"อะไรพวกแก ทำไมมองฉันอย่างนั้น"
ก็จะไม่ให้มนต์คนสวยถามได้ไงล่ะ ก็เพื่อนสามตัวเล่นนั่งจ้องขนาดนี้ จะกินเตี๋ยวก็กินไม่ลง
"เล่ามา" อื้ม พร้อมกันเชียว
"เล่าไรวะ" ฉันก็แค่แกล้งมันไปงั้นแหละ จริง ๆ ก็รู้แหละว่าพวกมันอยากรู้อะไร
"ก็ใครมันไปจี้จุดแกล่ะวะ องค์ถึงได้ลง" ยัยหวานถามด้วยความอยากรู้สุด ฉันยิ้มหวานให้พวกมันหนึ่งครั้ง
"ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันบอกพวกแกว่า ถึงคอนโดจะเล่าให้ฟัง เพราะฉะนั้นรอก่อนนะเด็ก ๆ" ฉันพูดจบก็ก้มลงกินก๋วยเตี๋ยวต่อ
"พรุ่งนี้ มาพบฉันที่ห้องตอนบ่ายสอง"
เพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวได้คำเดียว เสียงไอ้เฮดว้ากก็ดังขึ้นมาในหัว
"นี่! พวกแก ตอนนี้กี่โมงแล้ววะ" ปากถามแต่ก็ไม่ได้หยุดกินก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยของฉันเลยสักนิด
"บ่ายสอง" o_o
"ฮะ บ่ายสอง ตาย ตายแน่ ๆ ตาย ๆ" ฉันรีบเก็บของเข้ากระเป๋า
"ใครตายยัยมนต์" ยัยพิ้งค์ถาม
"ไม่มีเวลาแล้วแก ไปก่อนนะ" พูดจบฉันก็รีบวิ่ง ย้ำว่าวิ่งขึ้นตึกวิศวะห้องไอ้เฮดว้ากทันที ตายแน่ ฉันตายแน่ ป่านนี้แช่งชักหักกระดูกฉันแล้วมั้ง
"ขออนุญาตค่ะ"
หลังจากถึงห้องฉันก็เปิดประตูพรวดเข้าไปพร้อมกับคำขออนุญาตที่ไม่อยากฟังคำตอบรับเท่าไหร่ ก็ฉันเปิดเข้ามาแล้วหนิ สายมากด้วย แต่พอเงยหน้าเท่านั้นแหละ อยู่กันครบเลย พี่วิน พี่เหนือ พี่ดิน และไอ้พี่พายุทอร์นาโด ฮึ่ย ทำไมต้องทำหน้าดุอย่างนั้นด้วยล่ะ คนสวยกลัวนะ ไม่ได้ ๆ แกจะแสดงให้พี่มันเห็นไม่ได้ว่าแกกลัวไอ้มนต์ แกต้องสู้กับสายตามันสิวะ คิดได้ดังนั้นฉันก็จ้องเข้าไปในตาของพี่มันทันที สายตานิ่ง ๆ แบบนี้น้องใจไม่ดีนะเจ้าคะคุณพี่
"ผมนัดคุณกี่โมง" ทำไมเสียงต้องนิ่งด้วยวะ
"ผมถามว่าผมนัดคุณกี่โมง!!!" ฉันสะดุ้งทันทีที่พี่มันพูดประโยคเดิม แต่ตะโกนใส่นี่สิ ทำไมต้องทำเสียงดังด้วย ถึงจะเป็นคนห้าว ๆ แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาดุนะเว้ยเฮ้ย
"บ่ายสองค่ะ" ฉันตอบพี่มันตาก็ยังจ้องพี่มันไป พี่มันมองฉันเหมือนจะไม่พอใจนะ ก็อยากมาให้ตรงเวลาอยู่หรอก แต่ก็ตั้งแต่พวกพี่มันออกจากห้องประชุมมา เจ๊ริชชี่ปล่อยพวกฉันที่ไหนล่ะ ก็นั่งคุยเรื่องคอนเซปต์กับรายละเอียดหลาย ๆ อย่างอีกมากมาย กว่าจะปล่อยออกมาก็บ่ายโมงครึ่งละ คนก็หิว ก็ไม่คิดว่าจะนานขนาดนั้นไหมวะ นี่นึกขึ้นได้ก็รีบมาเลยไหมล่ะ หิวก็หิว ทั้งวันเพิ่งจะได้กินแซนด์วิชไปหนึ่งชิ้นก็กะว่าจะมากินที่นี่ตอนเที่ยงทีเดียว แล้วก็ไม่คิดว่าเจ๊ ๆ ทั้งหลายจะประชุมนานขนาดนั้น แถมพอจะได้กินก็กินไปแค่คำเดียวเอง หิวนะเว้ย เดี๋ยวแม่ก็กินแทนข้าวซะเลยหนิ
"หึ ดีเนอะ ผมนัดคุณบ่ายสอง แต่คุณมาถึงช้าสิบนาที นี่เหรอตัวแทนที่จะลงแข่งขัน นี่เหรอตัวแทนที่จะแต่งเพลงเอง นี่เหรอที่เพื่อนคุณพี่คุณไว้วางใจให้ลงแข่งขัน ขาดความรับผิดชอบสิ้นดี ผมถามหน่อย ความรับผิดชอบคุณอยู่ที่ไหนหมดฮะ!!"
"เฮ้ย มึงไอ้พายุ ใจเย็นสิ" พี่วินพูด
"ใช่น้องมันกลัวหมดแล้ว" พี่ดิน
"มึงจะอะไรนักหนาวะ แค่สิบนาทีเอง" พี่เหนือ
"พวกมึงไม่ต้องพูด เรื่องนี้พวกมึงไม่เกี่ยว" พี่มันหันไปพูดกับเพื่อนพี่มัน
"ขอบคุณนะคะพี่วิน พี่เหนือ พี่ดิน ที่ปกป้องหนู แต่แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอกค่ะ" ฉันหันไปขอบคุณพี่ ๆ
"เห็นไหมขนาดเจ้าตัวเขายังไม่เป็นไรเลย พวกมึงจะเดือดร้อนแทนเจ้าตัวทำไม" ฉันหันไปมองหน้าพี่มันนิ่ง
"มีอะไรจะด่าอีกไหมคะ ฉันผิดเองแหละที่มาไม่ตรงเวลา ถ้าจะแค่เรียกมาด่า ก็ด่าให้จบเร็ว ๆ เถอะค่ะ ฉันจะได้รีบกลับ" ฉันหันไปพูดกับพี่มันทันที
"หึ อวดดี ถ้าฉันไม่สั่งให้กลับเธอก็กลับไม่ได้" ฉันมองพี่มันด้วยความโมโห อดไว้น้ำมนต์ อดทนไว้
"ถ้างั้นมีอะไรจะสั่งดิฉันหรือให้ฉันทำก็รีบ ๆ เถอะค่ะ เสร็จแล้วจะได้รีบกลับ" ฉันพูดและมองหน้าพี่มันนิ่ง ๆ
"อวดเก่งให้ได้ตลอด"
"ฉันไม่ได้อวดเก่ง"
"ผมไม่ได้สั่งให้คุณพูด ไม่ต้องพูด" เราสองคนมองตากันนิ่ง ๆ ฉันไม่รู้ว่าเขาอ่านฉันออกไหม แต่ฉันอ่านเขาไม่ออก ถ้าถามความรู้สึกของฉันตอนนี้ มันทั้งหิว ทั้งโมโห แต่มันทำอะไรไม่ได้ไง เจ็บใจตัวเอง ฉันเริ่มรู้สึกร้อน ๆ ที่เบ้าตาแล้วล่ะ อึบไว้น้ำมนต์ แกจะอ่อนแอต่อหน้าไอ้บ้านี่ไม่ได้ ฉันมันพวกถ้าทำอะไรไม่ได้ มันจะรู้สึกอยากร้องไห้น่ะ
"ไปทำความสะอาดห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับ" ช่วยบอกฉันทีสิว่าสิ่งที่ฉันได้ยิน หูฉันไม่ได้ฝาด
"ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ ไปสิ" เขาพูด ฉันมองหน้าเขานิ่งก่อนจะเดินออกไป เขาคิดอะไรอยู่วะ มันไม่ง่ายเลยนะเว้ย ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาก็ตั้งใหญ่ ทำคนเดียวมันก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ แล้วก็กว่าจะเสร็จ นี่ก็จะบ่ายสามอยู่ละ หิวก็หิว แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับ แล้วเมื่อไหร่จะได้กิน โมโหเว้ย
30 นาทีต่อมาก๊อก ก๊อก ก๊อกฉันเคาะประตูเรียกคนในห้อง แต่ก็ไม่ยอมออกมาเปิด ฉันยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง เข้าไปก็เห็นเขานอนหันหลังให้ประตูอยู่“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนค่ะ” ฉันเรียกแต่คนตัวโตก็ไม่ยอมขยับพรึบฉันพลิกร่างให้เขานอนหงายก่อนจะนั่งคร่อมเขาเอาไว้ แล้วไล้มือไปตามหน้าอกของเขาช้า ๆ เขามองการกระทำของฉันนิ่ง ๆ“มนต์ขอโทษ ทีหลังจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ” ฉันบอกเขาเสียงหวาน แล้วมองเขาด้วยสายตาเชิญชวนที่สุด“อย่ามายั่ว เดี๋ยวจะไม่ได้นอน” เขอพูดแล้วจับเอวจะให้ฉันลงจากตัวเขา แต่ฉันไม่ยอม นั่งบดเบียดให้ส่วนนั้นของเขากับฉันบดเบียดกันมากกว่าเดิม“น้ำมนต์”“หายโกรธมนต์สิคะ แล้วมนต์จะหยุด นะ นะคะ” เขามองฉันนิ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“มาง้อแบบนี้คิดดีแล้ว” เขาถามฉันจึงพยักหน้าเขิน ๆ ให้เขาไปพรึบอะ “ขอบคุณนะครับ” ตัวของฉันถูกกดลงบนเตียงนอน ในใจเต้นตึกตัก รอคอยสัมผัสจากเขา จมูกเธอได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ ทำไมนะทั้ง ๆ ที่ห้องของเขาและฉันใช้สบู่กลิ่นเดียวกัน แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อมันอยู่บนตัวเขาแล้วมันดันหอมกว่าซะงั้นจุ๊บ จ๊วบเขาค่อย ๆ ไล่จูบฉันตั้งแต่
1 ปีผ่านไป ทุกคนคะตอนนี้ฉันขึ้นปีสองแล้วค่ะ ส่วนเฮียพายุก็อยู่ปีสี่แล้ว ปีนี้เฮียพายุฝึกงาน เราจึงไม่ค่อยได้เจอกันนัก เจอกันอาทิตย์ละสองถึงสามวันก็เท่านั้นเองแต่ฉันไม่เคยน้อยใจเขานะคะ เข้าใจเขาซะอีก เพราะงานเขาเยอะมาก ไหนงานที่จะต้องฝึก ไหนจะงานที่ผับเขาอีก เขาไม่ป่วยก็ดีสุด ๆ แล้วค่ะ ที่สำคัญถึงเราจะไม่เจอกัน แต่เฮียพายุเขาก็หาเวลาโทรมาคุยกับฉันทุกครั้ง ทุกครั้งที่โทรมาก็จะอ้อนนั่นอ้อนนี่ไปเรื่อยตามแบบฉบับเขานั่นแหละค่ะขออัปเดตเรื่องราวของเพื่อนสักหน่อย ยัยหวานกับพี่ดินก็หลังจากที่ผ่านการระหองระแหงกันคราวนั้นได้ก็รักกันปานจะกลืนกิน ชีวิตมีแต่สีชมพูไม่อมทุกข์โศกเหมือนใครเขาส่วนคู่พิ้งค์รายนั้นพี่วินก็ตามง้อขอคืนดีจนได้ แต่กว่ายัยพิ้งค์จะคืนดีด้วย ก็ตอนมาขึ้นปีสองนี่แหละค่ะ นางบอกว่าต้องดูให้แน่ใจก่อน จะให้โอกาสแต่ละครั้งต้องคิดดี ๆ เพราะไม่อยากเสียใจส่วนคู่ที่ฉันห่วงสุดคือยัยทิพย์กับพี่เหนือนี่แหละค่ะ ตอนนี้ทะเลาะกันหนักมาก ทะเลาะจนพี่เหนือขอห่างกับมันมาเป็นเดือนแล้ว มันเล่าให้ฟังพี่เหนือเขาเบื่อและรำคาญที่มันหึงเขากับน้องข้างบ้าน ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ามันไม่มีอะไร แต่นางก็ยังหึง ฉั
อื้อฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อมีแสงเล็ดลอดผ่านม่านระเบียงห้องเขามา แสงแดดที่ส่องผ่าน ทำให้ฉันต้องกะพริบตาหลายครั้งเพื่อนให้คุ้นชินกับสภาพแสงในห้อง ฉันไล่สายตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างไม่คุ้นชิน เพราะที่นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน ก่อนจะก้มลงมองที่เอวเมื่อรู้สึกมีอะไรรัดเอวอยู่“เฮียพายุ”ทันทีที่ฉันก้มหน้าลงไปมองที่เอวก็เจอกับวงแขนที่กอดรัดเอวฉันไว้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่ห้องพี่พายุได้ยังไง นี่คอนโดเขาเหรอ เอ๊ะ ทำไมรู้สึกโหวงเหวงข้างในนะ“กรี๊ดดดด”ฉันกรี๊ดออมาอย่างตกใจ เมื่อก้อมหน้ามองดูที่คอเสื้อ ฉันไม่ได้ใส่เสื้อใน!“มนต์เป็นไร ใครทำอะไรครับ”“เฮียนั่นแหละทำอะไรมนต์”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร” เขาตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน“เฮียคะ ไม่ตลกนะ”“แล้วเราคิดว่าเฮียทำอะไรละ”“เฮียจิ้มมนต์แล้วใช่ไหม”โป๊ก“โอ๊ย เฮียดีดหน้าผากมนต์ทำไม มนต์เจ็บนะ คนฉวยโอกาส”“คิดดี ๆ ถ้าเฮียจิ้มมนต์ เราจะมีแรงลุกมาโวยวายไหม” ฉันคิดตามที่เขาพูด แล้วตรวจสภาพตัวเองก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิมขาดก็แต่เสื้อในเท่านั้นที่หายไป“แล้วเฮียทำอะไรบ้างละคะ” ฉันถามเขาพร้อมทำหน้างอ“จะให้พูดจริงเหรอ”“เฮีย!!” ฉันมองเขาทั้ง
ผมมองน้ำมนต์ด้วยความไม่พอใจไม่ใช่ว่าเธอตบรุ้งนะ แต่เพราะบนใบหน้าของเธอมีรอยแดง เป็นรอยนิ้วมือปรากฏอยู่ ผมเคยบอกเธอแล้ว ว่าอย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัว แล้วดูตอนนี้สิหมับ“จะไปไหน”“...” เธอไม่ตอบแต่พยายามสะบัดแขนออกจากมือของผม นี่คงจะคิดเองเออเอง ว่าผมเข้าข้างรุ้งสินะ เหอะ ผมไม่ได้โง่เหมือนพระเอกในละครนะครับที่พอเห็นฉากที่นางเอกมีเรื่องกับนางร้าย แล้วจะเข้าข้างนางร้ายด่านางเอก ผมพายุครับ ผมไม่ได้โง่!!! ผมคบกับมนต์มาตั้งหลายเดือน คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ว่าแฟนตัวเองนิสัยยังไง“ปล่อย”“จะไปไหน อยู่คุยกันก่อน” ผมพูดกับคนที่เริ่มดื้อ คอยดูสิเดี๋ยวก็ร้องไห้ อะนั่นไงน้ำตาไหลแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คิดมากไปเองอะมนต์“พี่พายุคะ รุ้งเจ็บ” ผมดึงมนต์เข้ามากอดไว้แน่น เมื่อเห็นเธอร้องไห้ แล้วมองไปที่ไอ้วินให้มันพยุงรุ้งขึ้นมา“แฟนผมก็เจ็บ”“พี่พายุ!” รุ้งเรียกผมอย่างไม่อยากจะเชื่อที่ผมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ส่วนยัยตัวแสบที่อยู่ในอ้อมกอดผมก็เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตา จนผมต้องเอื้อมมือไปเช็ดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าให้อย่างแผ่วเบา“แต่มนต์เขาทำร้ายรุ้งนะคะ พี่พายุควรจะปลอบรุ้งสิ”“ทำไมฉันต้องปลอบเธอ รุ้
วันสอบวันสุดท้าย“ไงพวกแกทำได้กันไหมวะ”“อื้อได้” ฉันเอ่ยถามเพื่อน ๆ ของฉัน หลังจากแกจากห้องสอบแล้วใช่ค่ะวันนี้เป็นวันที่พวกฉันสอบวันสุดท้าย ตลอดอาทิตย์นี้ ฉันกับพี่พายุก็ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่เพราะว่าพี่เขาก็อ่านหนังสือเตรียมสอบเหมือน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ทั้งโทรทั้งไลน์มาคุยกับฉันอยู่ดี"กลับเลยไหม ไหน ๆ ก็สอบเสร็จแล้ว”“พวกแกกลับก่อนเลย ฉันขอรอเฮียพายุก่อน เฮียเขาบอกให้รอ” ฉันตอบยัยพิ้งค์ พวกมันก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเดินแยกออกไปขออัปเดตเรื่องราวของยัยพิ้งค์กับพี่วินหน่อยนะ ตอนนี้เขาสองคนเลิกกันแล้วละ สวนพี่วินก็พยายามตามง้อ แต่ยัยพิ้งค์ไม่ยอมคืนนี้ ฉันถามมันว่าทำไม มันบอกฉันว่า วันนั้นที่มันร้องไห้มันตั้งใจจะไปง้อพี่วิน เพราะพี่วินงอนนางอยู่ แต่พอเปิดประตูเข้าไปนางกลับโดนเซอร์ไพรส์ซะเองพี่วินนอนอยู่บนเตียงกับคู่หมั้นเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ พี่วินก็พยายามจะอธิบาย แต่นางไม่ฟังวิ่งร้องไห้ออกมา จนในที่สุดนางก็ตัดสินใจบอกเลิกพี่วิน พี่วินตัดสินใจมาพูดคุยกับพวกฉัน ขอให้พวกฉันช่วยจนพวกฉันต้องบอกพี่วินไปตรง ๆ ว่าเรื่องนี้ช่วยอะไรไม่ได้ พี่วินผูกเองก็ต้องแก้เอง แล้วฉันยังบอกพี่วินอีกว่า คนอ
ผมนั่งมองคนที่นั่งนิ่งไม่ยอมขยับตั้งแต่รถเข้ามาจอดในบ้าน ตอน แรกก็เห็นว่ายิ้มออกแล้วไม่คิดว่าจะขนาดนี้ นั่งนิ่งเป็นหินเลย“ไปครับ ไปเจอครอบครัวเฮียได้แล้ว” ผมหันไปบอกคนที่ทำหน้าจะร้องไห้อยู่ ผมเลยเลือกที่จะลงรถแล้วลงไปเปิดประตูรถให้เธอก่อนที่จะจับมือเธอลงมาจากรถ“พวกท่านจะรักมนต์ เชื่อเฮียนะครับ” ผมบอกคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไหน คนที่มั่นใจในตัวเองไปไหนแล้ว น้ำมนต์ที่ปากหมาคนนั้นอยู่ไหนครับ หืม” ผมแกล้งว่าให้คนตัวเล็กก่อนที่ผมจะได้ค้อนวงโตจากเธอ “ไปครับ” ผมยิ้มให้เธอก่อนจะจับมือเธอเดินเข้าไปในบ้าน ไม่รู้จะเกร็งอะไรขนาดนั้น ไม่ได้พามาฆ่าสักหน่อย“อ้าวมาแล้วเหรอตายุ”“ครับคุณพ่อ แล้วนี่คุณแม่กับคุณย่าไปไหนครับ” ผมถามเมื่อไม่เห็นท่านทั้งสองคน“เข้าครัวนะ ทำอาหารรับขวัญแฟนแก”“นี่น้ำมนต์ครับ มนต์นี่พ่อเฮีย”“สวัสดีค่ะคุณลุง”“เรียกพ่อเหมือนตายุเถอะหนูมนต์”“เอ่อ ค่ะ คุณพ่อ” ผมยิ้มออกมาเมื่อเธอยอมเรียกพ่อผมว่าพ่อ ส่วนพ่อก็มองผมด้วยสายตาที่รู้ทัน ผมก็มองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งไม่ยอมขยับ ไม่กล้าพูด น่าเอ็นดูจริง ๆ“อ้าวตายุมาแล้วเหรอ น้องล่ะ”“อยู่นี่ไงครับคุณแม่ มนต์นี่คุณย่ากับคุณแม่ของเฮียเอง”