ครู่ต่อมา แก้วน้ำก็จ่อที่ริมฝีปากหยักลึกได้รูป
“ดื่มน้ำค่ะคุณหนึ่ง น้ำ”
ภพธรเงยหน้ามองเจ้าของเสียง คืนนี้เหล้ายาปลาปิ้งมากมาย มีทั้งของเทศและของไทย แต่ละอย่างล้วนแรงๆ ทั้งนั้นและด้วยความที่จัดหนักกว่าที่เคย ทำให้คืนนี้เขารู้สึกโหวงๆ ลอยๆ จนนัยน์ตาพร่าเบลอไปหมด มิหนำซ้ำยังร้อนผ่าวๆ แต่เดี๋ยวเดียวก็หนาวคล้ายจะเป็นไข้
“น้ำอะไร”
สาวน้อยขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจยาว นี่เขาละเมอหรือเปล่า
“ก็น้ำเปล่าไงคะ เมื่อกี้คุณหนึ่งบอกหิวน้ำ”
คนที่เบิกตาแทบไม่ไหวเลิกคิ้วขึ้นพลางทำเสียงรับรู้ที่เบาหวิวออกมาว่า
“อ้อ”
สาวน้อยถอนหายใจยาว ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ จึงรีบป้อนน้ำให้เขาเพื่อที่จะได้พาอีกฝ่ายไปส่ง แล้วหล่อนก็จะได้กลับห้องไปดูแลแม่ใหญ่เสียที แต่ไม่รู้ว่าจะนอนลงไหม เพราะป่านนี้กลิ่นเหล้าของเขาคงจะติดตัวหล่อนมาแน่ๆ แล้ว
“ค่อยๆ ค่ะ” สิ้นเสียงหวานๆ อีกฝ่ายก็ทำน้ำหก กอหญ้ารีบดึงแก้วออกแล้วหันไปดึงกระดาษทิชชูที่อยู่บนโต๊ะมาเช็ดริมฝีปากให้เขา ระหว่างนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มก็เอนมาเกือบชนดวงหน้าของหล่อน ทำให้สาวน้อยใจกระตุก รีบดึงหน้าตัวเองผละห่างด้วยอาการร้อนผ่าวที่นวลแก้ม
“เอ่อ กลับห้องไหวไหมคะคุณหนึ่ง”
คุณหนึ่งของหล่อนนั่งนิ่ง แถมตายังปิดลงทั้งที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และเชื่อได้เลยว่าหากหล่อนไม่ประคองเขาเอาไว้คงล้มกลิ้งลงไปนอนกับพื้นแล้วอย่างแน่นอน
เด็กสาวมองไม่เห็นใครที่พอจะให้ขอความช่วยเหลือได้เลย เพราะน้าแสงก็อยู่ไกลออกไปอีกด้านหนึ่ง ป่านนี้คงจะหลับกันหมดแล้ว ส่วนพี่เอี้ยงกับพี่เนตรก็ยังไม่กลับมา เห็นทีหล่อนคงต้องรับศึกหนักเสียแล้ว
“คุณหนึ่ง ยืนก่อนค่ะ หญ้าจะพาไปส่งที่ห้อง คุณหนึ่งคะ” ลมหายใจจางๆ แต่ร้อนผ่าวนั้นมีกลิ่นแอลกอฮอล์ปะปนออกมาด้วย เขาทำเสียงบางอย่างในลำคอแต่หล่อนฟังไม่ถนัด จึงเขย่าเขาแรงขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัว
“คุณหนึ่งคะ ลุกขึ้นสิคะ ถ้าไม่ลุกขึ้นหญ้าจะทิ้งคุณหนึ่งให้นอนในครัวจริงๆ ด้วยนะ เฮ้อ”
พูดจบก็ถอนหายใจเฮือก ก็เขาตัวโตออกปานนั้น ใครจะไปประคองไหว แล้วหล่อนกับเขาก็เหมือนไม้ซีกกับไม้ซุง อย่าว่าแต่ประคองเลย ต่อให้ลากก็คงทุลักทุเลดูไม่จืดเลยเชียว
“อือ อะไร” เสียงเขาตอบกลับมาเบาๆ ซ้ำยังงัวเงียฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“ลุกขึ้นค่ะ กลับห้อง”
คนครึ่งหลับครึ่งตื่นได้ยินเสียงหวานแว่วๆ เสียงนั้นคุ้นหูภพธรนัก เขาพยายามเบิกตามองแต่ยากยิ่ง จึงถอนหายใจยาว พลางคิดว่าใครมาจับเขานั่งแบบนี้วะ ง่วงชิบเป๋ง นอนเลยได้ไหม...
“ง่วงนอน” เขาพึมพำออกมาอีก แต่ไม่ยอมลุกขึ้น สาวน้อยจึงหมดความอดทน หยิกลงไปบนท่อนแขนเขาแรงๆ ทีหนึ่ง
คราวนี้ได้ผล ชายหนุ่มสะดุ้งพร้อมส่งเสียงสบถ
“ห่าอะไรวะ”
กอหญ้าเกือบหลุดเสียงหัวเราะ นึกสมน้ำหน้าอีกฝ่าย
“มดกัดมั้งคะ คุณหนึ่งขา ลุกค่ะ หญ้าจะได้กลับห้องเสียที”
เสียงเบาๆ ที่ดังเหมือนกระซิบบอกว่าอยากกลับห้อง เขาก็นิ่งคิด แล้วนึกได้ว่าเขาก็อยากกลับเหมือนกัน จึงลุกขึ้นพรวดพราดจนเด็กสาวตะครุบเอาไว้แทบไม่ทันเพราะอีกฝ่ายเซไปอีกทางจนเกือบล้ม
“คุณหนึ่ง!”
ภพธรตวัดท่อนแขนรัดร่างบอบบางอวบอิ่มโดยอัตโนมัติ ทำให้คนตัวบางเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายทั้งตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ สาวน้อยใจเต้นรัวด้วยความตกใจยิ่ง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์บ้าบอแบบนี้ขึ้นระหว่างตนและนายจ้าง
“โอ๊ะ อะไรวะ” คนเมาบ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ เด็กสาวจึงดันร่างเขาออกห่างแต่ยังยึดท่อนแขนแกร่งของเขาเอาไว้ ก่อนจะกัดฟันบอกอีกฝ่ายพร้อมกับอาการวูบวาบตลอดตัว
“เดินตรงๆ ค่ะ ทางโน้นไม่ใช่ทางนี้ โน่นค่ะโน่น ห้องไปทางโน้น” เด็กสาวเหนื่อยใจนัก เขาจะเดินออกไปหลังบ้านท่าเดียว นี่แสดงว่าเมาจริง ซ้ำยังตัวสั่นอีกด้วย สาวน้อยมุ่นคิ้วอย่างนึกแปลกใจ
“เฮ้อ กินไปเท่าไรเนี่ย แบบนี้เขาเรียกว่ากินไม่คิดชีวิตนะคุณหนึ่ง” เด็กสาวบ่นอุบ อีกฝ่ายก็เซอีกรอบ “เดินดีๆ สิคะ นี่ถ้าคุณหนึ่งล้มทับหญ้านะ หญ้าจะกัดให้จมเขี้ยวเลย”
เด็กสาวขู่ฟ่อ นึกโมโห บอกตัวเองว่ารู้งี้ปล่อยให้เขานอนหลับในครัวก็ดีแล้ว ไม่น่าพาเขากลับไปส่งเลย
“คุณหนึ่ง หนาวเหรอคะ”
คนถูกถามได้แต่มึน รู้สึกหนาวเยือกสลับร้อนผ่าว
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่หน่า” สาวน้อยเปรย ก่อนทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเมื่อเขาไม่ตอบ ซ้ำยังดูไม่ปกติอย่างแรง
“คนอะไรตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม หนักชะมัด”
หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นโอบกอดรอบลำตัวหนาของสามี เผยอรับปากจุมพิตอ่อนหวานของเขาอย่างเต็มใจ นานแล้วที่หล่อนและเขาไม่ได้ทำอะไรกันท่ามกลางแสงเดือนและแสงจันทร์สว่างจ้า ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปปิดตะเกียงโซลาร์เซลล์ ใช้ความสว่างของดวงดาวนำทางแทน ลมหายใจพร่าลง เมื่อร่างกำยำของสามีเปลือยเปล่าท่ามกลางหมู่ดาวที่เกลื่อนฟ้า ขณะที่หล่อนเองก็ไม่ได้น้อยหน้าเขาสักนิด เพราะถูกเขาเปลื้องออกเช่นเดียวกัน ร่างใหญ่ทาบทับลงมาบนร่างนุ่ม มือแกร่งลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างขาวผ่อง ริมฝีปากบดจูบดูดดื่ม ก่อนเคลื่อนต่ำลงไปช้า ๆ แล้วครอบครองยอดทรวงเคร่งครัด “อืม…” เสียงหวานครางแผ่ว สองมือกอดรัดรอบศีรษะ ใบหน้างามสะบัดเริดยามเขาฉกปลายลิ้นลงบนผิวกายเนียนนุ่ม “คุณหนึ่ง” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่ครางชื่อเขาออกมา แล้วผลักท่อนขาอวบอิ่มแยกจากกัน กอหญ้าสูดลมหายใจยาวแล้วผ่อนออกมาหนักหน่วงหอบพร่า มือที่กดศีรษะของเขาเอาไว้เปลี่ยนเป็นขยุ้มกองผ้าข้างกายแทน เมื่อเปิดเปลือกตา จึงพบว่าหมู่ดาวที่เกลื่อนฟ้าช่างงดงามเกินบรรยาย เช่นเดียวกับความรู้สึกซาบซ่านที่พลุ่งพล
พิเศษใส่ใจอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ภพธรรู้สึกเหมือนกับตายทั้งเป็น แต่ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาเขาจะพบกับใบหน้าของมารดาที่ยิ้มให้เสมอ เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป... เมื่อกอหญ้ากลับมา เขาก็ได้รู้อีกว่าเขายังมีสัญญาที่ให้ไว้กับหล่อนและต้องทำให้สำเร็จ เด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเขาเผลอไผลย่ำยี นับจากนั้นเขาเฝ้าดูแลหล่อนอยู่ไกลๆ วันเวลาที่ผ่านไปทำให้เขาเกิดความผูกพันกับหล่อนทีละน้อย จนในที่สุดก็รู้ตัวว่าหัวใจของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเจอกอหญ้า ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร น้ำเสียงที่ไล่ไปตามตัวอักษรบนหนังสือหลายต่อหลายเล่ม ตามเข้าไปอยู่ในฝันของเขาทุกคืนวัน กำลังใจที่จะหายจากอาการที่เป็นอยู่มีเพิ่มขึ้น จนในที่สุด ดวงตาของเขาก็เริ่มจะเห็นรางๆ ในตอนนั้นเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่นานความดีใจถูกบดบังอีกครั้ง เขายอมปล่อยให้หญิงสาวไปตามทางที่หล่อนตั้งใจเอาไว้แต่แรก ทว่าในค่ำคืนนั้นก่อนจากลา หล่อนทำให้เขาต้องจดจำอย่างไม่มีวันลืม เรือนร่างแน่งน้อยที่เคลื่อนไหวบนร่างของเขา
พระอาทิตย์มีขึ้นและลง พระจันทร์ส่องแสงในกลางคืน แล้วลาลับในยามเช้า เช่นเดียวกับชีวิตของผู้คน ที่มีหลับมีตื่น ดำเนินต่อและจากไปในเวลาสมควร... เช่นเดียวกับชีวิตครอบครัวของภพธร เมื่อสิ้นมารดาที่รักยิ่ง จึงทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับภรรยาและลูกๆ เขาตระหนักชัดว่าชีวิตนี้แสนสั้น จึงไม่ยอมให้อะไรมาพรากความสุขของคนที่รักไปง่ายๆ กิจการที่อยู่ตัวดีแล้ว ทำให้เขาหันมาทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น เพราะในเวลานี้ ทั้งเขาและภรรยาต่างไม่เหลือใครให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงหันมายึดเหนี่ยวดวงใจของกันและกัน มอบความรัก ความอบอุ่นให้กับลูกๆ อย่างเสมอภาคเท่าเทียม ทุกวันหยุดเขาจะพาเด็กๆ ออกไปท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน บางครั้งก็พาบินลัดฟ้า เปิดโลกทัศน์ที่กว้างใหญ่กว่าให้พวกเขารู้ว่าชีวิตของคนเราไม่ได้มีแค่ที่บ้าน แต่ยังมีอะไรอีกมากที่ไม่รู้จัก ไม่เคยพบเจอ ร่างสูงเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างภรรยา หญิงสาวยิ้มหวานพร้อมกับยกแก้วน้ำส่งให้สามี “เหนื่อยไหมคะ” เอ่ยถามพลางลูบบ่าของเขาเบาๆ เพื่อบรรเทาความอ่อนล้า “ไม่เหนื่อย” ตอบพลางวาดวงแขนขึ้นโอบไหล่ภรรยา
บทส่งท้ายตั้งแต่มีเด็กเพิ่มมาหนึ่งคน บ้านที่เคยกว้างก็ดูแคบลง ที่เคยเงียบเหงาก็กลับมาครื้นเครง ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันตา ทุกๆ เช้า กอหญ้าจะต้องพาลูกสาววัยหนึ่งขวบไปให้คุณย่าของแกอุ้มเล่นที่ระเบียงบ้าน ตั้งแต่มีหลานสาวทำให้อาการป่วยของคุณนายงามตาทุเลาลง สุขภาพกายและสุขภาพใจดีขึ้นมาก ทั้งกอหญ้าและ ภพธรต่างยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น “พอน้องพายได้สักสามขวบ เรามีหลานให้คุณย่าอีกสักคนเนอะ” ภพธรบอกกับภรรยาขณะพาแม่หนู ดาราพายออกมาทำบุญให้กับคุณทวดเรียมที่วัดใกล้บ้าน คนตัวบางค้อนสามีก่อนยิ้มให้ ขณะหยุดยืนที่ทางเดินริมแม่น้ำ “ถ้าแม่ใหญ่ยังอยู่ก็คงจะดีนะคะ” หญิงสาวเปรยถึงนางเรียม ชายหนุ่มก้มมองสีหน้าของภรรยา อึดใจต่อมาจึงค่อยยิ้มได้ เพราะดวงหน้างามของกอหญ้าไม่เศร้าหมองอีกต่อไปยามคิดถึงนางเรียม หล่อนทำใจได้แล้วจริงๆ “ใช่ น้องพายคงจะติดคุณทวดเรียมน่าดู” ชายหนุ่มเปรยออกมาอย่างมั่นใจ จากนั้นจึงพาภรรยาและลูกสาวกลับบ้าน ทุกวันที่ผ่านไปยังคงราบรื่น ดาราพายโตวันโตคืน และเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเพราะความรักที่ทุกคนมอบให้ จนกระทั่งอายุได้สาม
“แล้วลูกล่ะคะ เป็นอะไรมากไหม” หญิงสาวคิดถึงเด็กน้อยหน้าตาคมคายคนนั้น ที่สามีเคยเอารูปมาให้หล่อนดูตอนแกคลอดใหม่ๆ กับภรรยาสาวสวยคนไทย “บาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น” “คุณอย่าทำแบบนั้นนะคะ” ภพธรถึงกับเลิ่กลั่กเมื่อถูกภรรยามองอย่างจับผิด “ไม่ทำ” เขาส่ายหน้ารัว ทำให้หญิงสาวค้อนคมพลางบอก “ถ้าคุณคิดจะมีผู้หญิงอื่น บอกหญ้าดีๆ ก็พอ หญ้าจะเปิดทางให้แล้วไปดีๆ เลย” คนฟังนิ่วหน้า พลางคิดว่าเขาไม่น่าเล่าให้หล่อนฟังเลย แต่ถ้าไม่เล่าหญิงสาวก็ยิ่งคิดมาก เดี๋ยวจะหาว่าเขานอกลู่นอกทางเสียอีก “รักหญ้าจะแย่อยู่แล้ว จะมีใครอีกได้ไง” เขาบอก ทั้งกอดและหอมหนักหน่วง หญิงสาวตวัดค้อนก่อนจะยอมยิ้มออกมา “ไม่รู้สิคะ ก็รอดูกันต่อไป ถ้าคุณดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ หญ้าก็จะดีกับคุณเหมือนกัน” คำพูดของหญิงสาวและสายตาที่มองมาทำให้ภพธรรู้ว่าภรรยาไม่ได้พูดเล่น ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะรั้งร่างอวบมากอด “รอดูไปตลอดชีวิตเลยนะ พนันเลยว่าหญ้าไม่ได้เห็นผู้หญิงอื่นแน่นอน” “เพราะคุณหนึ่งจะซ่อนเอาไว้ให้มิดชิด” หญิงสาวโต้ออกมาทันควัน แต่เมื่อสามีทำต
ผ่านไปอีกหนึ่งปีสำหรับการร่วมชีวิตระหว่างภพธรและ กอหญ้า ในที่สุดชายหนุ่มก็สามารถทำให้หญิงสาวตั้งครรภ์ลูกคนแรกของพวกเขาได้สำเร็จ แต่ยิ่งใกล้คลอด ว่าที่คุณแม่ก็ยิ่งรู้สึกเปราะบางเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของความรู้สึกทางอารมณ์หรือว่าร่างกาย เจ้าของร่างอวบอิ่มเดินวนเวียนไปมาภายในห้องนอน เกือบห้าทุ่มแล้วแต่ภพธรยังไม่กลับบ้าน โทรศัพท์ไปก็ไม่ยอมรับสาย ทำให้หญิงสาวนอนไม่หลับเพราะความเป็นห่วง จนกระทั่งห้าทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มก็กลับมาถึงบ้าน เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้คนที่เพิ่งดับไฟนอนลุกขึ้นนั่งพร้อมกับโคมไฟข้างเตียงที่สว่างจ้า ชายหนุ่มชะงักเท้าแล้วหันไปมองภรรยาที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าค่อนข้างเรียบขรึม เขาจึงยิ้มให้แต่ยังไม่ยอมเดินเข้าไปหา “ทำไมกลับดึกนักล่ะคะ หญ้าโทร.ไปคุณก็ไม่ยอมรับสาย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” ถามพลางกวาดสายตามองเขาอย่างจับผิด แล้วก็ทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมา “นี่คุณดื่มมาด้วยหรือคะ” สิ้นเสียงถาม คนที่ไม่ยอมเข้าใกล้ก็ถึงกับถอนหายใจ ยิ่งทำให้หญิงสาวหรี่ตามองอย่างคาดโทษ “พอดีเพื่อนแวะไปหาที่ร้าน ก็เลยออกไปดื่มกับมันนิดหน่อ