LOGINหยงเจี้ยนยืนอยู่หน้าประตูห้องบรรทมของหยงฉี รออยู่อย่างนิ่งเงียบ ท่ามกลางความเงียบสงบของห้องนั้น แม้ภายนอกจะสงบ แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความคิดหลายๆ อย่างเสียงฝีเท้าของหยงฉีดังขึ้นจากด้านใน และในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก หยงฉียิ้มให้กับหยงเจี้ยนขณะเดินออกมาจากห้อง“โอ่ เจ้า สี่ วันนี้ทำไมมาถึงที่นี่ ข้ากำลังให้หม่าซื่อหลินน้ำรังนกตุ่นร้อนไปที่ตำหนักเทียนฮวา” น้ำเสียงของเขามีความยินดี เหมือนว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครมาเยี่ยมเยียนในวันนี้"ขอบพระทัยเสด็จพ่อลูกมานี่มีของสิ่งหนึ่งจะมอบให้ท่าน" หยงเจี้ยนรีบลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมยิ้ม ยกมือไปหยิบของที่เตรียมไว้มาวางบนโต๊ะตรงหน้าหยงฉี“ของสิ่งใดกัน” แม้ว่าภายนอกจะเป็นความสงบ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยคำถามหยงฉีมองไปที่สิ่งที่ถูกวางลงบนโต๊ะ ดวงตาของเขาไม่แสดงออกชัดเจน แต่นิ้วมือของเขากลับยกขึ้นมาสัมผัสเบาๆ ที่คิ้วขาว ซึ่งขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงทุ้มสายตายังคงจับจ้องไปที่ของที่อยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่ามีความสงสัย คิดไปถึงสิ่งที่อาจจะเป็น…อาจเป็นยาอายุวัฒนะ ที่เขาคาดการณ์ไว้
ห้องบรรทมของหยงฉีในค่ำนั้นขันทีหม่าซื่อหลินเดินเข้ามาด้วยท่าทีนอบน้อมอย่างที่สุด“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หม่าซื่อหลินมาแล้ว”“อืมมมพอดีเลยตามสนมจางมาให้ข้าด้วย”“เอ่อๆๆ ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ สนมจางตอนนี้ร่างกายอ่อนแอเดินไหวพ่ะย่ะค่ะ”“เฮ้อ ข้าจำต้องทนให้พวกนางได้พักใช่ไหม”“ฝ่าบาทให้ซื่อหลินตามแม่นางน้อยม่านม่านดีไหม”“ไม่ต้องข้าจะนอนแล้ววันนี้นางเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” หม่าซื่อหลินกำลังจะหันหลังกลับ แล้วก็หันกลับมา"ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยได้ยินเรื่องหนึ่ง ซึ่งฝ่าบาทจะต้องถูกใจอย่างที่สุด" หม่าซื่อหลินพูดขึ้นเบาๆ ราวกระซิบ แต่เสียงของเขากลับสะท้อนในห้องกว้างของตำหนักหยงฉีอย่างชัดเจน ดวงตาของหม่าซื่อหลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวังหยงฉี ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย “เรื่องใดกัน?” น้ำเสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยความสนใจ เขาไม่เคยเห็นหม่าซื่อหลินแสดงสีหน้าแบบนี้มาก่อนหม่าซื่อหลินกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เอ่อ... เรื่องยาอายุวัฒนะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสี่ทรงลงมือปรุงยาด้วยองค์เอง”คำพูดนี้ทำให้หยงฉีหยุดชะงัก ดวงตาของเขาค่อยๆ มาเป็นความสนใจที่ทวีคูณมากขึ้น เขามองไปที่หม่าซื่อหลินด้วยความตกใจและแ
เมื่อทุกอย่างสงบลง ลำแสงสีแดงและสีดำที่แหวกว่ายกลางอากาศค่อยๆ สลายหายไป เหลือเพียงกลิ่นไหม้บางเบาในอากาศ เสียงลมหายใจของเหล่าทหารขันทีและนางกำนัลดังแผ่วก่อนกลายเป็นเสียงโห่ร้องโล่งใจ หลินหยูชูกระบี่ขึ้นเหนือศีรษะ แสงสีฟ้าสบายตาค่อยๆ จางหายไป ราวกับหมอกยามเช้าที่สลายตัวเมื่อแสงอาทิตย์ขึ้น"พิธีเสร็จสิ้นแล้ว…" หลินซินพึมพำ พัดในมือพับเก็บแนบลำตัว ส่วนหลินหานก็สะบัดมือปัดฝุ่นบนบ่า ยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ทุกอย่างคลี่คลายเหล่าขันทีนางกำนัลต่างพูดคุยถึงเรื่องการทำพิธีที่ผ่านมาด้วยความตื่นเต้น เสียงพึมพำสรรเสริญชื่อสามพี่น้องสามหลินดังทั่วลานหินเย็น พวกเขาทั้งสามก้าวออกมาประสานมือคารวะตรงหน้าฮ่องเต้หยงฉี ไท่จือหยงซิน และองค์ชายหยงเจี้ยนตามลำดับบรรยากาศคล้ายจะนิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เสียงหัวเราะเบาๆ จะดังขึ้นจากทางด้านข้าง “ละครจบแล้วหรือ” หยงเจี้ยนถามด้วยนำเสียงเย้ยหยัน พลางยกมือประสานไว้ที่ท้ายทอยในท่าสบาย ดวงตาเปล่งประกายราวกับผู้ชมที่พอใจในฉากสุดท้ายของละครเรื่องหนึ่งหลินหยูเพียงยิ้มบางๆ ไม่พูดอะไร หลินซินถอนหายใจยาวราวกับเหนื่อยใจ แต่ยังไม่ทันที่ใครจะกล่าวต่อ เสียงของหลินหานก็ดัง
หลินหยูชูกระบี่ชูขึ้นเหนือศีรษะ อีกครั้งปลายกระบี่เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนราวกับแสงดาว ลำแสงนั้นแตกกระจายออกเป็นวงกลมกว้าง ล้อมรอบทุกผู้คนไว้ภายในทั้งฮ่องเต้หยงฉี ม่านม่าน หยงเจี้ยน อี้จือ ไท่จือหยงซิน เหล่าองค์ชายและเหล่าสนม นางในและขันทีทุกคนต่างตกตะลึงชั่วขณะเมื่อเห็นม่านแสงสีฟ้าเคลื่อนตัวราวม่านหมอกใสที่คลุมลงมาเหนือศีรษะ“โอ้โห้ทำไมแปลกประหลาดเพียงนี้” เสียงขันทีน้อยคนหนึ่งพูดขึ้นดังๆ อย่างไม่ระวังกิริยาอากาศรอบตัวเย็นลงทันที คล้ายมีพลังบางอย่างสั่นสะเทือนอยู่ใต้พื้นหินอ่อน เสียงของหลินชินและหลินหานเริ่มท่องตามทำนองมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ประสานกันเป็นคลื่นเสียงก้องกังวานไปทั่วลานกว้างจนเกิดแรงลมวนขึ้นกลางอากาศ พัดใบไม้กิ่งไม้ปลิวว่อนเหล่าสนมพากันร้องอุทานเบาๆ หลายคนกุมมือกันแน่นด้วยความกลัว ไท่จือหยงซินขมวดคิ้วจับมืออี้จือแน่น สายตาจับจ้องภาพเบื้องหน้าไม่กะพริบ“ไม่ต้องกลัวข้าจะปกป้องเจ้าเอง” หยงซินกะซิบกับอี้จือเบาๆ อี้จือแค่ไม่ขยับตัวออกจากการเกาะกุมปล่อยให้หยงซินกำมืออยู่อย่างนั้นทว่าเพียงผู้เดียวที่ไม่หวั่นไหวคือองค์ชายสี่หยงเจี้ยนเขายืนกอดอกพิงเสา สายตาเย็นชาสงบนิ่งเหมือนผู้ชมที่มองกา
หลินหยูถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มบางๆ มองไปที่หยงฉีและตอบเสียงเรียบ "เผ่าสวรรค์ของพวกเราใช้เวลาเดินทางไปกลับครึ่งปี ข้าน้อยทั้งสามเดินทางออกจากเผ่ามานับปี จึงตั้งใจจะจัดการเรื่องราวที่แคว้นเหว่ยให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงจะเดินทางกลับ"ไม่มีท่าทางลังเลแต่น้อยแม้ว่าเหตุผลของพวกเขาจะคล้ายกับเหตุผลของม่านม่านที่ไปกลับลำบาก ฮ่องเต้หยงฉียิ้มขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะพูดอย่างยินดี"ดีเลย เช่นนั้นพวกท่านพำนักที่วังหลวง ข้าจะให้คนจัดเตรียมที่พักรับรองพวกท่านอย่างดี พวกท่านอยู่ที่นี่ ข้าจึงอุ่นใจ"หลินหานหันไปยิ้มให้หลินซินที่ยืนข้างๆ หลุบตามองพื้นเสีย พลางคิดในใจว่าเจ้าหลินหานไม่ระวังเลยเกือบแสดงพิรุธออกมาตำหนักเทียนฮวา "องค์ชายขอรับ ฝ่าบาทให้ข้าน้อยไปเชิญองค์ชายไปทำพิธีสำคัญ" ขันทีหม่าซื่อหลินพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ"พิธีสำคัญอะไรกัน? ทำไมไม่มีแจ้งก่อน" หยงเจี้ยนถามด้วยท่าทีไม่ค่อยสนใจนัก "พิธีสำคัญสะเดาะห์เคราะห์วังหลวงพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทสองสามวันก่อนฝันร้าย ไม่สบายพระทัยจึงได้จัดหานักพรตผู้เก่งกาจจากเผ่าสวรรค์เร่งรีบเดินทางมาจัดพิธีทันทีในวันนี้เลยและสั่งว่าให้องค์ชายและนางสนมนางในมาร่วมพิธี" หม่
ม่านม่านถอยออกจากห้องไปปิดประตูอย่างเบามือทิ้งให้หยงฉีอยู่ภายในห้องกับพี่ทั้งสาม“เชิญฝ่าบาทประทับที่บัลลังก์ทองจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย” หลินหหยูพูดขึ้นด้วยน้ำเสรียงนอบน้อม หยงฉียอมทำตามโดยดี หลินหยูยืนอยู่กลางห้อง ท่ามกลางความเงียบสงบของพิธี ที่มือของเขากำกระบี่ไว้มั่น สายตาจับจ้องกระบี่คมวาวด้วยความมุ่งมั่น ก่อนจะยกกระบี่ขึ้นสูงชี้ฟ้าแทงพสุธา หยงฉีหลับตาปี๋ ลำแสงสีฟ้าเจิดจ้าสาดส่องไปยังท้องฟ้าผ่านช่องหน้าต่าง กระทบหลังคา กระแสลมโหมกระหน่ำพัดแรงขึ้น พร้อมกับเสียงสั่นสะท้านของอากาศรอบตัวขณะลำแสงสีฟ้าพุ่งลงสู่พื้นกห้องแรงจนแผ่นดินสั่นสะเทือนลำแสงสีฟ้าที่หลินหยูร่ายออกมาเปล่งประกายสว่างไสว ขยายวงออกจากกระบี่ที่เขาถืออยู่ พุ่งตรงไปยังบัลลังก์ทองที่หยงฉีประทับอยู่ ก่อนจะหมุนวนรอบร่างของฮ่องเต้ด้วยพลังมหาศาล ทำให้เกิดกระแสลมวนที่พัดปะทะไปทั่วห้องทรงอักษร ปกคลุมทุกสิ่งที่อยู่ภายในไว้ด้วยพลังสถิตที่ไม่อาจล่วงล้ำได้ขณะที่หลินหยูร่ายเวทย์ หลินชินที่ยืนอยู่ข้างๆ ถือพัดสีแดงในมือ โบกพัดไปมารอบๆ ทำให้เกิดแสงสีแดงร้อนแรงสะท้อนออกจากบัลลังก์ทอง เปล่งประกายร้อนยิ่งกว่าไฟ ลมที่โหมกระพือก็ยิ่งเพิ







