บทที่ 9 ออกเดินทาง
แน่นอนว่าหลังจากที่ไป่ซินซินมุ่งหน้าไปบริเวณที่ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จบอกไม่นาน เธอก็กลับลงมาจากเขา ตัวตะกร้าที่สะพายมาเต็มแน่นไปด้วยเห็ดหอมดอกใหญ่สีน้ำตาลเข้ม และยังมีเห็ดโคนสีขาวนวลที่ผุดขึ้นมาเป็นกลุ่มๆ ราวกับว่าพวกมันรอการค้นพบจากเธออย่างไรอย่างนั้น นอกจากเห็ดเหล่านั้นแล้ว เธอยังได้ผักป่ากลับมาอีกหอบใหญ่ แน่นอนว่าเพราะมีระบบชี้นำทำให้เธอรู้ว่าผักชนิดไหนที่สามารถกินได้ ชนิดไหนที่กินไม่ได้ ดังนั้นครั้งนี้การขึ้นภูเขาของเธอก็ประสบความสำเร็จอีกครั้ง
เมื่อไป่ซินซินเดินกลับมาถึงกระท่อม ไป่เหมยที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าบ้านก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ดวงตาเล็กๆ เบิกกว้างเมื่อเห็นของที่พี่สาวหอบหิ้วมา
“พี่ใหญ่! กลับมาแล้ว! แล้วนี่อะไรคะ เต็มตะกร้าเลย!”
ไป่เหมยร้องด้วยความตื่นเต้น มือเล็กๆ ชี้ไปที่ตะกร้าเห็ด
ไป่ซานที่ออกมาดูด้วย ก็เบิกตาโตไม่แพ้กัน
“โห! เห็ดเยอะแยะเลยครับพี่ใหญ่! แล้วนี่ผักอะไรครับ ไม่เคยเห็นเลย!”
ไป่ซินซินยิ้มกว้าง “พี่กลับมาแล้วจ้ะ! นี่ไง เห็ดหอมกับเห็ดโคน แล้วก็ผักป่าที่เราจะเอาไว้กินกันนะ”
เธอลูบหัวน้องๆ อย่างอ่อนโยน
“พวกเราจะได้มีของอร่อยๆ กินกันตลอดฤดูหนาวเลย!”
หลังจากกลับลงมาจากภูเขา เธอก็รีบจัดการล้างเห็ดเหล่านั้นทันทีอย่างคล่องแคล่ว แม้จะเคยเป็นนักธุรกิจในโลกอนาคต แต่ความรู้จากการเรียนทำอาหาร และการดูคลิปวิดีโอสอนทำอาหารถนอมอาหารที่แพร่หลายในยุคปัจจุบันก็ทำให้เธอเชี่ยวชาญวิธีต่างๆ ไป่ซินซินรู้ว่าวิธีการที่จะทำให้ทั้งเห็ดและปลาแห้งเร็วที่สุดก็คือการอบรมควัน เธอเริ่มก่อไฟในเตาดินที่ถูกปรับปรุงให้มีช่องระบายควัน และนำเห็ดกับปลาที่เตรียมไว้ไปแขวนรมควันอย่างเป็นระบบ กลิ่นหอมฟุ้งของควันไฟผสมกับกลิ่นเห็ดและปลาค่อยๆ ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ กระตุ้นต่อมรับรสของทุกคน
หลังจากปลาและเห็ดส่วนใหญ่ถูกนำไปรมควันจนแห้งสนิท ส่งกลิ่นหอมชวนกินไปทั่วบริเวณ ไป่ซินซินก็จัดแจงเก็บเสบียงเหล่านั้นอย่างเป็นระเบียบ เธอแยกส่วนที่จะเก็บไว้กินกับน้องๆ และส่วนที่จะนำติดตัวไปสำหรับเดินทาง
