Home / อื่น ๆ / จิ๊ดริดที่รัก / 2. จิ๊ดริดที่รัก

Share

2. จิ๊ดริดที่รัก

last update Last Updated: 2025-08-16 17:12:58

อีกสามเดือนต่อมา

ช่วงกลางดึกท่ามกลางฟ้าแลบฟ้าร้องและสายฝนที่กระหน่ำมาแบบไม่ขาดสายนานนับสองชั่วโมงแล้วไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ตรงบ้านหลังเล็กท้ายสวนผลไม้ ได้มีเสียงตวาดของสายดังลั่นอยู่ทั่วบ้าน

“แม่วรรณ! เธอจะมาตายที่บ้านนี้ ฉันไม่ว่า เธอจะมาเป็นผีเฝ้าที่นี่ ฉันก็ไม่ถือ แต่เธอจะปล่อยให้ลูกไม่มีโอกาสลืมตาดูโลกแบบนี้ไม่ได้ ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”

...ลูก?

ลูกหรือ...

พูดเรื่องอะไร...ลูกใคร?

ลูกแม่!

ลูกแม่อยู่ไหนตอนนี้!

“อึก...เฮือก...” หญิงสาวตัวสะท้านเยือกพร้อมกับหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่

“ดี หายใจเข้าแรง ๆ อย่างนั้น ดี ดี หายใจลึก ๆ เธอยังมีลูกอยู่ จำเอาไว้ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด” เสียงแหบ ๆ ของสายพูดดังขึ้นที่ปลายเท้า ผสานกับเสียงฝนตกฟ้าร้องที่ดังอย่างต่อเนื่องดั่งฟ้าถล่ม

วรรณารีเลื่อนสายตาที่ยังพร่ามัวไปยังที่มาของเสียง ก็เจอกับหญิงสูงวัยรูปร่างผอม ใบหน้าตอบ แววตาแข็งกระด้าง ผมเผ้ารุงรังไม่อยู่ทรง แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เห็นใบหน้านี้

“ป้าสาย” หญิงสาวเรียกอย่างอ่อนระโหย

“จ...เจ็บมาก วรรณไม่ไหวแล้ว”

“อย่าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย เธอจะยอมแพ้ไม่ได้นะวรรณ จำเอาไว้ ลูกของเธอต้องมีโอกาสเติบใหญ่ แล้วเธอต้องมีโอกาสอยู่ดูลูกไปจนโต รวมสมาธิแล้วเบ่งอีกที” สายพูดปลุกใจ

“ลูก?” แววตาของวรรณารีดูเลื่อนลอยก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง

ใช่...ลูก เธอกำลังปวดท้องคลอดลูก ลูกเธอเป็นอย่างไรแล้วตอนนี้!

วรรณารีใช้มือสัมผัสท้องของตัวเอง ก็เจอท้องที่ยังปูดนูนเนื่องจากทารกในครรภ์ เธอจำได้แล้วว่าหกล้มอย่างแรงช่วงหัวค่ำจนกระเทือนถึงลูกในท้องและปวดท้องคลอดจนถึงตอนนี้ มีช่วงหนึ่งก่อนหน้าที่ดูเหมือนจะสติดับวูบลงเพราะความเจ็บปวด แล้วลูกเธอล่ะจะเป็นอันตรายไหม?

วรรณารีลูบสำรวจท้องของตัวเองอีกครั้ง พลันรู้สึกถึงแรงกระเสือกกระสนของทารกในท้องพร้อมกับแรงบีบตัวของมดลูก

“โอ๊ย”

“เอาล่ะ ลูกเธออยากจะออกมาแล้ว คราวนี้รวบรวมแรงให้ดี” สายพูดด้วยน้ำเสียงยินดี “รวบรวมแรงเยอะ ๆ แล้วค่อยเบ่ง”

ลูกแม่ อย่าเป็นอะไรนะ ลูกแม่ต้องมีโอกาสได้เติบใหญ่ ลูกต้องสบายดี

“เทวดาทั้งหลายโปรดช่วยลูกของวรรณด้วย ช่วยให้แกมีโอกาสได้เกิด...ให้แกเกิดมาเป็นที่รัก ให้แกโชคดีในทุกเรื่อง ให้แกเกิดมาอย่างแข็งแรงด้วยเถอะค่ะ...ช่วยลูกของวรรณด้วย” วรรณารีพูดพึมพำก่อนยกมือขึ้นประนมไหว้อย่างอ่อนแรง

เปรี้ยง!

ทันทีที่วรรณารีพูดจบก็บังเกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นจนพื้นบ้านสั่นสะเทือนอยู่หลายรอบ สายขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

“เห็นไหมแม่วรรณ พวกเขารับรู้คำขอของหล่อนแล้ว อย่าหมดแรงใจเด็ดขาด ฮึดสู้ให้เต็มที่ ลูกเธออยากจะออกมาเต็มทีแล้ว ตั้งสมาธิแล้วเบ่งออกมาแรง ๆ”

วรรณารีที่เริ่มมีสติสมบูรณ์ได้สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อย ๆ เบ่งตามจังหวะที่สายพูดกระตุ้น

“ดี...ดี...ออกแรงอีก...ดีมาก...สูดหายใจลึก ๆ อีกรอบ...ออกแรงเพิ่มอีกนิด นั่นแหละ ใกล้แล้ววรรณ ใกล้แล้ว เบ่งอีก เบ่ง!”

“อุแว้...อุแว้”

ทันทีที่สิ้นสุดแรงเบ่งเฮือกสุดท้ายก็มีเสียงร้องไห้จ้าของทารกแรกเกิดดังขึ้น และไม่น่าเชื่อคือทันทีที่เสียงอุแว้แรกดังออกมา สายฝนและเสียงฟ้าร้องที่กำลังโหมกระหน่ำได้หยุดลงราวกับสับสวิตช์ สายที่กำลังอุ้มเด็กทำความสะอาดเนื้อตัวถึงกับก้มมองดูเด็กในอ้อมแขนด้วยแววตาเป็นประกาย

 “ผู้หญิงหรือผู้ชายคะป้า” วรรณารีหายเจ็บเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูก

“เป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ” น้ำเสียงของสายเจือด้วยความเอื้อเอ็นดูอย่างหาได้อยาก “น่าเกลียดน่าชังเชียว เลี้ยงดูแกให้ดีล่ะ” สายพูดพลางวางห่อผ้าเล็ก ๆ ลงในอ้อมกอดของคนเป็นแม่

วรรณารีก้มลงมองร่างเล็กในอ้อมแขนอย่างเต็มตื้น ลูกสาวตัวน้อยของเธอช่างน่ารักนัก ผิวขาวอย่างหยวกกล้วย หน้ากลมอิ่ม ริมฝีปากแดงฉ่ำน้ำ ถ้าไม่ติดว่าตัวเล็กมาก เธอคงคิดว่าเด็กคนนี้คือเด็กที่คลอดมาแล้วหนึ่งเดือนเป็นแน่แท้

ระหว่างนั้นเอง เด็กน้อยที่กำลังหลับตาพริ้ม จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ คล้ายกับกำลังมองหาใครอยู่ และดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นของเธอทำให้วรรณารีถึงกับจ้องมองด้วยความเงียบงัน

ดวงตาเรียวชี้และดำขลับของลูกช่างถอดแบบมาจากผู้ชายคนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน วรรณารีใช้นิ้วสั่นระริกไล้ไปตรงหางตาที่ชี้ขึ้นทั้งสองข้างของลูกเบา ๆ

“น่าเอ็นดูนะ ถึงจะตัวเล็กมากแต่ก็ดูแข็งแรง ไม่น่ามีปัญหาสุขภาพอะไร”

วรรณารีกะพริบตาถี่แล้วค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา เด็กหญิงจะรูปลักษณ์คล้ายกับใครก็แล้วแต่ เธอไม่สนใจ เพราะนี่คือลูกสาวที่เธอรัก

“จะตั้งชื่อแกว่าอะไรล่ะ”

“ตัวเล็กแบบนี้เรียกแกว่าจิ๊ดริดเถอะค่ะ ชื่อจริงว่าที่รัก แกจะได้เป็นที่รักของคนทุกคน ลูกสาวของแม่น่ารักเหลือเกินนะลูก” วรรณารีเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดของแม่ เด็กน้อยก็หยุดสอดส่ายสายตาไปมา นัยน์ตาดำขลับเหมือนเม็ดองุ่นของเธอจ้องนิ่งไปที่ใบหน้าของวรรณารีและเผยยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา

“แม่สัญญาว่าจะเลี้ยงดูหนูให้ดีที่สุดด้วยสองมือของแม่เอง” น้ำตาคนเป็นแม่คลอเบ้า

“อือ...” เด็กหญิงครางเบา ๆ เหมือนแมว

“เติบใหญ่ให้มีบุญใหญ่บุญสูงนะนังหนู”

วรรณารีเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับประนมมือไหว้ “วรรณขอบคุณป้ามาก ๆ นะคะ ถ้าไม่มีป้าเราสองแม่ลูกคงไม่มีชีวิตรอด”

“จะมาขอบจงขอบใจอะไรฉัน ฉันแค่อดสูใจในชีวิตของหล่อนเท่านั้นแหละ” สายตอบเสียงห้วน “หล่อนกับลูกนอนพักก่อน ฉันจะไปหาอะไรง่าย ๆ มาให้กิน” พร้อมกับเดินออกจากห้องไปคล้ายไม่ยี่หระเสียอย่างนั้น

วรรณารีอมยิ้มระหว่างมองตามหญิงสูงวัยไป สายในสายตาคนภายนอกคือยายสายบ้า แต่คนบ้าคนนี้แหละที่ช่วยฉุดเธอขึ้นมาให้เป็นเธออย่างทุกวันนี้ได้

-----

“วรรณ!”

ช่วงเวลาเดียวกัน พีรายุได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาและตะโกนเรียกชื่อวรรณารีเสียงดัง

จินดาราที่นอนอยู่ด้านข้างผวาลุกขึ้น “พีคะ เป็นอะไร ฝันร้ายหรือเปล่า”

พีรายุมองตาขวางใส่หญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเมียในตอนนี้ เขาผลักเธอให้ออกห่างจากตัวอย่างรังเกียจ “ไปให้พ้น! เธอมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้ แล้ววรรณไปไหน” เขาหันรีหันขวางอยู่บนเตียง

จินดาราที่ตาลีตาเหลือกลงมายืนข้างเตียงกำลังจ้องมองเขาอย่างตกใจ

“ยังจะมายืนบื้ออยู่อีก! ฉันถามว่าวรรณไปไหน” ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงด่า

“เอ่อ...วรรณ...วรรณกำลังทำกับข้าวข้างนอก เธอให้ฉันมาดูแลเช็ดตัวคุณก่อน” พูดจบจินดาราก็กุลีกุจอหันไปเทน้ำใส่แก้ว ระหว่างที่พีรายุเผลอ เธอได้แอบหยิบขวดแก้วขนาดเล็กออกมาจากลิ้นชักข้างเตียงแล้วหยดน้ำยาใส ๆ ลงในแก้วน้ำสามหยด

“วรรณอยู่ข้างนอกแน่นะ” พีรายุถามจินดาราด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ

“ใช่สิคะ ฉันจะโกหกคุณทำไม ตื่นมาใหม่ ๆ แบบนี้น่าจะคอแห้ง คุณดื่มน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปตามวรรณมาให้”

พีรายุเอื้อมมือมารับและดื่มน้ำลงไปจนหมดแก้ว ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที แววตาเขาได้เปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้าม เขามองตรงมายังจินดาราและยิ้มให้อย่างลุ่มหลง

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปรั้งตัวจินดาราเข้ามาจนชิดและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ทำไมยืนแบบนั้นล่ะครับที่รัก มานอนกับผมบนเตียงเถอะ” เขาเอ่ยเสียงกระเส่า รั้งร่างงามของเธอมานอนเคียงกันพลางตะโบมกอดจูบลูบไล้อย่างเสน่หา

ตลอดทั้งคืน จินดาราตอบสนองความต้องการของชายหนุ่มในทุกท่วงท่า แต่สีหน้าของเธอนั้นกลับไม่มีความสุขเหมือนท่าทีที่แสดงออกมาเลยสักนิด

-----

“ผมไม่อยากจากคุณไปเลย” พีรายุยังคงนัวเนียอยู่กับจินดาราในช่วงเช้าของวันต่อมา

“ไม่ได้นะคะ วันนี้ที่บริษัทมีเซ็นสัญญาใหญ่ เงินเป็นสิบล้านเลยนะ ไปเถอะค่ะ เย็นนี้จินจะเตรียมอาหารอร่อย ๆ ให้คุณกิน”

พีรายุหอมแก้มเธออีกหลายฟอดก่อนตัดใจเดินขึ้นรถออกจากบ้านไป

เมื่อคล้อยหลังเขา จินดารารีบขับรถออกจากบ้านตามไปติด ๆ แต่จุดหมายของเธออยู่ที่บ้านสภาพกลางเก่ากลางใหม่ตรงเขตชานเมือง

เธอกัดริมฝีปากมองเข้าไปในบ้านนั้นอย่างลังเลก่อนตัดใจเดินลงจากรถและก้าวเดินไปหาเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชายวัยฉกรรจ์สวมชุดขาวคล้ายผู้ปฏิบัติธรรมที่ตอนนี้ยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว

จินดาราเดินตรงเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ทั้งคู่พากันเดินเข้าบ้านไปและปิดประตูเงียบ แล้วอีกสามชั่วโมงให้หลัง จินดาราก็ได้เดินออกมาด้วยสภาพที่เสื้อผ้ายับย่น สีหน้าและแววตาเธอตอนนี้เย็นเยียบเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ๊ดริดที่รัก   33. เจอคนไม่คาดฝัน 2

    หลังปลีกตัวออกมาจากโซนเด็กเล่นได้ พีรายุเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เขาเร่งฝีเท้าไปยังร้านเพชร สถานที่นัดหมายกับภรรยา ระหว่างนั้น ชายหนุ่มได้ยกกาแฟที่เริ่มเย็นชืดขึ้นดื่มด้วยภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีให้หลัง เขาได้เกิดอาการหน้ามืดจนเซถลาไปชนกับคนที่เดินอยู่บริเวณนั้น“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้ชายที่ถูกชนรีบประคองพาเขาไปนั่งพักตรงม้านั่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลพีรายุรีบโบกมือปฏิเสธพลางสูดหายใจเข้าลึก “น่าจะตาลายเพราะคนเยอะ ไม่เป็นอะไรมากครับแค่นั่งพักสักครู่ก็หาย ขอบคุณมากนะครับ”เมื่อเห็นว่าสีหน้าพีรายุค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดอีกครั้ง คน ๆ นั้นจึงวางใจและเดินจากไปพีรายุยังคงมีอาการมวนในท้องไม่หยุด เขานั่งหลับตานิ่งอยู่หลายนาที แล้วทันใดนั้นเอง“วรรณ!” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกวรรณารีออกมาเสียงดัง ดวงตาสอดส่ายไปมาโดยรอบอย่างสับสน ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมากดรับด้วยสีหน้าที่ยังไม่ดีขึ้น“สวัสดีครับ”“พีอยู่ไหนแล้วคะ จินนั่งรออยู่ที่ร้านเพชรนานแล้วนะ อย่าบอกนะคะว่าลืม จินไม่ยอมจริง ๆ ด้วย วันนี้ไ

  • จิ๊ดริดที่รัก   32. เจอคนไม่คาดฝัน 1

    “แม่จ๋า ไหนชุดโยคะ”“ไปหาซื้อชุดนักเรียนกับอุปกรณ์เรียนก่อน ส่วนชุดโยคะเอาไว้ทีหลัง” วันนี้วรรณารีพาที่รักมาหาซื้อชุดและอุปกรณ์การเรียน เนื่องจากเด็กหญิงจะเริ่มเข้าเรียนระดับชั้นอนุบาลในภาคการศึกษาหน้า ซึ่งนับแล้วเหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ก็จะเปิดเทอมแล้ววรรณารีพามาที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ เพราะที่นี่มีสวนสนุกขนาดใหญ่อยู่ด้านใน เธอตั้งใจจะพาลูกมาเล่นสนุกที่นี่เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจก่อนที่จะเปิดเทอม อลิสรา คชาภัทร และนับหนึ่งก็ตามมาด้วยส่วนเรื่องชุดโยคะนั้นเพราะที่รักต้องการเรียนเองเนื่องจากเห็นคชาภัทร อลิสรา และนับหนึ่งไปเรียนศิลปะการต่อสู้ทุกเสาร์อาทิตย์ที่ศูนย์กิจกรรมพิเศษใกล้บ้าน โดยคชาภัทรและนับหนึ่งเลือกเรียนมวยไทย ส่วนอลิสราเรียนเทควันโดเมื่อเห็นพี่ทั้งสามมีความสุขมากในการไปเรียนที่นั่น ที่รักก็อยากไปกับพี่ ๆ ด้วย แล้วไม่รู้เธอไปได้ยินมาจากไหนว่าการเรียนโยคะทำให้ผอมได้ เธอจึงมุ่งมั่นที่จะเรียนให้ได้ซึ่งวรรณารีเองก็ไม่ขัด สิ่งใดที่เป็นความปรารถนาของลูก เธอพร้อมที่จะสนับสนุนเสมอ“รีบไปซื้อแล้วก็กลับกันเลย ตอนเย็นจิ๊ดริดจะไปเรียน

  • จิ๊ดริดที่รัก   31. จิ๊ดริดอยากผอม 2

    “พี่ช้าง จิ๊ดริดผอมลงยัง” ที่รักร้องถามเมื่อเจอหน้าคชาภัทรสะดุดกึกและรีบกวาดตาสำรวจร่างป้อมที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยอัตโนมัติ ที่รักในวันนี้ใส่ชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนแขนกุด ทำให้เห็นแขนอวบขาวอมชมพูอย่างชัดเจน ประกอบกับใบหน้ากลมแป้นที่มีจุดเด่นตรงตาเรียวเล็ก แก้มแดงอมชมพูที่แสดงถึงความมีสุขภาพดีของเธอ ปลายนิ้วของเขาคันยิบขึ้นมาอีกครั้งด้วยอยากจิ้มแก้มนิ่ม ๆ เล่น แต่เมื่อนึกถึงแรงถีบของเธอที่เขาเจอมานับครั้งไม่ถ้วน คชาภัทรจำต้องสกัดความอยากของตัวเองลงอย่างยากเย็น“น้องถามทำไมไม่ตอบ” อลิสราหันมาเอ็ด “ตอบดี ๆ ล่ะ” แล้วก็กำชับเสียงเหี้ยมนับหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับเผยยิ้มออกมาคชาภัทรถอยห่างจากพี่สาวโดยสัญชาตญาณ เมื่อวานตอนค่ำเขาโดนสมาชิกในบ้านเล่นงานอยู่ไม่ใช่น้อย วันนี้ให้ตายอย่างไรก็จะไม่ทำอีกเด็ดขาดเด็กชายรุ่นพี่กวาดตาสำรวจร่างป้อมที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งและจ้องดูพุงที่กลมกว่าทุกวันก็ลอบถอนใจยาว“อืม ดูผอมลงนิดหน่อย” น้ำเสียงดูไม่เต็มปากนักที่รักลูบพุงตัวเองอย่างชอบใจ “วันนี้จิ๊ดริดกินข้าวน้อยกว่าทุกวัน”คชาภัทร

  • จิ๊ดริดที่รัก   30. จิ๊ดริดอยากผอม 1

    “จิ๊ดริดไม่สบายหรือลูก ทำไมเดินแบบนั้น” วรรณารีร้องถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นที่รักกำลังก้าวขาออกจากห้องนอนอย่างเชื่องช้าในเช้าวันต่อมา กว่าที่เธอจะก้าวเท้าสัมผัสพื้นแต่ละก้าวได้นั้นเล่นเอาคนเป็นแม่ยืนลุ้นจนใจหายใจคว่ำ“หนูไม่เป็นไข้” ที่รักบอกแม่เสียงเบา“ในเมื่อสบายดีแล้วทำไมหนูก้าวช้าแบบนั้น หรือว่าปวดขาปวดข้อตรงไหน”“หนูไม่ปวด”“งั้นก้าวขาเร็ว ๆ สิลูก ค่อย ๆ ย่างแบบนั้นเดี๋ยวเสียจังหวะหัวทิ่มได้นะ”“หนูจะเดินช้า ๆ”“ทำไมล่ะลูก”“จะได้ผอม” ที่รักตอบพร้อมกับค่อย ๆ ย่างเท้าซ้าย“ทำแบบนี้จะผอมได้ยังไง”“แม่ไม่ถามเดี๋ยวหนูอ้วน” ที่รักค่อย ๆ ย่างเท้าขวาต่อวรรณารียืนงงเป็นไก่ตาแตกที่รักซึ่งใช้เวลาสิบนาทีในการก้าวจากห้องนอนไปยังห้องครัวได้สำเร็จ เธอยกมือปาดเหงื่อที่แตกซ่กตรงหน้าผากด้วยสีหน้าสดชื่นแจ่มใสเป็นที่สุดแตกต่างจากสีหน้าของแม่และยายที่กำลังยืนมองดูเธออยู่แบบลิบลับ“ทำไมหนูเดินช้าล่ะลูก” วรรณารียังคงถามอย่างกังขา“หนูจะได้ไม่หิว”“ทำแบบนี้จะไม่หิวได้ยังไง” สายไม่เข

  • จิ๊ดริดที่รัก   29. จิ๊ดริดอ้วน

    “จิ๊ดริด มาดูปลานี่เร็ว เยอะแยะเลย” อลิสราที่เนื้อตัวมอมแมมเพราะลงไปในคลองกับเขาด้วยได้เรียกหาที่รักทันทีที่ขึ้นจากน้ำที่รักก็ลุกไปหาทันทีที่พี่เรียก เปล่า...ไม่ใช่เธอเป็นเด็กดีอะไรหรอก เพียงแต่ละครภาคต่อที่ฟังอยู่มันจบตอนไปแล้วก็เท่านั้นเอง“เอาปลาขึ้นมาให้จิ๊ดริดดูเร็วเข้า ห้ามอุ๊บอิ๊บเอาไปซ่อนเด็ดขาด” อลิสราส่งเสียงเผด็จการให้กับทุกคนที่ช่วยจับปลาอยู่ในคลอง แม้แต่กับพ่อตัวเองก็ไม่เว้นนับหนึ่งกุลีกุจอลากกะละมังใบใหญ่มาตั้งเบื้องหน้าที่รัก และเดินไปแย่งถังใบเล็กที่ใช้ใส่ปลาจากมือแต่ละคนมาเทใส่กะละมังอย่างขมีขมัน เมื่อได้จากมือครบทุกคนแล้ว เขาก็ได้หันมายิ้มให้อลิสราอย่างเอาใจอลิสราใช้มือที่เปื้อนโคลนลูบศีรษะของนับหนึ่งอย่างอารมณ์ดี “ดีมาก” เธอเอ่ยชมสั้น ๆแม้คำชมจะสั้นแต่ก็ทำให้นับหนึ่งหน้าบานเป็นจานเชิงออกมา ขณะที่คชาภัทรได้แต่กลอกตามองบนจนตาแทบกลับ“ดิ้นดุ๊กดิ๊กเต็มเลย เอาไปปล่อยกัน มันจะได้ไม่ตาย” ที่รักตาเป็นประกายเมื่อเห็นปลาจำนวนมากทั้งน้อยใหญ่กำลังว่ายเบียดกันอยู่ในกะละมัง“เราเอามากิน เหนื่อยจับจะแ

  • จิ๊ดริดที่รัก   28. จับปลาที่ร่องสวน

    “ทองแดงโลละสองร้อย ขวดใสโลละแปด กระดาษอ่อนโลห้าบาท กระดาษแข็งโลสามบาท”เสียงใสของเด็กหญิงวัยห้าขวบที่ยังพูดไม่ชัดนักเจื้อยแจ้วอยู่บริเวณหน้าร้านรับซื้อของเก่า เป็นภาพที่ชินตาสำหรับผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนี้เป็นอย่างดีไม่เพียงแค่ตะโกนบอกราคาเสียงใส ตัวเธอเองก็ไม่อยู่นิ่ง มือคอยขยับยกข้าวของที่มีลูกค้านำมาขาย จับแยกออกเป็นประเภทอย่างชำนาญเพื่อให้สะดวกต่อการชั่งน้ำหนักและคิดราคา แม้ข้าวของจะแลดูสกปรกในสายตาผู้คนทั่วไปแต่เด็กหญิงก็หารังเกียจไม่ ภาพนี้สร้างความรู้สึกเอื้อเอ็นดูให้กับลูกค้าที่เข้ามารับบริการเป็นอย่างยิ่ง“จิ๊ดริด อย่ายกของหนักนะลูก ให้ลุงหวินกับน้าโหน่งยกแทน” วรรณารีหันมาเตือนลูกสาวเป็นระยะ“จิ๊ดริดยกไหวจ้ะแม่จ๋า แม่ไม่ต้องห่วง” เด็กหญิงพูดตอบกลับไป“ไม่ได้นะลูก กระดูกหนูยังอ่อน ยกของหนักมากกระดูกจะเสียหายได้ แล้วหนูก็จะไม่สูงด้วยนะ”พอได้ยินคำว่าไม่สูง ที่รักรีบวางกองหนังสือที่มัดเรียงกันเป็นตั้งลงทันที ไม่ได้สิเรื่องความสวยความงามต้องมาที่หนึ่งที่รักจากแรกเกิด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status