จวนนอกเมือง
ซ่งจื่อเหยียนที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้นางเก็บผักกับไข่ส่งเหลาอาหารตามเดิม เย็นนี้จะมีรถม้าของทางเหลาต่างๆ มารับเอง นางไม่อยากเสี่ยวเข้าเมืองหลวงอีก จังหวะเจอไอ้อ๋องสุนัขนั้นอีกจะรอดยาก ดูท่าฉลาดไม่น้อย เย่วเล่อเดินมาหานางก็ยามซื่อแล้วเพื่อเรียกไปกินข้าว
“คุณหนู..ไปทานมื้อเช้าได้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวกำลังจะพาคุณชายไปบ้านป้าหู คุณหนูบอกว่ะขึ้นเขามิใช่หรือเจ้าคะ”
“อืม....พี่เย่วเล่อเราสามคนไม่มีนายบ่าวหรอก ต่อไปใช้ชีวิตกันเช่นพี่น้องทั่วๆ ไปเถอะ ว่าแต่เย่วหลีล่ะ”
“เมื่อวานได้รวงข้าวมาเยอะ นางก็เลยไปเก็บอีก นันไงมาแล้วแบกหลังแอ่นมาเชียว”
“รถม้าคันเก่าข้าขายไปแล้ว อีพักหนึ่งรถม้าคันใหม่จะมาส่งน่ะ เห้นท่านลุงหุบอกว่าเมื่อวานมีคนมาถามหาข้า ดีที่บุตรชายของเขาเอารถม้าไปในเมือง มิฉะนั้นหากคนสองคนนั้นจำได้ถูกเปิดโปง”
เย่วหลีเดินเข้ามา เหงื่อซึมใบหน้าน้อยๆ ซ่งจื่อเหยียนใช้แขนเสื้อตนเอเงซับเหงื่อให้นางอย่างเบามือ ก่อนจะใช้มือเรียวสวยจับปอยผมทัดหูให้เด็กน้อยตรงหน้า เย่วหลียิ้มให้นาง
ทั้งสามคนนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันหลังจากที่อิ่มแล้ว ซ่งจื่อเหยียนก็ให้นมบุตรชายจนอิ่ม เมื่อเจ้าตัวน้อยหลับแล้วก็เอาใส่ตระกร้าจาก ครึ่งชั่วยามรถม้าที่สั่งไว้ก็มาส่ง ซ่งจื่อเหยียนอุ้มตะกร้าบุตรชายใส่ในรถม้า ก่อนจะบังคับไปทางบ้านลุงหูเพื่อเอาตัวน้อยไปฝากเลี้ยง นางจะขึ้นเขาไปหาพันธ์ไม้บางอย่าง
“พี่เย่วเล่อ...ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลยวันนี้พวกท่านนำเมล็ดพันธ์ที่ข้าเก็บรวบรวมใส่ในหีบให้หน่อย ข้ารู้สึกเหมือนพวกเราจะได้ย้ายบ้าน”
จากนั้นนางก็บังคับรถม้าไปยังบ้านของลุงหู ซ่งจื่อเหยียนไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังเดินทางมาหานาง และเป็นคนที่นางเกลียดขี้หน้าอย่างมากอีกด้วย เมื่อมาถึงก้เรียกหาคนด้านใน
“ท่านป้าหู พี่สะใภ้หูข้าเองจื่อเหยียนเจ้าค่ะ”
“อ้อๆๆ อาซ้อซ่งเจ้ามาแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ ท่านป้าวันนี้รบกวนท่านอีกแล้ว ข้าจะขึ้นเขาสักหน่อยเลยเอาบุตรชายมาฝากอีกวันเจ้าค่ะ”
“อ้อ..อาซ้อซ่งได้ๆ จื่อห่าวน่ารักรู้ความมากยิ่งนัก ท่านจะมารับตอนไหนก้ได้เอาที่ท่านสะดวกเลย”
ป้าหูเอ่ยกับสตรีตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลังจากส่งซ่งจื่อห่าวให้ลูกสะใภ้ป้าหูแล้ว ซ่งจื่อเหยียนก็กลับไปเตรียมตัว ป้าหูมองตามรถม้าไป ในใจก็นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตั้งแต่รู้จักกันมาปีกว่า อาซ้อซ่งเป็นคนน่าคบหาคนหนึ่ง เมื่อก่อนนางทิ้งเงินให้เดือนละสิบตำลึงเพื่อให้บ้านนางซื้อเสบียงข้าวของที่ต้องใช้มาให้
แต่หลังจากคลอดลูกหลังจากที่นางออกเดือนเรียบร้อยนางก็เริ่มหาเสบียงเอง อีกทั้งบางครั้งยังเอามาเผื่อบ้านนางด้วย อาซ้อซ่งขึ้นเขากับสามีก็บ่อย ไปด้วยกันครั้งใดมักจะได้สัตว์ใหญ่กลับมาทุกครั้ง สามีนางมักเอ่ยชมเสมอว่าตนเองเป็นนายพรานมาเกือบทั้งชีวิต ยังล่าสัตว์และตามรอยไม่เก่งเท่ากับนางเลย ป้าหูกับสะใภ้อุ้มซ่งจื่อห่าวเข้าบ้านก่อนจะปิดประตูรั้ว
ซ่งจื่อเหยียนเตรียมตะกร้าและมีดสำหรับถางกิ่งไม้เพื่อขึ้นเขา มีดพกอันเล็กเหน็บอยู่ที่เอว เย่วเล่อเตรียมเสบียงให้กับคุณหนูของนางที่ตอนนี้นางให้เรียกนางว่าน้องรอง จากนั้นก็มองหน้าคนตรงหน้า คุณหนูนับว่างามมากนัก นี่เป็นสาเหตที่ฮูหยินรองกับคุณหนูรองกดขี่นางเอาไว้ที่เรือนเล็ก
จนกระทั่งวันที่พวกนางวางแผนทำลายคุณหนู นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่นางได้ออกจากจวน แต่กลับมิได้เจอหน้าใคร คุณหนูบอกว่าตั้งแต่เข้างานนางก็ถูกให้ไปรอยังท้ายสวน จากนั้นก็พาไปพักอีกห้องจนเกิดเรื่อง
เฮ้อ..สมบัติของฮูหยินมีมากนักแต่กลับถูกนายท่านกับไท่ฮูหยินคดโกงไปจนหมด แต่ตอนนี้คุณหนูแกร่งขึ้นมากนัก เผชิญเรื่องต่างๆ ได้ดีไม่อ่อนแออีกแล้ว มิน่าโบราณถึงบอกว่า สตรีเมื่อใดที่มีลูกจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อบุตร
“น้องรองระวังตัวด้วยนะเริ่มฤดูเหมันต์แล้ว ทางขึ้นเขาเริ่มมีน้ำค้างระวังลื่นด้วยนะ”
“อืมข้ารู้แล้วขอบคุณพี่มาก เย่วหลีล่ะไปรดน้ำผักแล้วหรือ”
สิ้นคำของซ่งจื่อเหยียน เย่วหลีก็ถูกบุรุษร่างใหญ่หิ้วเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะทิ้งนางลงต่อหน้าซ่งจื่อเหยียน เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งจื่อเหยียนก็ตาลุกวาว เหวินเปียวหรือ
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก