ณ ลานเกียร์ห้องเชียร์วิศวะ
"เอาละค่ะทุกคน ที่พี่เรียกน้องมาวันนี้ เพราะพวกพี่มีเรื่องแจ้งนะคะ ก็อย่างที่น้อง ๆ ทราบกันไปแล้วคร่าว ๆ ปีนี้คณะวิศวะของเราก็รับน้องรวมกับคณะบริหาร ซึ่งคณะอื่น ๆ ก็รับรวมเหมือนกัน มันจึงมีการประกวดที่เราต้องคัดเลือกน้องที่มีความสามารถออกไปประกวดในครั้งนี้ ซึ่งพี่ก็ได้ให้พวกน้อง ๆ เลือกกันเองมาแล้วว่าเราควรจะส่งใครเข้าประกวด แต่น้อง ๆ ไม่ต้องห่วงว่าคณะตัวเองจะไม่มีดาวหรือเดือนคณะนะคะ เพราะเดือนดาวคณะประจำรุ่นประจำปีของแต่ละรุ่นก็จะมีเหมือนเดิมค่ะ โดยการคัดเลือกของน้องและพวกพี่เอง ส่วนใครจะได้เป็นเดือนดาวประจำคณะ และคนที่ต้องเข้าประกวดเดี๋ยวพี่ปีสามจะเข้ามาแจ้งเองค่ะ" ฉันฟังพี่ปีสองอธิบายคร่าว ๆ อย่างตั้งใจ และแอบคิดว่าคงไม่มีชื่อฉัน
"เอาละครับน้อง ๆ จัดแถวนั่งให้เรียบร้อยนะครับ พวกพี่ปีสามจะลงแล้วนะครับ" ทันที่ที่พี่ก้องพี่ว้ากปีสองพูดจบ รุ่นพี่ปีสามก็ทยอยเดินเข้ามาทันที
"สวัสดีครับปีหนึ่ง" พวกพี่เขาพูดพร้อมกัน แต่นายนั่นหน้านิ่ง นิ่งมาก แถมไม่มองฉันเลยด้วยซ้ำ เป็นไรวะ หรือจะโกรธฉัน แต่ก็ดีฉันจะได้ไม่เดือดร้อน
"สวัสดีค่ะ/ครับ" พวกเราพูดขึ้นพร้อมกัน
"ที่พวกผมมาวันนี้ ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ" พี่มันพูด ก่อนอื่นขอเรียกพี่มันว่าพี่ก่อนละกัน อืม... พี่ทอร์นาโด น่าจะเข้ากันดี ดูแล้วอารมณ์แปรปรวนง่ายชะมัด
"ก่อนอื่นพวกผมต้องแนะนำตัวก่อน ผมพายุเฮดว้ากปีสาม" โอ้โหอะไรจะแม่นเยี่ยงนั้นหรือออเจ้า ข้าตั้งชื่อเฉพาะให้ท่านได้เหมาะสมคล้องจองกับชื่อท่านพี่เยี่ยงนัก คำพูดแม่เกศสุรางค์เข้าสิงฉันแล้ว
"ผมดิน" พี่หน้าหล่อสเปกยัยหวานพูด
"ผมวิน" โอ๊ยสุภาพบุรุษของน้อง ไม่สินี่มันสเปกยัยพิ้งค์นี่
"ผมเหนือ"
อ่า พี่ที่ชอบกวนตีนชื่อเหนือนี้เอง สเปกยัยทิพย์ชัด ๆ หวังว่าเพื่อน ๆ ฉันคงไม่หลงคารมกับหน้าตาพี่พวกนี้หรอกนะ
"สวัสดีค่ะ เจ๊ริชชี่เองนะคะ ไม่ต้องเกร็งเด็ก ๆ เอาละ เดี๋ยวเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า" ทันทีที่เจ๊ริชชี่พูดจบ บรรดาพี่ว้ากก็ถอยไปอยู่ข้างหลัง หลังจากนั้นก็เข้าสู่การบรรยายโดยเจ๊ริชชี่ทั้งเรื่องที่ต้องส่งและกฎกติกาที่ต้องทำตาม รวมถึงการแข่งขันกีฬาอีกด้วย ซึ่งอันสุดท้ายฉันสนใจเป็นพิเศษ มีทั้งวอลเล่ย์บอล ฟุตบอล ตะกร้อ ปิงปอง เปตอง โอ๊ย คือดี มีแต่สิ่งที่ฉันชอบ ฉันล่ะอยากจะลงให้หมดเลย แต่ผู้หญิงลงได้แค่วอลเล่ย์บอลนี่สิ เพราะเขาต้องการผู้หญิงมาเป็นเชียร์กับขึ้นสแตนด์แน่นอนทุกอย่างก็แข่งรวมกับวิศวะเช่นเคย และเราก็ต้องทำกิจกรรมร่วมกันถึงจบเทอม
"ต่อไปคือดาวเดือนประจำคณะนะคะน้อง ๆ คนที่พี่เรียกชื่อเดินออกมาข้างหน้านะคะ เริ่มจากวิศวะก่อนนะคะ น้องแดน น้องปลา น้องก้อยค่ะ ต่อไปคณะบริหารนะคะ น้องหิน น้องหวาน น้องทิพย์ น้องพิ้งค์และน้องมนต์ค่ะ นี่คือรายชื่อที่ถูกโหวตจากพี่ ๆ และเพื่อนน้องนะคะ น้องที่มีชื่อเชิญค่ะ"
What!!! คืออะไร ทำไมมีชื่อฉัน ฮือ ไม่นะอิสระของฉัน ฉันกับยัยทิพย์มองหน้ากันทันที เอาแล้วไง ความซวยมาเยือนแล้ว
"ค่ะ นี่คือโฉมหน้าที่น้อง ๆ เลือกมานะคะ ซึ่งผู้ชายก็ถือว่าเป็นเดือนของวิศวะกับบริหารไปไม่ต้องประกวดหรือแย่งตำแหน่งจากใคร เพราะมีชื่อมาชนิดละคน เป็นเอกฉันท์ว่าน้องสมควรและเหมาะสมกับตำแหน่งค่ะ" เจ๊ริชชี่พูด
"ต่อไปเป็นคำถามพี่จะถามคำถามเดียวตอบทุกคนนะคะ" เจ๊รันนี่ปีสองพูดขึ้น
"อะไรคือหน้าที่ของดาวคณะคะ" คำถามง่ายแต่ตอบอยากแฮะ
พี่เขาก็ให้ก้อยกับปลาตอบก่อน ซึ่งทั้งสองตอบได้ดีมาก แถมเธอทั้งสองยังยิ้มให้กำลังใจพวกฉันอีกด้วย สงสัยละสิว่าเราทั้งสองคณะไม่เขม่นกันมั่งเหรอ ไม่ล่ะค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน แถมก่อนที่พวกพี่จะลงเชียร์เราต้องมาปรับพื้นฐานด้วยกันเป็นอาทิตย์ทำให้กลุ่มฉันมีฉายาด้วยล่ะ แต่ไม่บอกหรอกปล่อยให้งง
"น้องหวานคิดว่าอะไรคือหน้าที่ของดาวคณะคะ" เจ๊ริชชี่เป็นคนถาม
"ค่ะ ดาวคณะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าดาว แสดงว่าต้องเป็นหน้าตาให้กับคณะได้ นอกจากความสวยแล้วเนี่ย ต้องมีความรู้ความสามารถเหมาะกับการเป็นดาว ทั้งยังต้องดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดี แต่ก็ไม่ต้องตามระเบียบของคณะมาก เพียงแค่มีความจริงใจ เสียสละ ซื่อตรงมีน้ำใจต่อเพื่อนในคณะและต่างคณะ ที่สำคัญต้องเป็นตัวของตัวเองไม่เฟคค่ะ คนเราถ้าเฟควันหนึ่งนิสัยที่แท้จริงก็ต้องออกมาแน่นอนค่ะ สรุปง่าย ๆ เลยคือ มีความรู้ความสามารถและจริงใจไม่เสแสร้งต่อคนอื่น ก็ถือว่าทำหน้าที่ดาวได้อย่างดีแล้วค่ะ" โอ้โห ยัยหวานตอบได้ดีมาก เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มาก ซึ่งพวกฉันสามคนก็มองหน้ากันก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัยไหน ๆ ตอนอยู่โรงเรียนแกก็เคยเป็นดาว นี่ก็เป็นดาวมหาลัยไปอีกละกันเนอะ
"ตอบได้ดีมากเลยนะคะเนี่ย อิอิ" เจ๊ริชชี่หัวเราะ
"แล้วน้องพิ้งค์ล่ะคะ คิดยังไงกับตำแหน่งดาว"
"อืม ก็คงเหมือนกับน้ำหวานค่ะ แต่หนูไม่สนใจตำแหน่งนี้ขอไม่พูดแล้วกันนะคะ" ยัยพิ้งค์พูดจบเจ๊ริชชี่และเจ๊รันนี่หน้าเหวอไปเลยรวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย นี่แค่คนแรก เดี๋ยวเจอยัยทิพย์กับฉันจะหนาว
"ค่ะ ตอบได้ง่ายดีแล้วน้องทิพย์ล่ะคะ"
"สำหรับหนู ก็คล้าย ๆ หวานกับพิ้งค์ค่ะ แต่หน้าตาอย่างหนูไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้หรอกค่ะ หน้าหนูเหมาะเป็นดาวตบมากกว่า ขอบคุณค่ะ" ยัยทิพย์พูดจบพี่เขานิ่งไปทันที นั่นแค่ยัยทิพย์เอง จะหงายแล้วเหรอคะ
"อื้มค่ะ น้องตอบชัดเจนดี แล้วน้องมนต์ล่ะคะ" พี่เขาถามอย่างมีความหวัง ฉันกระตุกยิ้มให้ทีหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
"อะไรคือดาวคะ ดาวคืออะไร หนูไม่เห็นจะสนใจเลย ในเมื่อเจ๊ถามหนูก็จะตอบ ง่าย ๆ เลยค่ะ น้ำหวานเหมาะเป็นดาวประจำคณะบริหาร เพราะหน้าตาสวย ใสซื่อเหมือนไม่ทันคน แต่นางเก่งมีความสามารถ ถ้าถามว่าหน้าที่ดาวคืออะไร เจ๊เลือกเพื่อนหนูเถอะค่ะ เพราะหวานตอบโจทย์เจ๊ทุกทาง อย่ามาถามคำถามเพื่อคำตอบที่ไร้สาระจากพวกหนูเลยค่ะ" ฉันพูดจบเจ๊ ๆ และคนอื่น ๆ รวมถึงพี่ว้ากมองฉันตาค้าง ฉันหันไปยิ้มกับยัยทิพย์และพิ้งค์ก่อนจะหันไปหายัยหวาน ที่ทำหน้างอนใส่ฉันอยู่
"โอเคค่ะ เจ๊เข้าใจแล้ว สรุปดาวประจำคณะวิศวะคือน้องก้อยนะคะส่วนดาวประจำคณะบริหารคือน้องหวานค่ะ" ทันทีที่เจ๊ริชชี่พูดจบ พวกฉันก็ยิ้มทันที
"ส่วนตัวแทนห้าคนที่ต้องเป็นตัวแทนไปแข่งกับคณะอื่น เป็นพวกพี่ต้องเลือกนะคะ และพวกพี่ตัดสินใจเลือกกันไว้ก่อนหน้านี่แล้ว ผู้ชายเดือนที่จะลงแข่งพี่ขอส่งแดนจากวิศวะนะคะ ส่วนดาวพี่ขอส่งหวานจากบริหารค่ะ ส่วนตัวแทนสามคนที่ต้องแข่งเต้นร้องเซ็กซี่คือ น้องพิ้งค์น้องทิพย์และน้องมนต์ค่ะ น้องคนอื่นคิดว่าไงคะ ไม่ต้องกลัวนะคะว่าจะไม่ยุติธรรมเพราะพี่คัดจากรายชื่อที่เพื่อนน้องเขียนส่งมาให้พวกพี่ช่วงเช้า ซึ่งชื่อน้องทั้งสามปรากฏเหมาะสมเป็นตัวแทนแปดสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ
หวังว่าน้องที่ถูกเลือกจากเพื่อน ๆ และพี่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ และพรุ่งนี้ตัวแทนทั้งห้ามาพบพี่ที่ห้องประชุมหนึ่งด้วยนะคะ น้อง ๆ เชิญกลับไปนั่งที่ได้ เชิญพี่ว้ากทำหน้าที่ต่อได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ" อะไรนะ นี่มันมัดมือชกกันชัด ๆ อุตส่าห์รอดจากดาวมาได้ ยังต้องมาเกี่ยวกับพวกร้องเต้นอีกเหรอ งานหนักกว่าดาวอีกนะ จะเถียงก็ขัดไม่ได้ เจ๊ริชชี่เล่นรวบรัดซะขนาดนั้นแถมพูดยาวยิ่งกว่าอาจารย์อธิบายข้อสอบซะอีก งือ มนต์เครียด มนต์ไม่อยากเป็นจุดเด่น ใครก็ได้ช่วยมนต์ด้วย..."พวกคุณคงได้ยินกันแล้ว ใครได้รับความไว้วางใจเป็นตัวแทน ก็ขอให้ตั้งใจและทำให้เต็มที่ อย่าปีกกล้าขาแข็งกับพี่เด็ดขาด" พี่ทอร์นาโดพูด เหมือนฉันจะโดนเขาว่ากระทบเลยอะ
"เอาละ ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกก็ขอให้เชียร์เพื่อนอย่างจริงใจ และอย่าลืมทุกอย่างในที่นี้เป็นความลับ หากข่าวนี้รั่วไหลจากคุณคนใดคนหนึ่ง ผมไม่รับประกันความปลอดภัยกับการรับรุ่นของคุณนะครับ" พี่มันยังพูดต่อ
"และอย่าลืม อย่าพยายามสร้างปัญหาให้พี่พวกคุณอีก อย่าลืมนะครับ พวกผมจับตาดูพฤติกรรมของพวกคุณอยู่" พี่มันยังพูดต่อเมื่อไหร่จะพูดจบ เบื่อ! คนยิ่งเซ็ง ๆ อยู่
"คุณน้ำมนต์เลิกเชียร์แล้วมาพบผมที่ห้องเฮดว้ากด้วย เชิญปีสองทำหน้าที่ครับ" พี่มันพูดจบก็เดินออกไป ว่าแต่อะไรนะ ให้ฉันไปพบเหรอ
o_o
ให้ฉันไปพบ เขาจะฆ่าฉันเปล่าวะ สายตาที่มองมาขนลุกแปลก ๆ เว้ย
30 นาทีต่อมาก๊อก ก๊อก ก๊อกฉันเคาะประตูเรียกคนในห้อง แต่ก็ไม่ยอมออกมาเปิด ฉันยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง เข้าไปก็เห็นเขานอนหันหลังให้ประตูอยู่“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนค่ะ” ฉันเรียกแต่คนตัวโตก็ไม่ยอมขยับพรึบฉันพลิกร่างให้เขานอนหงายก่อนจะนั่งคร่อมเขาเอาไว้ แล้วไล้มือไปตามหน้าอกของเขาช้า ๆ เขามองการกระทำของฉันนิ่ง ๆ“มนต์ขอโทษ ทีหลังจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ” ฉันบอกเขาเสียงหวาน แล้วมองเขาด้วยสายตาเชิญชวนที่สุด“อย่ามายั่ว เดี๋ยวจะไม่ได้นอน” เขอพูดแล้วจับเอวจะให้ฉันลงจากตัวเขา แต่ฉันไม่ยอม นั่งบดเบียดให้ส่วนนั้นของเขากับฉันบดเบียดกันมากกว่าเดิม“น้ำมนต์”“หายโกรธมนต์สิคะ แล้วมนต์จะหยุด นะ นะคะ” เขามองฉันนิ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“มาง้อแบบนี้คิดดีแล้ว” เขาถามฉันจึงพยักหน้าเขิน ๆ ให้เขาไปพรึบอะ “ขอบคุณนะครับ” ตัวของฉันถูกกดลงบนเตียงนอน ในใจเต้นตึกตัก รอคอยสัมผัสจากเขา จมูกเธอได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ ทำไมนะทั้ง ๆ ที่ห้องของเขาและฉันใช้สบู่กลิ่นเดียวกัน แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อมันอยู่บนตัวเขาแล้วมันดันหอมกว่าซะงั้นจุ๊บ จ๊วบเขาค่อย ๆ ไล่จูบฉันตั้งแต่
1 ปีผ่านไป ทุกคนคะตอนนี้ฉันขึ้นปีสองแล้วค่ะ ส่วนเฮียพายุก็อยู่ปีสี่แล้ว ปีนี้เฮียพายุฝึกงาน เราจึงไม่ค่อยได้เจอกันนัก เจอกันอาทิตย์ละสองถึงสามวันก็เท่านั้นเองแต่ฉันไม่เคยน้อยใจเขานะคะ เข้าใจเขาซะอีก เพราะงานเขาเยอะมาก ไหนงานที่จะต้องฝึก ไหนจะงานที่ผับเขาอีก เขาไม่ป่วยก็ดีสุด ๆ แล้วค่ะ ที่สำคัญถึงเราจะไม่เจอกัน แต่เฮียพายุเขาก็หาเวลาโทรมาคุยกับฉันทุกครั้ง ทุกครั้งที่โทรมาก็จะอ้อนนั่นอ้อนนี่ไปเรื่อยตามแบบฉบับเขานั่นแหละค่ะขออัปเดตเรื่องราวของเพื่อนสักหน่อย ยัยหวานกับพี่ดินก็หลังจากที่ผ่านการระหองระแหงกันคราวนั้นได้ก็รักกันปานจะกลืนกิน ชีวิตมีแต่สีชมพูไม่อมทุกข์โศกเหมือนใครเขาส่วนคู่พิ้งค์รายนั้นพี่วินก็ตามง้อขอคืนดีจนได้ แต่กว่ายัยพิ้งค์จะคืนดีด้วย ก็ตอนมาขึ้นปีสองนี่แหละค่ะ นางบอกว่าต้องดูให้แน่ใจก่อน จะให้โอกาสแต่ละครั้งต้องคิดดี ๆ เพราะไม่อยากเสียใจส่วนคู่ที่ฉันห่วงสุดคือยัยทิพย์กับพี่เหนือนี่แหละค่ะ ตอนนี้ทะเลาะกันหนักมาก ทะเลาะจนพี่เหนือขอห่างกับมันมาเป็นเดือนแล้ว มันเล่าให้ฟังพี่เหนือเขาเบื่อและรำคาญที่มันหึงเขากับน้องข้างบ้าน ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ามันไม่มีอะไร แต่นางก็ยังหึง ฉั
อื้อฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อมีแสงเล็ดลอดผ่านม่านระเบียงห้องเขามา แสงแดดที่ส่องผ่าน ทำให้ฉันต้องกะพริบตาหลายครั้งเพื่อนให้คุ้นชินกับสภาพแสงในห้อง ฉันไล่สายตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างไม่คุ้นชิน เพราะที่นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน ก่อนจะก้มลงมองที่เอวเมื่อรู้สึกมีอะไรรัดเอวอยู่“เฮียพายุ”ทันทีที่ฉันก้มหน้าลงไปมองที่เอวก็เจอกับวงแขนที่กอดรัดเอวฉันไว้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่ห้องพี่พายุได้ยังไง นี่คอนโดเขาเหรอ เอ๊ะ ทำไมรู้สึกโหวงเหวงข้างในนะ“กรี๊ดดดด”ฉันกรี๊ดออมาอย่างตกใจ เมื่อก้อมหน้ามองดูที่คอเสื้อ ฉันไม่ได้ใส่เสื้อใน!“มนต์เป็นไร ใครทำอะไรครับ”“เฮียนั่นแหละทำอะไรมนต์”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร” เขาตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน“เฮียคะ ไม่ตลกนะ”“แล้วเราคิดว่าเฮียทำอะไรละ”“เฮียจิ้มมนต์แล้วใช่ไหม”โป๊ก“โอ๊ย เฮียดีดหน้าผากมนต์ทำไม มนต์เจ็บนะ คนฉวยโอกาส”“คิดดี ๆ ถ้าเฮียจิ้มมนต์ เราจะมีแรงลุกมาโวยวายไหม” ฉันคิดตามที่เขาพูด แล้วตรวจสภาพตัวเองก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิมขาดก็แต่เสื้อในเท่านั้นที่หายไป“แล้วเฮียทำอะไรบ้างละคะ” ฉันถามเขาพร้อมทำหน้างอ“จะให้พูดจริงเหรอ”“เฮีย!!” ฉันมองเขาทั้ง
ผมมองน้ำมนต์ด้วยความไม่พอใจไม่ใช่ว่าเธอตบรุ้งนะ แต่เพราะบนใบหน้าของเธอมีรอยแดง เป็นรอยนิ้วมือปรากฏอยู่ ผมเคยบอกเธอแล้ว ว่าอย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัว แล้วดูตอนนี้สิหมับ“จะไปไหน”“...” เธอไม่ตอบแต่พยายามสะบัดแขนออกจากมือของผม นี่คงจะคิดเองเออเอง ว่าผมเข้าข้างรุ้งสินะ เหอะ ผมไม่ได้โง่เหมือนพระเอกในละครนะครับที่พอเห็นฉากที่นางเอกมีเรื่องกับนางร้าย แล้วจะเข้าข้างนางร้ายด่านางเอก ผมพายุครับ ผมไม่ได้โง่!!! ผมคบกับมนต์มาตั้งหลายเดือน คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ว่าแฟนตัวเองนิสัยยังไง“ปล่อย”“จะไปไหน อยู่คุยกันก่อน” ผมพูดกับคนที่เริ่มดื้อ คอยดูสิเดี๋ยวก็ร้องไห้ อะนั่นไงน้ำตาไหลแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คิดมากไปเองอะมนต์“พี่พายุคะ รุ้งเจ็บ” ผมดึงมนต์เข้ามากอดไว้แน่น เมื่อเห็นเธอร้องไห้ แล้วมองไปที่ไอ้วินให้มันพยุงรุ้งขึ้นมา“แฟนผมก็เจ็บ”“พี่พายุ!” รุ้งเรียกผมอย่างไม่อยากจะเชื่อที่ผมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ส่วนยัยตัวแสบที่อยู่ในอ้อมกอดผมก็เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตา จนผมต้องเอื้อมมือไปเช็ดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าให้อย่างแผ่วเบา“แต่มนต์เขาทำร้ายรุ้งนะคะ พี่พายุควรจะปลอบรุ้งสิ”“ทำไมฉันต้องปลอบเธอ รุ้
วันสอบวันสุดท้าย“ไงพวกแกทำได้กันไหมวะ”“อื้อได้” ฉันเอ่ยถามเพื่อน ๆ ของฉัน หลังจากแกจากห้องสอบแล้วใช่ค่ะวันนี้เป็นวันที่พวกฉันสอบวันสุดท้าย ตลอดอาทิตย์นี้ ฉันกับพี่พายุก็ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่เพราะว่าพี่เขาก็อ่านหนังสือเตรียมสอบเหมือน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ทั้งโทรทั้งไลน์มาคุยกับฉันอยู่ดี"กลับเลยไหม ไหน ๆ ก็สอบเสร็จแล้ว”“พวกแกกลับก่อนเลย ฉันขอรอเฮียพายุก่อน เฮียเขาบอกให้รอ” ฉันตอบยัยพิ้งค์ พวกมันก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเดินแยกออกไปขออัปเดตเรื่องราวของยัยพิ้งค์กับพี่วินหน่อยนะ ตอนนี้เขาสองคนเลิกกันแล้วละ สวนพี่วินก็พยายามตามง้อ แต่ยัยพิ้งค์ไม่ยอมคืนนี้ ฉันถามมันว่าทำไม มันบอกฉันว่า วันนั้นที่มันร้องไห้มันตั้งใจจะไปง้อพี่วิน เพราะพี่วินงอนนางอยู่ แต่พอเปิดประตูเข้าไปนางกลับโดนเซอร์ไพรส์ซะเองพี่วินนอนอยู่บนเตียงกับคู่หมั้นเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ พี่วินก็พยายามจะอธิบาย แต่นางไม่ฟังวิ่งร้องไห้ออกมา จนในที่สุดนางก็ตัดสินใจบอกเลิกพี่วิน พี่วินตัดสินใจมาพูดคุยกับพวกฉัน ขอให้พวกฉันช่วยจนพวกฉันต้องบอกพี่วินไปตรง ๆ ว่าเรื่องนี้ช่วยอะไรไม่ได้ พี่วินผูกเองก็ต้องแก้เอง แล้วฉันยังบอกพี่วินอีกว่า คนอ
ผมนั่งมองคนที่นั่งนิ่งไม่ยอมขยับตั้งแต่รถเข้ามาจอดในบ้าน ตอน แรกก็เห็นว่ายิ้มออกแล้วไม่คิดว่าจะขนาดนี้ นั่งนิ่งเป็นหินเลย“ไปครับ ไปเจอครอบครัวเฮียได้แล้ว” ผมหันไปบอกคนที่ทำหน้าจะร้องไห้อยู่ ผมเลยเลือกที่จะลงรถแล้วลงไปเปิดประตูรถให้เธอก่อนที่จะจับมือเธอลงมาจากรถ“พวกท่านจะรักมนต์ เชื่อเฮียนะครับ” ผมบอกคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไหน คนที่มั่นใจในตัวเองไปไหนแล้ว น้ำมนต์ที่ปากหมาคนนั้นอยู่ไหนครับ หืม” ผมแกล้งว่าให้คนตัวเล็กก่อนที่ผมจะได้ค้อนวงโตจากเธอ “ไปครับ” ผมยิ้มให้เธอก่อนจะจับมือเธอเดินเข้าไปในบ้าน ไม่รู้จะเกร็งอะไรขนาดนั้น ไม่ได้พามาฆ่าสักหน่อย“อ้าวมาแล้วเหรอตายุ”“ครับคุณพ่อ แล้วนี่คุณแม่กับคุณย่าไปไหนครับ” ผมถามเมื่อไม่เห็นท่านทั้งสองคน“เข้าครัวนะ ทำอาหารรับขวัญแฟนแก”“นี่น้ำมนต์ครับ มนต์นี่พ่อเฮีย”“สวัสดีค่ะคุณลุง”“เรียกพ่อเหมือนตายุเถอะหนูมนต์”“เอ่อ ค่ะ คุณพ่อ” ผมยิ้มออกมาเมื่อเธอยอมเรียกพ่อผมว่าพ่อ ส่วนพ่อก็มองผมด้วยสายตาที่รู้ทัน ผมก็มองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งไม่ยอมขยับ ไม่กล้าพูด น่าเอ็นดูจริง ๆ“อ้าวตายุมาแล้วเหรอ น้องล่ะ”“อยู่นี่ไงครับคุณแม่ มนต์นี่คุณย่ากับคุณแม่ของเฮียเอง”