ณ ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาวิศวะ
แค่ก แค่ก แค่ก
"พวกวิศวะไม่เคยเข้ามาทำความสะอาดเลยเหรอวะ อ้อ เพิ่งเปิดเทอม มิน่าล่ะ ถึงใช้เราอย่างกับทาส พูดแล้วก็โมโห" ฉันได้แต่บ่นกับตัวเองแต่ทำอะไรไม่ได้ ยังไงซะฉันก็ต้องรีบทำ เพื่อที่จะได้รีบกลับ อย่างน้อยฉันก็ต้องมาใช้อุปกรณ์และโดมที่นี่ในการฝึกซ้อมวอลเล่ย์ เอาวะ คิดว่าทำให้ตัวเองละกัน หลังจากนั้นฉันก็หยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดและลงมืออย่างรวดเร็ว ผ่านไปสองชั่วโมง
17:00
"อ่า ห้าโมงแล้วสิ เสร็จสักที เฮ้อ เหนื่อยโว้ย" ฉันรีบเก็บอุปกรณ์และปิดห้องเก็บอุปกรณ์เพื่อที่จะกลับคอนโด
ร้านป้าแดง
"ป้าแดงคะ วันนี้หนูขอข้าวผัดกะเพราหมูนะคะ เอ่อ ไม่ต้องเผ็ดมากนะคะ วันนี้ทั้งวันหนูกินแค่แซนด์วิชเอง เดี๋ยวปวดท้อง หนูไม่อยากฟังเพื่อนสามนางบ่น"
ใช่แล้วค่ะทุกคน ฉันอยู่ที่ใต้คอนโดแล้ว ร้านข้าวป้าแดงที่ฉันชอบมาฝากท้องแทบทุกวันตอนเย็น ขอบอกว่าอร่อยมาก แซ่บเว่อร์ รสมือถูกใจฉันสุด ๆ อ้อ ส่วนนายนั่นอะเหรอ ฉันไม่เห็นหัวตั้งแต่สั่งงานฉันเสร็จเเล้วล่ะ ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก และนับจากวันนี้นะ ฉันจะไม่คุยกับหมอนั่นด้วย คอยดูสิ ถามคำฉันก็จะตอบคำ จะไม่อะไรทั้งสิ้น โกรธ โมโห และน้อยใจ หือ ว่าแต่ เอ๊ะ ทำไมฉันต้องน้อยใจด้วยล่ะ ขึ้นไปอาบน้ำแล้วไปดูคุณพี่หมื่นดีกว่า
ติ๊ง หน่อง
ยัยสามตัวมากดออดเรียกแน่เลย
"มาแล้ว ๆ" ฉันรีบไปเปิดประตูให้พวกมัน ก่อนจะมาเปิดทีวีดูซีรีส์เกาหลี ซิตี้ฮันเตอร์ ที่ลีมินโฮโอปาเล่นอะ เคยดูปะ ฉันดูวนมาสามรอบแล้ว เรื่องนี้ดีมากพูดเลย
"ไหน ยังไงเล่าซิ ทำไมมาช้า" ยัยหวานเปิด
"เฮ้อ แก ก็ไอ้พี่ว้ากหน้าหล่อแต่ใจโหดอะดิ มันสั่งให้ฉันทำความสะอาดห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา นี่พูดแบบนี้ ทำให้เสร็จ ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับ ชิ หล่อตายอะ" ฉันพูด พร้อมกับเบ้ปากใส่ จนพวกมันขำ
"หึหึ แต่ก็สเปกแกไม่ใช่เหรอ" ฉันหันไปมองยัยทิพย์ทันที
"ไม่รู้ไม่สน ฉันเกลียดขี้หน้าเขา คนอะไรเอาแต่ใจตัวเอง" ฉันพูดพร้อมทำหน้าโกรธ ซึ่งพวกมันก็มองฉันยิ้ม ๆ
"เกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะจ๊ะ" ยัยพิ้งค์พูด
"ชิ ไม่มีทางซะหรอก จากวันนี้ไปฉันจะไม่คุยกับเขาแล้ว ถามคำก็จะตอบคำ หนอย ด่าฉันได้ด่าฉันดี จากนี้นะฉันจะไม่พูดด้วยพวกแกคอยดูเลย"
"จ้าาาา" แล้วพวกมันก็ประสานเสียงล้อ ๆ ก็จริงที่พี่มันตรงสเปกฉัน แตถ้าจะดุและโหดใส่ฉันขนาดนี้ ขอบายดีกว่า ต้องอย่างคุณพี่หมื่น อ๊าย เขิน
"เล่าเรื่องนี้ดีกว่า ไหนแกบอกพวกฉันว่า จะไม่ลงแข่งไง หัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ลง ขนาดพวกฉันอ้อนวอนแกจะตาย แกยังไม่ลงเลย แล้วใครมันไปกระตุกต่อมทำให้แกลงได้วะ บอกมาสิ" ยัยทิพย์พูดพร้อมจ้องหน้าฉันอย่างรอคำตอบ
"คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้"
story
"นี่ยัยมนต์แกจะไม่ลงจริงเหรอ"
"ไม่อะพิ้งค์ ขี้เกียจว่ะ ไม่อยากเป็นจุดสนใจ"
"เฮ้ย แต่แกชอบเพลงเป็นชีวิตจิตใจเลยไม่ใช่เหรอ แกจะพลาดเหรอวะ" น้ำหวานเพื่อนอีกคนของหญิงสาวพูดขึ้น
"นั่นสิ แกจะยอมให้พวกฉันไปเผชิญชะตากรรมอยู่สามคนจริง ๆ เหรอยัยมนต์" เมื่อหญิงสาวไม่ตอบ น้ำทิพย์เพื่อนอีกคนก็ได้แต่เสริมขึ้นมาอย่างน่าสงสาร เธอมองหน้าเพื่อนอย่างระอา แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
"พลีสสสสส" น้ำพิ้งค์ น้ำหวาน น้ำทิพย์ พูดขึ้นมาพร้อมกันและมองหน้าหญิงสาวอย่างขอร้อง แต่คำตอบที่ได้ก็คือไม่
"พวกแกไปห้องประชุมที่เจ๊นัดไว้ก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน อ้อเกริ่นเรื่องของฉันกับพวกเจ๊ ๆ ไว้ด้วย ฉันขึ้นไปจะได้ไม่ตกใจ เข้าใจนะ ฉันไปละ" หลังจากที่หญิงสาวพูดกับเพื่อนก็แยกตัวมาเข้าห้องน้ำ
ในระหว่างที่เธอทำธุระส่วนตัวเสร็จพอดีกำลังจะเปิดประตูออกไป มือที่กำลังจะบิดกลอนประตูก็เป็นอันชะงัก เพราะเสียงคนคุยกันสองคนอยู่ข้างนอก
"โอ๊ย นี่แก ฉันละโคตรมีความสุขที่เป็นตัวแทนลงแรป ฉันอะจะขยี้วิศวะกับบริหารให้ไปไม่เป็นเลยคอยดูสิ"
"แหม ยัยพรรณแกก็พูดไป เดี๋ยวใครได้ยินเข้าความลับแตกกันพอดี"
"ฮ่าฮ่า ไม่หรอกยัยแก้ว มีฉันกับแกเข้าห้องน้ำมาสองคน ไม่มีใคร เพราะฉะนั้นปลอดภัย" หญิงสาวนามว่าพรรณพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่ามีหญิงสาวอีกหนึ่งคนอยู่ในห้อง
"รุ่นพี่เราก็แปลกเนอะ กฎเข้าข้างคณะเราสองคณะเห็น ๆ แต่กลับบอกพวกเราไม่ให้ประมาท สำหรับการร้องฉันว่ายังไงเราก็ชนะเห็น ๆ ก็เราเอกดนตรี พูดถึงการแสดงน่ะเหรอ นิเทศก็เอาชนะไปเต็ม ๆ แล้วอย่างนี้
วิศวะที่ครองตำแหน่งดาวเดือนมหาลัยมาเกือบทุกปี สลับกับบริหารผลัดกันชนะ จะเอาอะไรมาสู้วะ เพลงเปิดตัวเราก็แต่งเอง เพลงอังกฤษด้วย เก๋ ๆ ยังไงปีนี้วิศวะกับบริหารไม่มีใครสู้เราได้แน่นอน ส่วนคณะอื่นก็แค่ตัวประกอบที่ทำให้เกมดูน่าสนใจขึ้นเท่านั้นแหละ"
"ฮ่าฮ่า มันก็จริงของแกยัยพรรณ วิศวะก็คงจะซ้อมไปวัน ๆ บริหารก็คงเป็นเต่าล้านปี ไม่มีอะไรสู้พวกเราได้เลย ยังไงปีนี้ตำแหน่งร้องเต้นแรป ต้องเป็นของเรา" หญิงสาวชื่อว่าแก้วพูดขึ้นมาก่อนจะพากันเดินออกไป
