LOGINเขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 24 ชั่วโมง ลูปที่ 6
การเจอกับพ่อแม่คราวนั้น ทำให้ฉันตระหนักว่าฉันมีค่า เพราะมีคนรักฉันและเพราะฉันตั้งใจจะทำความดี ดังนั้นตอนนี้ใจฉันมันเอนเอียงไปทางทำความดีซะมากกว่า ที่ผ่านมาเอาแต่จะใช้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ฉันนั่งนิ่งแล้วก็นึกว่าจะทำอย่างไรดี
ถ้าคุณเหลือเวลาในชีวิตอีกไม่มาก สิ่งที่อยากทำจะเป็นการฆ่าคน? หรือการช่วยคน? ฉันกลัวเหลือเกินว่าก่อนตาย ใจฉันจะอยู่กับความดีหรือความชั่วที่ทำ และถ้าโลกหลังความตายมี ฉันจะไม่ตกนรกหรอกหรือ ถ้าวางแผนฆ่าชาวนาดาไว้มากขนาดนั้น
แกรมม่าเดินมาจากด้านหลัง โอบเอวฉันไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบเย็น
เราแทบจะคบกันโดยไม่ต้องตกลงอะไรกันก่อน
ไวไฟไหมล่ะ
"เรามาทิ้งทวงกันไหม ไหนๆ เพนนีก็ใกล้ตายแล้ว" เธอพูดแทนใจฉันทั้งหมด "เรามาช่วยชาวนาดากันเถอะ"
เราคุยกันเล็กน้อยเพื่อวางแผน ก่อนเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปนาดากัน ซึ่งก่อนไป ฉันก็แนะนำตัวว่าเป็นตำรวจจากประเทศไทย และอยากมาเสนอขายไอเดีย เพื่อทดแทนที่ทำให้ บลูคิลเลอร์ต้องเสียเพชรเม็ดสำคัญไป
ฉันตัดสินใจนำเรย์ไปด้วย หวังว่าเขาจะได้แก้ตัว
ผู้นำของนาดายังดูเหมือนเดิมกับที่ฉันเคยเจอครั้งก่อน เขามีสายตาแหลมคม มองคนขาดทะลุ และถ้าให้ฉันเดา เขาคงอยากรู้ว่าฉันจะมาไม้ไหน
"สวัสดีค่ะ ฉันคือ ร.ต.ต.พริมา ภัทรโสภณ และนี่เพื่อนร่วมงาน ร.ต.ต.กมลาภา แดนโกศล"
"ครับ"
เขาไม่แนะนำตัวเอง และดูจะรำคาญพวกเราด้วยซ้ำ ก่อนจะเห็นว่ามีเด็กหนุ่มมากับเราอีกคน
“นี่เรวัช”
เขาแทบจะแยกเขี้ยวใส่หนุ่มน้อยของฉัน แต่ฉันดันอกเขาไว้ก่อน
"เรามาเพื่อแก้ปัญหาความยากจนในประเทศของคุณ"
"จะพูดอะไรก็รีบเข้าเถอะครับ ผมไม่มีเวลามากขนาดนั้น แต่ถ้านั่งเครื่องบินส่วนตัวมาลงที่นี่ ก็คงมีเรื่องสำคัญน่าดู"
"พวกคุณมีจุดยืนด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย" เรย์เกริ่น เขาดูประหลาดใจที่เรย์พูด "และพวกคุณก็มีแฮกเกอร์อยู่ใต้ดินประเทศของคุณ"
"คุณรู้อะไรอีก!" เขาแทบจะตวาดเรย์
"อย่าเพิ่งโมโห ฉันก็แค่อยากบอกว่า เราจะใช้จุดแข็งนี้เพื่อทำให้นาดาหายจน"
ฉันช่วยลูกศิษย์พูดอีกแรง
เรย์เอ้ย ทำอะไรไม่คิดเล้ย
"ว่ามา"
"คุณคงรู้ว่าแฮกเกอร์นั้นสามารถขโมยเงินใครก็ได้ ล้วงความลับใครก็ได้ หรือกระทั่งจะช่วยป้องกันการจู่โจมใครก็ได้ ถ้าคุณเป็นฝ่ายมืด คุณก็จะมืดตลอดไป ยากที่สังคมจะยอมรับ แต่ถ้าคุณหันมาเป็นแฮกเกอร์สายขาว บริษัท หรือรัฐบาลประเทศต่างๆ จะทุ่มเงินเพื่อจ้างคุณมาคุ้มครองเว็บไซต์ของเขา หรือเพื่อทำให้ข้อมูลไม่สูญหาย
เงินที่ได้จากการเป็นแฮกเกอร์สายขาว แทนที่จะเอาไปซื้ออาวุธ ก็เอามาสร้างสาธารณูปโภค โรงเรียน โรงพยาบาล แล้วจับมือกับพันธมิตรด้วยการให้เช่าที่ดินระยะยาว แล้วเอาค่าเช่า ค่าจ้างมาสร้างประเทศ
