วันนี้เป็นอีกวันที่เด็กๆ ต้องไปร่ำเรียนหนังสือเช่นเดียวกับพวกผู้ใหญ่ที่ต้องออกไปทำงาน คุณอาหนุ่มรูปหล่อตื่นนอนแต่เช้าเพื่อมาเตรียมอาหารให้กับหลานสาวสุดที่รัก เขามักจะทำแบบนี้เสมอมา
เรียกได้ว่าถึงแม้จะมีแม่บ้าน หรือคนรับใช้ เขาก็ยังคงลงมือทำอาหารเพื่อหลานสาวตัวน้อยของเขาด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อฝีมือของแม่บ้านที่จ้างมา แต่เป็นเพราะเขาอยากจะรังสรรค์เมนูให้กับหลานสาวของเขาได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ทุกวัน
“อร่อยจังเลยค่ะคุณอาณดลขา นี่เค้าเรียกว่าเมนูอะไรคะ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามคุณอาหนุ่ม
“อันนี้เขาเรียกว่าคุณหมูห่มผักค่ะ” เสียงทุ้มนำเสนอเมนูให้หลานรักอย่างภูมิใจ
“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะคะ ผักมีประโยชน์ จะทำให้น้องน้ำหวานมีร่างกายแข็งแรงและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไวๆ” คุณอาหนุ่มบอกกับหลานสาวก่อนที่จะยื่นมือไปลูบศีรษะทุยด้วยความรัก
หลานสาวของเขาเป็นเด็กที่น่าสงสาร สูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่อายุสามขวบ ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียงยี่สิบสามปีเท่านั้น เพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีได้เพียงไม่นานก็ต้องมาพบกับข่าวร้าย รถยนต์ที่ครอบครัวของพี่ชายนั่งมาเกิดอุบัติเหตุรถสิบล้อเบรกแตกขับมาชนเข้าที่ด้านคนขับ พี่ชายของเขาเสียชีวิตคาที่ ส่วนพี่สะใภ้โคม่า และสิ้นใจหลังจากรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงสามวัน
ส่วนหนูน้อยบุตรสาวคนเดียววัยสามขวบของพี่ชายเขานั้นโชคดีที่นั่งคาซีทมา ถึงแม้จะบาดเจ็บแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนั้นบิดามารดาของเขาร้องไห้แทบขาดใจที่ต้องมาเสียบุตรชายคนโตของตระกูลไปอย่างกะทันหัน หลังจากจัดงานศพให้กับบุตรชายและลูกสะใภ้ บิดามารดาของเขาก็เข้าวัดถือศีลอยู่เจ็ดวันเต็มๆ หน้าที่ดูแลหลานสาวเพียงคนเดียวจึงตกเป็นของเขา
และตั้งแต่นั้นมาเขาก็อาสารับดูแลหลานสาวตัวน้อยมาตลอด ตอนนี้บิดาและมารดาของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและเบื่อกับอากาศที่เป็นพิษในเมืองใหญ่ แต่ที่ไม่พาหลานสาวคนเดียวไปด้วยเพราะอยากให้หลานสาวได้ร่ำเรียนอยู่ที่นี่ และมีอนาคตที่ดีในภายภาคหน้า ทุกๆ ปิดเทอม สองอาหลานจึงต้องขับรถพากันไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ต่างจังหวัดแทน
มื้อเช้าผ่านไปสองอาหลานจึงจับจูงกันออกจากบ้านไปโดยอาศัยรถเบนซ์สีดำคันหรูเป็นพาหนะ ขับเคลื่อนพาทั้งคู่ไปยังโรงเรียนของหลานสาวก่อนที่ตนเองจะเข้าไปที่สำนักงานต่อไป
“วันนี้คุณอาจจะมารับช้าสักครึ่งชั่วโมงนะคะ น้องน้ำหวานรอคุณอาได้ไหมเอ่ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามหลานสาวตัวน้อยด้วยความกังวล แต่วันนี้เขาต้องไปประชุมที่สาขานอกเมือง จึงต้องใช้เวลาในการเดินทางไปกลับพอสมควร