"อยากเอาชนะจนต้องดูถูกคณะอื่นเลยเหรอ ว่าจะไม่ลงละเชียว พวกเธอปลุกสัญชาตญาณของฉันขึ้นมาเองนะ หึ คำพูดของพวกเธอเมื่อกี้ ฉันถือว่าเป็นการเปิดการแข่งก็แล้วกัน" หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำด้านใน และมองตามสองสาวที่เดินออกไป
"คนอย่างฉัน ฆ่าได้หยามไม่ได้ ดูถูกคณะก็เหมือนดูถูกฉัน แล้วเรามาดูกัน ว่าใครจะชนะ หึ" พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องน้ำทันทีด้วยรอยยิ้มเคลือบยาพิษ
end story
"เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละแก"
"มิน่าละแกถึงยอมลง" น้ำทิพย์
"พวกนั้นคงคิดไม่ถึงแน่ถ้ารู้ว่าแกคือบุคคลที่สองค่ายยักษ์ใหญ่เกาหลีต้องการนำไปปั้น" น้ำหวาน
"แต่ก็ต้องขอบคุณพวกนั้นที่ทำให้แกยอมลง" น้ำพิ้งค์ เมื่อฉันเล่าทุกอย่างให้มันฟังมันก็ถึงกับขำ จริง ๆ ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นนะ แต่ฉันมันพวกหัวไว และอาจจะรู้จักไอดอลคนดังด้วยมั้ง เขาเลยต้องการตัว
"ถ่ายรูปกัน" ก่อนที่พวกฉันจะแยกย้ายกลับห้องฉันก็ชวนพวกมันถ่ายรูป ก่อนจะโพสต์ลงไอจี
I* : nammont24.อย่ามาแหยม 😏
like 500 comment 200
st. พี่น้ำมนต์น่ารักจังเลยค่ะ
aj. กรี๊ดดดดด พี่น้ำมนต์
bb. น่ารักจังเลยครับ
rb. งือออ อยากได้น้ำมนต์เป็นแฟนจังครับ
po. คนอะไร สวย เท่ ครบ ใครได้ไปเป็นแฟนนะ โคตรโชคดี
bb. เป็นไรยัยหน้ากลม😄@nammon24
jk. นั่นสิ เป็นไรยัยหน้าซาลาเปา😆@nammon24
หลังจากที่โพสต์ไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คอมเมนต์กับไลก์ก็กระจาย อ้อ ฉันลืมบอกฉันก็เป็นคนดังคนหนึ่งในโลกโซเชียลเลยนะขอบอก เห็นอย่างงี้มีคนติดตามในไอจีเป็นพัน ๆ เลยนะคะ
แต่เดี๋ยวไอ้คอมเมนต์คนอื่นไม่เท่าไหร่หรอก แต่คอมเมนต์ยัยหน้ากลมกับยัยหน้าซาลาเปานี่สิ ฮึ่ม อย่าให้เจอคนเมนต์ อ้อ ฉันลืมบอก อีกอย่างผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดฉันค่อนข้างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า ฉันเท่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันก็ตลกไปอีกแบบนะ ถามว่าคนเกลียดมีไหม ตอบเลยมันก็มี แต่ก็ไม่รู้ไม่สนใจไง ฉันว่าฉันไปลองแต่งเพลงก่อนดีกว่า มีอะไรจะได้แก้ไขทัน
