บทที่4 คนไข้ของคุณหมอ
{สวัสดีค่ะ มีเรื่องรบกวนสอบถามหน่อยค่ะ}
[ยินดีให้บริการค่ะ คุณผู้หญิงจะสอบถามด้านใดคะ]
{ค่าใช้จ่ายคนไข้ห้อง 201 ชื่อไอรดา ธนากิจโรจน์ ทั้งหมดกี่บาทคะ}
[ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงเป็นอะไรกับคนไข้คะ]
{เป็นเพื่อนค่ะ กำลังจะเข้าไปจ่ายค่าโรงพยาบาลให้เพื่อนเลยอยากรู้ว่ายอดตอนนี้ทั้งหมดเท่าไหร่จะได้เตรียมเงินไปถูกค่ะ”
[สักครู่นะคะ ดิฉันขอเช็กยอดสักครู่ค่ะ]
[ยอดทั้งหมด สี่แสนสามหมื่นบาทค่ะ]
{สี่แสนสามหมื่นบาท นอนโรงพยาบาลแค่คืนเดียวเนี่ยนะคะ}
“สี่แสนสามหมื่นบาท” ทุกคนในห้องต่างอุทานขึ้นเสียงดังหลังจากได้ยินยอดดังกล่าว
[ค่ะ แต่เคสนี้ผู้อำนวยการเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดนะคะ] เจ้าหน้าที่รีบแจ้งรายละเอียดทันที
{ทำไมถึงแพงขนาดนี้ล่ะคะ มีค่าอะไรบ้างเพื่อนหนูนอนโรงพยาบาลแค่คืนเดียวเองนะคะ}
[มีค่าห้องคืนละสามแสนบาท ค่าเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ห้าหมื่นบาท ค่าห้องฉุกเฉิน และค่ายาค่ะเพราะคนไข้ใช้ยาที่สั่งจากเมืองนอกทาแผลให้คนไข้ค่ะ ยาตัวนี้แพงมากนะคะเพราะทาแล้วแผลหายเร็วและไม่เป็นแผลเป็นด้วยค่ะ]
{ขอบคุณมากค่ะ สวัสดีค่ะ} หลังจากที่วางสายทุกคนต่างมองหน้ากัน
“ฉันไม่อยากจะคิด ถ้าผู้อำนวยการอะไรนั่นไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้รดา พวกเราจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย”
“รดา เมื่อไหร่หมอจะให้แกออกจากโรงพยาบาล ดูๆ แล้วแกก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่” เชอรี่ถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะดูแล้วเพื่อนตนเดินเหินได้สะดวกไม่ได้นอนเจ็บอยู่บนเตียง
“คุณหมอบอกว่าพรุ่งนี้เพราะแผลที่หัวยังบวมอยู่”
“แกนอนอีกคืนรวมๆ แล้วคงต้องจ่ายเป็นล้าน”
“อะนี่เสื้อผ้าแกชะนี ถ้าออกโรงพยาบาลตอนเช้าพวกฉันไม่ได้มารับนะ แต่ถ้าออกตอนบ่ายก็รอหน่อยจะรีบมารับเพื่อนสาวไม่เกินบ่ายโมง” ถุงใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ของรดาที่เพื่อนเอามาให้เพราะชุดเดิมที่ใส่วันเกิดเหตุขาดไม่สามารถใส่ต่อได้อีก
บ่ายสามโมงเย็น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ อาหารว่างตอนบ่ายค่ะ” ผลไม้ ขนม และเครื่องดื่มถูกยกมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะทุกคนต่างแปลกใจรวมทั้งรดาเองด้วย
“ขอบคุณค่ะ ที่นี่มีของว่างสำหรับญาติคนไข้ด้วยเหรอคะ” อิงเอยสงสัยจึงเอ่ยถามแม่บ้านออกไป ปกติที่โรงพยาบาลจะไม่มีของว่างเสิร์ฟช่วงบ่ายแต่ที่นี่เสิร์ฟชานมไข่มุกพร้อมขนมเค้ก
“คุณหมอเป็นคนสั่งให้ป้านำมาเสิร์ฟให้คุณๆ น่ะค่ะ ส่วนของคุณไอรดา คุณหมอกำชับว่าทานได้แค่ผลไม้กับนมเท่านั้นค่ะ ป้าขอตัวก่อนนะคะ” ใบหน้าเปื้อนยิ้มในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ
“เป็นอะไรชะนี ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” เชอรี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวเอาแต่นั่งหน้าบึ้งไม่ยอมทานอะไร
“ของฉันมีแต่ผลไม้กับนม ดูของพวกแกสิ เค้กใบเตยกับชานมไข่มุก ลำเอียงชัดๆ”
“ตบปากตัวเองสิบทีค่ะชะนี เบิกตาดูของตัวเองค่ะผลไม้จานเท่าฝาบ้าน แอปเปิล สตอเบอรี่ เชอรี่ บลูเบอรี่ กีวี่ เมล่อน ส้ม ผลไม้นานาชนิดทั่วโลกมารวมกองอยู่ตรงหน้า ใช่ค่ะลำเอียง ของพวกฉันแค่เค้กคนละชิ้น แต่ของหล่อนทุกสรรพสิ่งบนโลกมากองรวมอยู่ตรงนี้หมดแล้ว กินเข้าไปชะนีอย่างี่เง่า”
“รดา ถ้าแกไม่รีบออกจากโรงพยาบาล ฉันว่าน้ำหนักแกขึ้นแน่ ขุนซะขนาดนี้” กิ่งแก้วเอ่ยขึ้นเพราะดูจากพฤติกรรมการดูแลคนไข้ของที่นี่แล้วเลี้ยงดีกว่าที่บ้านของตนซะอีก
หลังจากที่เพื่อนๆ กลับไปกันหมดรดาก็ได้แต่นั่งเหงาอยู่ในห้องคนเดียว ร่างบางนอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงพักใหญ่จนเผลอหลับไปในช่วงเกือบ5โมงเย็น
กองทัพที่เคลียร์งานเสร็จพอดีลุกจากเก้าอี้เพื่อยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งทำงานต่อกันหลายชั่วโมง แต่เหมือนนึกอะไรออกชายหนุ่มสาวเท้าเดินออกจากห้องโดยเร็วจุดหมายคงหนีไม่พ้นห้องพักคนไข้VIPห้องข้างๆ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปเจอห้องรับแขกที่ว่างเปล่าเพราะเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมน่าจะกลับกันหมดแล้ว เมื่อไม่เจอคนตัวเล็กจึงเปิดเข้าไปยังห้องนอนก็เจอกับร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียง สายตาเหลือบไปมองนาฬิกาปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลา5โมงเย็น ซึ่งไม่ควรนอนเวลานี้เพราะจะทำให้ตอนกลางคืนนอนไม่หลับและจะทำให้ปวดหัวได้
“รดา” สะโพกสอบนั่งลงกับเตียงคนไข้ มือหนาเอื้อมไปสะกิดหัวไหล่บางที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา
“รดา ตื่นได้แล้ว นอนตอนนี้จะปวดหัวเอา” ร่างบางยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวด้วยความที่เป็นคนหลับลึก และตอนนี้พึ่งหลับใหม่ๆ จึงไม่รู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามาในห้อง
“รดา รดาครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง ใบหน้าคมเข้มไร้หนวดเคราก้มลงไปเรียกใกล้ๆ ใบหู
“อะ! คุณทำอะไรคะ” รดาร้องเสียงหลงเมื่อลืมตาขึ้นมาเจอเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มในระยะประชิด ห่างกันไม่ถึง10เซนติเมตร
“ตื่นได้แล้ว เวลานี้ไม่ใช่เวลานอน” กองทัพตอบกลับเสียงเรียบปนดุ ร่างสูงรีบลุกจากที่นอนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ก็หนูไม่รู้จะทำอะไร กะว่านอนเล่นๆ ก็เลยเผลอหลับไป” รดาตอบกลับทำหน้าทำตาดูบ้องแบ๊วเหมือนลูกแมวเวลาอ้อน แค่นอนไม่เต็มอิ่มจำเป็นต้องทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ด้วยเหรอวะ กองทัพได้แต่คิดในใจ
“ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาผมจะดูแผลที่หัวหน่อยว่ายุบลงหรือยัง” กองทัพเดินออกไปรอเด็กสาวด้านนอกเพราะเจอรดาเวอร์ชันนี้แล้วเหมือนจะควบคุมสติไม่อยู่ พานให้นึกถึงเสียงอ้อนของเด็กสาวเมื่อ5ปีก่อน
“มานั่งตรงนี้” กองทัพสั่งออกไปน้ำเสียงจริงจัง จึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ คนตัวเล็กในชุดคนไข้ตัวโคร่งกระแทกสะโพกลงนั่งข้างๆ คุณหมอหนุ่มซึ่งเว้นระยะห่างพอสมควร
“เมื่อกี้แผลโดนน้ำหรือเปล่า”
“พันไว้ยิ่งกว่ามัมมี่ ขนาดตักน้ำราดไม่รู้จะซึมเข้าได้หรือเปล่า” รดาตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดเพราะหงุดหงิดไม่พอใจที่โดนปลุกให้ตื่นขณะกำลังนอนหลับสบาย
“หึ! งอนเก่ง”
“แผลโอเคแล้ว ทายานิดหน่อยก็หาย ถ้าแผลตกสะเก็ดห้ามแกะเด็ดขาด ปล่อยให้มันหลุดออกไปเอง”
“…….”
“เข้าใจไหมครับ คนไข้” เสียงทุ้มถามย้ำอีกครั้งเมื่อรดาสาวเอาแต่นั่งเงียบ
“เข้าใจค่ะคุณหมอ” ร่างบางลุกไปนั่งโซฟาอีกฝั่งเมื่อกองทัพทายาให้เสร็จ ร่างบางมองซ้ายมองขวาเพื่อหารีโมตทีวีสายตาไปสะดุดเจอวางอยู่ข้างๆ กองทัพ มือเรียวเล็กก้มตัวเอื้อมไปหยิบแต่เสียการทรงตัวจึงล้มพับเข้าที่ตักแกร่ง
“อะ!” กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งเด็กบวกกับกลิ่นเฉพาะตัวของหญิงสาวทำให้อดไม่ได้ที่จะสูดดมเข้าไปฟอดใหญ่ แขนแกร่งทั้งสองข้างโอบรัดร่างบางไว้เพราะกลัวจะร่วงหล่นลงพื้น
“ขอโทษค่ะ” ร่างบางรีบผละออกและดีดตัวลุกขึ้นทันที มือเล็กคว้าเอารีโมตกดเปิดทีวีทันที ภาพที่กำลังฉายอยู่บนจอเป็นฉากที่นางเอกนั่งอยู่บนตักพระเอกซึ่งทั้งคู่นั้นกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม
พรึบ! รดาคว้ารีโมตกดปิดแทบไม่ทัน
“ไม่ดูแล้วเหรอ”
“คุณอยากดูก็เปิดเองสิคะ” รีโมตทีวีถูกวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม ร่างบางรีบลุกขึ้นจากโซฟาเดินดุ่มๆ เข้าห้องนอนทันที
“หึ เด็กอะไรน่ารักชะมัด” กองทัพได้แต่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว
เช้าวันต่อมา
รดาตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้เป็นวันที่เธอจะได้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปใช้ชีวิตปกติตามเดิม ส่วนเรื่องขับไรเดอร์เธอคงต้องพักไปก่อนเพราะรถที่พังก็ยังไม่ได้เอาไปซ่อม และช่วงนี้เธอก็กำลังจะฝึกงานคงไม่มีเวลาว่างพอไปวิ่งส่งอาหารแบบนั้นอีก
“ทานข้าว ทานยาหรือยัง” กองทัพเดินกลับมาอีกครั้งในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ในมือถือหนังสือเล่มหนาที่รดาอ่านค้างไว้เมื่อวาน
“ทานแล้วค่ะ หนูจะกลับบ้านได้หรือยังคะ” รดาในชุดเดรสกระโปรงสีฟ้าที่วัยรุ่นชอบใส่กัน ดูขัดกับลุคไรเดอร์สาวที่เจอตอนแรก
“นั่งลงก่อน ได้กลับแน่ๆ วันนี้”
“ซองนี้เป็นยาแก้อักเสบทานติดต่อกันทุกวันจนหมด และนี่เป็นยาทาให้ทาจนกว่าแผลจะหาย ส่วนนี่เป็นยาทาเพื่อไม่ให้เป็นรอยแผลเป็นทาหลังจากแผลเริ่มตกสะเก็ด”
“ค่ะ คุณหมอ”
“เก็บของครบหมดแล้วใช่ไหม”
“ครบแล้วค่ะ หนูกลับได้หรือยังคะ”
“รดา นี่หนังสือที่คุณอ่านค้างไม่เมื่อวาน ผมอนุญาตให้คุณเอากลับไปอ่านต่อที่บ้านได้ อ่านเสร็จแล้วค่อยเอามาคืน”
“ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ” รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้า รดายกมือไหว้คุณหมออย่างมีมารยาทก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องตรงไปยังลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเดินตามหลังมาติดๆ
“คุณหมอจะลงไปข้างล่างเหรอคะ” รดาเอ่ยถามชายหนุ่มเมื่อเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เธอ
“ครับ วันนี้ผมต้องเข้าบริษัท เมื่อวานก็ทิ้งงานมาเฝ้าเด็กดื้อทั้งวันแล้ว” กองทัพพูดขึ้นก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก
“คุณหมอเป็นหมอ ทำไมมีหนังสือพวกนี้ล่ะคะ” รดาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“ตอนผมไปเรียนต่อ Fellow(แพทย์เฉพาะทาง) ที่อเมริกาผมก็เรียนบริหารควบคู่ไปด้วย เลยหยิบหนังสือพวกนี้ติดมือกลับมาด้วยที่บ้านผมยังมีอีกหลายเล่มถ้าคุณสนใจ อ่านเล่มนี้จบค่อยมาเอาเล่มใหม่ไปอ่าน” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นมุมปาก ความเฉลียวฉลาดที่มีติดตัวมากองทัพเริ่มเอามาใช้ในทางที่ผิด
“คุณหมอเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลทุกวันหรือเปล่าคะ เห็นเมื่อกี้คุณหมอบอกว่ากำลังจะเข้าไปทำงานที่บริษัท”
“ผมเข้ามาเคลียร์งานที่โรงพยาบาลวันจันทร์ และวันศุกร์ ส่วนวันอังคาร วันพุธและวันพฤหัสผมจะเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท”
“ถ้างั้นวันศุกร์เดี๋ยวหนูเอาหนังสือมาคืนนะคะ คุณหมอเลิกงานงานกี่โมงคะ”
“จะเข้ามาตอนไหนก็บอก เผื่อบางวันผมเคลียร์งานเสร็จเร็วผมก็กลับเร็ว”
“แล้วอย่างนี้ หนูจะรู้ได้ยังไงคะว่าคุณหมอจะกลับกี่โมง”
“เอาโทรศัพท์มา”
“คะ?”
“นี่ค่ะ”
“เบอร์โทรออกล่าสุดเป็นเบอร์ผม จะเข้ามาก็โทรหาผมก่อนจะได้ไม่มาเสียเที่ยว”
ติ๊ง เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นก่อนประตูลิฟต์จะเปิดออก ร่างบางก้าวเท้าออกจากลิฟต์และเดินตรงไปหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล
“รดา” เท้าเล็กหยุดชะงักทันทีเมื่อเสียงทุ้มตะโกนเรียกเสียงดัง ร่างบางเอี้ยวตัวหันกลับมาเล็กน้อย
“คะ” คิ้วเรียวเล็กได้รูปเลิ่กขึ้นเป็นคำถาม
“คุณกลับยังไง เพื่อนมารับหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ช่วงเช้าเพื่อนติดเรียนเดี๋ยวหนูขึ้นรถเมล์กลับเองค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปส่ง ตามมา”
ตอนที่34 งานแต่งงาน 5 เดือนผ่านไปหลังจากที่ญาดาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือนก็ได้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน จนมาถึงวันนี้ร่างกายเริ่มดีขึ้นใกล้จะกลับมาเป็นปกติเกือบร้อยเปอร์เซ็นทางด้านผู้ใหญ่ของกองทัพก็รับรู้และยินดีที่ลูกชายคนเล็กของบ้านจะมีแฟน ที่สำคัญที่บ้านคุณหมอหนุ่มยังรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าลูกชายตัวเองแอบหลงรักเด็กผู้หญิงที่อยู่เมืองไทย เพราะตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มไปเรียนเมืองนอกกว่าสิบปีไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ชีวิตมีแต่เรียนกับสนามแข่งรถ และยังแอบพกรูปเด็กผู้หญิงผมเปียติดตัวตลอดเวลาถึงขนาดใส่กรอบเล็กๆ วางไว้ในห้องนอนการคบหาระหว่างทั้งสองคนอยู่ในการรับรู้และยินดีจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่มีอีกหนึ่งคนที่จะดีใจมากเป็นพิเศษคงหนีไม้พ้น..ทัพบก ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมีน้องสาวเป็นของตัวเอง และหลงรักเด็กสาวตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกเมื่อตอนสั่งอาหารแล้วไรเดอร์สาวขับรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนที่ตกหนักเพื่อนำอาหารมาส่ง เด็กสาวที่เปียกปอนไปทั่วตัวแต่ก็ยังยิ้มร่า เด็กสาวที่มีรอยยิ้มสดใสให้ทุกครั้งที่เจอกัน เด็กสาวที่อยากได้มาเป็นน้องสาวที่น่ารัก อ้อนเก่ง“รดา อาทิตย์หน้าตารางงานพี่ว่างเราพาคุณแม่ท่าน
ตอนที่33 คำตอบจากแม่ยาย ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์รดาที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น“สวัสดีครับ” กองทัพหยิบมากดรับสายเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือพี่ชายของเด็กสาว“คุณหมอเหรอครับ”“ครับ ตอนนี้รดาหลับอยู่ครับ คุณธนามีธุระด่วนจะคุยกับรดาไหมครับ ผมจะปลุกเธอให้”“ไม่มีครับ แค่ผมกลับมาที่ห้องพักแล้วไม่เจออยู่ที่นี่เลยโทรหานะครับ”“รดาหลับอยู่ที่ห้องทำงานผมครับ ช่วงเย็นคุณป้าน่าจะย้ายขึ้นมาพักฟื้นที่ห้องนี้นะครับ”“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว สวัสดีครับ”หลังจากที่วางสายเสร็จกองทัพก็ลุกเดินออกจากห้องไปและลงไปยังชั้นสามเป็นแผนกหัวใจและทรวงอก ห้อง ICU ที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์พยาบาลซึ่งมีคนไข้ชื่อญาดานอนรอดูอาการอยู่หลังการผ่าตัด“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ” กองทัพเดินเข้าไปในห้องพร้อมหยิบชาร์จที่เสียบอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมากวาดสายตาอ่าน“ความดันปกติ ชีพจรเต้นคงที่ คนไข้ฟื้นแล้วหลังจากออกจากห้องผ่าตัด ปฏิกิริยาทุกอย่างปกติและพึ่งหลับไปเมื่อสักครู่ค่ะ”“ร่างกายตอบสนองต่อการรักษาดี ช่วงเย็นรายงานอาการให้ผมทราบอีกที ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงผมจะย้ายคนไข้ขึ้นไปพักฟื้นด้านบน” เหมือนยกภ
ตอนที่32 รางวัลคนเก่ง “รางวัลพี่ล่ะครับ” เมื่อทั้งสองกลับขึ้นมาบนห้องพักส่วนตัวยังไม่ทันที่ประตูปิดสนิทดีคุณหมอหนุ่มก็ทวงถามหารางวัลทันที“รางวัลอะไรของคุณ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์” มือเล็กออกแรงผลักตรงหลังให้เดินไปยังห้องน้ำเพราะตอนนี้เธอแทบจะทนดมกลิ่นแอลกอฮอล์ในตัวชายหนุ่มไม่ไหว"นวดไหล่ให้พี่หน่อย ผ่าตัดตั้งหลายชั่วโมง..เมื่อยมาก" ยังไม่ทันที่รดาจะหันหลังออกจากห้องน้ำก็เจอเสียงอ้อนของคุณหมอหนุ่ม“อาบเสร็จแล้วเดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ” รดาไม่ได้ปฏิเสธเลยทีเดียวแต่เลือกที่จะยื่นข้อเสนอต่อรองหรือเรียกอีกอย่างว่าการเอาตัวรอด“ต้องแช่น้ำอุ่นแล้วนวดไปด้วยกล้ามเนื้อถึงจะผ่อนคลาย” หลักการทางกายภาพถูกงัดขึ้นมาต้อนเด็กสาวให้จนมุม“เดี๋ยวเสื้อผ้าหนูเปียก ไม่มีชุดใหม่เปลี่ยน”“พี่สั่งให้เอกซื้อมาให้หนูใหม่แล้วสิบชุด อยู่ในตู้” เกมโอเวอร์สุดท้ายรดาก็เป็นฝ่ายแพ้ เดินไปเปิดน้ำอุ่นและผสมสบู่ลงในอ่างกุชชี่ขณะที่กองทัพจัดการถอดเสื้อผ้าออกจนหมดและตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอว“ว๊าย! คุณจะทำอะไรคะ” เชือกที่ผูกอยู่ที่เอวคอดถูกดึงออกโดยฝีมือของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนซ้อน
ตอนที่31 หน้าห้องผ่าตัด“ขอโทษครับผมลืมเคาะประตู” ทั้งสองผละออกจากกันอัตโนมัติเหมือนเกิดแรงผลักของประจุไฟฟ้าขั้วบวกกับขั้วบวกหน้าห้องผ่าตัดเจ้าหน้าที่เข็นเตียงผู้ป่วยออกจากห้องพักหลังจากเตรียมความพร้อมก่อนทำการผ่าตัดมายังห้องผ่าตัดแผนกศัลยกรรม หญิงวัย 58 ปีนอนหน้าซีดปากซีดไร้เลือดฝาดอยู่บนเตียงสีหน้าเป็นกังวล“แม่คะ แม่ต้องสู้นะคะหนูกับพี่ธนาจะรอแม่อยู่ด้านนอก คุณหมอเก่งมากแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยื่นไปกุมมือผู้เป็นมารดาด้านที่มีสายน้ำเกลือเสียบคาอยู่และอีกข้างก็มีเครื่องวัดออกซิเจนติดอยู่“จ๊ะลูก” ญาดาตอบกลับบุตรสาวเสียงแผ่วใบหน้าฝืนยิ้ม ยกมืออีกข้างมากุมมือบุตรสาวและบุตรชายออกแรงบีบเล็กน้อย“ผมกับน้องรอแม่อยู่ด้านนอกนะครับ” เสียงทุ้มอ่อนนุ่มสั่นเครือเล็กน้อยของชายหนุ่มคนที่ดูแลแม่มาตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเสียไป ถึงข้างนอกจะดูเข้มแข็งแต่ข้างในก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะรู้ถึงสุขภาพร่างกายของผู้เป็นมารดาอย่างดีว่าตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน“ธนาอย่าลืมที่สัญญากับแม่นะลูก” ก่อนเข้าไปด้านในยังไม่ลืมย้ำเตือนบุตรชายคนโตอีกรอบ“ครับแม่ แม่ก็อย่าลืมที่สัญญากับผมไว้นะครับ ว่าแม่
ตอนที่30 สู่ขอไม่เป็นทางการ“รดา พี่เอาหนังสือมาให้เผื่อหนูอยากอ่าน” กองทัพเปิดประตูเข้ามาได้จังหวะได้ยินตอนที่รดาคุยกับพี่ชายพอดี“ถามผมก็ได้ครับ ผมยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง” กองทัพเดินเข้าหยุดยืนขนาบข้างเด็กสาว ในมือยังถือหนังสือวารสารด้านธุรกิจของต่างประเทศที่รดาชอบอ่าน ซึ่งเล่มนี้เป็นเล่มใหม่ที่เขาฝากเพื่อนซื้อมาพึ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน"ความจริงผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกคุณหรอกนะครับ แต่ฐานะการใช้ชีวิตของพวกเรากับคุณมันต่างกันมาก” ธนาชี้แจงเหตุผลให้คุณหมอหนุ่มฟังอย่างนอบน้อมและมีเหตุผล“ผมเข้าใจครับ และก็ไม่แปลกใจที่คุณจะเป็นห่วงรดา เราไม่เคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน พอเจอกันครั้งแรกผมก็มาแนะนำตัวในฐานะคนรักของน้องสาวคุณ เป็นใครก็ตกใจครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมกับรดารู้จักกันตั้งแต่ห้าปีก่อนตอนที่ผมยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์ แค่ขาดการติดต่อกันไปช่วงที่ผมไปต่อfellowที่อเมริกา มาเจอกันอีกครั้งตอนที่รดาเกิดอุบัติเหตุเมื่อสี่เดือนก่อนและได้เรียนรู้กันอย่างจริงจังช่วงที่รดาไปฝึกงานที่บริษัท คุณอาจจะมองว่าระยะเวลามันสั้นแต่เชื่อเถอะครับว่าผมรักเธอจริงๆ ผมรีบทำหน้าที่ของ
ตอนที่29 พบแม่ยายในฐานะแฟนของลูกสาวช่วงสายของอีกวัน“รดาตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะ” กองทัพเดินมาหย่อนสะโพกข้างขอบเตียง เสียงทุ้มนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง“อือ..หนูขออีกห้านาที” เสียงครางงึมงำในลำคอ ตาสองข้างยังปิดสนิท“หมดแรงขนาดลุกไม่ขึ้นเลยเหรอ หืม” หนวดเคราที่กำลังขึ้นเป็นตอสีดำเสียดสีกับลำคอใต้ซอกใบหูจนคนที่นอนหลับอยู่รู้สึกจักจี้จากการรบกวน“พี่หมอ หนูขออีกห้านาทีนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอ้อนคว้ามือหนาที่วางพาดอยู่บนตัวเข้ามากอดแนบใบหน้า จนกองทัพทำตัวไม่ถูกจำต้องจำยอมตามคำขอและทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ รอเวลา“หนูครับ วันนี้พี่จะพาหนูไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล ถ้าไม่ยอมตื่นคุณแม่ท่านจะรอนานเอานะครับ” สิ้นคำพูดรดาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันที“คุณจะพาหนูไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลจริงๆ เหรอคะ” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัว หน้าอกคัพB ใต้เสื้อนอนตัวเล็กเสียดสีกับอกแกร่งจนกองทัพสัมผัสถึงความนุ่มเด้งได้“ถ้ายังอยากไปเยี่ยมแม่ พี่แนะนำให้ปล่อยพี่ก่อนครับ ก่อนที่หนูจะต้องนอนหมดแรงอยู่บนเตียงจนออกไปไหนไม่ได้” เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยบอกติดๆ ขัด ขณะที่จิตสำนึกกำล