ส่วนโรงครัวใครบ้างจะกล้าต่อกรหาเรื่องแกล้งพวกนางเชิ่นเมื่อก่อนกันเล่า สาวใช้ที่เคยไปรับใช้และมีเรื่องกับนางและไปฟ้องพ่อบ้านคนเก่า จนเขาเข้าข้างและถูกฮูหยินน้อยไล่กลับมาถูกโบยเมื่อคืนนี้ องครักษ์ไปจับตัวเอามาจากที่นอนเลย เสร็จแล้วก็ขายทิ้ง พ่อบ้านเองก็ถูกโบยจนลุกไม่ขึ้น ค้นห้องนอนของเขาพบว่าซุกซ่อนเงินทองไม่น้อย อีกทั้งกำลังหลับนอนกับสาวใช้รุ่นลูกอยู่ด้วยกันสามคน
สีหน้าท่านผู้ตรวจการเมื่อคืนนี้ช่างดูน่ากลัว พวกนางเป็นสาวใช้ที่เคยรับใช้ฮูหยินน้อย แต่ว่าไม่เต็มใจรับใช้ อีกทั้งพ่อบ้านยังยักยอกเงินทองในส่วนที่ฮูหยินน้อยต้องได้ เช่นผ้าตัดชุดใหม่ เสบียงที่ต้องส่งให้จวนเล็ก
เพราะภรรยาของเขาดูแลเรื่องการเบิกจ่ายเสบียงในจวน และอาศัยว่าไท่ฮูหยินไปไหว้พระรวมทั้งไว้ใจพวกเขา สองผัวเมียจึงเกิดความละโมบ
ลี่จูไม่รู้เหตุการณ์ณ์ในจวนใหญ่ นางได้ของที่ต้องการก็รีบกลับจวนเล็กทันที หยางหมิงที่วันนี้มีเข้าเฝ้าแต่เช้าก็ทันได้เห็นสาวใช้ของเมียเด็กตนเองมาที่โรงครัว
“บอกห้องเสบียงกับห้องครัว พวกนางอยากได้อะไรก็ให้ไป เพิ่มเงินเดือนให้นางเป็นเดือนละห้าสิบตำลึง ไปหาท่านหมอไปตรวจนางด้วย เมื่อคืนนางหน้าซีดๆ”
“ขอรับใต้เท้า”
อาจิ้งไม่เข้าใจเพิ่มเงินเดือนทำไม่ในเมื่อไม่ให้นางออกไปไหน แล้วจะใช้เงินอย่าไรเล่า แต่เขาก็ไปหาหมอประจำจวนก่อนจะพาหมอไปตรวจอาการฮูหยินน้อย ส่วนหยางหมิงก็ไปเตรียมตัวอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเพื่อเข้าวัง
จางอวี้ถิงกำลังต้มน้ำอยู่ ในครัวเล็กพอมีอาหารแห้งบางส่วนกับผักดอกนิดหน่อย นางอยากกินหลายอย่างต้องออกไปซื้อวัฒถุดิบเอง การจะออกทางข้างหน้าแน่นอนย่อมได้ เขาไม่ต้องการให้คนรู้ว่าเขามีภรรยา นางจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกจวน เช่นนั้นต้องหาทางอื่น
ลี่จูมาแล้ว จางอวี้ถิงนำหมูมาทุบเบาๆ ใส่เกลือในน้ำก่อนจะตั้งไฟอ่อนๆเพื่อให้หมูค่อยๆสุกทีละนิด หากไฟแรงเกินไปเนื้อหมูจะแข็งไม่นุ่ม
จากนั้นก็เริ่มนวดแป้ง นางตอกไข่ผสมกับแป้งนวดไปเรื่อยๆ สองคนนายบ่าวหัวเราะกันอย่างมีความสุข ลี่จูร้องไห้ออกมาในที่สุดคุณหนูก็มีรอยยิ้มสักที เมื่อนวดแป้งเรียบร้อยก็ค่อยๆฟาดแป้งสะบัดไปมาไม่นานก็ขึ้นเส้น สองคนนายบ่าวฟาดไปขึงไปจนได้บะหมี่ไข่เส้นยาวเหนี่ยวนุ่ม
จางอวี้ถิงม้วนเป็นก้อนๆเอาไว้ นางนำหมูขึ้นจากน้ำที่ต้ม จากนั้นก็ตั้งอีกเตาต้มน้ำลวกบะหมี่ น้ำต้มหมูถูกใช้เป็นน้ำแกง เติมน้ำอีกหน่อยใส่ผักกาดลงไป ลวกบะหมี่ใส่ชามก่อนจะหั่นหมูวางเรียงด้านบน วางไข่ดาวทอดน้ำอีกฟอง เสียงกุกกักเดินมาทางพวกนาง ปรากฏว่าเป็นอาจิ้งที่พาหมอประจำจวนมาตรวจ จางอวี้ถิงจึงยังไม่เติมน้ำแกงเพราะกลัวบะหมี่จะอืดเสียก่อน
เมื่อหมอมาตรวจก็สั่งยา จากนั้นก็บอกวิธีการต้มยาให้กับลี่จู เมื่อพวกเขาไปแล้วสองคนนายบ่าวก็จัดการเติมน้ำแกงในชามบะหมี่แล้วกินกันอย่างอร่อย
“คุณหนูท่านทำบะหมี่อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ ห้องครัวยังทำอร่อยสู้ท่านไม่ได้เลยเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ..พี่อี้จูข้ามีเงินเท่าไหร่”
“อ้อ..นายท่านให้สินเดิมเป็นตั๋วเงินติดตัวมาแปดแสนตำลึง เงินเดือนตำแหน่งฮูหยินเดือนละยี่สิบตำลึง คุณหนูแต่งมาสามดือนมีเงินแปดแสนหกสิบตำลึงเจ้าค่ะ”
“เงินแปดแสนนี่คงคือทั้งหมดที่ท่านปู่มีแล้วนะ นอกนั้นเหลือเพียงจวนเปล่าๆกับเครื่องเรือนและวัตถุโบราณต่างๆ คำนวณคร่าวๆน่าจะประเมินได้สักห้าลานตำลึง”
“คุณหนู..นายท่านคงเกรงว่าเงินทองถ้าเก็บไว้ที่บ้านอาจสูญหาย จึงให้ตั๋วเงินเป็นสินเดิมกับท่านน่ะเจ้าค่ะ ส่วนจวนคนของใต้เท้าหยางไปเฝ้าให้และตรวจตราตลอด อาจเพราะนายท่านสกุลหยางเป็นคนสั่งน่ะเจ้าค่ะ”
“หากท่านปู่กลับมาข้าอยากให้ท่านขายจวน สมบัติชิ้นไหนที่รักก็เก็บเอาไว้ ชิ้นไหนที่ขายทิ้งได้ก็ขายไป ข้าอยากไปอยู่ที่อื่น ใช้ชีวิตแบบชาวบ้านคงดีกว่าอยู่ในสังคมจอมปลอมเหล่านี้”
ลี่จูสงสารคุณหนูของนางทันที สามีไม่ยอมรับ ไม่ต้องการให้คนรูว่านางเป็นภรรยา ความจอมปลอมเหล่านี้ทำร้ายจิตใจคุณหนูของนางเหลือเกิน เมื่อสองนายบ่าวกินมื้อเช้าเสร็จก็ได้ยินเสียงมีคนมาเรียกที่หน้าเรือน
“ฮูหยินน้อยขอรับ ข้าเองพ่อบ้านเหวิน ใต้เท้าให้มานำคนมาให้ท่านขอรับ”
จางอวี้ถิงมองหน้าลี่จูก่อนจะลุกออกไป เห็นมีบ่าวชายสิบกว่าคน สาวใช้อีกสิบกว่าคน จึงได้เอ่ยออกไป
“ท่านลุงเหวิน คนเยอะเพียงนี้ข้าไม่รู้จะใช้ทำอะไร เอาเป็นว่าบ่าวชายช่วยข้าถางหญ้าที่ขึ้นรกๆแล้วกัน ส่วนสาวใช้ช่วยทำความสะอาดจวนให้หน่อย เสร็จแล้วก็กลับไปเถอะ หากวันไหนต้องการคนจะบอกลี่จูให้ไปตาม”
พ่อบ้านคนใหม่มองหน้าฮูหยินของนายท่านอย่างอดทึ่งไม่ได้ นี่คือคนขี้โรคที่พ่อบ้านคนเก่ากับสาวใช้นินทาว่าไม่อยากรับใช้จริงๆหรือ แม่ในเมื่อเจ้านายเอ่ยออกมาแล้วเขาก็ทำตาม
จางอวี้ถิงเดินสำรวจรอบบริเวณบ้าน มันต้องมีทางออกสิน่า จะดักดานอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ไม่อยากเฉาตายคาจวนนะโว้ย เดินสำรวจจนถึงริมกำแพงที่ติดกับกำแพงท้ายจวนใหญ่ ใต้ฐานกำแพงมีรอยแตกอยู่ประมาณสองฉื่อ ทุบขยายอีกหน่อยก็กว้างแล้ว จางอวี้ถิงทำท่านั่งลงพักเหนื่อย แต่มองลอดใต้รูออกไป พบทางเดินแต่เหมือนไม่ได้ใช้งาน บ่าวชายเดินมาหานางตามที่พ่อบ้านสั่ง นางจึงลุกขึ้นก่อนจะสั่งการไป
“บอกพ่อบ้านเหวินหน่อยข้าอยากได้ต้นโบตั๋นสักหลายๆกระถาง อืมเหมยกุ้ยด้วย หากได้ไม้เลื้อยที่ออกดอกเยอะๆยิ่งดี ข้าจะทำค้างไว้รอ”
บ่าวชายรับคำสั่งก่อนจะไปบอกพ่อบ้าน ไม่นานทั้งจวนก็เตียนโล่ง ที่ดินเปล่าๆถูกยกร่องเรียบร้อย มีแปลงผักเรียงรายกว่ายี่สิบแปลง ลี่จูสงสัยว่าคุณหนูของนางทำอะไร จางอวี้ถิงจึงอธิบาย
“พี่ลี่จู..ข้าอยู่ในนี้นั่งๆนอนๆคงเฉาตาย ว่าจะให้พ่อบ้านเอาไก่มาให้เลี้ยงสักสามสิบตัว ปลูกผักปลูกดอกไม้บ้างจะได้ไม่เหงาน่ะ ว่าแต่ พี่เคยออกจากจวนบ้างไหม”
“เคยเจ้าค่ะ คุณหนูอยากออกไปหรือเจ้าคะ”
“ยังก่อน มิใช่ตอนนี้ พี่บอกพ่อบ้านให้ตัดไม้ไผ่มาให้ข้าหลายสิบต้นด้วย ข้าต้องการช่างไม้ด้วยนจะทำคางไม้เลื้อยน่ะ”
ลี่จูรับคำสั่งก่อนจะไปหาพ่อบ้าน จางอวี้ถิงยิ้มตามหลังสาวใช้ของร่างเดิม นางจะทำค้างยื่นออกมาจากกำแพงสักหนึ่งจั้ง เมื่อไหร่ที่ต้นไม้เลื้อยขึ้นเต็มก็จะบดบังรูสุนัขนั่น จากนั้นนางค่อยๆทุบทีละน้อยก็ออกไปลั้นลาได้แล้ว ไหนๆก็มาแล้วอดทนอีกหน่อย รอจนได้ต้นไม่มากั้นแนวตบตาผู้คนก่อน
หลังจากสั่งงานไปไม่เกินสามวันต้นไม้ที่นางสั่งก็มาถึง บ่าวช่วยกันปลูกเต็มแนวกำแพงจวนเล็กทอดยาวทั้งสี่ด้าน จางอวี้ถิงเริ่มลงมือเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ให้พ่อบ้านหาซื้อมาได้ หยางหมิงยังคงออกตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านเมือง หยางหมิงยังไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจวนเล็ก หลังจากที่เขาบังเอิญเดินผ่านในคืนนั้นก้เป็นเวลาสองเดือนแล้ว
จางอวี้ถิงยิ้มหวานให้กับรั้วไม้เลื้อยของนาง โชคดีที่เป็นหน้าฝนต้นไม้งามไวมาก ปฏิบัติการหนีเที่ยวจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว
ร่างสูงละจากความงามด้านล่างเลื่อนตัวมาหานาง ดวงตาสองคู่สบกันไปมา จางอวี้ถิงโน้มคอเขาลงมาหากระซิบเสียงรัญจวน ท่านอาหยาง ข้าอยากเรียนรู้แล้วท่านพร้อมสอนหรือไม่""จะสอนเดี๋ยวนี้ ผ่อนคลายนะอาจจะเจ็บแต่สัญญาว่านุ่มนวล""เจ้าค่ะ"คนตัวโตค่อยๆมอบความแข็งแกร่งของตนให้กับนาง เมื่อความร้อนผ่าวของคนตัวโตผ่านความอ่อนนุ่มของนางจางอวี้ถิงก็นิ่วหน้า