30 นาทีต่อมาก๊อก ก๊อก ก๊อกฉันเคาะประตูเรียกคนในห้อง แต่ก็ไม่ยอมออกมาเปิด ฉันยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง เข้าไปก็เห็นเขานอนหันหลังให้ประตูอยู่“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนค่ะ” ฉันเรียกแต่คนตัวโตก็ไม่ยอมขยับพรึบฉันพลิกร่างให้เขานอนหงายก่อนจะนั่งคร่อมเขาเอาไว้ แล้วไล้มือไปตามหน้าอกของเขาช้า ๆ เขามองการกระทำของฉันนิ่ง ๆ“มนต์ขอโทษ ทีหลังจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ” ฉันบอกเขาเสียงหวาน แล้วมองเขาด้วยสายตาเชิญชวนที่สุด“อย่ามายั่ว เดี๋ยวจะไม่ได้นอน” เขอพูดแล้วจับเอวจะให้ฉันลงจากตัวเขา แต่ฉันไม่ยอม นั่งบดเบียดให้ส่วนนั้นของเขากับฉันบดเบียดกันมากกว่าเดิม“น้ำมนต์”“หายโกรธมนต์สิคะ แล้วมนต์จะหยุด นะ นะคะ” เขามองฉันนิ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“มาง้อแบบนี้คิดดีแล้ว” เขาถามฉันจึงพยักหน้าเขิน ๆ ให้เขาไปพรึบอะ “ขอบคุณนะครับ” ตัวของฉันถูกกดลงบนเตียงนอน ในใจเต้นตึกตัก รอคอยสัมผัสจากเขา จมูกเธอได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ ทำไมนะทั้ง ๆ ที่ห้องของเขาและฉันใช้สบู่กลิ่นเดียวกัน แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อมันอยู่บนตัวเขาแล้วมันดันหอมกว่าซะงั้นจุ๊บ จ๊วบเขาค่อย ๆ ไล่จูบฉันตั้งแต่
1 ปีผ่านไป ทุกคนคะตอนนี้ฉันขึ้นปีสองแล้วค่ะ ส่วนเฮียพายุก็อยู่ปีสี่แล้ว ปีนี้เฮียพายุฝึกงาน เราจึงไม่ค่อยได้เจอกันนัก เจอกันอาทิตย์ละสองถึงสามวันก็เท่านั้นเองแต่ฉันไม่เคยน้อยใจเขานะคะ เข้าใจเขาซะอีก เพราะงานเขาเยอะมาก ไหนงานที่จะต้องฝึก ไหนจะงานที่ผับเขาอีก เขาไม่ป่วยก็ดีสุด ๆ แล้วค่ะ ที่สำคัญถึงเราจะไม่เจอกัน แต่เฮียพายุเขาก็หาเวลาโทรมาคุยกับฉันทุกครั้ง ทุกครั้งที่โทรมาก็จะอ้อนนั่นอ้อนนี่ไปเรื่อยตามแบบฉบับเขานั่นแหละค่ะขออัปเดตเรื่องราวของเพื่อนสักหน่อย ยัยหวานกับพี่ดินก็หลังจากที่ผ่านการระหองระแหงกันคราวนั้นได้ก็รักกันปานจะกลืนกิน ชีวิตมีแต่สีชมพูไม่อมทุกข์โศกเหมือนใครเขาส่วนคู่พิ้งค์รายนั้นพี่วินก็ตามง้อขอคืนดีจนได้ แต่กว่ายัยพิ้งค์จะคืนดีด้วย ก็ตอนมาขึ้นปีสองนี่แหละค่ะ นางบอกว่าต้องดูให้แน่ใจก่อน จะให้โอกาสแต่ละครั้งต้องคิดดี ๆ เพราะไม่อยากเสียใจส่วนคู่ที่ฉันห่วงสุดคือยัยทิพย์กับพี่เหนือนี่แหละค่ะ ตอนนี้ทะเลาะกันหนักมาก ทะเลาะจนพี่เหนือขอห่างกับมันมาเป็นเดือนแล้ว มันเล่าให้ฟังพี่เหนือเขาเบื่อและรำคาญที่มันหึงเขากับน้องข้างบ้าน ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ามันไม่มีอะไร แต่นางก็ยังหึง ฉั
อื้อฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อมีแสงเล็ดลอดผ่านม่านระเบียงห้องเขามา แสงแดดที่ส่องผ่าน ทำให้ฉันต้องกะพริบตาหลายครั้งเพื่อนให้คุ้นชินกับสภาพแสงในห้อง ฉันไล่สายตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างไม่คุ้นชิน เพราะที่นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน ก่อนจะก้มลงมองที่เอวเมื่อรู้สึกมีอะไรรัดเอวอยู่“เฮียพายุ”ทันทีที่ฉันก้มหน้าลงไปมองที่เอวก็เจอกับวงแขนที่กอดรัดเอวฉันไว้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่ห้องพี่พายุได้ยังไง นี่คอนโดเขาเหรอ เอ๊ะ ทำไมรู้สึกโหวงเหวงข้างในนะ“กรี๊ดดดด”ฉันกรี๊ดออมาอย่างตกใจ เมื่อก้อมหน้ามองดูที่คอเสื้อ ฉันไม่ได้ใส่เสื้อใน!“มนต์เป็นไร ใครทำอะไรครับ”“เฮียนั่นแหละทำอะไรมนต์”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร” เขาตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน“เฮียคะ ไม่ตลกนะ”“แล้วเราคิดว่าเฮียทำอะไรละ”“เฮียจิ้มมนต์แล้วใช่ไหม”โป๊ก“โอ๊ย เฮียดีดหน้าผากมนต์ทำไม มนต์เจ็บนะ คนฉวยโอกาส”“คิดดี ๆ ถ้าเฮียจิ้มมนต์ เราจะมีแรงลุกมาโวยวายไหม” ฉันคิดตามที่เขาพูด แล้วตรวจสภาพตัวเองก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิมขาดก็แต่เสื้อในเท่านั้นที่หายไป“แล้วเฮียทำอะไรบ้างละคะ” ฉันถามเขาพร้อมทำหน้างอ“จะให้พูดจริงเหรอ”“เฮีย!!” ฉันมองเขาทั้ง
ผมมองน้ำมนต์ด้วยความไม่พอใจไม่ใช่ว่าเธอตบรุ้งนะ แต่เพราะบนใบหน้าของเธอมีรอยแดง เป็นรอยนิ้วมือปรากฏอยู่ ผมเคยบอกเธอแล้ว ว่าอย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัว แล้วดูตอนนี้สิหมับ“จะไปไหน”“...” เธอไม่ตอบแต่พยายามสะบัดแขนออกจากมือของผม นี่คงจะคิดเองเออเอง ว่าผมเข้าข้างรุ้งสินะ เหอะ ผมไม่ได้โง่เหมือนพระเอกในละครนะครับที่พอเห็นฉากที่นางเอกมีเรื่องกับนางร้าย แล้วจะเข้าข้างนางร้ายด่านางเอก ผมพายุครับ ผมไม่ได้โง่!!! ผมคบกับมนต์มาตั้งหลายเดือน คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ว่าแฟนตัวเองนิสัยยังไง“ปล่อย”“จะไปไหน อยู่คุยกันก่อน” ผมพูดกับคนที่เริ่มดื้อ คอยดูสิเดี๋ยวก็ร้องไห้ อะนั่นไงน้ำตาไหลแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คิดมากไปเองอะมนต์“พี่พายุคะ รุ้งเจ็บ” ผมดึงมนต์เข้ามากอดไว้แน่น เมื่อเห็นเธอร้องไห้ แล้วมองไปที่ไอ้วินให้มันพยุงรุ้งขึ้นมา“แฟนผมก็เจ็บ”“พี่พายุ!” รุ้งเรียกผมอย่างไม่อยากจะเชื่อที่ผมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ส่วนยัยตัวแสบที่อยู่ในอ้อมกอดผมก็เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตา จนผมต้องเอื้อมมือไปเช็ดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าให้อย่างแผ่วเบา“แต่มนต์เขาทำร้ายรุ้งนะคะ พี่พายุควรจะปลอบรุ้งสิ”“ทำไมฉันต้องปลอบเธอ รุ้