เธอตรวจสอบอุปกรณ์อีกครั้ง มีดเก่าๆ ถูกลับจนคมกริบ เชือกปอที่เคยดูไม่แข็งแรงถูกมัดทดสอบความแน่นหนา ส่วนเสื้อคลุมของพ่อที่เธอเย็บซ่อมแซมอย่างพิถีพิถันก็ถูกพับเก็บไว้อย่างดีพร้อมใช้งาน แม้จะมั่นใจในแผนการ แต่เธอก็รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ความเสี่ยง 70% ที่ระบบแจ้งเตือนไม่ใช่ตัวเลขที่น่ามองข้าม
ไป่ซินซินตัดสินใจนำเห็ดหอมภูเขาและเห็ดโคนส่วนหนึ่งที่อบรมควันแล้ว รวมถึงผักป่าบางชนิดที่เธอเก็บมาได้จากการขึ้นเขาครั้งล่าสุด ไปขายให้กับหมอเฒ่าหลี่ ซึ่งเป็นลูกค้าประจำและเป็นผู้ที่เธอสร้างความสัมพันธ์อันดีด้วย เธอรู้ว่าหมอเฒ่าหลี่เป็นคนเถรตรงและไว้ใจได้ และเขาเองก็ชื่นชมในความสามารถของเธอ
เมื่อไปถึงบ้านหมอเฒ่าหลี่ กลิ่นหอมของเห็ดรมควันก็ลอยแตะจมูกหมอเฒ่าหลี่ทันที
“โอ้โห! เจ้าหนู! นี่มันเห็ดหอมอบรมควันรึ! กลิ่นหอมฟุ้งเชียว!” หมอเฒ่าหลี่กล่าวด้วยความประหลาดใจ
“แล้วนี่เห็ดโคนด้วยรึ! เจ้าไปหามาจากไหนกัน! ของดีๆ ทั้งนั้นเลย!” เพราะว่าเขาทราบดีว่าของป่านั้นถูกชาวบ้านหากันทุกวันเหตุใดยังมีของดีหลงเหลือให้เจ้าเด็กนี้เก็บอยู่อีก
ไป่ซินซินยิ้ม “ใช่ค่ะท่านหมอ ฉันเพิ่งไปเก็บมาจากบนเขาหลังบ้านค่ะ” ไป่ซินซินไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักและเธอก็คิดว่าหมอหลี่ก็ถามไปเช่นนั้นเอง เขาไม่ได้อยากจะรู้จริงๆ หรอกว่าเธอไปเก็บจากบริเวณใดของภูเขา เธอยื่นตะกร้าเห็ดและสมุนไพรให้หมอเฒ่าหลี่พิจารณาหมอเฒ่าหลี่พิจารณาเห็ดและสมุนไพรอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
“คุณภาพดีเยี่ยมเหมือนเดิมเลย! เจ้าหนูไป่เก่งจริงๆ ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลย”
เขาชั่งน้ำหนักและจ่ายเงินให้ไป่ซินซินในราคาที่ยุติธรรมกว่าครั้งก่อนๆ มาก เพราะเห็ดเหล่านี้ถูกแปรรูปมาอย่างดีและเก็บรักษาได้นาน และราคาก็ย่อมสูงกว่าเห็ดสดอยู่แล้ว และครั้งนี้เธอทำเงินจากหมอหลี่ไปได้ 7 หยวน ไป่ซินซินเก็บเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว พลางคิดในใจว่าหากว่ามีมิติก็คงจะดี 'ถ้ามีมิติเก็บของแบบในนิยายน่ะ จะดีแค่ไหนนะ ไม่ต้องแบกให้หนักแบบนี้ และยังปลอดภัยด้วย' เธอเอ่ยลอยๆ ในใจไม่ได้ระบุถึงผู้ใดเลยจริงๆ นะ!!!… แต่สายตาเฉียบคมของเธอกลับจับจ้องเขม็งไปที่หน้าต่างของระบบที่ปรากฏขึ้นในมโนสำนึก เหมือนกำลังส่งคำถามแบบอ้อมๆ ไปยัง ‘ใครบางคน’ ที่อยู่เบื้องหลังระบบนี้ประมาณว่า 'ว่าไงนะจ๊ะ ระบบที่รัก? จะมีโควต้ามิติเก็บของให้ฉันด้วยไหมเนี่ย? หรือว่าต้องรออัปเกรดอีกนานแค่ไหนกันนะ?'