น้ำตาไหลออกหางตาเพราะความเจ็บตึง แม้เขาจะนุ่มนวลเพราะนี่คือครั้งแรกของนาง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี หบยางหมิงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะเอ่ยปลอบโยน"เจ็บมากไหม อาหยุดก่อนดีไหม""ไม่ต้อง ข้าทนไหวเจ้าค่ะ""หยางหมิงสอบเอวหนาช้าๆไม่นานเขาก็เข้ามาอยู่ในกายนางจนหมด ร่างสูงรอให้นางคุ้นเคยกับตัวตนของเขาก่อน จางอวี้ถิงกอดแผ่นหลังเขาเอาไว้ ลูบไล้ขึ้นลงก่อนจะบอกว่านางพร้อมแล้ว"ท่านอา ข้าพร้อมแล้ว ท่านทำเถอะเจ้าค่ะ"จากนั้นหยางหมิงจึงเริ่มสอบเอวหนาช้าบ้างเร็วบ้างเพราะนี่คือครั้งแรกของนางเขาอยากให้นางประทับใจ ดูเหมือนคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์สีทองเสียงครางแสนหวานเรียกหาเขาอย่างกระเส่าบ่งบอกว่านางนั้นเสียวซ่านรัญจวนเพียงใด"อ๊า ท่านอาหยาง สามีได้โปรดข้าจะไม
ภายในห้องนอนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของเครื่องหอม หยางหมิงบรรจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย แต่คนตัวเล็กกลับยังคงคล้องคอเขาไว้แน่นด้วยแขนเรียวระหง ไม่ยอมปล่อยให้เขาผละห่างไปไหน ใบหน้าหวานซบลงกับอกของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างออดอ้อน"ถิงถิงของอา เจ้าเมาแล้ว"หยางหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม"เปล่าสักหน่อย ข้ายังจำท่านได้อยู่เลย อื้อ "จางอวี้ถิงปฏิเสธเสียงอู้อี้ ใบหน้าซุกไซร้อย่างหาที่พึ่ง"ท่านอา... ข้าหนาวจัง ท่านกอดข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบา หยางหมิงค่อยๆ วางนยางลงบนเตียงก่อนจะทอดกายลงนอนเคียงข้าง แสงตะเกียงสีส้มส่องกระทบใบหน้าหวานอย่าง กลิ่นกายของนางช่างหอมกรุ่นชวนให้ใจสั่นไหว ความต้องการในตัวนางพุ่งพล่านแต่เวลานี้นางไม่สามารถครองสติได้ แม้เขาจะเป็นสามีของนางโดยชอบธรรม เป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความปรารถนา และนางก็อยู่ตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่หยางหมิงก็รู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จะกระทำลงไปได้อย่างไร ในเมื่อนางไร้สติ ไร้ซึ่งการยินยอมพร้อมใจการฉกฉวยโอกาสเช่นนี้หาใช่สิ่งที่บุรุษเช่นเขาจะพึงกระทำ หยางหมิงทำได้เพียงข่มกลั้น
เมื่อประตูห้องปิดลงเบื้องหลัง ทั้งสองจึงก้าวเดินเคียงกันไปอย่างงดงาม.. มีเพียงชายกระโปรงที่พลิ้วไหว หยางหมิงหยุดเดินก่อนจะเอ่ยกับคนข้างๆ"อามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าตื่นเต้น หลับตาก่อนเด็กดี""ท่านอา..อย่าแกล้งข้านะ ข้าโกรธจริงๆ ด้วย""ไม่แกล้งหรอกคนงาม"จางอวี้ถิงยอมหลับตา ผ้าแพรผืนบางถูกผูกตานางเอาไว้ จางอวี้ถิงสงสัยแต่เขาก็บอกนางว่าอย่ากังวล เอ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ไม่มีอะไรหรอกเดินตามอามาเถอะ"จางอวี้ถิงเดินตามแรงจูงของฝ่ามือใหญ่ที่จับมือนางไว้มั่น แม้ดวงตาจะมืดบอดเพราะถูกผ้าผูกตาปิดไว้ แต่ความอบอุ่นจากอุ้งมือนั้นกลับชัดเจนยิ่งกว่าแสงใด ๆ"ท่านอา....ท่าจะพาข้าไปไหนกันแน่เจ้าคะ..."นางถามเสียงแผ่ว แฝงความลังเลระคนตื่นเต้น หยางหมิงไม่ตอบ เพียงกระชับมือนางแน่นขึ้นและเอ่ยเบา ๆ ข้างหู"อีกเพียงก้าวเดียว เจ้าก็จะรู้มาเถอะเด็กดี"เท้าเรียวก้ามตามขาวยาวๆของเขาไป หูพลันได้ยินเสียงดนตรีและเสียงผู้คนพูดคุยกัน จางอวี้ถิงสงสัยแต่ก็ไม่นาน เขาพานางมาหยุดก่อนเอ่ย"ถึงแล้วพร้อมหรือไม่""เจ้าค่ะ"จางอวี้ถิงสงสัยเหตุใดวันนี้เขาอ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งนัก พักนี่เขายิ้มแย้มบ่อยเหลือเกินกลิ่นหอมขอ
หยางหมิงก็เดินมาหานาง ร่างบางถูกเขาช้อนอุ้มพาเดินเข้าไปยังเรือนนอน จางอวี้ถิงหน้าแดง บ่าวไพร่มากมายเขาช่างหน้าหนายิ่งนัก เมื่อมาถึงหยางหมิงวางนางลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยถามนาง"เด็กดี วันนี้ตอนเช้าเจ้าไปแจกทานข้าวต้มเนื้อกับซาลาเปาและหมั่นโถวมาหรือ""เจ้าค่ะท่านอา วันนี้เป็นวันเกิดของข้าเจ้าค่ะข้าก็เลยอยากทำบุญ""วันนี้วันเกิดเจ้าน่าจะบอกอาสักนิด อาจะได้เตรียมของขวัญให้เจ้า""เงินทองมากมายแล้ว อยากได้อะไรก็หาซื้อ ท่านอาอย่าสิ้นเปลืองเลยเจ้าค่ะ " นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ทว่าประโยคหลังนางเอ่ยแทบจะเป็นกระซิบ" ถ้าจะให้ละก็ให้ข้าไปต่อทุนสักสามหมื่นตำลึงจะดีมาก" หยางหมิงอมยิ้ม เจ้านี่นะเรียบร้อยได้ไม่นานจริงๆแม่ตัวแสบ หยางหมิงคิดในใจอย่างเอ็นดูก่อนจะบอกว่าลี่จูกำลังกลับมา ครบสามวันที่นางแต่งงานแล้ว จางอวี้ถิงดีใจยิ่งนัก แม้ว่าชิงชิงกับซิ่วซิ่วจะคล่องแคล่วสดใสแต่หากเทียบกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างลี่จูย่อมเรียกหาสนิทใจมากกว่า"ลี่จูกำลังจะมาแล้ว อาคงต้องออกไปข้างนอกสักครู่" หยางหมิงเอ่ยกับจางอวี้ถิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหมดจดของนาง "คนงาม มื้อ
หยางหมิงรอจนอาหารย่อยเขาก็เดินมาหานางยื่นแขนกางออก จางอวี้ถิงรู้ว่าเขาจะให้ทำอะไร โตป่านนี้ยังอาบน้ำเองไม่ได้ คนอะไรก็ไม่รู้ นางอาบน้ำให้เขาจนถึงเวลาตนเอง หยางหมิงจะช่วยแต่นางไล่เขาออกไป"ท่านนี่นะอย่ามารุ่มร่าม ไม่เช่นนั้นข้ากลับเรือนเล็กนะคนบ้า""โธ่เมียจ๋าคนดีของอา อาก็แค่อยากช่วยเจ้าเท่านั้นเอง""คนบ้ามาข้ารู้ทันท่านหรอก ออกไปเลยนะ"หยางหมิงจำต้องออกมาจากห้อง กระทั่งนางจัดการตนเองเรียบร้อยก็มานั่งเช็ดผม ร่างสูงลุกมาจากนั้นก็เอาผ้าจากมือของนางมาเช็ดให้เองอย่างเบามือ"ท่านอา ข้าอยากไปเที่ยวแต่เรื่องล่าสัตว์ท่านไม่ทำได้ไหมเจ้าคะ ล่าแค่เป็นอาหารอิ่มท้องก็พอ""ปกติจะมีการแข่งขัน ทุกปีอากับท่านพี่เซียวจะได้ที่หนึ่งเสมอเพราะล่าได้มากสุด""ท่านอา แล้วล่ามากินหมดหรือไม่""ไม่หรอกเยอะเกินไป ทำไมหรือ"จางอวี้ถิงจับมือที่กำลังเช็ดผมให้นางก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขาแล้วเอ่ย"คนหนึ่งชีวิต สัตว์ก็หนึ่งชีวิต พวกเรามีเลือดเนื้อ พวกมันก็มี พวกมันล่าแค่อิ่มท้อง แต่มนุษย์ล่าเพราะสนองกิเลสตัณหา มนุษย์ชอบบอกว่าตัวเองสูงส่ง ว่าแต่ใครสูงส่งกว่าใครกันก็ไม่แน่"หยางหมิงหวีผมให้นางก่อนจะ
หลังจากจัดงานแต่งให้กับหลี่จิ้งกับลี่จูเรียบร้อยทั้งหมดก็กลับจวน อากาศกำลังดีจางอวี้ถิงจึงอยากเดินกลับ มาได้ครึ่งทางหยางหมิงก็ทนไม่ได้ที่นางเดินนานเกินไปเขาจึงอุ้มนาง หยางหมิงที่อุ้มจางอก็เดินกลับจวนไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่เขาเดินผ่าน เรื่องที่ใต้เท้าผู้ตรวจการมีฮูหยินแล้วแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ที่สำคัญทุกคนเพิ่งจะได้เห็นหน้าตาคุณหนูจางหลานสาวอดีตหมอหลวงครั้งแรกมีคำร่ำลือว่ามารดาของนางงามมากนัก คุณหนูจางเองก็งามแต่เพราะขี้โรคจึงอยู่แต่ในจวน มีหลายสกุลอยากแต่งนางเข้ามาเพราะสมบัติสกุลจางนั้นมีไม่น้อย สกุลมารดาเป็นพ่อค้าอันดับหนึ่ง หยางหมิงได้ยินเสียงชาวบ้านเอ่ยถึงเขากับจางอวี้ถิงคำพูดเหล่านั้นลอยมาเข้าหู"นี่ข้ารู้แล้วทำไมใต้เท้าหยางเพิ่งจะแต่งฮูหยิน""ทำไมหรือเจ้ารู้สาเหตุหรือ""นางงามเพียงนั้น เป็นเจ้าๆจะไม่แต่งหรือ""อืมใช่ ขนาดนางป่วยยังงามเพียงนี้ เทียบกับคุณหนูที่ผัดแป้งชาดเสียหนาเตอะยังไม่อาจดึงความงามออกมาได้เลย""ฮ่าๆๆ เจ้าได้ยินที่นางบอกไหม นางบอกใต้เท้าหยางว่ามือนางกระดูกร้าวเพราะตบคุณหนูที่ผัดแป้งหนาเท่ากำแพงเมืองคนนั้น"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หยางหมิง