วิธีที่จะสร้างประเทศให้เร็วที่สุด คือขายหุ้นนาดาให้กับต่างประเทศ ทำให้เกิดการระดมทุน และการเก็งกำไร เปลี่ยนจากประเทศโนเนม มาเป็นประเทศน่าลุงทุนแห่งปี"
ฉันสัมผัสได้ ว่าเขาดูพอใจ
“เรื่องพวกนี้ ผมรู้อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าจ้างพวกเรา เพราะหากเลือกเรา แปลว่าต้องทะเลาะกับอีกฝั่งหนึ่ง ผมหมายถึงประเทศมหาอำนาจ”
“ฉันมีแผน”
แล้วฉันก็อธิบายให้เขาฟัง นอกจากพอใจแล้ว ตอนนี้เขาก็ยิ้มให้ฉันเลยทีเดียว
"ตอนแรก ถ้าคุณร้ายมา เราตั้งใจจะชัตดาวน์ระบบ VR ไปทั่วโลกเพื่อแก้แค้น แต่ตอนนี้ผมเห็นทางสว่างแล้ว ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำการชัตดาวน์ระบบ VR อย่างแน่นอน"
ผู้นำพาฉันไปชมเมืองรอบๆ อันที่จริงก็เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ฉันก็สบายใจที่จะชม เพราะฉันได้รักษาชีวิตของคนไว้นับล้านได้สำเร็จ ส่วนเจ้าเรย์ก็ยกมุมปากตลอดเวลาที่ชมเมือง นี่คงคิดว่าตัวเองทำให้เรื่องจบสวยสินะ
ขอโทษ นี่พลังของฉัน และสติปัญญาของฉันล้วนๆ
“อ่อ ขอโทษที่เสียมารยาท ผมชื่อฮาริส นาดา”
เขาแนะนำตัวก่อนที่เราจะแยกย้าย นี่คงเป็นเครื่องยืนยันว่าฉันทำสำเร็จแล้วสินะ
.
.
ฉันเรียกนักข่าวมาแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อถ่ายทอดสารคดีรณรงค์ไม่ให้ผ่าตัดติดอุปกรณ์ VR เข้ากับสมอง เพราะหากมีการชัตดาวน์ขึ้น คนจะตายในทันที
นักข่าวให้ความสนใจมาก เพราะไม่มีใครคิดเรื่องนี้มาก่อน และสารคดีของฉันถ่ายทำในประเทศนาดา เพื่อเป็นการ โปรโมทหาลูกค้าไปด้วย
"จากความพยายามของเรา" ผู้นำนาดาพูด "เรามีแฮกเกอร์ที่ไปเรียนมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก มาคอยป้องกันการจู่โจมจากไวรัส แฮกเกอร์ที่มือซุกซนทั่วโลก และยินดีจะรับใช้พวกคุณก่อนที่ระบบจะถูกแฮก
เราได้ลองแฮกบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีบริษัทหนึ่ง ภายในเวลาสามสิบนาที เราก็ทำสำเร็จ แล้วก็ได้ยูเซอร์เนมกับพาสเวิรด์มาจากพนักงานทุกคน นี่คือรายการที่พวกเราพิมพ์ออกมาครับ
และก่อนหน้านี้เราได้แฮกเงินจาก VR ในประเทศไทยมาทั้งหมด
เดี๋ยวก่อนครับ เราไม่ได้มาเพื่อขโมยอะไรจากพวกคุณ ผมแค่อยากจะขอโอกาสให้เราวางระบบป้องกันไวรัส ผู้บุกรุก และเรื่องไม่คาดฝัน ในราคาที่คุณจะตกใจ
เรายังพบอีกว่า การผ่าตัด VR เข้ากับสมอง หากเรา ชัตดาวน์ระบบ จะทำให้ผู้ผ่าตัดเสียชีวิตในทันที ถ้ามีผู้ก่อการร้าย เราจะสูญเสียพลเมืองโลกไปอีกมาก"
แหม พูดความดีใส่ตัวได้เก่งชะมัด ถ้ามีผู้ก่อการร้ายงั้นเหรอ
"ค่ะ ดังนั้นแล้ว ขอให้ทุกท่านคิดให้รอบคอบ และเลือกทางที่ปลอดภัยให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินด้วยนะคะ ด้วยความ ปารถนาดีจากพวกเราค่ะ"
ฉันพูดปิด
แหม ดูดีซะไม่มี
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