LOGINเขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน
พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ
อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน
“เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา
“เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้
“ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล”
หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน
“ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ” เด็กอันธพาลพวกนี้ร้องเพลงล้อเลียนผม แล้วก็ผลักผมจนล้ม
“หยุดเลยนะ” พี่สาวของผมออกโรงแล้ว เธอเดินออกมาจากมุมตึก ผมพยายามหยุดยิ้ม แต่มุมปากก็ยกอยู่ดี “บูลลี่คนอื่น ไร้มารยาท พ่อแม่ไม่สั่งสอน อ่อ ลืมไป ไม่มีพ่อแม่เหมือนกัน”
“เสือก”
คำโบราณสั้นๆ แต่เจ็บแปลบ
“เออ เสือก ก็ดีกว่าชั่วแหละนะ”
พี่สาวผมไม่เคยอับจนถ้อยคำ
หลังจากเรื่องวันนั้น เราสองคนก็สนิทกัน ต้องขอบคุณแก๊งค์อันธพาลเด็กพวกนั้น พวกเราชวนกันเล่นของเล่นในสนามเด็กเล่น วิ่งไล่จับ บางทีก็เล่นพ่อแม่ลูก พี่เพนนีมีจินตนาการสูง เธอชอบให้ผมเล่นเป็นพ่อบ้านลูกติด ที่ติดการพนันงอมแงม จนต้องหาทางคืนเงินหนี้นอกระบบ หรือไม่ก็บทที่เป็นสามีที่โดนบริษัทกดดันให้เพิ่มยอดขาย ไม่อย่างนั้นจะโดนไล่ออก ผมถามว่าทำไมบทผมถึงดูหดหู่ขนาดนั้น พี่เพนนีตอบแค่ว่า
“เพราะหน้านิวตันให้”
ผมเนี่ยนะ
หล่อและตี๋แบบผมนี่นะ
หลังจากที่เราสนิทกันได้หลายเดือน ผมก็ชวนพี่สาวไปกินน้ำแข็งไส อย่างที่พวกคุณรู้ หลังจากทิ้งพี่สาวฝาแฝดของผมไว้กับพวกโจร ผมก็รีบไปตามคุณครูและเจ้าหน้าที่ทุกคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมแค่อยากใช้เวลากับพี่สาวฝาแฝด แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเลยเถิดขนาดนี้ ผมร้องไห้ พูดไม่เป็นภาษา แล้วเอาแต่ย้ำว่า
“ช่วยพี่เพนนีด้วย ช่วยพี่สาวของผมด้วย ฮือๆ ผมขอโทษครับ”
เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้ชายออกมายังที่เกิดเหตุ พวกเราก็ไม่เจอใคร ไม่รู้ว่าจะตามเธอได้จากที่ไหน แต่โชคยังดีตรงที่เรามีดาวเทียมที่อัพเดทภาพทุกๆ ห้านาที
“โทรหาท่านกานเลย” แม่ของผมเอ่ยกับพ่อ เมื่อเห็นสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้
“ค่ะ ท่านกาน” พ่อกรอกเสียงลงในมือถือ “เพนนีถูกจับตัวไปค่ะ เราไม่รู้จะตามเธอได้จากที่ไหน เราสามารถใช้ภาพจากดาวเทียมได้ไหมคะ”
“ครับ ผมจะให้เจ้าหน้าที่ตามกล้องให้”
ท่านสั่งเจ้าหน้าที่ให้ดูภาพจากดาวเทียม แล้วก็สามารถสแกนหน้าคนร้ายได้ แม้แต่ไฝที่ติดแก้มยังเห็นได้เลย นับประสาอะไรกับหน้าตาคนร้าย
เราอัพโหลดภาพหน้าคนร้ายแล้วค้นหาจากประวัติอาชญากรรม แต่ไม่พบร่องรอยอะไรเลย ผมได้แต่เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอน ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และที่สำคัญ ผมไม่กล้าสู้หน้าพี่เพนนี
ผมร้องไห้ทุกวัน ขอให้พ่อกับแม่ค้นหาพี่สาวของผม เราขับรถไปตามถนนตลอดทั้งกลางวันกลางคืน เพียงเพื่อจะเห็นว่าบางทีพี่สาวผมจะหนีออกมาจากพวกนั้นได้ และกำลังจะกลับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“แม่ครับ ถ้าเราหาพี่เพนนีไม่เจอ จะทำยังไงดี” ผมโอดครวญแบบนี้ทุกวัน “เพราะผมเอง เพราะผมทำให้พี่หายไป แม่จะตีผมก็ได้นะครับ”
“เราต้องเชื่อในคำทำนาย เชื่อว่าพี่สาวเราจะได้ไปอยู่กับตำรวจตอนอายุสิบขวบ แปลว่าเราจะได้ส่งเธอไปอยู่กับคนที่ปลอดภัยและเป็นตำรวจน้ำดี”
“ผมขอโทษ ฮือๆ”
ผมแทบไม่ได้ยินคำปลอบโยน
ตอนนั้นเองที่ท่านกานส่งรูปภาพให้ประเทศพันธมิตรเพื่อหาว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ด้วยเทคโนโลยีควอนตัม ทำให้ประมวลผลข้อมูลขนาดมหึมาสำเร็จภายในสามสิบวินาที แล้วก็หาตำแหน่งที่ค้นร้ายอยู่ปัจจุบันได้ เราพบว่าเขากบดานอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง
ท่านกานส่งคนไปตามพวกนั้น แล้วก็พบว่าพวกคนร้ายชอบไปอยู่ที่ซ่อง และที่นั่นเอง เราได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องเพลง เป็นเสียงเด็กที่ผมคุ้นเคย ที่รู้เพราะผมขอติดรถไปกับเขาด้วย จึงได้ฟังเพลงของพี่เพนนี
ผิดคีย์และคร่อมจังหวะตลอด
ผมจำการคร่อมจังหวะแบบนี้ได้ ผมจึงกระซิบบอกท่านกาน
“เสียงพี่เพนนีล้านเปอร์เซ็นต์”
“ลงไปช่วยเธอกันเถอะ”
“ผมขอตัวนะครับ ทำเหมืนอว่าผมไม่ได้มาด้วย ผมรู้ว่าพี่เพนนีไม่อยากเจอหน้าผมอีกแล้ว” ผมมองกระจกตอนที่พวกตำรวจไปช่วยพี่สาวผมกลับมา ร้องไห้เงียบๆ อยู่บนรถ
.
.
ผ่านมาจนปัจจุบัน ผมถือช็อคโกแลตกล่องโตมาหาพี่เพนนีที่ร้านกาแฟ ผมให้แม่นัดพี่ออกมา ซ่อนรอยยิ้มเขินอายไว้ไม่มิด แต่ผมจะพยายามทำให้เรากลับมาสนิทกันให้ได้เหมือนเดิม
ผมสัญญา
“มาทำไม”
พี่เพนนีทำน้ำเสียไม่สบอารมณ์เมื่อเจอผม เราเคยเจอกันในโรงพยาบาล ตอนพี่สาวผมติดไวรัส
“คือ...”
ผมติดอ่าง คิดไม่ออกว่าควรพูดอะไรดี
“อะ ให้”
ผมยื่นกล่องช็อคโกแลตให้ ผมเห็นนะ ว่าพี่เพนนีตาเป็นประกาย
“ไม่เห็นอยากได้”
“จริงเหรอ”
เธอใช้แววตานิ่ง จ้องมาที่ผมเนิ่นนาน
“ฉันคิดถึงนายนะ นิวตัน”
ผมคลี่ยิ้ม ใจชื้นขึ้น
“คราวหลังอย่าหายไปนานขนาดนี้ รู้จักง้อด้วยสิวะ ต้องให้สอนด้วยเหรอ”
“ครับ พี่”
“เรียกเพนนีเหมือนเดิม”
ระหว่างเราคงไม่ต้องมีอะไรต้องมาบรรยายอีกแล้ว เราจะกลับมาซี้ยิ่งกว่าเมื่อก่อนให้ได้
ผมสัญญาอีกครั้ง
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ







