ร่างบางระหงหลับอยู่บนเตียง ลมหายใจสม่ำเสมอ ดูไม่ป่วยหนักเหมือนตอนก่อนหน้าแล้วนี่ หลี่อวี้ถิงรู้สึกว่ามีคนมองก็ลืมตาขึ้น สายตาทั้งคู่ประสานกัน หลี่ว่านถิงรับรู้จากความทรงจำผ่านเด็กคนนี้ ผู้ชายรูปหล่อสันดานไม่ดีคนนี้คือสามีเจ้าของร่างเดิม อีกทั้งยังต้องเป็นสามีของเธอด้วย เพราะเธอดันมาอยู่ในร่างเมียไม่อยากแต่งของเขา
หลี่อวี้ถิงถอนหายใจ ยายผีบ้านี่ไปเอาวิญญาณเธอมา แถมยังให้เธอตายศพไม่สวยอีกมันน่านักเชียว สามีเฒ่าของยายเด็กนี่มาดูอาการหรือมาเช็คความชัวร์กันแน่วะว่ายายนี่ตายหรือยัง
หยางหมิงเอ่ยถามเมียเด็กของเขาเสียงเข้ม
“เจ้าเป็นอะไร เหตุใดร้องโวยวายนัก จวนข้างๆไม่รู้จะคิดได้ว่าข้าทำร้ายคน”
“ขออภัยเจ้าค่ะใต้เท้า แค่กๆ ข้าปวดหัวเจ้าค่ะ แค่กๆๆ ต่อไป แค่กๆๆ ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะแค่กๆๆๆ”
หลี่อวี้ถิงแกล้งไอออกมาแรงๆ หยางหมิงเข้ามาหาเห็นหน้านางซีดเซียวก็บอกว่าพรุ่งนี้จะให้หมอประจำจวนมาดูอาการนางอีกที จากนั้นเขาก็กลับไป
หลี่อวี้ถิงทำใจแล้วว่าตนเองมาอยู่ในร่างนังหนูนี่ที่ชื่อจางอวี้ถิง ลี่จูเห็นคุณหนูของนางเงียบไปก็เดินมาหาก่อนจะเอ่นถาม
“คุณหนูเจ้าคะ.... ท่านมิเป็นไรแล้วนะเจ้าคะ”
“อืม..ข้ามีเสมหะอุดตันในช่องอกมานานน่ะ พอไอแรงๆทำให้มันหลุดออมาก็รู้สึกโล่งขึ้น ร่างกายเบาขึ้นแล้ว ช่วงนี้ข้าขอน้ำอุ่นตลอดเวลาแล้วกัน มีเห็ดหูหนูขาวไหม”
“มันคือสิ่งใดหรือเจ้าคะ”
“ช่างเถอะๆ.....ขอบใจนะพี่ลี่จูที่ห่วงใยข้า หากท่านปู่รู้ว่าข้าดีขึ้นแล้วท่านปู่คงจะรีบกลับมา อีกอย่างคนเขาไม่เต็มใจแต่งไม่ได้ลงนามที่สำนักทะเบียนไม่มีใครรู้ว่าข้ากับหยางหมิงแต่งงานกันคงหย่าได้ไม่ยากนัก”
ลี่จูมองหน้าคุณหนูของตนก็ให้สงสาร อยู่ที่นี่มาสามเดือนคุณหนูมักแอบมองใต้เท้าตลอดเวลา นางมีใจให้เขาแต่อีกฝ่ายกับไม่รับรู้ วันนี้คุณหนูอยากหย่าอยากกลับจวนหรือว่าตัดใจได้แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นย่อมเป็นเรื่องดี
หลี่อวี้ถิงให้ลี่จูไปนอนพัก ตัวเองพยายามรวบรวมความทรงจำที่เหลืออยู่เข้าด้วยกัน ดูเหมือนยายหนูจะหลงรักสามีที่เขาไม่รักนางเข้าเสียแล้ว หรือเพราะความอ้างว้างเลยจะหาที่พึ่ง แต่ไอ้รูปหล่อหน้าตายนี่พึ่งได้จริงๆหรือ
หลี่อวี้ถิงยอมรับแล้วว่าต่อไปนี้นางต้องใช้ชีวิตในฐานะของจางอวี้ถึง หลานสาวอดีตหมอหลวงจาง นอนก่อนเถอะอย่างน้อยร่างนี้ก็ไม่ได้ถูกทารุนเหมือนในนิยายทะลุมิติที่เคยอ่าน ยังมีเงินให้ ยังมีอาหารสมบูรณ์ หยางหมิงก็ไม่ใช่พวกตัวร้ายที่จับได้บทพระเอก
ยามเหมาแล้วลี่จูตื่นขึ้นมาต้มน้ำให้คุณหนูของนางล้างหน้าบ้วนปาก จางอวี้ถิงเดินออกมาจากด้านใน ลี่จูรีบเข้าไปประคองก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงดุๆแต่ไม่จริงจังนัก
“ตอนเช้าอากาศเย็นเพียงนี้ออกมาโดนลมทำไมเจ้าคะ คุณหนูเจ้าขาเข้าเรือนเถอะ”
“พี่ลี่จู...ข้าฝันเห็นท่านยาย ท่านย่ากับท่านแม่น่ะพี่ลี่จู”
“อ๋า..หรือว่าฮูหยินทั้งสามพวกท่านมาอวยพรคุณหนูของบ่าวให้มีสุขภาพแข็งแรง ใช่ต้องใช่แน่ๆเลยเจ้าค่ะ”
“คงจะจริงอย่างพี่ว่า ...ท่านย่ากับยท่านยายมาด้วยกันน่ะ สอนหลายๆอย่างข้าจำได้ลางๆ แต่ที่สำคัญอาการหายใจไม่ออกของข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่แน่นหน้าอกติดๆขัดๆอีกต่อไป”
“ดีเหลือเกิน..ขอบคุณฮูหยินทั้งสาม ขอบคุณพระโพธิสัตว์ คุณหนูของบ่าวไม่ต้องทรมานแล้ว”
จางอวี้ถิงยิ้มให้กับสาวใช้ตรงหน้า ลี่จูแก่กว่าร่างเดิมหนึ่งปี จางอวี้ถิงคนนี้อายุสิบห้า จางลี่จูอายุสิบหกมารดาของร่างเดิมไปเจอนางกับมารดาตอนไปไหว้พระเพื่อขอพรให้ร่างเดิมที่ตอนนั้นนางอายุสี่ขวบ แต่พอจำได้บ้างไม่ได้บ้าง
ลี่จูกับมารดาของนางนอนหนาวเหน็บไร้อาหารไร้ผ้าห่มคลุมกายนอนหายใจรวยรินอยู่ที่เชิงเขาทางขึ้นอาราม มารดาของร่างเดิมจึงได้รับมาเลี้ยงดู แต่มารดาของลี่จูมีโรคเรื้อรังอยู่ไม่นานก็จากไป เหลือเพียงเด็กน้อยอายุหกขวบให้อยู่เป็นเพื่อนเล่นกับร่างเดิมมาตลอด
แม้ว่าจางอวี้หมิ่นจะเป็นหมอหลวงใหญ่แต่เขามีบุตรชายแค่คนเดียวและทั้งคู่บุตรชายกับสะใภ้จากไปเพราะอุบัติเหตรถม้าตกเหวเมื่อตอนที่เด็กคนนี้อายุห้าขวบ เขาให้เงินบ่าวไพร่ไปตั้งตัวเหลือเพียงแม่บ้านคนหนึ่งที่เพิ่งกลับไปเยี่ยมบุตรชายที่ต่างเมืองจะกลับมาในอีกสามเดือนข้างหน้า และเหลือจางลี่จูเอาไว้
จางอวี้หมิ่นลาออกจากราชสำนักเพื่อมาเลี้ยงหลานสาวเพียงลำพัง เงินทองก็มีอยู่มากนัก ใครๆก็อยากแต่งงานกับหลานสาวอดีตหมอหลวงเพราะเขานับว่ามั่งมี แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นหน้าคุณหนูจางเพราะได้ยินว่านางป่วยต้องอยู่แต่ในจวน มาแล้วก้ต้องอยู่หิวก็ต้องกินจากนั้นก้เอ่ยกับลี่จู
“พี่..เรามีแป้งกับน้ำมัน ไข่และเกลือไหม”
“คุณหนูจะเอามาทำอันใดเจ้าคะ”
“ท่านย่าเคยสอนทำบะหมี่ไข่ ข้ายังจำได้ เมื่อคืนฝันเห็นพวกนางข้าเลยอยากกินน่ะ”
“บ่าวจะไปขอที่โรงครัวมาให้นะเจ้าคะ คุณหนูเข้าเรือนไปก่อนอย่าออกมาโดนลมเลยเจ้าค่ะ”
“โอ่ว.. อ้อได้ๆๆ”
ลี่จูไปที่โรงครัวเพื่อขอแป้งสาลี ปกติเวลามาเอาขอนางมักจะโดนแกล้งเสมอ แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ท่านป้าข้าต้องการแป้งสาลี น้ำมันเกลือกับไข่ไก่ ท่านพ่อจะมีหมูกับผักกาดหรือไม่เจ้าคะ”
“อะ อ้อ มะ แม่นางลี่จู่ มีสิ มีๆๆ นี่ๆๆๆของที่เจ้าอยากได้”
แม่ครัวเตรียมของให้นางทันทีที่เอ่ยปาก อีกทั้งให้มากจนลี่จูถือแทบไม่ไหว มีคนอาสาถือไปส่ง แม้ว่าจะงงๆกับการกระทำพวกเขาแต่นางก็ไม่คิดมาก
ร่างสูงละจากความงามด้านล่างเลื่อนตัวมาหานาง ดวงตาสองคู่สบกันไปมา จางอวี้ถิงโน้มคอเขาลงมาหากระซิบเสียงรัญจวน ท่านอาหยาง ข้าอยากเรียนรู้แล้วท่านพร้อมสอนหรือไม่""จะสอนเดี๋ยวนี้ ผ่อนคลายนะอาจจะเจ็บแต่สัญญาว่านุ่มนวล""เจ้าค่ะ"คนตัวโตค่อยๆมอบความแข็งแกร่งของตนให้กับนาง เมื่อความร้อนผ่าวของคนตัวโตผ่านความอ่อนนุ่มของนางจางอวี้ถิงก็นิ่วหน้า น้ำตาไหลออกหางตาเพราะความเจ็บตึง แม้เขาจะนุ่มนวลเพราะนี่คือครั้งแรกของนาง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี หบยางหมิงจูบซับน้ำตาให้ก่อนจะเอ่ยปลอบโยน"เจ็บมากไหม อาหยุดก่อนดีไหม""ไม่ต้อง ข้าทนไหวเจ้าค่ะ""หยางหมิงสอบเอวหนาช้าๆไม่นานเขาก็เข้ามาอยู่ในกายนางจนหมด ร่างสูงรอให้นางคุ้นเคยกับตัวตนของเขาก่อน จางอวี้ถิงกอดแผ่นหลังเขาเอาไว้ ลูบไล้ขึ้นลงก่อนจะบอกว่านางพร้อมแล้ว"ท่านอา ข้าพร้อมแล้ว ท่านทำเถอะเจ้าค่ะ"จากนั้นหยางหมิงจึงเริ่มสอบเอวหนาช้าบ้างเร็วบ้างเพราะนี่คือครั้งแรกของนางเขาอยากให้นางประทับใจ ดูเหมือนคนตัวเล็กใกล้จะแตะขอบสวรรค์สีทองเสียงครางแสนหวานเรียกหาเขาอย่างกระเส่าบ่งบอกว่านางนั้นเสียวซ่านรัญจวนเพียงใด"อ๊า ท่านอาหยาง สามีได้โปรดข้าจะไม
ภายในห้องนอนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของเครื่องหอม หยางหมิงบรรจงวางร่างบางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย แต่คนตัวเล็กกลับยังคงคล้องคอเขาไว้แน่นด้วยแขนเรียวระหง ไม่ยอมปล่อยให้เขาผละห่างไปไหน ใบหน้าหวานซบลงกับอกของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างออดอ้อน"ถิงถิงของอา เจ้าเมาแล้ว"หยางหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม"เปล่าสักหน่อย ข้ายังจำท่านได้อยู่เลย อื้อ "จางอวี้ถิงปฏิเสธเสียงอู้อี้ ใบหน้าซุกไซร้อย่างหาที่พึ่ง"ท่านอา... ข้าหนาวจัง ท่านกอดข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบา หยางหมิงค่อยๆ วางนยางลงบนเตียงก่อนจะทอดกายลงนอนเคียงข้าง แสงตะเกียงสีส้มส่องกระทบใบหน้าหวานอย่าง กลิ่นกายของนางช่างหอมกรุ่นชวนให้ใจสั่นไหว ความต้องการในตัวนางพุ่งพล่านแต่เวลานี้นางไม่สามารถครองสติได้ แม้เขาจะเป็นสามีของนางโดยชอบธรรม เป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความปรารถนา และนางก็อยู่ตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่หยางหมิงก็รู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จะกระทำลงไปได้อย่างไร ในเมื่อนางไร้สติ ไร้ซึ่งการยินยอมพร้อมใจการฉกฉวยโอกาสเช่นนี้หาใช่สิ่งที่บุรุษเช่นเขาจะพึงกระทำ หยางหมิงทำได้เพียงข่มกลั้น
เมื่อประตูห้องปิดลงเบื้องหลัง ทั้งสองจึงก้าวเดินเคียงกันไปอย่างงดงาม.. มีเพียงชายกระโปรงที่พลิ้วไหว หยางหมิงหยุดเดินก่อนจะเอ่ยกับคนข้างๆ"อามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าตื่นเต้น หลับตาก่อนเด็กดี""ท่านอา..อย่าแกล้งข้านะ ข้าโกรธจริงๆ ด้วย""ไม่แกล้งหรอกคนงาม"จางอวี้ถิงยอมหลับตา ผ้าแพรผืนบางถูกผูกตานางเอาไว้ จางอวี้ถิงสงสัยแต่เขาก็บอกนางว่าอย่ากังวล เอ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ไม่มีอะไรหรอกเดินตามอามาเถอะ"จางอวี้ถิงเดินตามแรงจูงของฝ่ามือใหญ่ที่จับมือนางไว้มั่น แม้ดวงตาจะมืดบอดเพราะถูกผ้าผูกตาปิดไว้ แต่ความอบอุ่นจากอุ้งมือนั้นกลับชัดเจนยิ่งกว่าแสงใด ๆ"ท่านอา....ท่าจะพาข้าไปไหนกันแน่เจ้าคะ..."นางถามเสียงแผ่ว แฝงความลังเลระคนตื่นเต้น หยางหมิงไม่ตอบ เพียงกระชับมือนางแน่นขึ้นและเอ่ยเบา ๆ ข้างหู"อีกเพียงก้าวเดียว เจ้าก็จะรู้มาเถอะเด็กดี"เท้าเรียวก้ามตามขาวยาวๆของเขาไป หูพลันได้ยินเสียงดนตรีและเสียงผู้คนพูดคุยกัน จางอวี้ถิงสงสัยแต่ก็ไม่นาน เขาพานางมาหยุดก่อนเอ่ย"ถึงแล้วพร้อมหรือไม่""เจ้าค่ะ"จางอวี้ถิงสงสัยเหตุใดวันนี้เขาอ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งนัก พักนี่เขายิ้มแย้มบ่อยเหลือเกินกลิ่นหอมขอ
หยางหมิงก็เดินมาหานาง ร่างบางถูกเขาช้อนอุ้มพาเดินเข้าไปยังเรือนนอน จางอวี้ถิงหน้าแดง บ่าวไพร่มากมายเขาช่างหน้าหนายิ่งนัก เมื่อมาถึงหยางหมิงวางนางลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยถามนาง"เด็กดี วันนี้ตอนเช้าเจ้าไปแจกทานข้าวต้มเนื้อกับซาลาเปาและหมั่นโถวมาหรือ""เจ้าค่ะท่านอา วันนี้เป็นวันเกิดของข้าเจ้าค่ะข้าก็เลยอยากทำบุญ""วันนี้วันเกิดเจ้าน่าจะบอกอาสักนิด อาจะได้เตรียมของขวัญให้เจ้า""เงินทองมากมายแล้ว อยากได้อะไรก็หาซื้อ ท่านอาอย่าสิ้นเปลืองเลยเจ้าค่ะ " นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ทว่าประโยคหลังนางเอ่ยแทบจะเป็นกระซิบ" ถ้าจะให้ละก็ให้ข้าไปต่อทุนสักสามหมื่นตำลึงจะดีมาก" หยางหมิงอมยิ้ม เจ้านี่นะเรียบร้อยได้ไม่นานจริงๆแม่ตัวแสบ หยางหมิงคิดในใจอย่างเอ็นดูก่อนจะบอกว่าลี่จูกำลังกลับมา ครบสามวันที่นางแต่งงานแล้ว จางอวี้ถิงดีใจยิ่งนัก แม้ว่าชิงชิงกับซิ่วซิ่วจะคล่องแคล่วสดใสแต่หากเทียบกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างลี่จูย่อมเรียกหาสนิทใจมากกว่า"ลี่จูกำลังจะมาแล้ว อาคงต้องออกไปข้างนอกสักครู่" หยางหมิงเอ่ยกับจางอวี้ถิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหมดจดของนาง "คนงาม มื้อ
หยางหมิงรอจนอาหารย่อยเขาก็เดินมาหานางยื่นแขนกางออก จางอวี้ถิงรู้ว่าเขาจะให้ทำอะไร โตป่านนี้ยังอาบน้ำเองไม่ได้ คนอะไรก็ไม่รู้ นางอาบน้ำให้เขาจนถึงเวลาตนเอง หยางหมิงจะช่วยแต่นางไล่เขาออกไป"ท่านนี่นะอย่ามารุ่มร่าม ไม่เช่นนั้นข้ากลับเรือนเล็กนะคนบ้า""โธ่เมียจ๋าคนดีของอา อาก็แค่อยากช่วยเจ้าเท่านั้นเอง""คนบ้ามาข้ารู้ทันท่านหรอก ออกไปเลยนะ"หยางหมิงจำต้องออกมาจากห้อง กระทั่งนางจัดการตนเองเรียบร้อยก็มานั่งเช็ดผม ร่างสูงลุกมาจากนั้นก็เอาผ้าจากมือของนางมาเช็ดให้เองอย่างเบามือ"ท่านอา ข้าอยากไปเที่ยวแต่เรื่องล่าสัตว์ท่านไม่ทำได้ไหมเจ้าคะ ล่าแค่เป็นอาหารอิ่มท้องก็พอ""ปกติจะมีการแข่งขัน ทุกปีอากับท่านพี่เซียวจะได้ที่หนึ่งเสมอเพราะล่าได้มากสุด""ท่านอา แล้วล่ามากินหมดหรือไม่""ไม่หรอกเยอะเกินไป ทำไมหรือ"จางอวี้ถิงจับมือที่กำลังเช็ดผมให้นางก่อนจะหันหน้ามาสบตาเขาแล้วเอ่ย"คนหนึ่งชีวิต สัตว์ก็หนึ่งชีวิต พวกเรามีเลือดเนื้อ พวกมันก็มี พวกมันล่าแค่อิ่มท้อง แต่มนุษย์ล่าเพราะสนองกิเลสตัณหา มนุษย์ชอบบอกว่าตัวเองสูงส่ง ว่าแต่ใครสูงส่งกว่าใครกันก็ไม่แน่"หยางหมิงหวีผมให้นางก่อนจะ
หลังจากจัดงานแต่งให้กับหลี่จิ้งกับลี่จูเรียบร้อยทั้งหมดก็กลับจวน อากาศกำลังดีจางอวี้ถิงจึงอยากเดินกลับ มาได้ครึ่งทางหยางหมิงก็ทนไม่ได้ที่นางเดินนานเกินไปเขาจึงอุ้มนาง หยางหมิงที่อุ้มจางอก็เดินกลับจวนไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่เขาเดินผ่าน เรื่องที่ใต้เท้าผู้ตรวจการมีฮูหยินแล้วแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ที่สำคัญทุกคนเพิ่งจะได้เห็นหน้าตาคุณหนูจางหลานสาวอดีตหมอหลวงครั้งแรกมีคำร่ำลือว่ามารดาของนางงามมากนัก คุณหนูจางเองก็งามแต่เพราะขี้โรคจึงอยู่แต่ในจวน มีหลายสกุลอยากแต่งนางเข้ามาเพราะสมบัติสกุลจางนั้นมีไม่น้อย สกุลมารดาเป็นพ่อค้าอันดับหนึ่ง หยางหมิงได้ยินเสียงชาวบ้านเอ่ยถึงเขากับจางอวี้ถิงคำพูดเหล่านั้นลอยมาเข้าหู"นี่ข้ารู้แล้วทำไมใต้เท้าหยางเพิ่งจะแต่งฮูหยิน""ทำไมหรือเจ้ารู้สาเหตุหรือ""นางงามเพียงนั้น เป็นเจ้าๆจะไม่แต่งหรือ""อืมใช่ ขนาดนางป่วยยังงามเพียงนี้ เทียบกับคุณหนูที่ผัดแป้งชาดเสียหนาเตอะยังไม่อาจดึงความงามออกมาได้เลย""ฮ่าๆๆ เจ้าได้ยินที่นางบอกไหม นางบอกใต้เท้าหยางว่ามือนางกระดูกร้าวเพราะตบคุณหนูที่ผัดแป้งหนาเท่ากำแพงเมืองคนนั้น"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ เสียงหัวเราะดังไปทั่ว หยางหมิง