.หาภัทรในช่วงแรกให้ช่วยเกลี้ยกล่อมมารดา แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น สิ่งที่ชายหนุ่มพอจะทำได้คือพาลูกสาวและภรรยาไปเยี่ยมในช่วงวันหยุดตามแต่โอกาสสมควร ตราบใดที่บิดาและย่าของเขายังพยายามร้องขออำนาจและโหยหามันมากกว่าความเป็นครอบครัว ก็คงต้องอยู่กันแบบนี้แหละ… ภัทรถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาออเซาะภรรยาคนสวยที่เพิ่งเก็บไอแพดโปรในตำนานเข้ากล่องไว้อย่างดี“ภาพหน้าจอโทรศัพท์ผมน่ารักไหม”“น่ารักมากเลยค่ะ” ภาพที่ว่าเป็นรูปถ่ายของเธอที่กำลังนั่งเล่นทรายกับลูกสาวที่แต่งตัวเป็นเงือกตัวน้อยบนชายหาด เขาเพิ่งพาครอบครัวไปเที่ยวพัทยามาเมื่อสองวันก่อนนี่เอง“แล้วเฟิร์นใช้ภาพไหนครับ”“อืม เปลี่ยนไปเรื่อยเลยค่ะ”ภัทรหยิบเอาสมาร์ตโฟนของภรรยามาถือไว้ พร้อมกับเหลือบมอง นอกจากเปลี่ยนไอแพดใหม่ให้ลูกสาว ภัทรก็ถือโอกาสซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้ภรรยาอีกครั้ง ทุกวันน
เด็กหญิงฟองสมุทรกำลังจดจ่อกับตัวเทเลทับบีส์ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมที่บิดาเพิ่งซื้อมาให้ใหม่แทนไอแพดเครื่องเดิมที่เก่าจนช้าต่อการใช้งาน ดูจบตอนเด็กน้อยจึงเงยหน้าขึ้น ก็พบว่ามารดาของตนเองกำลังเช็ดทำความสะอาดไอแพดเครื่องเก่าอยู่…“คุณแม่ขา จะเอาไปไหน” เด็กหญิงขี้สงสัยชี้ไปที่จอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่พื้นหลังของมันเป็นสีเงิน“เก็บเข้ามิวเซียมค่ะ” กนกนารีตอบพลางอมยิ้ม สุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่ไหวหัวเราะคิกออกมา ก่อนจะหันไปมองบุคคลต้นเรื่องที่นั่งหน้าแดงก่ำอยู่ตรงนี้ด้วยกันทั้งหมด“ค่า” เด็กน้อยเออออตามมารดา ก่อนจะก้มลงกดเลื่อนคลิปต่อไปในขณะที่กนกนารีมองไอแพดในมือด้วยดวงตาที่อ่อนแสง…หลังแต่งงานได้สองวัน เธอก็เริ่มจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าบนเพนต์เฮาส์ของเขา และก็ดันเจอกับกล่องสุ่มของแพร์รี่เพิร์ลที่ถูกเก็บเข้าตู้ไว้รอเธอ“คุณภัทร ยังเก็บไว้อีกเหรอคะ” กนกนารีหันมาถามสามีป้ายแดงที่เดินตามเข้ามาและช่วยยกกล่องทั้งสองออกมาให้ที่หน้าโซฟา“แกะดูสิครับ” ภัทรเลื่อนกล่องใหญ่กว่ามาให้ตรงหน้า หน้าตาเขาดูตื่นเต้นผสมคาดหวัง“ถ้าเป็นของกินคงหมดอายุไปแล้วแน่ ๆ” หญิงสาวบ่นงึมงำพลางแกะกล่อง เพราะจากวันที่เธอซื้อกล่องสุ่มจ
เมื่อ 5 ปีก่อน“มาอีกแล้ว รูปหล่อ” หญิงวัยกลางคนหัวหน้าสถานีอนามัยทักขึ้นพร้อมกับมองลอดแว่น ภัทรรู้สึกได้ทันทีว่าคะแนนของเขาในฐานะพ่อค้าเร่คงค่อนข้างติดลบกว่าหนุ่มคนอื่นที่มาติดพันกนกนารีอยู่หลายขุมทีเดียว“ครับ” ชายหนุ่มเพียงรับคำสั้น ๆ พอหัวหน้าของหญิงสาวเดินหายลับไปแล้ว เขาก็หันมาหาเธอ ขยับจะเอ่ยปากว่าคิดถึงสักคำ รถพิกอัปสีส้มสดก็เลี้ยวเข้ามาจอดพร้อมกับชายในชุดสีกากีก้าวลงมา ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กนกนารีมาแต่ไกล“เรื่องเอกสารของเฟิร์นเรียบร้อยแล้วนะครับ”“ขอบคุณคุณปลัดมากนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมรับซองเอกสารสีน้ำตาลจากมือของข้าราชการหนุ่ม เหลือบตามองตามเมื่อนักธุรกิจชื่อดังของเมืองหลวงเดินหน้าตึงเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ยอมพูดยอมจา ส่วนปลัดอำเภอคนดีก็มองหน้าชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน สลับกับหันมองหญิงสาวคนเดียวในที่นี้ ที่สุดกนกนารีก็ต้องเอ่ยแนะนำ“คุณภัทรคะ นี่คุณปลัดตั้ม เพื่อนเฟิร์น” จบคำแนะนำของหญิงสาว ปลัดหนุ่มก็หน้าเจื่อนลง“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณปลัด” ภัทรยิ้มร้ายกาจใส่ ก็แค่เพื่อนล่ะวะไอ้น้อง“ส่วนนี่ คุณภัทร…เอ่อ…พี่ชายเฟิร์นค่ะ”คราวนี้คนที่เพิ่งยิ้มร้ายคล้ายจะเห
ลู่ทางไม่มี มีแต่ไหล่ทาง…วนหาโรงแรม เกสต์เฮาส์ หรืออะไรสักอย่างที่ใกล้เคียงกับการให้จอดรถเพื่อเข้าไปซุกหัวนอน ทว่าไม่มีเลย หมู่บ้านแห่งนี้มันเล็กและไร้ความเจริญอย่างแท้จริง สุดท้ายเขาก็มาจอดรถริมไหล่ทาง ไม่ห่างจากบ้านที่ กนกนารีอาศัยอยู่ ถึงจะนอนในรถได้ แต่คนต้องกินต้องขับถ่าย…เขาจะหาที่ซุกหัวนอนตรงไหนดี ปั๊มน้ำมันก็ยังต้องหมุนด้วยมืออีกต่างหาก…นี่มันประเทศเดียวกับประเทศกรุงเทพฯ แน่หรือ“วิณณ์ มึงไม่สนใจมาลงทุนอสังหา พัฒนาโครงการทางเหนือบ้างเหรอ” นั่งเงียบ ๆ ในรถ แง้มกระจกไว้ ดับเครื่องแล้วโทร.หาเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์“ฮะ อะไรนะ ฮัลโหล ฮัลโหล ไม่ได้ยิน”“นี่มึงไม่ได้ยินจริง ๆ หรือแกล้งกู” คำตอบคือการหัวเราะลั่นของปลายสาย ภัทรกลอกตามองบน มุมปากกระตุกไปหลายที“นี่ไอ้ภัทร กูว่านะ มึงรีบจีบน้องหนูเฟิร์นกลับมาให้เร็ว ง่ายกว่ารอความเจริญไปถึงว่ะ”“แต่ตอนนี้กูไม่มีที่นอนไง” ภัทรบอกกร่อย ๆ ความจริงก็เหงาด้วย“นอนในรถสิ” เพื่อนสนิทตอบกลับส่ง ๆ“ที่ขี้กูล่ะ”“โอย ไอ้ภัทร มึงก็แกล้งปวดขี้ ไปขอน้องเฟิร์นเข้าส้วมสิโว้ย แค่นี้นะ กูจะหวานกับเบบี๋ของกูมั่ง” พูดจบก็ตัดสายไปโดยไม่รอการตอบกลับ ภ
เด็กหญิงฟองสมุทรที่เพิ่งรู้จักที่มาของชื่อ นั่งวาดรูปตนเองเป็นดอกไม้เล็ก ๆ สีม่วงอมฟ้าแบบที่คนเป็นพ่อชี้ให้ดูในสวนรอบบ้านเที่ยวไล่ถามย่าบ้าง แม่บ้าง รวมถึงพ่อว่าตนเองสวยไหม ภัทรนัยน์ตาอ่อนแสง หัวใจยวบยาบเอนลู่ลงเหมือนไม้อ่อนที่ถูกน้ำฝน แต่ก็ชื่นฉ่ำไปทั้งร่างเช่นเดียวกัน“สวยมากเลยค่ะ”“งั้นให้คุณพ่อ เก็บรูปน้องฟองไปเลย” เด็กหญิงส่งกระดาษที่วาดด้วยตนเองให้บิดา ก่อนจะลุกขึ้นมาขดตัวบนตักอย่างออดอ้อน พอเพลียเข้าก็หลับลึกจนภัทรต้องอุ้มไปเข้านอนในห้องสีม่วงอมฟ้าที่เตรียมไว้ให้ตั้งแต่รู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ชายหนุ่มกลับเข้าห้องของตนเอง อาบน้ำอาบท่าแล้วก็เดินทะลุห้องแต่งตัวกลับมาที่ห้องนอน กนกนารีนั่งอยู่บนโซฟาปลายเตียง สายตาจับจ้องที่สมาร์ตทีวี ภรรยาสาวสวยของเขายังคงนั่งดูไลฟ์สดของแม่ค้าคนเดิมและตั้งท่าเตรียมจะซื้อของอีกตามเคย“เฟิร์น” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกเมื่อหญิงสาวไม่มีท่าทีต่อการปรากฏตัวของเขา นี่กระผมกลายเป็นวิญญาณล่องลอยไปแล้วหรือไร ภัทรถามตัวเองในใจขำ ๆ ลองว่าจะซื้อของแล้วล่ะก็ กนกนารีก็ไม่อยากจะสนใจอย่างอื่นทั้งนั้น แต่เขาไม่ยอม…ชายหนุ่มยกแล็ปท็อปมาวางบนตัก ทรุดนั่งด้านข้าง เหลือบตามอ
หลังแต่งงานได้หนึ่งปี เฟิร์นกนกนารีก็เริ่มออกดอก…ภัทรดีใจมากและตัดสินใจย้ายสำมะโนครัวจากเพนต์เฮาส์กลับมาอยู่คฤหาสน์พงศ์พีระอีกครั้ง ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมสนามหญ้าให้ลูกวิ่งเล่น อีกประเด็นสำคัญก็เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนมารดาด้วยเช่นกันคุณหญิงรสรินทร์ก็ยังเป็นคุณหญิงรสรินทร์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาอยู่วันยังค่ำ พอกนกนารีคลอดลูกสาวให้เขา เด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวปากแดง ดวงตาดำขลับก็กลายเป็นหัวใจของบ้านไปทันที…ภัทรมองหญิงสาวผิวน้ำนมที่จูงมือลูกสาวในวัยเพิ่งเข้าโรงเรียน เดินตรงมายังโต๊ะสีขาวที่เขานั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน เพราะวันนี้ประชุมปิดไตรมาสจบได้ก่อนเวลา เขาจึงกลับมานั่งรอลูกสาวทันเวลาเลิกเรียน“คุณพ่อขา น้องฟองมาแล้ว” “ขา พ่ออยู่นี่” นั่นไงลูกสาวเขาเอง เสียงมาก่อนตัวเสมอ แถมขี้อ้อนไม่ต่างจากยายเฟิร์นเลยสักนิด คนเป็นพ่อหัวใจอ่อนยวบ แล้วอ้าแขนรอรับลูกสาวตัวน้อยในชุดสีชมพูฟูฟ่องเหมือนขนมถ้วยฟู แต่เป็นเวอร์ชันถ้วยเล็ก ๆ “เอ้า ฮึบ ขึ้นมาเลย”ชายหนุ่มก้มตัวลง รับลูกสาวตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก แล้วหอมไปบนศีรษะและแก้มที่มีกลิ่นแป้งเด็กอบอวลไปหมด“วันนี้กลับเร็วจังค่ะ” เป็นเสียงของคนเป็นแม่ที่ถา







