LOGIN
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6
ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ
ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด
ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่
แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม
ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน
“ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอยู่ไม่สนใจจะแก้ปัญหา นอกจากตักตวงผลประโยชน์”
ผมกล่าวตำหนิประเทศมหาอำนาจที่ครองนาดาอยู่ แน่นอนว่าชาวนาดาจะเห็นด้วยกับผม และทำให้กระบวนการปลดแอกนี้ง่ายขึ้น
ในจินตนาการ ผมได้ยินเสียงแม่ยกกำลังตะโกนเชียร์ผม และชูป้ายสนับสนุนพวกเรา ผมจึงมีแรงใจเต็มร้อย
จากนั้น ตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศก็เอ่ยต่อ เขาใส่สูทผูกไท ในขณะที่ผมใส่ชุดพื้นเมือง เพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจในนาดาของเรา
“แต่เท่าที่ผมทราบ ประเทศที่ปกครองนาดาอยู่ได้บริจาคอาหารเพื่อคนยากจน และให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับผู้ยากไร้”
ผมจำเขาได้ในทันที ใบหน้าแกมโกง หนวดเคราเต็มหน้า รูปร่างอ้วน เขาคือโฆษกของประเทศที่ปกครองเราอยู่ คงได้รับเงินใต้โต๊ะจากมหาอำนาจ เพื่อให้นาดายังอยู่ใต้ดินตลอดกาล
ผมกลืนน้ำลายหนืดที่เกิดจากความตื่นเต้น แล้วยืนขึ้น
“ผมขอแย้งครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมการศึกษาของคนในนาดาถึงได้ต่ำต้อย และมีแต่คนมีอันจะกินเท่านั้นที่ได้รับการศึกษา”
“คุณฮาริสอาจจะไม่ทราบ ขอโทษนะครับ นามสกุลคุณคือนาดาใช่ไหม”
“ครับ”
“คุณเป็นเชื้อพระวงศ์ มีฐานันดร มีทรัพย์สมบัติมหาศาล คงจะไม่ต้องขอรับอาหารที่ประเทศเราแจกไป คุณคงไม่เข้าใจว่าชาวบ้านพอใจที่เราแจกอาหารขนาดไหน”
“แต่ผมใช้เวลาตลอดชีวิตของผม เพื่อให้การศึกษาเด็ก นาดา เพื่อเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียมตะวันตก ทำไมผมจะไม่เข้าใจชีวิตของประชาชนที่ผมรัก”
ผมพูดมาถึงตรงนี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะโมโห เขากล่าวอ้างได้อย่างไร ว่าเราได้รับการช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่พวกเราต่างหาก ดิ้นรนให้นาดาพัฒนาขึ้น
ไอ้คนโลภเอ้ย! เอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแลกกับเงินไม่กี่บิทคอยน์
ก่อนที่การโต้เถียงจะบานปลาย คณะกรรมการจากประเทศที่เป็นกลางแย่งไมค์ไปจากเราสองคน เขาย้อมผมหงอกด้วยสีดำ ทอดสายตาอย่างคนมีเมตตามาที่พวกเราสองคน วัยน่าจะใกล้เจ็ดสิบปีได้แล้ว แต่น้ำเสียงนั้นดูกระฉับกระเฉงราวกับคนวัยหนุ่มอยู่เสมอ
“สิ่งสำคัญที่เราพบว่าจะมีประโยชน์กับนาดาในตอนนี้คือ การมีส่วนร่วมจากชนพื้นเมือง และคนในพื้นที่ขาดเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเอง เช่น การให้กู้แก่รายย่อยโดยปราศจากดอกเบี้ย หรือการช่วยเหลือผ่านการฝึกอบรมทักษะชีวิต อาทิ การเกษตรยั่งยืน การตลาดออนไลน์ และการผลิตสินค้าหรือบริการจากชุมชนเพื่อชุมชน
อีกประเด็นหนึ่ง คือการยกระดับผู้ชำนาญการด้านไอที เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่นาดา ด้วยการจัดตั้งศูนย์อบรมแรงงาน เพื่อต่อยอด อย่างที่คุณฮาริสได้ริเริ่มเอาไว้”
ถ้ามีคนบอกว่าเขาคือพ่อมดเมอร์ลิน ผู้พากษัตริย์อาเธอร์ไปหาดาบเอกซ์แคลิเบอร์ ผมก็เชื่อ เพราะผมคล้ายกษัตริย์อาเธอร์ ที่ถูกนำทางไปสู่เครื่องมือแห่งความสำเร็จเหมือนกัน
ผมพอใจกับแนวทางที่องค์กรระหว่างประเทศเสนอให้ ใจผมพองฟู แล้วลุกขึ้นขอบคุณแนวทางที่เขาเสนอแนะกับเรา ผมหันไปดูคนขายชาติ เขาทำสีหน้าไม่พอใจเพราะหมดหนทางจะเอารัดเอาเปรียบนาดาได้อีกต่อไป
“เราจะทำคลิปวิดีโอเพื่อหาผู้ลงทุนที่ไม่หวังผลกำไร จาก
การระดมทุนเพื่อให้เงินกู้แก่ผู้ค้ารายย่อย เช่น คนผลิตเสื้อผ้าพื้นเมือง คนขายอาหารริมทาง หรือกระทั่งเกษตรกร เป็นต้นนอกจากนี้....”
ผมลุกขึ้นกล่าวอีกรอบ
“เราจะมีการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบสามสิบปี เพื่อปลดแอกความไม่เท่าเทียมในพื้นที่ของเรา ภายในหกเดือน ขอให้ผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำประเทศจัดตั้งพรรคการเมือง และหาเสียงต่อไป”
เสียงปรบมือดังขึ้นทั่งทั้งห้องประชุม และแน่นอนว่าผมคือตัวเต็งในการเป็นประธานาธิบดีคนแรกของนาดา!
ก่อนฝั่งองค์กรระหว่างประเทศจะปิดท้าย
“ขั้นตอนต่อไป เราจะกำหนดกรอบการทำงานในการจัดประชุมติดตามความคืบหน้าในอีกสามเดือนต่อไป”
ในใจผมหวังจะติดตามให้ได้ทุกวันด้วยซ้ำ!
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนร่วมรับฟังการประชุมในครั้งนี้ ซึ่งมีการไลฟ์ผ่านทุกๆ แพลตฟอร์ม เท่าที่เราจะทำได้
ผมชนะ และชาวนาดาก็ชนะ เราจะสร้างประเทศใหม่ไปด้วยกัน
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ







