สายลมพัดโบกสะบัดบ่งบอกถึงฤดูหนาวสะท้านกำลังจะมาถึง จางลี่ถิงสวมเสื้อโคชตัวใหญ่พร้อมรองเท้าสั้นสูงแหลมคมมุ่งหน้าเข้ามาที่โรงพยาบาลเป่ย
"ขอโทษนะ ฉันมาหาหมอซาง" "คุณหมอซางตรวจคนไข้อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอไหม" "ได้ บอกเขาว่าฉัน จางลี่ถิง ต้องการขอพบ" หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ถือวิสาสะเดินมุ่งหน้าไปทางห้องพักหมอ โดยที่เจ้าหน้าที่ซักประวัติยังไม่เอ่ยอนุญาต และมองตามหลังเธอจนลับตา เวลาผ่านไปสักพัก หมอซางร่างสูงผมดำคิ้วเข้มใบหน้าหล่อคมสันก็เดินออกมาจากห้องตรวจ "คุณหมอคะ มีผู้หญิงมาขอพบคุณหมอค่ะ" "ใคร?" "เธอบอกว่าชื่อจางลี่ถิงค่ะ" เรียวคิ้วหนาดกดำย่นลงจนเป็นปม ไม่คิดว่าชื่อที่เขาไม่พึ่งประสงค์เจอจะมาถึงที่นี่ "เธออยู่ไหน" "เห็นเดินทางห้องพักคุณหมอค่ะ" และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าที่เบ่งบานเมื่อครู่กลับยับยู่ยี่ขึ้นอีก ใครอนุญาตให้คนแบบนั้นไปที่ห้องพักของตัวเอง หมอซางมุ่งหน้าไปที่ห้องพัก ใบหน้าของหมอยับยิ่งกว่าถนนพึ่งเทยางมะตอยเสียอีก เมื่อมาถึงก็พุ่งตัวเข้าไปข้างใน แอ๊ดปัก! "ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไร?" น้ำเสียงห้วนห้าวโพล่งถามออกไปด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดเล็กน้อย ส่วนคนที่ยืนมองข้าวของทุกอย่างในห้องก็ต้องหันมาตามเสียง จางลี่ถิงเม้มปากเรียวสีแดงฉานใบหน้าของเธอแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางตามสไตล์สาวแฟชั่นล้ำสมัย เธอถอนหายใจยาวออกมาหนึ่งครั้ง ฮึก "ที่ฉันมาหานายเพราะต้องการจะคุยเรื่องของเรา" คำพูดของเธอดูเหมือนจะมั่นใจในตัวเองมาก ทั้ง ๆ ที่เธอเองตอนนี้ก็ดูแย่ทางสังคมไม่น้อย หมอซางเหยียดยิ้มเล็กน้อย แล้วสาวเท้ายาวไปยังโต๊ะทำงานตัวเอง เขาหย่อนสะโพกลงนั่งแม้ว่าสายตาจะไม่ได้มองหญิงสาวที่ยืนอยู่ต่อหน้า แต่ก็พอรู้ว่าจางลี่ถิงต้องการคำตอบจากตน "เรื่องของเรางั้นเหรอ ผมถามหน่อยเราเป็นอะไรกันคุณถึงกล้าพูดว่าเรื่องของเรา" "นายก็รู้อยู่แก่ใจว่าพ่อฉันต้องการให้ฉันแต่งงานกับนาย นี่หมอซางฉันไม่อ้อมค้อมหรอกนะ หมอไม่ใช่สเปกฉันฉะนั้นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกัน เราน่าจะหาทางออกได้" "ไม่อยากจะเชื่อนะครับว่าคนที่กำลังจะล้มละลายวันก่อนพ่อของคุณก็พึ่งมาคุกเข่าขอร้องให้ผมแต่งงานกับคุณ แต่ดูเหมือนตัวคุณเองจะมั่นใจตัวเองมาก หากผมบอกคุณตรงนี้ว่าผมไม่เคยคิดจะแต่งงาน และที่สำคัญผมเองก็ไม่ชอบคุณด้วย หากสิ่งที่คุณมาวันนี้มีแค่นี้ละก็ วางใจเถอะว่างานแต่งที่พ่อคุณเสนอไม่เกิดขึ้นแน่นอน!" "เอ๊ะ!!" สิ่งที่จางลี่ต้องการไม่ใช่แบบนี้ ที่เธอมาที่นี่แค่อยากมาตกลงเรื่องงานแต่งอยากให้หมอซางแต่งงานกับเธอแค่ในนามเพื่อพยุงธุรกิจไปก่อน แต่สิ่งที่ได้คือการปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย หากเป็นแบบนี้พ่อเธอคงเอาเธอตายแน่ "เดี๋ยวกันสิ!" "ขอโทษนะผมต้องทำงานเชิญคุณออกไปได้แล้ว" "แต่..ฉัน" "เชิญครับ!!" ในที่สุดจางลี่ถิงก็ต้องเดินคอตกออกมาจากห้องคุณหมอหนุ่ม เธอรู้สึกผิดกับตัวเองที่ไม่วางอาการหยิ่งยโสลงบ้างหากพ่อเธอรู้ว่าเธอแอบมาเจรจากับหมอซางแต่ถูกเขาปฏิเสธข้อเสนอ มีหวังเธอเองคงจะซวยเป็นแน่ "คิดว่าตัวเองหล่อวิเศษหรือยังไงกัน" พูดจบเสียงส้นรองเท้าก็กระแทกกับพื้นกระเบื้องสีขาวของโรงพยาบางดังต๊อกแต๊ก ก่อนที่ร่างนั้นจะพ้นเขตห้องของหมอ ส่วนคุณหมอหนุ่มเขาเห็นทุกอิริยาบถก่อนจะถอนหายใจแล้วบ่นเบา ๆ "ขนาดทางบ้านกำลังลำบากเธอยังเอาแต่ใจขนาดนี้ คนแบบนี้นี่นะที่พ่อของให้ฉันแต่งงาน" พูดจบหมอก็ส่ายหัวไปมาหากถามว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก็ไม่ได้เกลียดมากมายเพียงแต่ไม่ชอบนิสัยเอาแต่ใจ และยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงที่พึ่งสะบัดก้นออกไปจากห้องเมื่อครู่ยังเคยชอบสามีชาวบ้านไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ตกเย็นวันนั้น "นี่แกสร้างเรื่องอีกแล้วเหรอ" เสียงโพล่งดังจนแสบแก้วหูเมื่อรู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวเดินทางไปที่โรงพยาบาลและหมอซางเองก็เป็นคนบอกไม่รับข้อเสนอเรื่องการแต่งงาน "คะคือหนู" "เพราะแม่แกเลี้ยงแกมาแบบผิด ๆ ทุกอย่างเลยเป็นแบบนี้ ฉันบอกแกให้ทำตัวใหม่ทำอย่างไรก็ได้ให้หมอซางรับแกเป็นเมีย นี่แกดันทำให้เขาปฏิเสธ แกอยากให้เราย้ายไปอยู่ห้องเช่ารึไง" เสียงเข้มยังคงต่อว่าลูกสาวไม่หยุด ส่วนลี่ถิงเอาแต่ก้มหน้ารับชะตาที่เกิดขึ้น หรือเพราะตัวเองจริง ๆ ที่ไม่อยากยอมรับว่ากำลังเดือดร้อนเลยมั่นใจถือดีเข้าไปพูดกับหมอแบบนั้น "พ่อคะ หมอซางเองคงไม่ชอบหนูเหมือนกัน" "เขาไม่ชอบก็ทำให้เขาชอบเสียสิ! นิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของแกวางมันลงได้แล้ว แล้วเลิกทำตัวเหมือนตัวเองสูงส่งเสียทีแกรู้ไหมว่าตอนนี้หุ้นในบริษัทดิ่งลงแค่ไหน" ตะเบ็งเสียงต่อว่าลูกสาวจนแทบลมจับ ทำเอาจางลี่ถิงตัวสั่นระริกเมื่อเห็นอาการลูกหวาดกลัวจางเอินก็เดินหนีมีเพียงมารดาของเธอเท่านั้นที่เดินเข้ามาโอบกอดลูกสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่แบบนั้น "โถ่ลี่ถิง...." "แม่หนูไม่คิดว่าหมอซางจะโทรมาเร็วขนาดนี้ อันที่จริงหนูแค่อยากตกลงกับเขาเท่านั้น" "งั้น วันหลังก็ค่อยคุยกันกับเขาใหม่ก็ได้ลูก"ริมฝีปากหว่านพรมไปทุกสัดส่วน อีกมือก็ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อ จนลิ้นอุ่นเลียมาถึงยอดเชอรี่สีหวานก่อนจะดูดดึงหนัก ๆ "อ๊ะ" ร่างกายของเธอสะดุ้งตามเล็กน้อยยอดดอกชูชันขึ้นมาราวกับรอคอยการปลุกเร้า แค่เห็นอย่างนั้นก็เพิ่มอารมณ์ชายในร่างได้เป็นอย่างดีมือหนาเริ่มไล่ระดับต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงเนินอวบอิ่ม เพียงแค่เขาสัมผัส เธอก็สะดุ้งตัวตามแล้ว"ฮึก อ๊า หมอซาง" เธอรู้สึกอายแต่วินาทีนี้ไม่อาจจะข่มใจได้ คงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ใจปรารถนาแค่สัมผัสจุดอ่อนไหวก็รับรู้ได้ว่า ความต้องการของเธอมันถึงขีดสุด น้ำสีเหลวไหลออกมาจนชุ่มราวกับน้ำหล่อลื่นชั้นดี รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องการมันมากแค่ไหนแต่เขาก็เหมือนจะแกล้งเธออยู่ร่ำไป หมอซางไม่ได้สอดอวัยวะที่พองโตเต็มที่เข้าไปสัมผัส แต่กลับใช้เพียงนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปสำรวจ"อ๊ะ" ภายในอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแถมมันยังหดเกร็งบีบรัดนิ้วมือเขาแน่น ทำเอาความรู้สึกชายตอนนี้มันวิ่งพล่าน จนต้องกัดฟันแน่น"อื้อ อืม ตรงนั้น มัน " เธออยากบอกว่าเสียวซ่านใจแทบขาดเพียงแค่นิ้วเรียวของเขาแทรกลึกลงไปพร้อมทั้งขยับเข้าออกเบิกทางให้รับท่อนเอ็นที่แข็งขืนตอนนี้เสียงเปียกลื่นของเหลวจากเรีย
หมอซางตามฉีเกอมาทางห้องน้ำ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเขากำลังพยุงร่างของจางลี่ถิงให้ลุกขึ้นเหมือนเตรียมท่าจะออกไปจากตรงนี้เห็นท่าว่าจะไม่ดี จริงอยู่ว่าหมอไม่ชอบเธอเท่าไรนักแต่ก็ไม่อาจจะทนเห็นเธอตกอยู่ในอันตรายได้ "ขอโทษนะครับ" ฉีเกอหันมามองตามเสียงเพียงแค่เห็นหมอซางใบหน้าเขาก็ซีดเผือดขึ้นทันที"หมอซางคุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอ""ผมมารับเธอกลับบ้าน" ลี่ถิงในตอนนี้เธอดูหื่นหอบเริ่มเม้มริมฝีปากแน่น หมอซางเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจจากนั้นก็รีบไปดึงตัวเธอมาซบที่อกตัวเอง"เอ่อ งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน" ฉีเกอคงรู้ชะตาตัวเอง หากฝืนอยู่นานมีหวังถูกจับได้ว่าตัวเองเป็นคนวางยาจางลี่ถิงหมอซางพาจางลี่ถิงมาที่รถระหว่างที่พยุงร่างของเธอแทรกเข้าไปในนั้น ลี่ถิงก็ดึงหมอมาจูบอย่างชนิดที่ว่าห้ามตัวเองไม่อยู่ฮึก"ทำบ้าอะไรของเธอ" หมอซางตั้งสติได้รีบผละใบหน้าออกมายืนตัวตรง ในขณะที่ร่างของลี่ถิงอ่อนปวกเปียกดวงตาฉ่ำปรืออยู่แบบนั้น"หมอช่วยฉันด้วย" เธอรู้ว่าไม่อาจควบคุมตัวเองได้ร่างกายมันร้อนผ่าวไปหมด ส่วนหมอซางก็รู้ว่าเธอโดนวางยาจริง ๆ เมื่อยืนมองอยู่สักพักก็รีบขึ้นไปที่ฝั่งคนขับเคลื่อนรถออกจากที่ วินาทีที่คิดอะไร
"หมอซางนั่นคู่หมั้นนายหรือเปล่า" หนึ่งในเพื่อนหมอทักขึ้นเมื่อเห็นร่างอรชรในชุดเกาะอกสีแดงกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนของเธอ ทำเอาหมอซางต้องหันมามองจากนั้นก็หลบสายตาไป เหมือนกับว่าหมอไม่ได้เห็นความสำคัญเธออยู่แล้ว"นายจะไม่เข้าไปทักเธอหน่อยเหรอ""คงไม่จำเป็น อีกอย่างเธอก็มากับเพื่อน" ช่างเป็นคู่หมั้นที่ไม่เหมือนคู่อื่น ๆ สักนิดสิ่งที่หมอแสดงออกตอนนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย ส่วนหมอหลันเธอไม่รู้หรอกว่าสาเหตุที่แท้จริงที่หมอซางยอมหมั้นเพราะอะไรกันแน่อย่าว่าแต่กลุ่มของหมอซางที่เห็นจางลี่ถิง หนิงเอ๋อก็ตาดีไม่ใช่หน่อยขนาดไฟสลัววิ๊บวั๊บก็ยังอุตส่าห์เห็นหมอซางหน้าหล่อนั่งอยู่"ถิงถิง นั่นคู่หมั้นเธอไม่ใช่หรือไง" หนิงเอ๋อโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเพื่อน ทำให้จางลี่ถิงต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริง ๆ เธอก็หันกลับมาพร้อมกระซิบตอบเพื่อน"ช่างเขาเถอะ เขาเองก็คงไม่สนใจฉันหรอกเราต่างคนต่างมาอย่าไปสนใจเขาเลย" เมื่อพูดแบบนั้นก็ยกค็อกเทลขึ้นมาจิบ โดยไม่สนใจหมอซางที่นั่งอยู่อีกฟากฝั่งเวลาผ่านไปสักพักจางลี่ถิงดูท่าจะได้ที่แอลกอฮอล์ในร่างเริ่มทำงาน ดวงตาเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยจนเธ
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