ติ๊ง! แคร๊กกกก... ซ่าาาา..ซ่าาา
เสียงของระบบดังขึ้นในหัวของไป่ซินซิน แต่คราวนี้ไม่ใช่เสียงใสชัดเจนเหมือนปกติ มันกลับมีเสียงซ่าเหมือนคลื่นรบกวนคล้ายเครื่องรับวิทยุที่กำลังหาคลื่นไม่เจอ ตามมาด้วยเสียงแครกๆ คล้ายวงจรไฟฟ้าขัดข้อง หรือเหมือนคอมพิวเตอร์ที่กำลังจะแฮงก์ หน้าต่างโปร่งใสที่เคยแสดงผลอย่างราบรื่นก็กะพริบถี่ๆ ก่อนจะปรากฏตัวอักษรผิดเพี้ยนบางอย่างขึ้นมาแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แล้วทุกอย่างก็เงียบลงอีกครั้ง ไม่มีคำตอบใดๆ จากระบบ
ไป่ซินซินถึงกับปากกระตุก…หึหึหึ…ok รับทราบ…
เมื่อเสร็จสิ้นการซื้อขาย ไป่ซินซินก็เอ่ยปากด้วยความประหม่าเล็กน้อย
“ท่านหมอคะ ฉันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากท่านหมอได้ไหมคะ?”
หมอเฒ่าหลี่เลิกคิ้ว “อะไรล่ะ? ถ้าฉันช่วยได้ ก็บอกมาเถอะ”
“คือ… ฉันวางแผนจะเดินทางขึ้นเขาเมฆาค่ะ” ไป่ซินซินกล่าว เธอตัดสินใจบอกความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะไม่อยากให้หมอเฒ่าหลี่เป็นห่วงมากเกินไป
“ฉันได้ยินมาว่าบนนั้นมีสมุนไพรหายากบางชนิดที่น่าจะมีประโยชน์มากค่ะ แต่เส้นทางมันค่อนข้างอันตราย… ฉันไม่แน่ใจว่าท่านหมอพอจะมีอุปกรณ์เดินป่าที่พอจะให้ฉันยืมได้บ้างไหมคะ? เช่น พวกเชือกที่แข็งแรงกว่านี้ มีดสักด้ามหรืออุปกรณ์ปีนป่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้ฉันปลอดภัยมากขึ้น”
หมอเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“เขาเมฆางั้นรึ? จะไปทำไม!!ที่นั่นมันอันตรายมากนะ! ไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะขึ้นไปได้ง่ายๆ เลย!”
เขามองไป่ซินซินด้วยสายตาประเมิน เขาอยู่ที่นี่มานานเหตุใจจะไม่รู้ถึงอันตรายของภูเขาลูกนั้น แม้แต่นายพรานเก่งๆ ยังบาดเจ็บลงมาหลายครั้ง เพราะทั้งภูเขาที่ซับซ้อนและอันตรายจากสัตว์ป่าขนาดใหญ่ เจ้าหนูไป่ผู้นี้จะใจกล้าเกินไปแล้วนะ นี่หากว่าพ่อแม่ยังอยู่คงจะตีเจ้าหนูนี่ตายแน่ที่คิดจะไปที่ภูเขาลูกนั้น…
แต่เมื่อมองไปที่สายตาที่แน่วแน่ ดื้อตาใสแบบนี้ให้เขาพูดอย่างไรก็คงจะไม่ยอมฟังแน่นอน…เฮ้อ…เด็กสมัยนี้ช่างไม่กลัวอันตรายจริงๆ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ไม่นานนักเขาก็กลับออกมาพร้อมกับเชือกเส้นใหญ่ที่ดูแข็งแรงทนทาน ค้อนเล็กๆ สำหรับตอกหมุดยึด มีดคมด้านยาวที่คล้ายกับดาบ และถุงผ้าใบเล็กบรรจุสมุนไพรแก้ปวดและยาทาแผล…
“เชือกนี่แข็งแรงมากฉันได้มาจากพวกต่างชาติหลายปีแล้ว และค้อนนี่ก็จะช่วยให้เจ้าปีนป่ายได้มั่นคงขึ้น มีดดาบเอาไป” หมอเฒ่าหลี่กล่าว
“ส่วนนี่คือยาที่ฉันเตรียมไว้ให้ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน” เขาหยิบยาสมุนไพรอีกห่อหนึ่งออกมา
“นี่เป็นยาบำรุงกำลัง กินแล้วจะช่วยให้ร่างกายมีเรี่ยวแรง ไม่เหนื่อยง่ายนัก”
ไป่ซินซินรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก
“ขอบคุณค่ะท่านหมอ! ขอบคุณจริงๆ ค่ะ!” เธอรู้ดีว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีค่ามากในยุคนี้ และการที่หมอเฒ่าหลี่ยอมให้ยืมโดยไม่ลังเล แสดงว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเธอ หรือไม่ก็กันเอาไว้เผื่อว่าเธอจะบาดเจ็บกลับมาให้เป็นปัญหาเขาอีก เขาจึงให้อุปกรณ์และยาไปอย่างไม่ลังเล
“ไม่ต้องขอบใจหรอก เพราะฉันรู้ว่าห้ามอย่างไรเธอก็คงจะไม่ฟัง” หมอเฒ่าหลี่โบกมือ
“แต่จำไว้นะ ระมัดระวังตัวให้มากที่สุด อย่าประมาทเด็ดขาด!”
ไป่ซินซินพยักหน้าอย่างหนักแน่นถี่ๆ ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวในยามราตรี แม้ปากจะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ท่าทางนั้นกลับสื่อความหมายได้อย่างชัดเจนว่า 'ไม่ต้องห้ามหรอกค่ะท่านหมอ เพราะถึงจะห้ามยังไงฉันก็ไม่ฟังอยู่ดีนั่นแหละ' แววตาซุกซนเล็กน้อยฉายผ่านความมุ่งมั่น บ่งบอกถึงความดื้อรั้นน่าเอ็นดูของเด็กสาวที่รู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร และพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายนั้น ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ขวางหน้า
เย็นนั้นหลังจากกลับมา ไป่ซินซินก็เก็บอุปกรณ์และอาหารแห้งทุกอย่างลงในกระเป๋าผ้าขนาดใหญ่ที่เธอเย็บต่อกันจนกลายเป็นเป้สะพายหลังเพื่อความสะดวกในการเดินทาง เธอจัดเรียงปลาแห้ง เห็ดหอมตากแห้ง และเสบียงอื่นๆ อย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็แบ่งอาหารแห้งส่วนที่เหลือเก็บไว้ในไหดินเผาในครัวอย่างมิดชิด เธอหันไปบอกน้องๆ ว่าหากจะทำอาหารให้แบ่งออกมาทำได้ เพราะวันนั้นเธอได้แวะซื้อข้าวสารและแป้งธัญพืชมาเพิ่มอีก 3 ชั่งเพื่อเก็บไว้ให้น้องทำอาหารระหว่างที่เธอไม่อยู่ เธอรู้ดีว่าการผจญภัยครั้งนี้จะไม่ง่าย แต่การเตรียมพร้อมอย่างรอบคอบจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสำเร็จภารกิจและกลับมาหาน้องๆ ได้อย่างปลอดภัย
ก่อนฟ้าสางเล็กน้อย หลังจากที่ทำอาหารเอาไว้ให้เด็กๆ ไป่ซินซิน เดินไปบอกไป่ซานที่ตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียง
"พี่ใหญ่จะออกไปหาของดีๆ มาให้พวกเรานะ ไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะรีบกลับมา ดูแลตัวเองและดูแลน้องเล็กด้วยนะ"
ไป่ซานที่ยังงงอยู่เพราะตอนนี้เช้ามาก ได้แต่พยักหน้ารับและเอ่ยว่า3
“พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยนะ และกลับมาเร็วๆ นะ” เขาได้ยินน้องเล็กพูดเช่นนี้หลายครั้งและทุกครั้งพี่ใหญ่ก็กลับมา เขาจึงได้เอ่ยแบบน้องสาวบ้าง
“พี่จะรีบไปรับกลับจ๊ะ”
เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งเสบียง อาหารแห้งที่ได้จากการแปรรูปปลาและเห็ด อุปกรณ์ยังชีพที่หาได้ในกระท่อม และเสื้อคลุมของพ่อ ไป่ซินซินก็สะพายตะกร้าที่บรรจุของทั้งหมดไว้เต็มแน่น มีดเหน็บอยู่ที่เอวพร้อมใช้งาน และเสื้อคลุมของพ่อพาดบ่าเป็นเกราะป้องกันลมหนาว เธอเปิดประตูบ้านออกไปสู่ความมืดมิดยามเช้าตรู่ แสงจันทร์ยังคงส่องสว่างนำทางให้เธอเดินออกไปจากหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบ
เส้นทางสู่ยอดเขาเมฆาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันเต็มไปด้วยหินผาขรุขระ ทางลาดชันที่ต้องปีนป่าย และป่าทึบที่แสงอาทิตย์ยังส่องไม่ถึง บางช่วงเธอต้องใช้มือช่วยยึดเกาะก้อนหินเพื่อปีนขึ้นไป บางช่วงต้องใช้มีดถางทางที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้หนาทึบ แต่ไป่ซินซินไม่ย่อท้อ เธอเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่น ความคิดถึงบ้านใหม่ที่อบอุ่นสำหรับน้องๆ คือแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดของเธอ
'โสมพันร้อยปี... เห็ดหลินจือจักรพรรดิ... ฉันจะไปนำพวกเธอมาให้ได้!'
เธอพึมพำกับตัวเอง สายลมหนาวพัดโชยมาปะทะใบหน้า บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอที่ย่ำไปบนใบไม้แห้งกรอบแกรบราวกับเสียงกลองศึกที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณนักสู้ในตัวเธอให้ตื่นขึ้นเต็มที่
**** ของมันต้องมี ต้องมานะ โสมกับเห็ดหลินจือนี่ 5555 *****
บทที่ 13 สมบัติแห่งขุนเขา ep 2“ระบบ! ตัดชิ้นเนื้อหมีดำออกมาหนึ่งส่วนทำให้เป็นชินเล็กๆ และโยนออกไปให้ไกลที่สุด! ให้มันไปคนละทิศกับฉัน! โยนกลับไปด้านหลังให้มากที่สุด” เธอสั่งอย่างรวดเร็ว เสียงลมหายใจหอบกระชั้นพรึ่บ!ในเสี้ยววินาทีนั้น ชิ้นเนื้อหมีดำขนาดใหญ่เท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นในอากาศจากนั้นมันก็กระจายไปทั่วทิศทางที่ และมากสุดเป็นด้านหลังเพื่อดึงความสนใจของเจ้างูเหลือมยักษ์เสียงครูดครืดของงูเหลือมยักษ์ชะงักไปชั่วขณะ มันหยุดการไล่ล่า แล้วส่วนหัวขนาดใหญ่ของมันก็หันไปยังทิศทางที่ชิ้นเนื้อตกลงไป มันพุ่งเข้าหาแต่ละชิ้น และหงุดหงิดเล็กน้อยที่แต่ละชิ้นนั้นช่างเล็กเหลือเกินราวกับเจ้าตัวที่วิ่งอยู่ข้างหน้านั้นขี้เหนียวทำให้เป็นชิ้นเล็กเพื่อที่จะให้มันต้องวนไปเก็บหลายๆ ครั้ง ไป่ซินซินไม่รอช้า เธอใช้จังหวะนี้ วิ่งสุดฝีเท้า กระโดดข้ามลำธารเล็กๆ และกระโดดขึ้นไปเกาะกับเถาวัลย์ขนาดใหญ่เพื่อปีนขึ้นเนินสูงชันอย่างรวดเร็วย้อนกลับไปในเสี้ยววินาทีก่อนหน้านั้น เมื่อไป่ซินซินสั่งระบบให้ตัดชิ้นเนื้อ ระบบได้ทำการวิเคราะห์อย่างรวดเร็วถึงปริมาณที่จำเป็นต่อการเบี่ยงเบนความสนใจของงูโดยให้สูญเสียทรัพยากรน้อยที
บทที่ 12 สมบัติแห่งขุนเขา ep 1 ‘ว้าว! นี่มันสุดยอดไปเลย!’ไป่ซินซินรู้สึกราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจที่สุดในโลก เธอทดลองนำสิ่งของเข้าๆ ออกๆ จากมิติเก็บของในมโนสำนึกอีกสองสามครั้ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว นี่ไม่ใช่แค่คลังเก็บของ แต่มันคือมิติส่วนตัว ที่จะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ทุกอย่างในการเอาชีวิตรอดและสร้างความมั่งคั่งในยุคนี้!เธอเหลือบตามองบนเล็กน้อยไปยังยอดเขาเมฆาที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้ายิ่งกว่าเดิมไป่ซินซินออกเดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว ก้าวเท้าแต่ละก้าวอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยว เธอไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระหนักอึ้งอีกต่อไป เพราะทุกอย่างถูกจัดเก็บไว้อย่างเรียบร้อยในมิติเก็บของ เธอสามารถหยิบของที่ต้องการออกมาใช้ได้ทุกเมื่อที่นึกถึงอากาศบนยอดเขายิ่งเบาบางและหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ หมอกหนาทึบปกคลุมไปทั่ว ทำให้ทัศนวิสัยจำกัด แต่ไป่ซินซินไม่ย่อท้อ เธอใช้เสื้อคลุมของพ่อที่หนาและอบอุ่นที่อยู่ในมิติเก็บของออกมาสวมใส่ทันที มันช่วยกันลมหนาวที่กัดกินกระดูกได้อย่างดีในขณะที่เธอกำลังก้าวผ่านพุ่มไม้หนาแน่น ระบบก็ดังขึ้นในหัวของเธอติ๊ง![ตรว
บทที่ 11 ฟังก์ชั่นมิติเก็บของหลังจากเก็บเห็ดหลินจือจักรพรรดิได้อย่างภาคภูมิใจ ไป่ซินซินไม่ได้หยุดพักนานนัก สายตาแน่วแน่มุ่งตรงไปยังยอดเขาเมฆาที่สูงเสียดฟ้า อากาศเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ ความหนาวเย็นกัดกินเข้ามาถึงกระดูกราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง เสื้อคลุมของพ่อที่เคยรู้สึกหนาพอเริ่มไม่สามารถต้านทานอุณหภูมิที่ลดต่ำลงได้อีกต่อไป แต่แรงปรารถนาที่จะนำ โสมพันร้อยปี กลับไปให้ครอบครัว คือไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจเธอ ไม่ให้เธอยอมแพ้เส้นทางที่นำไปสู่โสมพันร้อยปีนั้นแตกต่างจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง มันคือการปีนป่ายหน้าผาหินปูนที่สูงชันเสียดฟ้า ผิวหินเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำและมอสที่ลื่นปรื๊ดราวกับทาน้ำมันไว้ และมีหมอกหนาทึบปกคลุมตลอดเวลาจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายเท้าติ๊ง!เสียงระบบดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ไป่ซินซินรู้สึกหวิวในใจเล็กน้อย เพราะทุกครั้งที่เสียงนี้ดังขึ้น มักจะตามมาด้วยคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายเสมอ[พื้นที่เขตอันตรายระดับ A: ตรวจพบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สองชนิดกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด] [หลบหนีทันที! อัตราการรอดชีวิตในบริเวณ: 5%] [ตำแหน่งสิ่งมีชีวิต: ด้านหน้า 50 เมตร]ไป่ซินซินตาเบิกกว้าง ความวิตกกังวล
บทที่ 10 ความเสี่ยง 70%ที่ต้องแบกรับเอง...เส้นทางสู่ยอดเขาเมฆาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันเต็มไปด้วยหินผาขรุขระ ทางลาดชันที่ต้องปีนป่าย และป่าทึบที่แสงอาทิตย์ยังส่องไม่ถึง บางช่วงเธอต้องใช้มือช่วยยึดเกาะก้อนหินเพื่อปีนขึ้นไป บางช่วงต้องใช้มีดถางทางที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้หนาทึบ แต่ไป่ซินซินไม่ย่อท้อ เธอเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่น ความคิดถึงบ้านใหม่ที่อบอุ่นสำหรับน้องๆ คือแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดของเธอ'โสมพันปี... เห็ดหลินจือจักรพรรดิ... พี่มาแล้ว!!!!!'เธอพึมพำกับตัวเอง สายลมหนาวพัดโชยมาปะทะใบหน้า บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอที่ย่ำไปบนใบไม้แห้งกรอบแกรบราวกับเสียงกลองศึกที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณนักสู้ในตัวเธอให้ตื่นขึ้นเต็มที่ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนๆ เหนือทิวเขา เปลี่ยนผืนฟ้าสีดำสนิทให้กลายเป็นสีครามอมชมพู ภาพเบื้องหน้าคือหมอกหนาทึบที่ลอยอ้อยอิ่งปกคลุมยอดเขา ราวกับม่านลึกลับที่ซ่อนเร้นความลับและอันตรายเอาไว้ ไป่ซินซินรู้ดีว่า ยิ่งสูงขึ้นไปมากเท่าไหร่ อากาศก็จะยิ่งบางเบาและหนาวเย็นมากขึ้นเท่านั้น เธอต้องใช้เสื้อคลุมของพ่อที่หนาและอบอุ่นเป็นเกราะกำบังจากความหนาวเหน็บที่เริ่มกัดกิ
บทที่ 9 ออกเดินทางแน่นอนว่าหลังจากที่ไป่ซินซินมุ่งหน้าไปบริเวณที่ระบบวิเคราะห์ความสำเร็จบอกไม่นาน เธอก็กลับลงมาจากเขา ตัวตะกร้าที่สะพายมาเต็มแน่นไปด้วยเห็ดหอมดอกใหญ่สีน้ำตาลเข้ม และยังมีเห็ดโคนสีขาวนวลที่ผุดขึ้นมาเป็นกลุ่มๆ ราวกับว่าพวกมันรอการค้นพบจากเธออย่างไรอย่างนั้น นอกจากเห็ดเหล่านั้นแล้ว เธอยังได้ผักป่ากลับมาอีกหอบใหญ่ แน่นอนว่าเพราะมีระบบชี้นำทำให้เธอรู้ว่าผักชนิดไหนที่สามารถกินได้ ชนิดไหนที่กินไม่ได้ ดังนั้นครั้งนี้การขึ้นภูเขาของเธอก็ประสบความสำเร็จอีกครั้งเมื่อไป่ซินซินเดินกลับมาถึงกระท่อม ไป่เหมยที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าบ้านก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ดวงตาเล็กๆ เบิกกว้างเมื่อเห็นของที่พี่สาวหอบหิ้วมา“พี่ใหญ่! กลับมาแล้ว! แล้วนี่อะไรคะ เต็มตะกร้าเลย!”ไป่เหมยร้องด้วยความตื่นเต้น มือเล็กๆ ชี้ไปที่ตะกร้าเห็ดไป่ซานที่ออกมาดูด้วย ก็เบิกตาโตไม่แพ้กัน“โห! เห็ดเยอะแยะเลยครับพี่ใหญ่! แล้วนี่ผักอะไรครับ ไม่เคยเห็นเลย!”ไป่ซินซินยิ้มกว้าง “พี่กลับมาแล้วจ้ะ! นี่ไง เห็ดหอมกับเห็ดโคน แล้วก็ผักป่าที่เราจะเอาไว้กินกันนะ”เธอลูบหัวน้องๆ อย่างอ่อนโยน“พวกเราจะได้มีของอร่อยๆ กินกันตลอดฤดูหนาวเลย!
บทที่ 8 เตรียมการก่อนออกเดินทาง หลังจากที่ได้ทราบว่าระบบวิเคราะห์ความสำเร็จที่อยู่ในหัวของเธอสามารถที่จะอัปเกรดได้ ทำให้ไป่ซินซินมีกำลังใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ อย่างน้อยหากว่าอัปเกรดแล้ว เธอก็น่าจะหาข้าวปลาอาหารและข้าวของต่างๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ความคิดนี้ทำให้ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความหวัง เธอลงมือเตรียมการต่อทันทีด้วยความกระตือรือร้นเพราะการจุขึ้นภูเขาเธอยังต้องหาเสื้อผ้าที่หนาพอจะกันลมหนาวบนภูเขาสูงด้วย แม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ยอดเขาสูงย่อมมีอากาศที่แตกต่างออกไป อุณหภูมิที่ลดต่ำลงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเตรียมตัวไม่พร้อม เธอนึกถึงเสื้อคลุมเก่าๆ ของพ่อที่เก็บอยู่ในหีบไม้ใบเล็ก มันเป็นเสื้อที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหนา แม้จะเก่าและมีรอยปะบ้าง แต่น่าจะพอช่วยกันลมหนาวได้ เธอลองสวมดู เสื้อตัวใหญ่โคร่งจนเกือบคลุมไปทั้งร่างผอมบางของเธอ แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้ดีไป่ซินซินใช้เข็มและด้ายที่หาเจอ เย็บซ่อมแซมเสื้อคลุมตัวนั้นอย่างพิถีพิถัน รอยขาดต่างๆ ถูกเย็บปะอย่างบรรจง พลางคิดถึงอันตรายที่รออยู่บนยอดเขา 'สัตว์ป่าดุร้ายปกป้องงั้นหรือ? ไม่ว่าจะตัวอะไร ฉันก็ต้องผ่านมันไปให้ได้!' ดว