ขณะนี้ไอรดาอยู่ในห้องคนเดียว เพราะผู้ชายคนเมื่อกี้บอกว่าจะไปตามหมอมาดูอาการของเธอ
"ฉะ ฉะ ฉันฟื้นแล้ว ... แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? .... เขาช่วยเราเหรอ?" ไอรดาพูดกับตัวเอง และครุ่นคิด ถึงเหตุการณ์ที่เธอประสบมา และมองไปรอบ ๆ ห้อง
"อือ ที่นี่มันโรงพยาบาล ... แล้วคุณยายละ? ... จะมีใครแจ้งท่านหรือยังละเนี่ย หากไม่เห็นเรากลับบ้านท่านคงเป็นห่วงแย่เลย อะ ... แล้วนี่มันกี่วันแล้วเนี่ย?" ไอรดา คิดถึงยายของเธอเพราะเธอไม่รู้ว่ามันผ่านมากี่วันแล้วที่เธอไม่ได้กับบ้าน
หลังจากที่เธอพูดกับตัวเองเสร็จ คุณหมอและพยาบาลที่ดูแลอาการของเธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มที่ออกไปตามหมอมาให้เธอ และเขาก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เตียงของเธออีกฟาก
"สวัสดีครับ อาการเป็นยังไงบ้างครับ เดียวขอหมอเช็กอาการเบื้องต้นก่อนนะครับ" คุณหมอถามอาการของเธอ เพราะตอนนี้ดูท่าทางเธอสบายดี และเหมือนไม่เป็นอะไรมาก แต่ทางแพทย์ก็ยังไม่วางใจ เพราะเธอสลบไปหลายวัน
"ดีขึ้นมากแล้วค่ะคุณหมอ” ไอรดาตอบกลับหมอ หลังสิ้นเสียงของไอรดา พยาบาลก็ทำหน้าที่โดยตรวจเช็กความดัน พร้อมกับนำปรอทวัดไข้ส่งให้เธอ เพื่อเช็กว่าเธอมีไข้หรือเปล่า เธอนำมันแนบไว้ที่ใต้วงแขนของเธอทันทีโดยไม่ต้องบอก
ส่วนหมอก็ทำการวัดการเต้นของหัวใจ และสอบถามอาการของเธอว่าปวดหัวหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนไหม?
"ไม่ปวดหัวแล้วค่ะ แต่รู้สึกมึน ๆ นิดหน่อยค่ะ และรู้สึกเจ็บตามแผลที่แขน และขา แต่ยังพอขยับได้ค่ะหมอ" ไอรดาตอบกลับหมอ
"อือ ... อาการในภาพรวมถือว่าดีขึ้นมากแล้วนะครับ ไม่มีไข้ ความดัน และการเต้นของหัวใจเป็นปกติ แต่เราต้องตรวจเช็กอย่างละเอียดอีกครั้งด้วยเครื่องซีทีสแกนครับ หากไม่มีอาการแทรกซ้อนก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะครับ แต่ต้องรอดูอาการอีกซัก 3 วันครับ" คุณหมอแจ้ง
"ตั้ง 3 วันเลยหรือคะหมอ!! แต่ไอซ์อยากจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้เลยไม่ได้หรือคะ ไอซ์เป็นห่วงทางบ้านค่ะ พวกเขาอาจจะกำลังตามหาฉันอยู่" เมื่อไอรดาพูดออกมาอย่างนั้น ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็ทำหน้างง พร้อมบอกกับเธอว่า
"คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมกับคุณพ่อของคุณ เราจะอยู่ดูแลคุณจนกว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาล" ชายหนุ่มบอกเธอ
"พ่อ!" ไอรดาดูตกใจ
"ใช่ คุณพ่อของคุณ ท่านเพิ่งกลับไปเมื่อรุ่งเช้านี้เอง เดียวช่วงเย็นท่านก็กลับมา" ลีอองบอกเธอ
"คุณอัยยะครับ หมออยากให้คุณอยู่ที่นี่อีกซัก 3 วัน เพื่อเฝ้าดูอาการก่อนนะครับ หากมีผลข้างเคียง ทางหมอและพยาบาลจะได้ช่วยเหลือคุณได้ทันนะครับ" หมอเจ้าของไข้เอ่ยชื่อหญิงสาวอีกคนออกมา มันทำให้ไอรดา ทำหน้างง ๆ เหมือนคลับคล้ายคลับคลา
จากนั้นเธอก็จำได้ว่าชื่อของหญิงสาวคนนี้ คือคนที่แม่บอกเธอว่าเป็นพี่สาวของเธอ
"อ๊ะ !!... " จู่ ๆ เธอก็ร้องออกมาแบบตกใจ และพยายามจะลุกจากเตียงผู้ป่วย "โอ๊ย!! ... ซีด ซีด ซีด ... " เธอร้องออกมาอีกครั้งจากความเจ็บปวดของบาดแผลที่ยังไม่หายดี แต่เธอลืมมันซะสนิทเลยเพราะเธอมัวแต่ตกใจกับการที่คนทั้งสองมองเธอเหมือนเธอเป็นอีกคน ที่ไม่ใช่ไอรดา
ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เธอ ก็ตกใจไม่แพ้กัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ? เธอเป็นอะไรไป?
"นี้ คุณอัยย์ คุณกำลังจะทำอะไร? .... คุณอย่างเพิ่งลุกซิ! คุณยังไม่หายดีเลยนะ" ชายหนุ่มพยายามช่วยเธอจับสายน้ำเกลือที่รั้งแขนของเธอ มันทำให้เธอเจ็บจากการที่เธอลุกจากเตียงอย่างกะทันหัน
หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังเรียกชื่อของเธอ (อัยย์....มันคือ?.....) เธอคิด แล้วหยุดพูดครู่หนึ่ง เหมือนจำอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็พูดออกมาแบบแก้ตัว
"ฉันปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ" หลังเธอได้สติ เธอก็รู้ว่าต้องแก้ตัวอย่างไร จากนั้นคุณหมอผู้ดูแลก็แจ้งกับเธออีกครั้งว่าถึงอย่างไรเธอก็ต้องอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลอีก 3 วัน ค่อยกลับบ้านได้ จากนั้นคุณหมอก็ขอตัว
ไอรดาขอเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มพยายามที่จะช่วยพยุงเธอ แต่เธอบอกเขาว่าเธอสามารถเดินเองได้ ไม่ต้องช่วยเหลือเธอ
ลีอองไม่รอช้า ดึงร่างของเธอเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมมอบจูบที่ละมุนให้กับเธออีกครั้ง เขาจูบเธอเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น เพราะนี้ยังต้องทำหน้าที่รับแขกอยู่ "ผมขอขอบคุณคนที่สำคัญกับผมที่ทำให้ผมมีวันนี้ ขอบคุณ คุณเจสัน พ่อตาของผมที่ท่านเอ็นดูผมเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านมาโดยตลอดและยังมอบลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านให้ผู้ดูแล ที่ตอนนี้เธอกลายมาเป็นภรรยาที่น่ารักของผม ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากๆ ที่สร้างโอกาสให้กับผมได้พบกับเธอคนนี้" ประโยคหลังลีอองหันไปมองพ่อกับแม่ของเขา เขาพูดจริงที่ท่านทั้งสองบังคับให้เขาแต่งงานกับอัยยะ หากเขาไม่ตกลงในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้จะได้รู้จักเธอคนนี้หรือเปล่า "และที่สำคัญ ขอบคุณเธอคนนี้ ...." ลีอองจับมือของอัยยะขึ้นมาจูบ มองไปที่ใบหน้าสวยของเธอที่ตอนนี้ทั้งคู่ยืนจ้องตากัน "ที่เธอยอมเป็นคู่ชีวิตของผม และไม่ยอมที่จะหย่ากับผมแล้ว" พูดเสร็จเขาก็ดึงร่างอัยยะเขามาไว้ในอ้อมกอด และหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เสียงตบมือของแขกภายในงานดังสนั่น ถึงคิวของอัยยะที่ต้องพูดบ้างแล้ว "ดิฉันขอบคุณทุกท่านที่เป็นเกียรติมาร่วมฉลองงานครบรอบของเราทั้งสองในวันนี้ เรื่องร
วันเปิดร้านของอัยยะเป็นไปอย่างราบรื่น อัยยะจ้างลูกน้อง 3 คน และผู้จัดการร้าน ส่วนเธอจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยใช้นามแฝงเดิมของไอรดา "ทุกท่านค่ะ ... " อัยยะที่ส่งเสียงเรียกแขกที่เข้าร่วมงานในวันนี้ "ทางร้านดวงจันทร์มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ" อัยยะมองไปยังแขกที่ตอนนี้ตั้งใจฟังที่เธอพูด "ทางร้านเราได้รับการตอบรับจากคุณพระจันทร์เสี้ยว เธอจะกลับมาเป็นที่ปรึกษาของทางร้านเราอีกครั้ง โดยทางคุณพระจันทร์เสี้ยวจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุในเบื้องต้น ว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของจริงหรือของเลียนแบบ หรือการตั้งชื่อวัตถุที่ยังไม่มีชื่อและมอบความหมายที่มีคุณค่าให้กับวัตถุนั้นๆ หากลูกค้าท่านใดสนใจก็สามารถว่าจ้างทางเราได้นะคะ" อัยยะที่พูดถึงจุดเด่นของทางร้าน แขกที่รู้จักชื่อเสียงของพระจันทร์เสี้ยวต่างก็มีเสียงฮือฮาออกมา และต่างก็แสดงความยินดีที่พระจันทร์เสี้ยวจะกลับมารับงานอีกครั้ง เพราะนี้จะ 3 เดือนแล้วที่พระจันทร์เสี้ยวไม่รับงาน งานของร้านดวงจันทร์ก็ลดลงเกือบครึ่งเช่นกัน ก่อนวันเปิดร้านอาทิตย์หนึ่ง อัยยะบอกคุณยายนาน่าว่าไม่ต้องบอกใครถึงการเสียชีวิตของพระจ
ลีอองที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ เสียโทรศัพท์ก็ดังขึ้น "ครับคุณพ่อ ....จัดการเรียบร้อยแล้วครับ .... ครับ ....เย็นนี้คุณพ่อจะมาทานข้าวกับเราที่บ้านหรือเปล่าครับ" ลีอองที่กำลังสนทนากับพ่อตา "ไม่ล่ะ พรุ่งนี้พ่อมีประชุมตอนเช้า เอาไว้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ดีกว่า อีกอย่างพ่อไม่อยากรบกวนพวกเราสองคน อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันได้" เสียงเจสันพ่อตาดังออกมาจากปลายสาย "ครับคุณพ่อ ... ครับสวัสดีครับ " ลีอองกล่าวลาพ่อตาของเขา และเดินทางกลับบ้าน ตัดภาพไปที่เจสันที่อยู่ที่บ้านตัวเอง เจสันพ่อตา ที่ยิ้มแก้มปริหลังจากที่วางโทรศัพท์จากลูกเขย สถานการณ์ที่ส่งผลต่อบริษัทเรื่องที่เขานอกใจจากภรรยา ก็ได้รับการคลี่คลาย และเขายังจัดการได้ดีในเรื่องของแฟนเก่า เจสันรู้ว่าลีอองนั้นไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย เขาย่อมเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ลูกเขยของเขาหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เวลาผ่านไปไหวเหมือนโกหก นี้ก็ผ่านมาอีกเดือน ร้านดวงจันทร์ สาขาเมือง S ได้ฤกษ์เปิดร้าน มันเป็นต้นเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว อัยยะที่ยืนอยู่ทางเข้าร้าน วันนี้เธอแต่ง
ระหว่างกลับบ้านก่อนเขาตัวเมือง P "เราไม่กลับบ้านหรือคะ" อัยยะถาม เมื่อรถวิ่งเข้าสูงกลางเมือง แทนที่จะไปแถบชานเมือง "ผมต้องมาเก็บเสื้อผ้า" ลีอองบอกเธอถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ วันนี้เขาพาเธอมาที่คอนโด "อือ ... ค่ะ" อัยยะรับทราบ เธอยังไม่เคยเข้าไปในคอนโดของเขาเลย วันนั้นที่มาเอารถเธอก็ไม่ได้ขึ้นไปกับเขา ทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในห้อง หลังจากที่ประตูที่ปิดลง ลีอองที่เดินมาเปิดไฟ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่บอกอะไรเธอว่าเธอต้องนั่งรอเขาที่ไหนในตอนที่เขาเก็บเสื้อผ้า เขาก็ดึงร่างบางของเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที พร้อมกับประกบไปที่ปากกระจับของเธออย่างโหยหา อัยยะที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้สามีของเธอจะเริ่มเร็วขนาดนี้ ก็ทำตาโตมองสบตาที่ตอนนี้ดวงตาของเขาปิดลงตามอารมณ์ของเขาแล้ว มือของเขาที่ปลดกระดุมเสื้อของเธอมันก็รวดเร็วพอกันกับปากของเขา การบดขยี้ปากบางของเธอด้วยปากของเขามันช่างเร้าอารมณ์เธอได้เร็วจริงๆ ปลายลิ้นของเขาที่ดันตัวเองเข้าไปลิ้มรสหวานจากปากของเธอ และดูดดื่มความชุ่มฉ่ำในโพรงปากมันช่างกระตุ้นอารมณ์ของเขาจริงๆ "อืมมมม ..." เสียงครางเบาๆ จากอัยยะที
เช้าวันถัดมา อัยยะและลีอองกล่าวลา พ่อกับแม่ของเขา และเดินทางเข้าเมือง S ทั้งคู่ไปเยี่ยมคุณยายนาน่า และอยู่คุยกับท่านในช่วงเช้า "หนูอัยย์ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่ะคุณยาย" อัยยะที่ยืนยันกับคุณยายนาน่าเรื่องสุขภาพของเธอ เพราะคุณยายยังคงเป็นห่วงเธอในเรื่องนี้ "ถึงจะหายดีแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหม" คุณยายกล่าวเสริม "ค่ะคุณยาย" อัยยะรับคำ "มีคุณลีอยู่ เขาไม่ปล่อยให้หนูอัยย์เป็นอะไรไปหรอกค่ะ" อัยยะหันไปมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ "ครับคุณยาย ผมไม่ยอมให้คุณอัยย์เป็นอะไรไปแน่นอนครับ ไม่งั้นผมจะอยู่กับใคร" ลีอองเสริมความมั่นใจให้คุณยาย "และไหนจะเจ้าตัวเล็กที่เรายังไม่มีอีก ผมต้องดูแลเธอเป็นพิเศษเลยล่ะครับ คุณยายจะได้อุ้มเหลนเร็วๆ ไงครับ" ลีอองที่หันไปพูดกับอัยยะอย่างหน้าตาย หญิงสาวที่เริ่มหน้าแดงจากคำพูดของเขาก็บิดไปที่ต้นขาของเขาเบาๆ ลีอองที่ทำเป็นเจ็บ แต่ก็อมยิ้มตอบเธอกลับมา เป็นเชิงว่าผมยอมแล้วคราบ... "ยายเห็นเราทั้งคู่รักกันอย่างนี้ ยายก็หมดห่วง และเรื่องเหลนพวกเราทั้งคู่ต้องรีบๆ เลยนะ ยายแก่แล้วอยากอุ้มเหลนแล้วด้วย
ช่วงอาหารค่ำที่บ้านลีออง "หนูอัยยะทานเยอะๆ นะลูก" แม่สามีตักอาหารให้เธอ "ขอบคุณค่ะ" อัยยะกล่าวขอบคุณ "แม่เห็นลูกๆ รักใคร่กันอย่างนี้ แม่ก็มีความสุข แม่อยากจะเห็นหลานๆ แล้วล่ะ หวังจากพี่แกคงอีกนาน" แม่ของลีอองที่พูดถึงลูกชายคนโต ที่ทำยังไงก็ไม่ยอมแต่งงานสักที "ได้ครับแม่ ... ผมจะทำหลานคนแรกให้แม่กับพ่อไม่เกินปลายปีนี้แน่นอนครับ" ผู้ชายหน้าตายคนนี้ พูดเรื่องแบบนี้ออกมาแบบไม่อายใครก็เป็น แถมอมยิ้มให้อัยยะด้วยสายตาที่หน้าตีจริงๆ "ดี ดี ดี พ่อก็อยากที่จะอุ้มหลานเร็วๆ แล้ว แกต้องตั้งใจ เข้าใจไหมเจ้าลี อย่าให้เสียชื่อตระกูลของเราล่ะ" พ่อปู่เสริมทับ ยิ่งทำให้อัยยะรู้สึกเขินจนกินอาหารไม่ลง เธอเกือบจะสำลักอาหารเข้าให้ด้วย หลังทานอาหารเย็นเสร็จอัยยะกับแม่ย่าก็พากันเก็บจานไปล้าง และเธอก็เข้าห้องเพื่อเตรียมที่นอน ส่วนลีอองที่หลังทานอาหารเสร็จก็เข้าไปนั่งคุยกับพ่อที่ระเบียบบ้าน "พ่อครับ ... ผมมีเรื่องรบกวนหน่อยครับ" "ว่ามา ... มีเรื่องอะไร" "เรื่องจิมมี่ครับ ... ผมต้องการที่จะย้ายเธอกลับมายังสำนักงานใหญ่ของเราที่นี่ ... พอจะมีตำแหน่ง