ดวงเนตรพญามังกรสีรัตติกาลเบิกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ เฉินเหอไท่นำทัพออกหน้าไปตามแผนการที่วางเอาไว้ ทำการศึกห่างออกไปไกล ปิดเส้นทางมิให้ผู้ใดเข้ามาระรานยามที่เขาไม่อยู่ตัวเขาต้องจัดการทุกสิ่งให้เสร็จสิ้นที่ข้างนอก จึงป้องกันอาณาเขตแห่งนี้เอาไว้ให้อยู่อย่างปกติที่สุดทว่า...สิ่งที่เห็นทำให้เฉินเหอไท่นึกตระหนกไม่น้อย ถึงแม้ว่าแผนการยึดอำนาจเบ็ดเสร็จของเฉินเหอไท่จะสำเร็จลุล่วง หากแต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือเฉินหย่งจื้อส่งคนเข้ามาบุกโจมตีคฤหาสน์ จนเกิดศึกนองเลือดตลบหลัง เป้าหมายคือสะบั้นดวงใจแห่งเขาชายหนุ่มให้ได้คิดว่าเขาดูเบาความต่ำช้าของน้องชายผู้นี้มากจนเกินไปเสียแล้วเรื่องที่เขามีหญิงคนรักและแต่งงาน เจ้าเฉินหย่งจื้อกลับนำมาเป็นเครื่องมือหมายกำจัดเขาอย่างต่ำตมสิ้นคิดซึ่งแน่นอนว่าหากเซียนเซียนเป็นเพียงสตรีธรรมดาย่อมต้องกลายเป็นตัวประกันเข้าทางศัตรู แล้วถูกนำมาข่มขู่เขาทว่าความจริงกลับมิใช่เช่นนั้น เฉินเหอไท่ย่อมรู้ดีกว่าใครสายตาคมเข้มกวาดมองไปทั่ว มีแววร้อนรนผสานอยู่อย่างไม่อาจระงับ ยิ่งเดินเข้ามายิ่งเห็นคราบเลือดข้นคลั่กปานธารารินไหล ก็ยิ่งหลั่งเหงื่อเย็นที่ฝ่ามือประเมินดูแล้วถึง
ค่ำคืนแห่งการรื่นเริงภายในพระราชวังต้าซ่งยังมีต่อเนื่องสามวันสามคืน หลังศึกปราบกบฏเสร็จสิ้นเมื่อฮ่องเต้ทรงอารมณ์ดีเต็มที่ จึงเรียกสนมถึงสองนางมาปรนนิบัติอย่างสุขสมบนเตียงบรรทมในตำหนักส่วนพระองค์ มีเสียงครวญครางถึงสามเสียงด้วยกันนอกจากเส้นเสียงรัญจวน ยังมีเสียงหัวเราะร่วนที่ร่วมกันเหยียดหยันอ๋องโง่บัดซบผู้หนึ่ง สนมทั้งสองล้วนด่าทอเฉินเหอไท่เพื่อเอาใจเฉินหย่งจื้อ ว่าสมควรตายเพียงใด ต่ำช้าแค่ไหนชั่วจังหวะที่เฉินหย่งจื้อกำลังปลดปล่อยตัวตนร้อนผ่าวเข้าสู่กายสาวของสนมคนงาม ลำคอพลันเจ็บแปลบ กรามพลันหลุดออก ความรู้สึกชาหนึบพลันถาโถมสองตาของฮ่องเต้ต้าซ่งเหลือกถลน เปล่งวาจามิได้ อึกอักอึดใจก็เห็นสนมคนหนึ่งตายอยู่หัวเตียงเมื่อใดมิอาจทราบ ส่วนอีกคนที่อยู่ใต้ร่างก็นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ลูกนัยน์ตาปูนโปนแทบออกมานอกเบ้า กลีบปากอ้าค้าง ยามใดก็สุดรู้ไร้เสียงเล็ดลอด ตกตายเงียบเชียบ ว่องไวรวบรัดหรือว่าจะเป็น...ความคิดชั่ววูบเกิดขึ้นพร้อมกับเงาร่างหนาใหญ่ในอาภรณ์สีดำจัดปรากฏกายเบื้องหน้า สู่ครรลองสายตาเฉินหย่งจื้อยิ่งเบิกตาโพลงเฉินเหอไท่ทักทายน้องชายจอมตระบัดสัตย์ด้วยแววตาคมกริบที่มองสบนิ่งขรึม เผย
คฤหาสน์เจี้ยนยังคงเงียบสงบเฉกเช่นวันวานท่ามกลางดอกไม้บานสะพรั่ง ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วหวานของข้ารับใช้หญิงรุ่นเยาว์หยอกเย้าเริงรื่นยามตัดแต่งกิ่งต้นไม้ ให้รู้สึกงามตายิ่งเซียนเซียนในอาภรณ์สีขาวราวเทพธิดากำลังนั่งปักผ้าอยู่ริมระเบียงปีกขวาของเรือนหลัก นางมองออกไปยังกลุ่มสาวใช้ด้วยสายตาอ่อนโยน นึกเอ็นดูไม่น้อย พลันนั้นก็นึกถึงข่าวว่าสามีพาลูกน้องไปจัดการพวกน่ารำคาญ ไม่นานจะกลับมา นางจึงรอดั่งเขาว่า ไม่มียามใดไม่รอคอยสายลมเย็นฉ่ำ พัดพากลีบดอกไม้ ลอยละลิ่วเอื่อยเฉื่อย เซียนเซียนละสายตาคู่งามออกจากสาวใช้ ก้มลงมองผ้าปักในมือ แล้วถักทอเส้นใยเข้าผสานลวดลาย หมายสะกดใจผู้ยื่นมือรับนางกำลังปักเสื้อให้สามีมหาเทพปีศาจผู้เป็นธิดาหนึ่งเดียวของราชันย์ปีศาจอเวจีแห่งปรภพกำลังกลายร่างเป็นเพียงสตรีธรรมดาผู้หนึ่งซึ่งได้ชื่อว่าภรรยาของสามีหลายวันมานี้เซียนเซียนปักผ้าได้หลากผืนหลายลายชั่วขณะกำลังเปลี่ยนจากผ้าผืนแรกเพื่อปักผ้าผืนใหม่ พลันได้ยินเสียงเกือกม้าย่ำพื้นดินมาอย่างเร็ว ทหารม้าคนหนึ่งควบมาใกล้ปากตะโกนว่า “รีบหลบไป! พาฮูหยินหลีกภัย!”พริบตาต่อมาความโกลาหลพลันบังเกิด เซียนเซียนเงยหน้ามองผู้คนอย่
แนวทอดตัวของภูเขาที่ล้อมรอบด้วยพื้นที่ต่ำ ปรากฏกลุ่มควันพวยพุ่งไม่ขาดสาย ศึกใหญ่ระเบิดขึ้นอย่างมโหฬาร ทหารทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นคนแคว้นเดียวกันขบวนพลทหารม้านับหมื่นครอบคลุมหุบเขาจนสีดำกลืนกินสีเขียวนำทัพโดยเฉินเหอไท่ บุรุษร่างใหญ่ในชุดนักรบนั่งบนหลังอาชาศึกสีดำสนิท เขายืนหยัดโดดเด่นเหนือผู้คน แผ่นหลังเหยียดตรง เนตรมังกรสีรัตติกาลสาดประกายแก่กล้าเหี้ยมเกรียม กวาดตามองรอบด้านอย่างเย็นชา แฝงรอยโทสะและรำคาญหลายส่วน ทั้งกลุ่มของเขาฝ่าแนวแม่น้ำมายืนตระหง่านประจันหน้ากับขบวนพลทหารม้าแห่งราชสำนักของอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งทัพหน้าคือหลานชายแห่งเขา เฉินหลวนเล่อ กลางพายุโลหิตที่ใกล้ปะทุคือภูเขาแต่ละลูกที่อยู่ในเทือกเขาเดียวกันมีพลธนูอำพรางตัววูบไหวพร้อมยิงตลอดเวลา“บุกเข้าไป ฆ่าให้หมด!”สุ้มเสียงบุรุษประดุจเสือคำราม แม่ทัพผู้นี้นับเป็นผู้เปิดสงครามนองเลือดโดยแท้ เขาคือขุนพลฝ่ายราชสำนัก“พลธนู ยิง!”ดวงตาของเฉินเหอไท่ทอประกายข่มขวัญ เส้นเสียงเย็นเยียบออกคำสั่งเฉียบขาดธนูดอกหนึ่งถูกยิงส่งสัญญาณโดยลูกน้องคู่ใจเจี้ยนอ๋อง ลูกธนูนับร้อยยิงกราดแหวกอากาศจากซอกหลืบหุบเขาออกไป พร้อมกับเสียงเกือกม้าของอีกฝ่ายห้อ
ชายผู้นี้มีดวงตาคู่คมที่มักจะจ้องมองแน่วนิ่งอย่างลึกล้ำ เรียวคิ้วดกดำเปี่ยมเสน่ห์มากล้น ยังมีจมูกโด่งสันคมคาย ริมฝีปากบางเฉียบ สันกรามทรงพลัง และตรงนี้...ปลายนิ้วเรียวเล็กไล้แผ่วทิ้งสัมผัสร้อนผ่าวไปเรื่อยๆ พลางคิดการณ์อย่างลึกซึ้ง ลำคอแกร่งหนา แผงอกหนั่นแน่น เลื่อนลงมายังมีมัดกล้ามเรียงตัวงดงามตรงหน้าท้อง และ...บางสิ่งบนร่างกายเฉินเหอไท่ที่ทำให้นางชื่นชอบเขามากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า เรียกว่าเอาทุกข์ออกจากอก ยกนรกขึ้นสูงเลยทีเดียว ความซ่านเสียวคืออันใด ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ทำให้ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นระส่ำผิดจังหวะเป็นสิ่งที่นางไม่ค่อยเข้าใจ แต่กลับถวิลหาเหลือเกิน ใบหน้าร้อนผ่าวทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้ อารมณ์ก็ร้อนรุ่มป่วนปั่นไม่เบา ยามเมื่อสองเราได้แนบชิดกัน กิจกรรมบางอย่างที่เขาได้สอนสั่งทำนางติดใจมิอาจถอน“ท่านกำลังล่อลวงข้า อาเหอ...”เสียงแผ่วหวานของเซียนเซียนเอ่ยขึ้นตรงใบหูของเฉินเหอไท่ นางกำลังนั่งอยู่บนเอวสอบของเขายามไล้ปลายนิ้วและสายตาสำรวจร่างหนาอันแข็งแรงอย่างพึงพอใจในท่วงท่าสนิทสนมมากกว่าใครอื่น“เกรงว่าคงเป็นข้าที่กำลังต้องมนต์มารของเจ้า”ชายแกร่งใต้ร่างนุ่มเอ่ยเสียงทุ้ม
เป็นความจริงที่ว่า หากเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเราไม่มีสันติหากไม่เกิดสงคราม และหากกบฏทรราชยังดำรงอยู่ความสงบสุขที่แท้จริงย่อมไม่บังเกิดหลักการเหล่านี้ล้วนถูกจารึกเอาไว้ชัดเจนจากรุ่นสู่รุ่น ถึงแม้เฉินเหอไท่มิใคร่ครอบครองบัลลังก์มังกรแล้ว หากแต่เฉินหย่งจื้อฮ่องเต้กลับยังคงไม่วางมือในการจัดการกับเฉินเหอไท่ ซึ่งเปรียบเสมือนหนามแหลมคมทั้งยังยิ่งใหญ่คอยตอกตรึงอยู่กลางใจฮ่องเต้ต้าซ่งผู้นี้รู้ดีกว่าใคร ว่าพระองค์ได้กระตุกหนวดราชสีห์ ย้อนเกล็ดมังกรเข้าให้แล้ว จึงไม่อาจปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยมังกรให้ผงาดฟ้า แล้วกลับมาขย้ำพระองค์จนจมเขี้ยวและแน่นอนว่า พระองค์ทรงรู้ดีถึงความสามารถไร้ขีดจำกัดของพี่ชายแห่งตนตลอดระยะเวลาหลายเดือนจึงมีการส่งคนมารุกรานอาณาเขตของเจี้ยนอ๋องอยู่เสมอ สายลับ มือสังหาร ล้วนส่งมาถึงมือของเฉินเหอไท่ไม่ขาดสาย การรุกรานอันน่ารำคาญมีมาไม่หยุดหย่อน และล่าสุดยังรวบรวมกองกำลังทหารนับแสนเพื่อก่อสงครามปราบกบฏผู้เป็นพี่ชายให้ตายตกจนสิ้นซากเฉินหย่งจื้อคิดเพียงไม่ต้องทนทรมาน ยามนอนยังผวา ยามตื่นยังระแวงเช่นนี้อีกต่อไปกำลังพลเรือนแสนจึงเคลื่อนขบวนอย่างยิ่งใหญ่ ประกาศศักดาอย่างหน้าไ