วันสอบวันสุดท้าย“ไงพวกแกทำได้กันไหมวะ”“อื้อได้” ฉันเอ่ยถามเพื่อน ๆ ของฉัน หลังจากแกจากห้องสอบแล้วใช่ค่ะวันนี้เป็นวันที่พวกฉันสอบวันสุดท้าย ตลอดอาทิตย์นี้ ฉันกับพี่พายุก็ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่เพราะว่าพี่เขาก็อ่านหนังสือเตรียมสอบเหมือน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ทั้งโทรทั้งไลน์มาคุยกับฉันอยู่ดี"กลับเลยไหม ไหน ๆ ก็สอบเสร็จแล้ว”“พวกแกกลับก่อนเลย ฉันขอรอเฮียพายุก่อน เฮียเขาบอกให้รอ” ฉันตอบยัยพิ้งค์ พวกมันก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเดินแยกออกไปขออัปเดตเรื่องราวของยัยพิ้งค์กับพี่วินหน่อยนะ ตอนนี้เขาสองคนเลิกกันแล้วละ สวนพี่วินก็พยายามตามง้อ แต่ยัยพิ้งค์ไม่ยอมคืนนี้ ฉันถามมันว่าทำไม มันบอกฉันว่า วันนั้นที่มันร้องไห้มันตั้งใจจะไปง้อพี่วิน เพราะพี่วินงอนนางอยู่ แต่พอเปิดประตูเข้าไปนางกลับโดนเซอร์ไพรส์ซะเองพี่วินนอนอยู่บนเตียงกับคู่หมั้นเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ พี่วินก็พยายามจะอธิบาย แต่นางไม่ฟังวิ่งร้องไห้ออกมา จนในที่สุดนางก็ตัดสินใจบอกเลิกพี่วิน พี่วินตัดสินใจมาพูดคุยกับพวกฉัน ขอให้พวกฉันช่วยจนพวกฉันต้องบอกพี่วินไปตรง ๆ ว่าเรื่องนี้ช่วยอะไรไม่ได้ พี่วินผูกเองก็ต้องแก้เอง แล้วฉันยังบอกพี่วินอีกว่า คนอ
ผมนั่งมองคนที่นั่งนิ่งไม่ยอมขยับตั้งแต่รถเข้ามาจอดในบ้าน ตอน แรกก็เห็นว่ายิ้มออกแล้วไม่คิดว่าจะขนาดนี้ นั่งนิ่งเป็นหินเลย“ไปครับ ไปเจอครอบครัวเฮียได้แล้ว” ผมหันไปบอกคนที่ทำหน้าจะร้องไห้อยู่ ผมเลยเลือกที่จะลงรถแล้วลงไปเปิดประตูรถให้เธอก่อนที่จะจับมือเธอลงมาจากรถ“พวกท่านจะรักมนต์ เชื่อเฮียนะครับ” ผมบอกคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไหน คนที่มั่นใจในตัวเองไปไหนแล้ว น้ำมนต์ที่ปากหมาคนนั้นอยู่ไหนครับ หืม” ผมแกล้งว่าให้คนตัวเล็กก่อนที่ผมจะได้ค้อนวงโตจากเธอ “ไปครับ” ผมยิ้มให้เธอก่อนจะจับมือเธอเดินเข้าไปในบ้าน ไม่รู้จะเกร็งอะไรขนาดนั้น ไม่ได้พามาฆ่าสักหน่อย“อ้าวมาแล้วเหรอตายุ”“ครับคุณพ่อ แล้วนี่คุณแม่กับคุณย่าไปไหนครับ” ผมถามเมื่อไม่เห็นท่านทั้งสองคน“เข้าครัวนะ ทำอาหารรับขวัญแฟนแก”“นี่น้ำมนต์ครับ มนต์นี่พ่อเฮีย”“สวัสดีค่ะคุณลุง”“เรียกพ่อเหมือนตายุเถอะหนูมนต์”“เอ่อ ค่ะ คุณพ่อ” ผมยิ้มออกมาเมื่อเธอยอมเรียกพ่อผมว่าพ่อ ส่วนพ่อก็มองผมด้วยสายตาที่รู้ทัน ผมก็มองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งไม่ยอมขยับ ไม่กล้าพูด น่าเอ็นดูจริง ๆ“อ้าวตายุมาแล้วเหรอ น้องล่ะ”“อยู่นี่ไงครับคุณแม่ มนต์นี่คุณย่ากับคุณแม่ของเฮียเอง”