วันเวลาผ่านพ้นไป1สัปดาห์
แสงจันทร์ทอประกายและแสงระยิบระยับของหมู่ดาวในทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่เจิดจรัสงดงามอยู่บนท้องฟ้า ทินภัทรที่ไม่มีอะไรทำหรือไม่มีใครคอยมากวนใจเฉกเช่นหลายวันก่อนที่ผ่านมา ก็ปลีกตัวมานั่งทำหน้าหงอยมองผืนฟ้าอยู่ที่ชิงช้าตัวเดิมที่ทุกวันนี้แทบจะเป็นที่ประจำของเจ้าตัวอยู่แล้ว
"มานั่งทำเอ็มวีอะไรอยู่นี้อ่ะพี่ผัก ไม่กลัวยุงมาหามไปหรือไง"เสียงทุ้มของน้องชายที่พึ่งจะเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงที่ชิงช้าตัวข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น พลันนัยน์ตาคมของข้าวเม่าก็ลอบมองสังเกตท่าทีของพี่ชายตัวเองไปด้วย
"ก็เปล่า ก็มันไม่มีอะไรให้ทำแล้วอ่ะ ไซต์งานอะไรก็ไม่มีอะไรให้ไปตรวจดูแล้ว หอพักเองอัญชันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้วช่วงนี้พี่ก็เลยไม่รู้จะทำอะไร เลยรู้สึกเบื่อ ๆ นิดหน่อยก็เลยมานั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นี้อย่างที่เห็น"ผักขาเอ่ยตอบอธิบายกับน้องชายยาวเหยียด ก่อนที่จะพ่นลมหายใจทิ้งออกมาเฮือกใหญ่
"อ่อเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าพี่ชายจะเหงาที่หลายวันที่ผ่านมานี้ไม่มีคนมาคอยกวนใจ"ข้าวเม่าเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้ายียวนกวนประสาทพี่ชายพร้อมกับออกแรงเท้า
หลายวันผ่านไปทินภัทรยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมที่ผ่านมา คือตื่นเช้ามาก็ทำอาหารและกินข้าวกับครอบครัว พอสายหน่อยก็แวะไปดูความคืบหน้าของไซต์งานก่อสร้าง ตกบ่ายก็ไปเดินตลาดกับน้องชายเพื่อเก็บค่าเช่าแผงกับซื้อของมาทำอาหารในมื้อเย็น พอถึงช่วงค่ำกินข้าวอะไรเสร็จผักขาก็มานั่งเล่นมือถือที่ชิงช้าตัวเดิมเหมือนรอใครบางคนทักหาหรือไม่ก็โทรหาตัวเขา"วันนี้เงียบหายไปเลยแฮะ"ผักขาสบถกับตัวเองเสียงเบาหลังจากที่เขาออกมานั่งเล่นอยู่ตรงนี้นานนับชั่วโมง แล้วก็ไม่เห็นอัลฟ่าตัวสูงที่มักจะทักมาหรือโทรมากวนตัวเขาในเวลาช่วงนี้ของทุกวัน"หายไปไหนของเขานะ?"ผักขายังคงสบถบ่นกับตัวเองพลางนัยน์ตาสวยก็เหลือบมองที่หน้าจอมือถือของตัวเองเป็นระยะๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเงยหน้าทอดสายตามองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่วันนี้แทบจะไร้ดวงดาวให้เขาดู"วันนี้ท้องฟ้าก็แทบไม่มีดาวให้เห็นอีกแล้วเหรอเนี่ย"ทินภัทรนั่งเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำราตรีอยู่นั้นพลันอยู่ ๆ ภายในร่างกายของผักขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเสียดื้อๆ จนเจ้าตัวต้องยกมือทั้งสองขึ้นมาลูบแขนทั้งสองข้างของ
ข้าวเม่าเวลา06:17นาทีเจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราบนเตียงนอนขนาด5ฟุตเป็นต้องสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น เมื่ออยู่ๆเขาก็รู้สึกร้อนรุ่มข้างในร่างกาย จนทำให้เจ้าตัวต้องดีดตัวลุกขึ้นมานั่งหายใจหอบหนักอยู่ข้างเตียงนอนที่ในตอนนี้มีเพื่อนร่างบางของเขานอนคว่ำหลับใหลเปลือยกายอยู่อีกฝั่งของเตียงนอน"อึก เป็นอะไรวะเนี่ยอยู่ ๆ ร่างกายก็รู้สึกร้อนขึ้นมา"ข้าวเม่าสบถบ่นกับตัวเองเสียงเบาพลางนัยน์ตาคมก็เหลือบไปมองเพื่อนร่างบางเจ้าของห้องที่ตอนนี้นอนคว่ำโชว์แผ่นหลังขาวเนียนให้เขาดูอยู่"หลับสบายเชียวนะ"คนตัวสูงบ่นออกมาเสียงเบาด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายของตัวเองระหว่างที่ข้าวเม่ากำลังอาบน้ำอยู่นั้น ตัวของข้าวเม่าเองก็รู้สึกว่าภายในร่างกายของเขานั้นรู้สึกแปลก ๆ เพราะตั้งแต่ที่ข้าวเม่ารู้สะดุ้งตื่นมาเขาก็รู้สึกว่าภายในร่างกายของเขานั้นรู้สึกร้อนรุ่มและครั่นเนื้อครั่นตัว แถมเขายังรู้สึกมีอารมณ์ความต้องการมากกว่
เวลา08:23นาทีหลังจากที่ทินภัทรเกิดอาการฮีทและได้ชนาธิปใช้มือช่วยตลอดอาการฮีท เช้าวันถัดมาอาการฮีทของโอเมก้ากลิ่นผักชะอมอย่างผักขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่ปกติแล้วเวลาที่เจ้าตัวถึงช่วงฮีทตัวของผักขาต้องทนทุกข์กับความทรมานที่ไม่มีฟีโรโมนจากอัลฟ่าคู่ของตัวเองค่อยทำให้สบายใจอยู่ในห้องถึง2-3วัน แต่ทว่าครั้งนี้อาการฮีทของผักขากลับหายไปเพียงแค่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองนี้คงจะเป็นผลจากการที่ได้ฟีโรโมนของคู่พันธะค่อยปลอบประโลมซินะ"คุณน้ากับอัญชันจะกลับมาวันไหนเหรอครับผัก"เสียงทุ้มของคนตัวสูงที่นั่งอยู่โต๊ะกินข้าวเรียกสติผักขาที่กำลังยืนทำกับข้าวอย่างเหม่อลอยอยู่กับความคิดให้หันมาสนใจยังต้นเสียง"ไม่แน่ใจ คุณนายบอกแค่ว่าจะไปต่างจังหวัดกับยัยอัญ2-3วันแค่นั้นเอง"ผักขาที่ได้สติกลับมาก็หันมามองนายน์ ก่อนที่จะเอ่ยตอบเสียงเบาแล้วหันกลับไปสนใจการทำอาหารตรงหน้าต่อ"อ่ออย่างงั้นเหรอครับ แล้วผักมีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย"นายย์ขานรับเสียงเบา ก่อนที่จะหั
"ฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามาให้ฉันกับผักขาเห็นหน้าอีก แล้วก็อีกอย่างควบคุมฟีโรโมนเหม็น ๆ นี้ของเธอซะเลิกปล่อยมันออกมาสักที ฉันจะอ้วก!"หลังจากจบประโยคที่ชนาธิปเอ่ยน้ำฝนที่รู้สึกอายที่โดนนายน์ว่าให้อย่างนั้น ก็รีบหันหลังเดินหนีกลับไปยังรถของตัวเองและโทรเรียกให้ผู้เป็นพ่อมาพาตัวเองกลับบ้านผ่านไปไม่นานสักพ่อของน้ำฝนก็เดินกลับมาที่รถด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ก่อนที่จะขึ้นรถขับออกไปโดยที่ไม่เอ่ยลานายน์และผักขาเลย"เฮ่อออพรุ่งนี้ต้องมีข่าวลือแปลก ๆ ออกมาอีกแน่ ๆ "ผักขาถอนหายใจทิ้งพร้อมกับสบถบ่นกับตัวเองเสียงเบา ก่อนที่จะหันไปมองคนตัวสูงก็พบว่านายน์นั้นมองมายังตัวเองอยู่ก่อนแล้วด้านนายน์ที่ได้ยินสิ่งที่คนร่างบางเอ่ยบ่นก็มองด้วยสายตาแสดงถึงความเป็นห่วง ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปจับมือบางแล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"ไม่ต้องคิดมากนะครับ ถ้าเกิดมีข่าวลืออะไรเกี่ยวกับผัก พี่จะเป็นคนสยบข่าวพวกนั้นของผักขาเอง"หลังจากจบประโยคที่คนตัวสูงเอ่ย ทินภัทรก็ยืนนิ่งจ้องมองสบกับนัยน์ตาคมของชนาธิปด้วยแววตานิ่ง ๆ พลันก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายก็เริ่มเต้นผิดจังห
หลังจากจบมื้ออาหารเที่ยงที่ชนาธิปได้แต่นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ดูคนทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตลอดมื้ออาหารนั้น ในตอนนี้พวกเขาทั้งสามก็ได้มายืนกันอยู่ที่ลานจอดรถของร้าน"แล้วนี่เรากลับห้องยังไงเหรอต้นไม้"เป็นเสียงของผักขาที่เอ่ยถามเด็กหนุ่มตัวสูงขึ้นหลังจากหยุดเท้าอยู่ใกล้ ๆ กับรถยนต์ของนายน์"ซิ่งมอเตอร์ไซต์กลับครับผม"ต้นไม้ตอบคนร่างบางกลับด้วยใบหน้ายิ้มทะเล้น ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบก้มหน้าค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าพายของตัวเองและเมื่อเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็ยื่นให้ผักขาด้วยใบหน้ากระตือรือร้นทันที"หื้มมซองอะไรอ่ะ"ผักขาถามขึ้นพลางเอื้อมมือไปรับซองสีขาวที่ต้นไม้ยื่นมาให้ด้วยใบหน้าสงสัย"ซองเงินค่าเช่าของเดือนนี้ครับ ขอโทษที่ผมจ่ายช้านะครับ""โอ๊ยยยไม่เป็นไรเลยต้นไม้ เรามีเมื่อไหร่ค่อยเอามาจ่ายพี่ก็ได้"ผักขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าไปหาเด็กตรงหน้าแล้วเอื้อมมือลูบหัวทุยของต้นไม้อย่างนึกเอ็นดูเหมือนน้องชายตัวเองอีกคนต่างกับคนตัวสูงที่ในตอนนี้ยืนกำหมัดแน่นอย่างนึกหงุดหงิดและแสดงสีหน้าไม่พอใจ ที่ผักข
ณ.โรงพยาบาล"ครับ? คุณหมอว่ายังไงนะครับ?"ทินภัทรถามคุณหมอชายวัยกลางคนขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอึ้งตกใจ"ตอนนี้สถานะเพศรองของคนไข้ได้เปลี่ยนแปลงจากเบ้ตากลายเป็นอัลฟ่าแล้วครับ"คุณหมอเอ่ยแจ้งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและท่าทางใจเย็นเพราะคุณหมอทราบดีว่าเรื่องแบบนี้เป็นใครใครก็ตกใจ ก็อยู่ๆพี่น้องที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิดก็เกิดมาสถานะเปลี่ยนเป็นอัลฟ่าแบบนี้ มันก็ต้องตกใจกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว"เป็นไปได้ยังไง...."ผักขาพึมพำออกมาเสียงเบาอย่างคนหมดแรงพลางใบหน้าหวานก็ยังคงแสดงสีหน้าอย่างไม่อยากจะเชื้อในสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะรับรู้จากปากของคุณหมอด้านนายน์ที่นั่งฟังอยู่เก้าอี้ข้างๆ เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนแรงของผักขาก็เอื้อมมือไปกุมมือบางเพื่อเป็นการให้กำลังใจ"ไม่เป็นไรนะ"นายน์หันมาเอ่ยพูดกับคนร่างบางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนโยน"หมอเข้าใจนะครับว่าตอนนี้ญาติของคนไข้กำลังตกใจแต่เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ครับ เพราะสถานะเพศรองของบางคนเขาก็ซ่อนอยู่กว่าจะแสดงสถานะจริง ๆ ของตัวเองออกมาก็ตอนที่โตเต็มไวหรือก็คือช่วง
เวลาผ่านพ้นไป3เดือนเวลา22:12นาทีในตอนนี้อพาร์ทเม้นท์ของผักขาก็สร้างเสร็จมาได้สักพักแล้ว และตอนนี้เองที่บ้านของผักขาก็กำลังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ให้กับตึกใหม่ที่จะเปิดให้คนที่จองไว้เข้ามาพักอยู่ได้ในวันพรุ่งนี้และงานเลี้ยงในวันนี้เองก็เป็นการเลี้ยงส่งชนาธิปด้วยไปในตัวด้วยหลังจากเริ่มสังสรรค์กันตั้งแต่หนึ่งทุ่ม จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ตัวของผักขาที่ดื่มจนเริ่มรู้สึกมึนเล็กน้อย ก็ได้หลบออกมาจากงานเลี้ยงมานั่งเหม่อดูดาวอยู่ที่ชิงช้ามุมประจำของเจ้าตัว"อพาร์ทเม้นท์ก็สร้างเสร็จแล้ว ต่อไปนี้พี่มันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรให้มาที่นี้อีกแล้วซินะ"ผักขาที่นั่งแกร่งชิงช้าเล่นเบา ๆ พึมพำออกมาด้วยสีหน้าและความรู้สึกวูบโหวงในใจ พลันนัยน์ตาสีน้ำตาลก็แสดงแววตาวูบไหวเมื่อนึกได้ว่างานที่นี้ของชนาธิปได้จบลงแล้ว และคนเป็นพี่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลับมาที่นี้อีก"แล้วทำไมมึงต้องรู้สึกเศร้าด้วยเนี่ยผักขา พี่มันไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง"ผักขาบ่นพึมพำกับตัวเองออกมาอีกครั้งพลางใบหน้าหวานก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ที่มีดวงจันทร์ทอประกายแสงอ
"มาทำให้คนอื่นมีอารมณ์ด้วยแล้ว แล้วจะหนีกลับห้องหรือไงหะ"ประโยคที่ทินภัทรเอ่ยพูดนั้นทำให้ชนาธิปยืนเบิกตากว้างตะลึงงันไปชั่วขณะ เพราะเขานั้นคาดไม่ถึงว่าคนร่างบางตรงหน้าของเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาเพราะประโยคที่พูดมาเมื่อกี้นั้น ไม่ต่างจากผักขาชวนเขามีอะไรด้วยเลย"ผักขา...เมื่อกี้พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า"นายน์เดินกลับมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของผักขาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยถามคนตรงหน้าขึ้นว่า สิ่งที่ตัวเองเอ่ยพูดมาเมื่อกี้นั้นคิดดีแล้วใช่มั้ย หรือที่พูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายด้านผักขาที่นั่งเงียบอยู่สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาสบกับนัยน์ตาคมอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเดินเข้าไปประชิดตัวของนายน์ แขนเรียวทั้งสองยกขึ้นคล้องลำคอแกร่ง ก่อนที่เท้าเล็กทั้งสองจะเขย่งขึ้น ดวงหน้าหวานเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหล่อ ทันใดนั้นริมฝีปากเล็กก็ประกบจูบริมฝีปากของนายน์อย่างแผ่วเบาริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ ขยับนวดคลึงกลีบปากหนาเบา ๆ พลางกายบาง
เนื้อหาในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักและเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแม้แต่น้อย*โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน*หลังจากจบการไปเที่ยวฮันนีมูนกัน ชนาธิปก็พาผักขามาหาคุณหญิงรตรีและประสิทธิ์ชัยผู้เป็นพ่อ เพื่อบอกข่าวดีว่าผักขาภรรยาตัวน้อยของเขาได้ตั้งท้องจริง ๆ แล้วไม่ได้หลอกเหมือนครั้งก่อนแต่ทว่าพวกท่านทั้งสองกับไม่ยอมเชื่อลูกชายตัวดีอย่างนายน์ เพราะเกรงว่าเจ้าลูกชายจะมาหลอกให้ดีใจเก้อเหมือนครั้งก่อน จนผักขาต้องเป็นคนพูดแทนและเอาภาพอัลตร้าซาวด์ที่ไปหาหมอและฝากครรภ์ก่อนที่จะมาหาพวกท่าน ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองดูพวกท่านถึงได้เชื่อและต่างร้องดีใจแล้วพากันอวยพรให้ผักขาสุขภาพแข็งแรงกันยกใหญ่หลังจากที่แจ้งข่าวให้ทุกคนในครอบครัวทั้งฝ่ายของผักขาและของนายน์ได้รับรู้ว่าผักขากำลังตั้งท้องมีหลานให้ได้อุ้ม พอทุกคนรู้ต่างก็พากันดีใจเพราะจะได้อุ้มหลานสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วในตอนนี้วันเวลาก็ผ่านมา 4 เดือนแล้วและตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมาตัวผักขานั้นไม
เนื้อหาในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักและเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแม้แต่น้อย*โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน*เหตุการณ์หลังจากงานแต่งงาน1อาทิตย์ทินภัทรหลังจากที่พี่นายน์ได้ขอผมแต่งงานที่บ้านของเขาในวันนั้นและผมได้ตอบตกลงไป 2เดือนต่อมางานแต่งของผมและพี่นายน์ก็ได้จัดขึ้นอย่างอลังการ โดยงานแต่งในครั้งนี้ทางฝั่งพ่อแม่ของพี่นายน์เป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทุกอย่างเลย ส่วนทางของผมทำเพียงแค่ลองชุดและรอเดินเข้าพิธีก็เท่านั้นแล้วถ้าจะถามว่าในตอนนี้ตัวผมกำลังทำอะไรอยู่ ก็กำลังนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงในบ้านพักตากอากาศริมทะเลน่ะสิอ่ะ ๆ อย่าพึ่งคิดไปไกลกับคำว่าหมดสภาพของผมนะ ที่ผมบอกว่าหมดสภาพคือหมดสภาพในการอ้วกจนเหนื่อยและหน้ามืดต่างหากล่ะ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมผมถึงมีอาการแบบนี้ ผมรู้ว่าพวกคุณคงจะเดาออกกันได้ เพราะอาการแบบนี้มันมีไม่กี่อย่างหรอกใช่แล้วล่ะครับ ในตอนนี้ผมกำลัง
"คุณพ่ออออ"ชนาธิปร้องเรียกผู้เป็นพ่อเสียงหลง เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเข้าใจนั้นผิดไปส่วนด้านผักขาที่เข้าใจผิดไม่ต่างกับคนรักก็ยืนเบิกตากว้างอ้าปากเหวอ ก่อนที่จะหันไปสบตากับผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยใบหน้าเอียงอายแล้วก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษที่ทำให้วุ่นวายกับความเข้าใจผิดของตัวเอง"ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณน้าคุณอาวุ่นวาย เป็นผักเองที่เข้าใจผิดและคิดไปเองจนทำให้ทุกคนต้องมาทะเลาะกันแบบนี้"ผักขาก้มหน้าเอ่ยขอโทษออกมาเสียงเบา"อ่ะ หนูผักไม่ต้องขอโทษเลยลูก หนูผักไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยหนูผักจะขอโทษทำไมจ๊ะ อีกอย่างคนที่ผิดจริง ๆ คือตานายน์ต่างหากที่มาชวนทะเลาะ"คุณหญิงรตรีรีบเอ่ยพูดกับโอเมก้าตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทันที ก่อนที่ช่วงท้ายจะหันไปพูดและมองหน้าลูกชายตาขวาง"คุณแม่ครับบบ"นายน์ที่เห็นมารดามองตัวเองตาขวางก็เอ่ยเรียกเสียงอ่อน แต่ทว่ารตรีกับพูดสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็ง"อะไร ไม่ต้องมาเรียกด้วยน้ำเสียงแบบนั้นเลยนะ บอกเลยไม่ใจอ่อนให้หรอกนะบอกไว้ก่อน""คุณประสิทธิ์ชัย....ดูเมียของคุณทำกับลูกชายของคุณสิ"เมื่อเห็นว่าพูดกับผู้เป็นแม่
"หนูคิดดีแล้วเหรอที่มาคบกับตานายน์ลูกชายของฉัน"ทันทีที่จบประโยคคำถามของประสิทธิ์ชัยผู้เป็นบิดาของคนรัก ท่าทีของผักขาจากที่เกร็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็นั่งเกร็งมากกว่าเดิมพลางใบหน้าหวานก็แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมาให้ผู้ใหญ่ทั้งสองได้เห็น"......"ผักขานั่งบีบมือเม้มปากเข้าหากันแน่น พลันหัวสมองก็นึกคิดไปต่าง ๆ นานาว่าพ่อแม่ของคนพี่ต้องไม่ชอบตัวเองเป็นแน่ ถึงได้ถามออกมาอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะฐานะทางบ้านของตัวผักขาเองที่ไม่ได้ดีอะไรมากมาย ต่างจากทางฝั่งของนายน์ที่เป็นผู้ดีมีตระกูลที่มีหน้ามีตาทางสังคมและร่ำรวยมหาศาลตัวของผักขาคงจะไม่เหมาะสมกับลูกชายของพวกท่านทั้งสองทินภัทรยังคงนั่งก้มหน้านัยน์ตาแดงก่ำจมอยู่กับความคิดในหัวของตัวเอง ทางพ่อและแม่ของนายน์ที่นั่งรอคำตอบจากคนร่างบาง แต่ทว่าผ่านไปหลายนาทีเด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขาก็ไม่เอ่ยตอบอะไรแถมยังหน้าก้มหน้าก้มตาไม่เงยหน้ามาสบตา ก่อนที่คุณหญิงรตรีจะหันพยักหน้าให้สามีเป็นสัญญาณว่าเธอนั้นจะเป็นฝ่า
2เดือนต่อมาหลังจากวันที่ชนาธิปขอผักขาเป็นแฟน ในวันนี้ก็ผ่านมาแล้ว2เดือนที่คนทั้งสองได้ตกลงคบหาดูใจกัน ใช่แล้วล่ะทุกคนอ่านไม่ผิดกันหรอก ในวันนั้นผักขาได้ตกลงปลงใจที่จะเป็นแฟนกับนายน์และในตอนนี้เองผักขาก็ได้ตัดสินใจขึ้นเครื่องบินลัดฟ้ามาที่กรุงเทพกับนายน์ เพื่อที่จะมากินข้าวกับครอบครัวของคนพี่เพราะพวกท่านทั้งสองนั้นอยากจะทำความรู้จักกับผักขา ผักขาก็เลยต้องนั่งเครื่องบินขึ้นมาอย่างที่เห็นแต่เดิมทีผู้ใหญ่ทั้งสองนั้นอยากที่จะเจอผักขานานแล้วล่ะ เพราะทันทีที่ผักขาตกลงคบหากับคนพี่ วันต่อมาคนอายุเยอะกว่าอย่างนายน์ก็โทรไปเล่าให้บิดาและมารดาฟังทันทีว่าตนนั้นได้มีแฟนแล้ว จนผักขาที่เห็นนายน์เล่าไปยิ้มไปอดที่จะส่ายหัวไปมากับความเห่อไม่ได้และตลอดระยะเวลา2เดือนที่นายน์ลาพักร้อนกับผู้เป็นพ่อและมาอาศัยเที่ยวเล่นอยู่ที่บ้านของเขาตั้งแต่ตกลงคบกัน ด้านพ่อกับแม่ของนายน์ก็โทรมาบอกให้ลูกชายพาผักขาไปรู้จักกับพวกท่านอยู่บ่อยครั้งแต่ทว่าผักขาก็หาข้ออ้างต่าง ๆ มากมายมาบ่ายเบี่ยงตลอด เพราะตัวของผักขานั้นยังกังวลกลัวว่าพ่อแม่ของแฟนหนุ่มนั้นจะ
"เอาล่ะพี่ทำให้หนูผักเสร็จแล้ว ทีนี้ถึงตาของพี่แล้วนะครับคนดี หนูผักช่วยถอดกางเกงให้พี่นายน์หน่อยสิ ถอดมันด้วยปากของหนูผักนะครับ หึหึ"จบประโยคนายน์ก็ดันคนน้องที่นั่งคร่อมตักเขาอยู่ให้ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง ส่วนตัวเองก็เลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนหมด เผยให้เห็นลอนกล้ามที่ซ่อนอยู่ใต้สาบเสื้อบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นดูแลร่างกายอย่างดีแค่ไหน"เป็นคนหื่นกามแบบนี้เหรอเนี่ย"ผักขาบ่นพึมพำออกมาเบา ๆผักขาที่นั่งเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์อยู่ปลายเท้าของนายน์เผลอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก พลางนัยน์ตาสวยก็ช้อนขึ้นมาสบกับดวงตาคมที่มองมาที่ตัวเองด้วยแววตาโลมเลีย ก่อนที่ผักขาจะตัดสินใจเดินเข่าเข้าไปแทรกตรงกลางหว่างขาของนายน์อย่างช้า ๆ พลันในหัวก็เอ่ยบ่นตัวเองไปด้วยทำบ้าอะไรของมึงอยู่เนี่ยผักขา ฮื้อออเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว แต่จะถอยตอนนี้ก็ไม่ได้แล้วด้วย ดันไปปากดีกับพี่มันไว้อีก เอาว่ะ! มาขนาดนี้แล้วก็ไปมันให้สุด!"อ่าาาส์ คนดีหนูจะทำให้พี่หัวใจวายตายเอานะครับ"นายน์ครางต่ำในลำคอพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางนัยน์ตาคมก็จ้องมองก
"มาทำให้คนอื่นมีอารมณ์ด้วยแล้ว แล้วจะหนีกลับห้องหรือไงหะ"ประโยคที่ทินภัทรเอ่ยพูดนั้นทำให้ชนาธิปยืนเบิกตากว้างตะลึงงันไปชั่วขณะ เพราะเขานั้นคาดไม่ถึงว่าคนร่างบางตรงหน้าของเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาเพราะประโยคที่พูดมาเมื่อกี้นั้น ไม่ต่างจากผักขาชวนเขามีอะไรด้วยเลย"ผักขา...เมื่อกี้พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า"นายน์เดินกลับมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของผักขาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยถามคนตรงหน้าขึ้นว่า สิ่งที่ตัวเองเอ่ยพูดมาเมื่อกี้นั้นคิดดีแล้วใช่มั้ย หรือที่พูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายด้านผักขาที่นั่งเงียบอยู่สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาสบกับนัยน์ตาคมอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเดินเข้าไปประชิดตัวของนายน์ แขนเรียวทั้งสองยกขึ้นคล้องลำคอแกร่ง ก่อนที่เท้าเล็กทั้งสองจะเขย่งขึ้น ดวงหน้าหวานเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหล่อ ทันใดนั้นริมฝีปากเล็กก็ประกบจูบริมฝีปากของนายน์อย่างแผ่วเบาริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ ขยับนวดคลึงกลีบปากหนาเบา ๆ พลางกายบาง