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอา น้องน้ำหวานจะนั่งรออยู่กับคุณครูเจ้าขานะคะ” สาวน้อยตอบคุณอาหนุ่ม คำตอบที่ทำเอาเขาพอใจ เขาอยากเจอเธอทุกวัน นี่แหละที่ต้องการ
“ดีค่ะ คุณอาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง คุณอาไปก่อนนะคะคนเก่ง” เขาบอกก่อนที่จะจอดรถให้หลานสาวของตนลง แล้วเหลือบมองไปยังหน้าประตูของโรงเรียน วันนี้เป็นคุณครูผู้หญิงที่ดูมีอายุหน่อยเป็นเวร
‘เฮ้อ ไม่ได้เห็นหน้าเธอเลย หืม เป็นเอามากนะเนี่ยไอ้ดล’ เขาคิดในใจก่อนที่จะสะดุ้งเพราะเสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาว
“สวัสดีค่ะคุณอาณดล”
“สวัสดีค่ะ ตั้งใจเรียนนะคะคนเก่ง อาไปก่อนล่ะ” เขาบอกกับหลานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนที่จะยกมือโบกไปมาและค่อยๆ ขับรถเบนซ์คันหรูของตนทะยานสู่ท้องถนนเบื้องหน้าไปอย่างช้าๆ เพื่อที่จะได้เห็นหน้าใครบางคน
และเขาก็ไม่ผิดหวัง คุณครูสาวกำลังปั่นจักรยานมาใกล้จะถึงหน้าโรงเรียนแต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเข้า มีรถมอเตอร์ไซด์ขับมาทางด้านหลังอย่างรวดเร็วและหักหลบรถยนต์ด้านหน้าทำให้รถพุ่งจะไปชนคุณครูสาว เหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของณดลทั้งหมด ก่อนที่เขาจะเปิดกระจกและตะโกนบอกเธอ
“เจ้าขา ระวัง!!!” สิ้นเสียงของชายหนุ่มรถจักรยานที่เจ้าขาปั่นมาก็โดนรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นเฉี่ยวเอาเสียแล้ว
คุณครูคนสวยล้มลงไปนอนกับพื้น ศีรษะกระแทกเข้ากับต้นไม้ดีที่ไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้แตกอยู่พอสมควร หัวเข่าขาวเนียนมีร่องรอยของเลือดไหลออกมา ณดลรีบตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางก่อนที่จะลงจากรถวิ่งไปดูอาการของคุณครูสาว
“คุณ!!! เป็นอย่างไรบ้างครับ เจ็บตรงไหน ขอผมดูหน่อย” น้ำเสียงแสดงความห่วงใยดังออกมาจากปากหนา คุณครูสาวที่กำลังมึนงง และตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เงยหน้ามองบุคคลที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ
“โอ๊ย ปวดหัวจังเลยค่ะ เจ็บหัวเข่ามากด้วย” เสียงหวานเอ่ยตอบคนที่มานั่งข้างๆ เธอและพลิกดูตามร่างกายของเธออย่างร้อนรน
“ผมว่ารีบไปโรงพยาบาลก่อนเถอะนะครับ ขออนุญาตนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มบอกก่อนที่จะช้อนอุ้มคุณครูสาวขึ้นมาและขอให้คนช่วยเปิดประตูรถเบนซ์คันหรูของตนให้ผู้บาดเจ็บได้เข้าไปก่อน
ตำรวจเข้ามาเคลียร์เหตุการณ์พอดี เขาจึงฝากเรื่องเอาไว้เพราะต้องพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลก่อน คุณครูที่ยืนเวรอยู่หน้าประตูหน้าตาตื่นรีบเข้ามาดูก่อนที่จะรู้ว่า คุณครูสาวที่เพิ่งย้ายมาใหม่เกิดอุบัติเหตุ ณดลฝากคุณครูคนดังกล่าวแจ้งกับทางผอ.ให้ และเขาก็รีบขึ้นรถและพาคุณครูสาวไปโรงพยาบาลทันที
พอรถจอด เขาก็รีบอุ้มร่างบางไปส่งที่ห้องฉุกเฉิน ก่อนที่จะเดินกลับออกมานำรถไปจอดที่ลานจอด พอจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงรีบวิ่งกลับไปดูคุณครูสาวด้วยความเป็นห่วง คุณหมอเรียกพบญาติ เขาจึงเสนอตัวทันที
ในเมื่อรับผิดชอบดูแลเธอมาตั้งแต่แรก เขาก็ต้องดูแลไปจนถึงที่สุด คุณหมอให้เธอนอนพักดูอาการก่อน เพราะศีรษะกระแทกเข้ากับต้นไม้จนแตก แม้ผลซีทีสแกนจะออกมาปกติแต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้ เขาไม่อิดออดและเซ็นยินยอมทันที โดยไม่ถามคนเจ็บด้วยซ้ำ
ร่างบางที่หลับไปด้วยฤทธิ์ยาตื่นขึ้นมาในเวลาต่อมา ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงเลือนราง ก่อนที่จะชัดเจนขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งเธอจำเขาได้ดี เขาคือผู้ปกครองของเด็กหญิงพิชญ์สินี เสสกุลหรือน้องน้ำหวาน นักเรียนของเธอนั่นเอง ดวงตาคู่สวยพยายามปรับแสงและมองไปรอบๆ ก็ตกใจ นี่มันห้องพิเศษ
“อ้าว คุณฟื้นแล้วหรอ ยังเจ็บหัวอยู่หรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถามออกมาจากริมฝีปากหนา คุณครูสาวมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาก่อนที่จะส่ายศีรษะไปมา
“เอ่อ.... คุณพาฉันมาส่งโรงพยาบาลหรือคะ” เสียงหวานเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้า
“ใช่ครับ เมื่อเช้าผมมาส่งน้องน้ำหวาน แล้วบังเอิญเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ทางนั้นผมให้ทางตำรวจจัดการเคลียร์ให้แล้วครับ เขายินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับคุณ” เขาบอกเธอก่อนที่จะลอบสังเกตใบหน้าหวาน ถึงแม้เธอจะอยู่ในชุดของคนป่วยก็ยังดูดี ใบหน้าแม้จะซีดแต่ก็ยังคงความสวยเอาไว้ไม่มีที่ติ
“ขอบคุณนะคะที่พาดิฉันมาส่งโรงพยาบาล และก็ขอบคุณที่เป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้” สาวสวยยกมือไหว้ก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้เพื่อขอบคุณเขาจากใจจริง
ณดลมองหน้าหวานกับรอยยิ้มของเธอที่ดึงดูดใจของเขามาหลายวัน รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคม ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นลักยิ้มจนคนมองอดที่จะใจกระตุกไม่ได้ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาคมคายเสียเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรครับ นี่คุณคงจะไปสอนไม่ได้อีกหลายวัน หลานผมคงจะเหงาแย่” ชายหนุ่มบอกเธอก่อนที่จะอ้างหลานสาว ที่จริงเป็นเขาต่างหากที่จะไม่ได้เห็นใบหน้าหวานของเธออีกหลายวัน
“ฉันก็คงคิดถึงเด็กๆ เหมือนกันค่ะ” คุณครูสาวตอบด้วยรอยยิ้ม เธอชอบเด็กๆ ที่นี่มาก ทุกคนเป็นเด็กน่ารัก ถึงแม้จะดื้อไปบ้าง แต่ก็ว่านอนสอนง่าย สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันอยู่สักพักคุณหมอและพยาบาลก็เข้ามาขัดจังหวะ
คุณหมอเข้ามาตรวจอาการของคนไข้สาวอย่างละเอียด เพราะเจ้าของไข้สั่งมาเป็นกรณีพิเศษ ใครบ้างที่จะไม่รู้จัก คุณณดล เสสกุล ผู้ที่มอบทุนวิจัยให้กับทางโรงพยาบาลแห่งนี้ทุกๆ ปี พอตรวจเสร็จก็พบว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง นอนพักดูอาการอีกสักสองคืนก็ออกจากโรงพยาบาลได้ พอคุณหมอและพยาบาลออกไปได้สักพัก เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น
“กริ๊ง......กริ๊ง...........”
มือหนาล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะกดรับ เจ้าขาอดที่จะแอบลุ้นไม่ได้ว่าอาจจะเป็นแฟนของเขาโทรมาหรือเปล่า หล่อขนาดนี้คงไม่น่าจะโสด สาวสวยคิดในใจก่อนที่จะแกล้งหลับตาลง
“ฮัลโหล ครับ อ้อ ตายล่ะ ผมลืมเลย ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นก่อนที่เขาจะกดวางสาย และหันไปบอกกับคุณครูคนสวยที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
“พอดีผมมีธุระต้องไปทำก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรติดต่อผมได้ตลอดเวลา” ณดลรีบบอกก่อนที่จะหยิบนามบัตรแล้วส่งให้คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง มือบางยื่นออกไปรับมาอย่างงงๆ
เธอพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ก่อนที่เขาจะหันหลังและเดินไปเปิดประตูแล้วออกจากห้องไป เจ้าขามองตามหลังคุณอารูปหล่อของลูกศิษย์ผู้น่ารักของเธอไปด้วยหลากหลายความรู้สึก
เวลาผ่านไปเพียงยี่สิบนาที อาหารจานด่วน คือข้าวผัดการ์ตูนของน้องน้ำหวานถูกนำมาเสิร์ฟก่อน เจ้าขามองไปที่จานของลูกศิษย์ตัวน้อยแล้วก็อดที่จะยิ้มให้กับความน่ารักของอาหารในจานไม่ได้ ก็ข้าวผัดการ์ตูนของน้องน้ำหวานนั้น มันมีผักต่างๆ แกะสลักเป็นรูปตัวการ์ตูนตัวเล็กๆ ปะปนกับหมู และไข่ดูแล้วน่าทาน และน่าจะหลอกล่อเด็กๆ ได้ดีทีเดียว เธอยอมรับว่าณดลเป็นคนมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้จริงๆ ไม่แปลกใจที่ร้านอาหารของเขาจะขายดิบขายดี น้องน้ำหวานหยิบช้อนก่อนที่จะตักข้าวผัดการ์ตูนขึ้นมาแล้วยื่นปากน้อยๆ ไปเป่าลมช้าๆ แล้วส่งข้าวเข้าปากอย่างเรียบร้อย“หืม............อร่อยจังค่ะ” เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นหลังจากกลืนข้าวที่เคี้ยวลงคอเรียบร้อยแล้ว“ครูเจ้าขาอยากชิมไหมคะ” ลูกศิษย์ตัวน้อยเอ่ยเชิญชวน ด้วยอยากนำเสนอเมนูนี้ให้ครูเจ้าขาได้ทาน“ครูชิมได้หรือคะ ครูกลัวน้องน้ำหวานจะทานไม่อิ่มค่ะ” เจ้าขาบอกยิ้มๆ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหวานทานบ่อยๆ แบ่งให้ครูเจ้าขาบ้างน้ำหวานไม่หวงค่ะ”เด็กหญิงตัวน้อยบอกก่อนที่จะใช้ช้อนกลางตักข้าวผัดในจานของตนใส่จานของคุณครูคนสวย เจ้าขามองการกระทำของเด็กน้อยแล้วยิ้มออกมากับความน่ารัก เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมี
รถเบนซ์คันหรูที่มีผู้โดยสารเป็นสองสาวต่างวัยกับหนึ่งหนุ่มหล่อผู้เป็นคนขับถูกขับเคลื่อนเข้ามาในบริเวณห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของเด็กหญิงพิชญ์สินีมากนัก เจ้าขารู้สึกผ่อนคลายเพราะได้คุยกับลูกศิษย์ตัวน้อยที่คอยเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เธอฟังไม่หยุด ไม่เงียบเหมือนกับผู้เป็นอาที่เอาแต่ตั้งใจขับรถจนมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งนี้“น้องน้ำหวานพาคุณครูเจ้าขาไปรอคุณอาด้านในก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณอาจะเอารถไปจอดก่อน” ณดลบอกหลานสาวเสียงนุ่ม“ได้ค่ะ คุณอาณดลไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ น้องน้ำหวานรู้จักห้างนี้ทุกซอกทุกมุม” เด็กหญิงตัวน้อยบอกคุณอาหนุ่มด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะจูงมือเจ้าขาเดินไปรอด้านในณดลมองตามสองสาวต่างวัยจนกระทั่งลับร่างของทั้งสองคน เขาจึงขับเคลื่อนรถเบนซ์คันหรูของตนไปยังชั้นสำหรับจอดรถ“คุณอาของน้องน้ำหวานเขาไม่มีคนรักหรือคะ”เจ้าขาอดที่จะถามลูกศิษย์ตัวน้อยไม่ได้ขณะที่กำลังเดินตรงไปที่ร้านอาหาร เธออดสงสัยไม่ได้ก็เขาพาเธอมาทานอาหารที่นี่สองครั้งแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นแฟนของเขาเลย เธอไม่ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับวงการธุรกิจมากนัก เธอรู้เพียงว่า ณดล เสสกุลคือเจ้าของร้านอาหารอ
บนเตียงนอนลายเจ้าหญิงสีชมพู ที่รายล้อมไปด้วยตุ๊กตามากมาย มีร่างเล็กๆ บอบบางของเด็กหญิงพิชญ์สินี เสสกุลหรือน้องน้ำหวานนอนหลับตาพริ้มอยู่ ก่อนที่คนตัวเล็กจะรู้สึกตัวตื่นจากเสียงของนาฬิกาปลุกที่ผู้เป็นอาได้ตั้งเวลาเอาไว้เพื่อปลุกหลานสาวน้องน้ำหวานเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของณดล เสสกุล ผู้เป็นเจ้าของร้านอาหารอร่อยเหาะ ที่มีกิจการอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายสาขาทั่วประเทศ ด้วยวัยเพียง 27 ปีจึงทำให้เขาเนื้อหอมเป็นพิเศษ เพศตรงข้ามต่างทอดสะพานให้เขา เพราะนอกจากที่เขาจะหล่อแล้ว เขายังรวยมากอีกต่างหาก แต่เขาก็ไม่สนใจใครเพราะอยากที่จะโฟกัสเวลาให้กับหลานสาวเพียงคนเดียว แต่ดูในวันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ววันนี้มีกิจกรรมกีฬากระชับมิตรระหว่างนักเรียนและผู้ปกครอง โรงเรียนจึงเชิญให้ผู้ปกครองเข้าร่วมด้วย น้องน้ำหวานเลยตื่นเต้นที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกับคุณอาของตน“คุณอาณดลขา....” เสียงเรียกของหลานสาวดังมาจากชั้นสองของบ้าน ณดลที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวเสร็จพอดีจึงรีบปิดแก๊ส ล้างมือและเดินออกมาดู“ว่าไงคะคนเก่ง น้องน้ำหวานตื่นนานแล้วหรือคะ” เสียงทุ้มดังขึ้นขณะที่เดินออกไปหาหลานสาวตัวน้อย“ตื่นนานแล้วค่ะคุณอาณด
หลังจากวันที่ณดลไปรับคุณครูเจ้าขาออกจากโรงพยาบาลและพาไปทานอาหารฝีมือของเขาที่ร้านของตัวเองแล้ว ครูเจ้าขาก็ได้เจอกับณดลแทบจะทุกวันที่เธอเข้าเวรตอนเช้า และตอนเย็น คุณครูสาวอดที่จะแปลกใจกับท่าทีคุณอาหนุ่มของลูกศิษย์ตัวน้อยไม่ได้ แต่เธอก็ไม่อยากที่จะคิดเอาเองว่าเขาชอบเธอ“สวัสดีค่ะคุณครูเจ้าขา”เสียงของลูกศิษย์ตัวน้อยดังมาแต่ไกล มือป้อมๆ ยกกระพุ่มไหว้คุณครูเจ้าของชื่ออย่างสวยงาม วันนี้เจ้าขาเป็นเวรเฝ้าหน้าประตู คอยรับเด็กนักเรียนที่มาถึงโรงเรียนในตอนเช้า“สวัสดีค่ะน้องน้ำหวาน” เธอรับไหว้ลูกศิษย์ตัวน้อย ก่อนที่จะทักทายกลับด้วยความเอ็นดู“สวัสดีครับคุณครูเจ้าขา นี่หายดีแน่แล้วใช่ไหมครับ” น้ำเสียงห่วงใยดังมาจากคนที่เดินตามมาด้านหลัง วันนี้ณดล เลือกที่จะเดินลงจากรถมาส่งหลานสาวให้ถึงมือคุณครูเวรด้วยตนเอง“อ้าว สวัสดีค่ะคุณณดล ค่ะ ดิฉันหายดีแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่คอยช่วยเหลือและถามไถ่อาการตลอด ไหนจะอาหารที่ฝากน้องน้ำหวานมาให้ทุกวันด้วย” คุณครูสาวตอบด้วยน้ำเสียงขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ รอยยิ้มที่เขาได้มองกี่ทีกี่ทีก็อดที่จะใจเต้นแรงไม่ได้“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” ชายหนุ่มตอบพร้อมส่งยิ้มที่เผยให้เ
หลังจากพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึงสองวัน เจ้าขาก็ได้รับอนุญาตจากคุณหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ เพียงแต่ให้เฝ้าระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ ซึ่งระหว่างสองวันที่ผ่านมา บรรดาเหล่าคุณครูที่โรงเรียนที่ทราบเรื่อง ก็นำกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมเธอตั้งแต่วันแรก และกำชับว่าไม่ต้องกังวลอะไร พักให้หายดีก่อนแล้วค่อยกลับไปสอน เธอก็ได้แต่ยิ้มขอบคุณ อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ทันคาดคิด เธอไม่ได้อยากที่จะเจ็บตัวอยู่อย่างนี้เลยแต่คงเพราะวันนั้นเธอดวงซวยจริงๆ และแขกที่ได้เห็นตั้งแต่วันแรกอย่างคุณอาหนุ่มสุดหล่อและลูกศิษย์ตัวเล็กของเธอก็แวะมาเยี่ยมอยู่ทุกเย็น เด็กหญิงเล่าเรื่องราวที่โรงเรียนให้เธอฟัง ว่าเหล่าบรรดาลูกศิษย์ต่างถามไถ่หาคุณครูคนสวยใจดีว่าเมื่อไหร่จะกลับไปสอน ที่จริงเธออยากจะบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก และสามารถกลับไปสอนได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่คนที่พาเธอมาหาคุณหมอสั่งห้ามไม่ให้เธอไปสอนเด็ดขาด เพราะเขายังไม่มั่นใจกับอาการบาดเจ็บของเธอ เธอก็ได้แต่งงว่าเขาจะมาห่วงอะไรเธอนักหนา จึงพยายามคิดแบบไม่เข้าข้างตนเองว่า เขาเป็นห่วงเพราะลูกศิษย์ตัวน้อยของเธอ“คุณครูเจ้าขา สวัสดีค่ะ” เสียงของเด็กน
วันนี้เป็นอีกวันที่เด็กๆ ต้องไปร่ำเรียนหนังสือเช่นเดียวกับพวกผู้ใหญ่ที่ต้องออกไปทำงาน คุณอาหนุ่มรูปหล่อตื่นนอนแต่เช้าเพื่อมาเตรียมอาหารให้กับหลานสาวสุดที่รัก เขามักจะทำแบบนี้เสมอมา เรียกได้ว่าถึงแม้จะมีแม่บ้าน หรือคนรับใช้ เขาก็ยังคงลงมือทำอาหารเพื่อหลานสาวตัวน้อยของเขาด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อฝีมือของแม่บ้านที่จ้างมา แต่เป็นเพราะเขาอยากจะรังสรรค์เมนูให้กับหลานสาวของเขาได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ทุกวัน“อร่อยจังเลยค่ะคุณอาณดลขา นี่เค้าเรียกว่าเมนูอะไรคะ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามคุณอาหนุ่ม“อันนี้เขาเรียกว่าคุณหมูห่มผักค่ะ” เสียงทุ้มนำเสนอเมนูให้หลานรักอย่างภูมิใจ“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะคะ ผักมีประโยชน์ จะทำให้น้องน้ำหวานมีร่างกายแข็งแรงและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไวๆ” คุณอาหนุ่มบอกกับหลานสาวก่อนที่จะยื่นมือไปลูบศีรษะทุยด้วยความรักหลานสาวของเขาเป็นเด็กที่น่าสงสาร สูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่อายุสามขวบ ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียงยี่สิบสามปีเท่านั้น เพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีได้เพียงไม่นานก็ต้องมาพบกับข่าวร้าย รถยนต์ที่ครอบครัวของพี่ชายนั่งมาเกิดอุบัติเหตุรถสิบล้อเบรกแตกขับมาชนเข้าที่ด้านคนขับ พี่ชายของเขาเส