ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เชิญ"
ตอนนี้ยัยตัวเล็กยืนอยู่ข้างหน้าผม หน้าตาไม่ต้องพูดถึง หน้านิ่งแต่ตาเหวี่ยง หึ อ่อนไปอีหนู คิดจะเล่นกับพายุหนูต้องนิ่งกว่านี้
"เรียกมาทำไม"
"ไม่มีมารยาท ที่บ้านไม่สอนเหรอว่าคุยกับผู้ใหญ่ควรพูดยังไง"
"สอน แต่ฉันก็เลือกใช้กับคน"
"หึ เด็ก"
"เด็กแล้วจะทำไม"
"ฉันก็แค่... คนแบบเธอจะเป็นตัวแทนแข่งขัน มันไม่น่า"
"ทำไม คนแบบฉันมันทำไม แล้วก็ขอบอกตรงนี้เลยนะ ฉันไม่ได้เสนอว่าจะแข่ง แต่เป็นเพื่อนในรุ่นมากกว่าที่เลือกฉัน และก็จะบอกให้ ต่อให้ตายฉันก็ไม่มีวันลงแข่งหรอกชิ แค่นี้ใช่มะ เสียเวลาชะมัด" ผมแอบยิ้มมุมปากทันทีที่เธอบอกว่าจะไม่แข่ง
"หยุด ฉันยังไม่อนุญาตเธอก็ออกไปไม่ได้" คนตัวเล็กมองผมอย่างไม่สบอารมณ์
"แล้วจะเอายังไง"
"ก็ไม่ยังไง"
"นี่ ถ้าไม่มีอะไรฉันกลับนะ เหนื่อย ไม่อยากทะเลาะด้วย" คนตัวเล็กพูด ถึงจะพูดห้วน ๆ แต่สายตานี่ขอร้องมาก ผมควรทำยังไงดีวะ จะให้ออกไปก็ยังไงอยู่ คนเขาอุตส่าห์อยากอยู่ด้วย
"เหอะ เอาเถอะ ฉันจะอนุโลมให้เธอหนึ่งวัน อย่าเพิ่งยิ้ม พรุ่งนี้เธอต้องมาพบฉันที่นี่ ตอนบ่ายสองโมงตรง"
"ทำไมฉันต้องมา"
"อย่าลืมสิน้ำมนต์ ว่าเธอมีความผิดติดตัวอยู่ เธอต้องตามล่าชื่อฉันกับฉัน ลืมไปแล้วเหรอ" ผมพูดยิ้ม ๆ
"แต่พรุ่งนี้ฉันมีระ..”
"แล้วก็ไม่ต้องบอกว่ามีเรียน ฉันเช็กตารางเรียนเธอแล้ว พรุ่งนี้อาจารย์เธอยกคลาส เพราะฉะนั้นช่วงเช้าเธอมาพบริชชี่กับเพื่อน ช่วงบ่ายเธอก็ว่าง ไม่มีข้ออ้าง ถ้าเธอไม่มา เพื่อน ๆ ของเธอเดือดร้อนแน่ ฉันรับรอง"คนตัวเล็กมองผมอย่างโกรธ ๆ แล้วไงใครแคร์ ผมยกยิ้มอย่างผู้ชนะ
ปัง!!!
นั่นแหละฮะ อากัปกิริยาความไม่พอใจของน้ำมนต์ ถึงยังไงซะ เธอก็ต้องทำตามความต้องการของผมอยู่ดี
ก๊อก ๆ
"ไงยะไอ้ราชา" ไม่ต้องสงสัยว่าใคร มารยาทในการเคาะห้องสองทีพร้อมเปิดประตูโดยไม่ให้คนข้างในอนุญาตเนี่ยมีอยู่คนเดียวยัยริชชี่!! และมันก็ไม่ได้มาคนเดียว พวกเพื่อนเวรก็มาด้วย ไอ้เหนือ ไอ้วินและไอ้ดิน มากันครบ
"ไงยะ ถามไม่ตอบ แกนี่ยังไง เมื่อกี้เห็นหนูน้ำมนต์เดินสวนไปหน้าตาไม่รับแขกมาก" ริชชี่
"นั่นสิ มึงทำอะไรน้อง" ไอ้วิน
"ไวนะมึง" ไอ้ดิน
"นี่อย่าบอกนะว่ามึงป่ามป้ามกับน้องอะ" ไอ้เหนือ
"หยุดเลยไอ้เพื่อนเวร มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ แค่เรียกมาคุยอะไรด้วยนิดหน่อย"
"ไม่นิดหน่อยละมั้ง หน้านี่สามารถฆ่าคนได้ขนาดนั้นอะ" ไอ้ดิน
"ยังไง คนนี้จริงจัง" ยัยริชชี่ แต่ยกยิ้มให้มันหนึ่งที
"กูเกลียดยิ้มมึงไอ้ราชา ฉันละสงสารน้องมนต์ล่วงหน้าเลยที่จะถูกแกล่อลวง" ยัยริชชี่พูด แต่อะไรนะ ล่อลวงเหรอ ก็ไม่ขนาดนั้นปะวะ
"ก่อนมึงจะว่ากูอะ นู่นไอ้สามตัวคนดีของมึงหนักกว่ากูอีก" ผมพูด ซึ่งพวกมันก็สะดุ้งกันเป็นแถบ ๆ
"อะไรมึง" ไอ้วิน
"นั่นสิ อะไรของมึง" ไอ้ดิน
"ใช่ อะไรของมึง กูไม่รู้เรื่อง" ไอ้เหนือ ซึ่งมียัยริชชี่จ้องพวกมันทั้งสามอย่างไม่วางตา
"มึงคิดว่ากูไม่รู้เหรอ ว่าที่มึงไม่มาห้องนี้พร้อมกูอะ แท้จริงแล้วมึงไปไหนมา ต้องให้กูพูดไหม" ผมพูดพร้อมยักคิ้วให้หนึ่งที
"โอ๊ย จะเป็นลม พวกแกมันร้าย น้ำพิ้งค์ น้ำหวาน น้ำทิพย์ น้ำมนต์ เจ๊สงสารพวกหนูจริงจริ๊ง ที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับแก๊งหล่อเลว ราชาประจำวิศวะเนี่ย เฮ้อ" ยัยริชชี่พูดเหมือนบ่นพึมพำ แต่มันไม่ขนาดนั้นปะวะ มันก็พูดเกินไป
"แหม ริชชี่แกก็พูดเกินไป" ไอ้เหนือ
"มันไม่เกินไปหรอกยะสำหรับพวกแกอะ หือ นางฟ้าของเจ๊"
"เออ ว่าแต่พรุ่งนี้ที่มึงเรียกน้อง ๆ มา มึงจะคุยอะไรบ้างวะ" และก่อนที่ยัยริชชี่จะได้โอดครวญมากไปกว่านี้ ไอ้วินมันก็ถามคำถามที่พวกผมอยากรู้มาก แต่พวกมันคงไม่รู้ ว่าน้ำมนต์ของผมจะไม่ลงแข่ง หึหึ แค่คิดว่ายัยริชชี่รู้ผมก็จะอั้นขำไม่อยู่แล้ว ซอรี่นะเพื่อน แต่น้องแม่งไม่ชอบการแข่งขันว่ะ
จิ๊... เสียงยัยริชชี่จิ๊ปาก
"ก็รายการแข่งขันไง เราต้องซ้อม ต้องวางตัวว่าใครจะลงแข่งอันไหน และที่สำคัญเราไม่รู้เลยว่าน้อง ๆ มันร้องได้เต้นได้หรือแรปเป็นเปล่า ถ้าน้องมันทำไม่ได้เราจะได้คัดใหม่ไงวะ" ยัยริชชี่พูด
"แล้วถ้าน้องมันทำไม่เป็นเลยสักอย่าง มึงไม่เสียดาย" ไอ้ดิน
"ไม่"
"ไม่เสียดาย" ไอ้วิน
"ไม่เสียดายก็บ้าแล้ว พวกแกรู้มะ นั่นน่ะ แก๊งนางฟ้าเลยนะแก๊ สวย หวาน ห้าว เซ็กซี่ มีครบอะมึง แล้วถ้าน้องทำอะไรไม่เป็นเลยนะ แกคิดเหรอว่าเจ๊ดันการปั้นดาวของฉันจะไม่เสียดายอะฮะ! โอ๊ยแค่คิดก็เครียด" ยัยริชชี่บ่นยาวว่าไปผมก็แอบสงสารนะ อันที่จริงผมก็แอบคิดนะ ว่าพวกน้องมันจะมีความรู้ความสามารถเรื่องร้องหรือเปล่า แต่สำหรับน้องมนต์ของผม ถ้าไม่มีประสบการณ์ยิ่งดี เพราะผมจะสอนให้ร้องได้เอง หึหึ
"แกรู้ไหม ว่าน้องทั้งสี่ออร่าเจิดมาก น้องพิ้งค์หน้าก็สวย หุ่นก็ดี น้องหวานก็หน้าตาไร้เดียงสา สวยใสซะขนาดนั้น น้องทิพย์ถึงหน้าน้องจะดูหยิ่ง แต่น้องก็มีความเซ็กซี่ คนสุดท้ายน้องมนต์ คนสุดท้ายนี่มีครบเลย เหมือนจับเอาส่วนผสมของทั้งสามมารวมอยู่ที่คนเดียว ปัญหามันอยู่ที่ว่าใครจะทำอะไรนี่สิ น้องหวานไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นดาวแสดงอะไรก็ได้ แต่สามนางนี่สิ ทำไมนะ.. ทำไมต้องเป็นการร้องอะไรนี่ด้วย เข้าข้างคณะนิเทศกับดนตรีชัด ๆ ฮึ่ย" ยัยริชชี่ยังบ่นไม่เลิก ที่จริงก็อย่างที่ยัยริชชี่มันบอกนั่นล่ะครับ กฎกติกาบ้า ๆ นี่เพิ่งมามีปีนี้เป็นปีแรกรวมถึงการรับน้องคณะเป็นคู่อีก ถ้าไม่ให้มองเข้าสองคณะนั้นก็เชื่อได้ยาก แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ เพราะยังไงซะ น้องมนต์ของผมก็ไม่ลงแข่ง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ บอกยัยริชชี่เลยแล้วกันมันจะได้มีเวลาคิดไม่ต้องตกใจมาก
"ริชชี่ น้ำมนต์ไม่ลงประกวดหรอก"
"ฮะ!!!" วิน เหนือ ริชชี่และไอ้ดินตะโกนออกมาพร้อมกัน
"มึงพูดใหม่สิ" ริชชี่
"กูบอกว่าน้ำมนต์ไม่ลงแข่งว่ะ"
"ไม่จริง กูไม่เชื่อ มึงบังคับน้องใช่ไหม น้องถึงไม่ลง ไม่น่าล่ะ ตอนพวกกูมา น้องถึงทำหน้าบอกบุญไม่รับ" ยัยริชชี่ยังคงพูดหาเรื่อง
"ขอโทษทีว่ะ น้องมันบอกกูเอง เมื่อกี้เลย ก่อนพวกมึงมา ต่อให้ต้องตาย น้องมันก็ไม่ลงแข่ง" ผมพูด
"ฮือ ยังไม่ทันจะวางตัวเลย ก็ถอยไปซะละหนึ่งคน โอ๊ย ตุ๊ดเครียด"
"ไม่ต้องเครียด หาใหม่ไง" ผมพูด
"มันไม่เหมือนกัน มึงรู้ปะ ว่าไม่เหมือนกัน" มันพูดพร้อมกับหน้าตาเสียดายสุด ๆ หลังจากเราคุยกันจบจึงแยกย้ายกันกลับทันที แต่เชื่อเหอะผมไม่ได้กลับหรอก ที่่กลับน่ะมีแค่ริชชี่คนเดียว พวกผมอยู่ที่...
30 นาทีต่อมาก๊อก ก๊อก ก๊อกฉันเคาะประตูเรียกคนในห้อง แต่ก็ไม่ยอมออกมาเปิด ฉันยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง เข้าไปก็เห็นเขานอนหันหลังให้ประตูอยู่“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนค่ะ” ฉันเรียกแต่คนตัวโตก็ไม่ยอมขยับพรึบฉันพลิกร่างให้เขานอนหงายก่อนจะนั่งคร่อมเขาเอาไว้ แล้วไล้มือไปตามหน้าอกของเขาช้า ๆ เขามองการกระทำของฉันนิ่ง ๆ“มนต์ขอโทษ ทีหลังจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ” ฉันบอกเขาเสียงหวาน แล้วมองเขาด้วยสายตาเชิญชวนที่สุด“อย่ามายั่ว เดี๋ยวจะไม่ได้นอน” เขอพูดแล้วจับเอวจะให้ฉันลงจากตัวเขา แต่ฉันไม่ยอม นั่งบดเบียดให้ส่วนนั้นของเขากับฉันบดเบียดกันมากกว่าเดิม“น้ำมนต์”“หายโกรธมนต์สิคะ แล้วมนต์จะหยุด นะ นะคะ” เขามองฉันนิ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“มาง้อแบบนี้คิดดีแล้ว” เขาถามฉันจึงพยักหน้าเขิน ๆ ให้เขาไปพรึบอะ “ขอบคุณนะครับ” ตัวของฉันถูกกดลงบนเตียงนอน ในใจเต้นตึกตัก รอคอยสัมผัสจากเขา จมูกเธอได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ ทำไมนะทั้ง ๆ ที่ห้องของเขาและฉันใช้สบู่กลิ่นเดียวกัน แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อมันอยู่บนตัวเขาแล้วมันดันหอมกว่าซะงั้นจุ๊บ จ๊วบเขาค่อย ๆ ไล่จูบฉันตั้งแต่
1 ปีผ่านไป ทุกคนคะตอนนี้ฉันขึ้นปีสองแล้วค่ะ ส่วนเฮียพายุก็อยู่ปีสี่แล้ว ปีนี้เฮียพายุฝึกงาน เราจึงไม่ค่อยได้เจอกันนัก เจอกันอาทิตย์ละสองถึงสามวันก็เท่านั้นเองแต่ฉันไม่เคยน้อยใจเขานะคะ เข้าใจเขาซะอีก เพราะงานเขาเยอะมาก ไหนงานที่จะต้องฝึก ไหนจะงานที่ผับเขาอีก เขาไม่ป่วยก็ดีสุด ๆ แล้วค่ะ ที่สำคัญถึงเราจะไม่เจอกัน แต่เฮียพายุเขาก็หาเวลาโทรมาคุยกับฉันทุกครั้ง ทุกครั้งที่โทรมาก็จะอ้อนนั่นอ้อนนี่ไปเรื่อยตามแบบฉบับเขานั่นแหละค่ะขออัปเดตเรื่องราวของเพื่อนสักหน่อย ยัยหวานกับพี่ดินก็หลังจากที่ผ่านการระหองระแหงกันคราวนั้นได้ก็รักกันปานจะกลืนกิน ชีวิตมีแต่สีชมพูไม่อมทุกข์โศกเหมือนใครเขาส่วนคู่พิ้งค์รายนั้นพี่วินก็ตามง้อขอคืนดีจนได้ แต่กว่ายัยพิ้งค์จะคืนดีด้วย ก็ตอนมาขึ้นปีสองนี่แหละค่ะ นางบอกว่าต้องดูให้แน่ใจก่อน จะให้โอกาสแต่ละครั้งต้องคิดดี ๆ เพราะไม่อยากเสียใจส่วนคู่ที่ฉันห่วงสุดคือยัยทิพย์กับพี่เหนือนี่แหละค่ะ ตอนนี้ทะเลาะกันหนักมาก ทะเลาะจนพี่เหนือขอห่างกับมันมาเป็นเดือนแล้ว มันเล่าให้ฟังพี่เหนือเขาเบื่อและรำคาญที่มันหึงเขากับน้องข้างบ้าน ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ามันไม่มีอะไร แต่นางก็ยังหึง ฉั
อื้อฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อมีแสงเล็ดลอดผ่านม่านระเบียงห้องเขามา แสงแดดที่ส่องผ่าน ทำให้ฉันต้องกะพริบตาหลายครั้งเพื่อนให้คุ้นชินกับสภาพแสงในห้อง ฉันไล่สายตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างไม่คุ้นชิน เพราะที่นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน ก่อนจะก้มลงมองที่เอวเมื่อรู้สึกมีอะไรรัดเอวอยู่“เฮียพายุ”ทันทีที่ฉันก้มหน้าลงไปมองที่เอวก็เจอกับวงแขนที่กอดรัดเอวฉันไว้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่ห้องพี่พายุได้ยังไง นี่คอนโดเขาเหรอ เอ๊ะ ทำไมรู้สึกโหวงเหวงข้างในนะ“กรี๊ดดดด”ฉันกรี๊ดออมาอย่างตกใจ เมื่อก้อมหน้ามองดูที่คอเสื้อ ฉันไม่ได้ใส่เสื้อใน!“มนต์เป็นไร ใครทำอะไรครับ”“เฮียนั่นแหละทำอะไรมนต์”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร” เขาตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน“เฮียคะ ไม่ตลกนะ”“แล้วเราคิดว่าเฮียทำอะไรละ”“เฮียจิ้มมนต์แล้วใช่ไหม”โป๊ก“โอ๊ย เฮียดีดหน้าผากมนต์ทำไม มนต์เจ็บนะ คนฉวยโอกาส”“คิดดี ๆ ถ้าเฮียจิ้มมนต์ เราจะมีแรงลุกมาโวยวายไหม” ฉันคิดตามที่เขาพูด แล้วตรวจสภาพตัวเองก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิมขาดก็แต่เสื้อในเท่านั้นที่หายไป“แล้วเฮียทำอะไรบ้างละคะ” ฉันถามเขาพร้อมทำหน้างอ“จะให้พูดจริงเหรอ”“เฮีย!!” ฉันมองเขาทั้ง
ผมมองน้ำมนต์ด้วยความไม่พอใจไม่ใช่ว่าเธอตบรุ้งนะ แต่เพราะบนใบหน้าของเธอมีรอยแดง เป็นรอยนิ้วมือปรากฏอยู่ ผมเคยบอกเธอแล้ว ว่าอย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัว แล้วดูตอนนี้สิหมับ“จะไปไหน”“...” เธอไม่ตอบแต่พยายามสะบัดแขนออกจากมือของผม นี่คงจะคิดเองเออเอง ว่าผมเข้าข้างรุ้งสินะ เหอะ ผมไม่ได้โง่เหมือนพระเอกในละครนะครับที่พอเห็นฉากที่นางเอกมีเรื่องกับนางร้าย แล้วจะเข้าข้างนางร้ายด่านางเอก ผมพายุครับ ผมไม่ได้โง่!!! ผมคบกับมนต์มาตั้งหลายเดือน คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ว่าแฟนตัวเองนิสัยยังไง“ปล่อย”“จะไปไหน อยู่คุยกันก่อน” ผมพูดกับคนที่เริ่มดื้อ คอยดูสิเดี๋ยวก็ร้องไห้ อะนั่นไงน้ำตาไหลแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คิดมากไปเองอะมนต์“พี่พายุคะ รุ้งเจ็บ” ผมดึงมนต์เข้ามากอดไว้แน่น เมื่อเห็นเธอร้องไห้ แล้วมองไปที่ไอ้วินให้มันพยุงรุ้งขึ้นมา“แฟนผมก็เจ็บ”“พี่พายุ!” รุ้งเรียกผมอย่างไม่อยากจะเชื่อที่ผมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ส่วนยัยตัวแสบที่อยู่ในอ้อมกอดผมก็เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตา จนผมต้องเอื้อมมือไปเช็ดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าให้อย่างแผ่วเบา“แต่มนต์เขาทำร้ายรุ้งนะคะ พี่พายุควรจะปลอบรุ้งสิ”“ทำไมฉันต้องปลอบเธอ รุ้
วันสอบวันสุดท้าย“ไงพวกแกทำได้กันไหมวะ”“อื้อได้” ฉันเอ่ยถามเพื่อน ๆ ของฉัน หลังจากแกจากห้องสอบแล้วใช่ค่ะวันนี้เป็นวันที่พวกฉันสอบวันสุดท้าย ตลอดอาทิตย์นี้ ฉันกับพี่พายุก็ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่เพราะว่าพี่เขาก็อ่านหนังสือเตรียมสอบเหมือน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ทั้งโทรทั้งไลน์มาคุยกับฉันอยู่ดี"กลับเลยไหม ไหน ๆ ก็สอบเสร็จแล้ว”“พวกแกกลับก่อนเลย ฉันขอรอเฮียพายุก่อน เฮียเขาบอกให้รอ” ฉันตอบยัยพิ้งค์ พวกมันก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเดินแยกออกไปขออัปเดตเรื่องราวของยัยพิ้งค์กับพี่วินหน่อยนะ ตอนนี้เขาสองคนเลิกกันแล้วละ สวนพี่วินก็พยายามตามง้อ แต่ยัยพิ้งค์ไม่ยอมคืนนี้ ฉันถามมันว่าทำไม มันบอกฉันว่า วันนั้นที่มันร้องไห้มันตั้งใจจะไปง้อพี่วิน เพราะพี่วินงอนนางอยู่ แต่พอเปิดประตูเข้าไปนางกลับโดนเซอร์ไพรส์ซะเองพี่วินนอนอยู่บนเตียงกับคู่หมั้นเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ พี่วินก็พยายามจะอธิบาย แต่นางไม่ฟังวิ่งร้องไห้ออกมา จนในที่สุดนางก็ตัดสินใจบอกเลิกพี่วิน พี่วินตัดสินใจมาพูดคุยกับพวกฉัน ขอให้พวกฉันช่วยจนพวกฉันต้องบอกพี่วินไปตรง ๆ ว่าเรื่องนี้ช่วยอะไรไม่ได้ พี่วินผูกเองก็ต้องแก้เอง แล้วฉันยังบอกพี่วินอีกว่า คนอ
ผมนั่งมองคนที่นั่งนิ่งไม่ยอมขยับตั้งแต่รถเข้ามาจอดในบ้าน ตอน แรกก็เห็นว่ายิ้มออกแล้วไม่คิดว่าจะขนาดนี้ นั่งนิ่งเป็นหินเลย“ไปครับ ไปเจอครอบครัวเฮียได้แล้ว” ผมหันไปบอกคนที่ทำหน้าจะร้องไห้อยู่ ผมเลยเลือกที่จะลงรถแล้วลงไปเปิดประตูรถให้เธอก่อนที่จะจับมือเธอลงมาจากรถ“พวกท่านจะรักมนต์ เชื่อเฮียนะครับ” ผมบอกคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไหน คนที่มั่นใจในตัวเองไปไหนแล้ว น้ำมนต์ที่ปากหมาคนนั้นอยู่ไหนครับ หืม” ผมแกล้งว่าให้คนตัวเล็กก่อนที่ผมจะได้ค้อนวงโตจากเธอ “ไปครับ” ผมยิ้มให้เธอก่อนจะจับมือเธอเดินเข้าไปในบ้าน ไม่รู้จะเกร็งอะไรขนาดนั้น ไม่ได้พามาฆ่าสักหน่อย“อ้าวมาแล้วเหรอตายุ”“ครับคุณพ่อ แล้วนี่คุณแม่กับคุณย่าไปไหนครับ” ผมถามเมื่อไม่เห็นท่านทั้งสองคน“เข้าครัวนะ ทำอาหารรับขวัญแฟนแก”“นี่น้ำมนต์ครับ มนต์นี่พ่อเฮีย”“สวัสดีค่ะคุณลุง”“เรียกพ่อเหมือนตายุเถอะหนูมนต์”“เอ่อ ค่ะ คุณพ่อ” ผมยิ้มออกมาเมื่อเธอยอมเรียกพ่อผมว่าพ่อ ส่วนพ่อก็มองผมด้วยสายตาที่รู้ทัน ผมก็มองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งไม่ยอมขยับ ไม่กล้าพูด น่าเอ็นดูจริง ๆ“อ้าวตายุมาแล้วเหรอ น้องล่ะ”“อยู่นี่ไงครับคุณแม่ มนต์นี่คุณย่ากับคุณแม่ของเฮียเอง”