เวลาผ่านพ้นไป3เดือนเวลา22:12นาทีในตอนนี้อพาร์ทเม้นท์ของผักขาก็สร้างเสร็จมาได้สักพักแล้ว และตอนนี้เองที่บ้านของผักขาก็กำลังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ให้กับตึกใหม่ที่จะเปิดให้คนที่จองไว้เข้ามาพักอยู่ได้ในวันพรุ่งนี้และงานเลี้ยงในวันนี้เองก็เป็นการเลี้ยงส่งชนาธิปด้วยไปในตัวด้วยหลังจากเริ่มสังสรรค์กันตั้งแต่หนึ่งทุ่ม จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ตัวของผักขาที่ดื่มจนเริ่มรู้สึกมึนเล็กน้อย ก็ได้หลบออกมาจากงานเลี้ยงมานั่งเหม่อดูดาวอยู่ที่ชิงช้ามุมประจำของเจ้าตัว"อพาร์ทเม้นท์ก็สร้างเสร็จแล้ว ต่อไปนี้พี่มันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรให้มาที่นี้อีกแล้วซินะ"ผักขาที่นั่งแกร่งชิงช้าเล่นเบา ๆ พึมพำออกมาด้วยสีหน้าและความรู้สึกวูบโหวงในใจ พลันนัยน์ตาสีน้ำตาลก็แสดงแววตาวูบไหวเมื่อนึกได้ว่างานที่นี้ของชนาธิปได้จบลงแล้ว และคนเป็นพี่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลับมาที่นี้อีก"แล้วทำไมมึงต้องรู้สึกเศร้าด้วยเนี่ยผักขา พี่มันไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง"ผักขาบ่นพึมพำกับตัวเองออกมาอีกครั้งพลางใบหน้าหวานก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ที่มีดวงจันทร์ทอประกายแสงอ
ณ.โรงพยาบาล"ครับ? คุณหมอว่ายังไงนะครับ?"ทินภัทรถามคุณหมอชายวัยกลางคนขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอึ้งตกใจ"ตอนนี้สถานะเพศรองของคนไข้ได้เปลี่ยนแปลงจากเบ้ตากลายเป็นอัลฟ่าแล้วครับ"คุณหมอเอ่ยแจ้งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและท่าทางใจเย็นเพราะคุณหมอทราบดีว่าเรื่องแบบนี้เป็นใครใครก็ตกใจ ก็อยู่ๆพี่น้องที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิดก็เกิดมาสถานะเปลี่ยนเป็นอัลฟ่าแบบนี้ มันก็ต้องตกใจกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว"เป็นไปได้ยังไง...."ผักขาพึมพำออกมาเสียงเบาอย่างคนหมดแรงพลางใบหน้าหวานก็ยังคงแสดงสีหน้าอย่างไม่อยากจะเชื้อในสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะรับรู้จากปากของคุณหมอด้านนายน์ที่นั่งฟังอยู่เก้าอี้ข้างๆ เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนแรงของผักขาก็เอื้อมมือไปกุมมือบางเพื่อเป็นการให้กำลังใจ"ไม่เป็นไรนะ"นายน์หันมาเอ่ยพูดกับคนร่างบางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนโยน"หมอเข้าใจนะครับว่าตอนนี้ญาติของคนไข้กำลังตกใจแต่เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ครับ เพราะสถานะเพศรองของบางคนเขาก็ซ่อนอยู่กว่าจะแสดงสถานะจริง ๆ ของตัวเองออกมาก็ตอนที่โตเต็มไวหรือก็คือช่วง