LOGINเขียนโดยเพนนี เมื่อ 16 ปีก่อน
ฉันมาอยู่กับลุงกานได้ปีหนึ่งแล้ว วันนี้ลุงกานจะพาฉันไปธนาคาร ครั้งแรกเลยนะเนี่ย แต่งตัวให้เหมือนลูกเจ้าสัวอีกดีกว่า ฉันหวีผมพองฟูให้เรียบแปล่ จากนั้นก็กลับมาฟูอีกนิดหน่อย ส่วนกิ๊ฟติดผมจะช่วยทำให้ฉันดูสดใสกว่านี้
ภายในธนาคารแทบไม่มีคน การทำธุรกรรมกับคนเป็นเรื่องล้าสมัย แต่การเปิดบัญชีก็จำเป็นต้องเจอหน้าค่าตากันบ้าง เงินในธนาคารเป็นเงินในอากาศเสียมากกว่า แต่ในห้องนิรภัยก็ยังมีธนบัตรอีกจำนวนไม่น้อย
ลุงกานมีมาดตำรวจ ไม่เว้นแม้แต่ตอนใส่ชุดไปรเวท พนักงานธนาคารจำลุงได้ จึงยกมือพนมมือกันถ้วนหน้า ฉันไม่อยากอวดเลย ก็ลุงเป็นผบ.ตร.นี่นา ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกเจ้าสัว แต่ตอนนี้นายตำรวจเบอร์หนึ่งก็รับฉันมาเลี้ยงด้วยล่ะ
เราเดินมารอตรงเก้าอี้ จู่ๆ วันที่เงียบสงบก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อโจรใส่หน้ากากทศกัณฐ์กรู่กันเข้ามา จำนวนกว่าสิบคน พวกเขายิงปืนขึ้นฟ้า แล้วล้อมพวกเราไว้
แหม รักซอฟท์พาวเวอร์เมืองไทยเสียจริง!
พนักงานหญิงของธนาคารตกใจกลัว กรี๊ดเสียงดัง พวกนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร จึงยิงปืนใส่เธอ เลือดข้นทะลักไหลไปทั่ว ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกทรุดตัวลงนั่งบนพื้น ลุงกานหันมามองอย่างห่วงใย
"อยู่ตรงนี้ก่อนนะ เพนนี ห้ามไปไหนทั้งนั้น"
"ค่ะ"
ฉันบอกด้วยหน้าตาซีดเสียว
ลุงกานดึงปืนเลเซอร์ที่เอวออกมา แล้วยิงโจรทีละคน พวกนั้นตกใจที่จู่ๆ เพื่อนร่วมทีมก็ล้มลงโดยไม่รู้สาเหตุ พวกเขากราดยิงไปทั่วผนัง กระจก และกระเบื้อง สิ่งละอันพันละน้อยกระจุยตามลำแสงปืน
ในที่สุดหัวหน้าโจรก็เห็นลุงกานที่กำลังยิงปืนมาทางเขา เขาชิงยิงก่อน!
ฉันนึกถึงพลังที่ซ่อนอยู่ในการดำรงอยู่ของตัวฉัน จะอธิบายอย่างไรดี เหมือนฉันรู้มาโดยตลอด ว่าพลังหยุดเวลาแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น รอให้ฉันดึงออกมาใช้ ฉันเค้นพลังทั้งหมดที่มี
แล้วหยุดเวลาไว้!
ลำแสงเลเซอร์หยุดกลางอากาศ ทุกคนหยุดนิ่ง ฉันเดินไปทางลุงกานอย่างเร่งร้อน ไม่รู้ว่าพลังนี้จะหยุดเวลาไว้ได้นานแค่ไหน จากนั้นฉันก็ดันลุงกานไปด้านหลัง ให้พ้นลำแสงพิฆาตนั่น
แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ
ลำแสงพลาดเป้าไปจากลุงกาน ฉันรู้สึกเหนื่อยเหมือนผ่านการวิ่งมานับสิบกิโลเมตร แล้วทรุดลงนั่งกับพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องผิดปกติ ยกเว้นฉันคนเดียวเท่านั้น
ตอนนี้ผู้ร้ายได้เงินมาจากห้องนิรภัยแล้ว แต่ยังไม่พอใจ บังคับให้พนักงานธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีต่างประเทศอีก พวกมันกำลังจะจากไป ลุงกานออกมาจากที่ซ่อน
โธ่ ลุง ให้เงินพวกมันไปเถอะ หนูเพิ่งช่วยลุงเองนะ
ผู้ร้ายคนหนึ่งโยนระเบิดมาทางเรา ด้วยวิถีระเบิด ฉันกับลุงกานจะไม่เป็นอะไร เพราะเราอยู่หลังเคาเตอร์ แต่คนอื่นละ จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
ฉันพยายามหยุดเวลาอีกรอบ แต่พลังหมดแล้ว แค่จะพยุงตัวยังไม่ไหวเลย
และแล้ว ระเบิดก็ทำงาน มันบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในวิถีจนหมดสิ้น เสียงดังจนทำให้หูอื้อ มีคนเสียชีวิตนับสิบคน เศษอวัยวะ วัตถุทุกอย่างกระจายตัวกันจนแทบแบ่งแยกไม่ได้ว่าอะไรเป็นอะไร
ส่วนฉันน่ะเหรอ เป็นลมลงเดี๋ยวนั้นเลย
.
.
ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าอันสดใส ในโรงพยาบาล ลุงกานนอนฟุบอยู่ข้างๆ เตียงฉัน ฉันมีเรื่องจะคุยกับลุง
"ลุงคะ"
"ตื่นแล้วเหรอ เพนนี"
"หนูคิดว่า หนูน่าจะย้อนเวลาได้"
ฉันเอ่ยพลางร้องไห้ เมื่อคิดถึงซากศพที่กระจายไปทั่วธนาคาร
"เดี๋ยวก่อน" ลุงกานเอามือมาลูบหัวฉัน "ค่อยๆ เล่าได้ไหม ว่าหนูเจออะไร แล้วทำไมคิดว่าตัวเองย้อนเวลาได้"
ฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลุงกานฟัง ท่านไม่ได้ขัดคอ เพียงแต่พยักหน้าไปเรื่อยๆ ให้ฉันเล่าจนหมด
"หนูหยุดเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที แต่สลบไปวันหนึ่งเต็มๆ ถ้าหนูพยายามย้อนเวลาอีกหลายครั้ง จะเป็นปัญหาขนาดไหน ลุงขอให้หนูหยุดใช้พลังแห่งกาลเวลาไปก่อน จนกว่าเราจะวิจัยพบว่า พลังนี้ไม่เป็นอันตรายต่อหนู"
"แต่ว่า ถ้าแค่หลับไปวันสองวัน แต่ช่วยชีวิตคนได้นับสิบ จะไม่คุ้มกว่าเหรอคะ"
ฉันจ้องตาลุงกานอย่างจริงจัง ฉันไม่อยากให้มีคนตายเลย
"ถ้าเทียบกับคำทำนาย ที่บอกว่าหนูจะช่วยคนได้นับล้าน เรายอมเสียคนนับสิบไปตอนนี้ก่อน เพื่อเก็บคนนับล้านไว้ช่วยในเวลาข้างหน้าดีกว่านะ"
ลุงกานลูบหัวฉัน ฉันน้ำตาไหลโดยไม่สะอื้น ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากช่วยคน ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะฉันเคยโดนทิ้งมาก่อน และฉันก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ







