INICIAR SESIÓNเวลาผ่านไปเพียงยี่สิบนาที อาหารจานด่วน คือข้าวผัดการ์ตูนของน้องน้ำหวานถูกนำมาเสิร์ฟก่อน เจ้าขามองไปที่จานของลูกศิษย์ตัวน้อยแล้วก็อดที่จะยิ้มให้กับความน่ารักของอาหารในจานไม่ได้ ก็ข้าวผัดการ์ตูนของน้องน้ำหวานนั้น มันมีผักต่างๆ แกะสลักเป็นรูปตัวการ์ตูนตัวเล็กๆ ปะปนกับหมู และไข่ดูแล้วน่าทาน และน่าจะหลอกล่อเด็กๆ ได้ดีทีเดียว เธอยอมรับว่าณดลเป็นคนมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้จริงๆ ไม่แปลกใจที่ร้านอาหารของเขาจะขายดิบขายดี น้องน้ำหวานหยิบช้อนก่อนที่จะตักข้าวผัดการ์ตูนขึ้นมาแล้วยื่นปากน้อยๆ ไปเป่าลมช้าๆ แล้วส่งข้าวเข้าปากอย่างเรียบร้อย
“หืม............อร่อยจังค่ะ” เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นหลังจากกลืนข้าวที่เคี้ยวลงคอเรียบร้อยแล้ว
“ครูเจ้าขาอยากชิมไหมคะ” ลูกศิษย์ตัวน้อยเอ่ยเชิญชวน ด้วยอยากนำเสนอเมนูนี้ให้ครูเจ้าขาได้ทาน
“ครูชิมได้หรือคะ ครูกลัวน้องน้ำหวานจะทานไม่อิ่มค่ะ” เจ้าขาบอกยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหวานทานบ่อยๆ แบ่งให้ครูเจ้าขาบ้างน้ำหวานไม่หวงค่ะ”
เด็กหญิงตัวน้อยบอกก่อนที่จะใช้ช้อนกลางตักข้าวผัดในจานของตนใส่จานของคุณครูคนสวย เจ้าขามองการกระทำของเด็กน้อยแล้วยิ้มออกมากับความน่ารัก เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีมารยาท เจ้าขาตักข้าวผัดการ์ตูนใส่ปาก ก่อนจะตาโต อาหารฝีมือณดลนั้นอร่อยทุกอย่างจริงๆ เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าณดลนั้นมีคุณสมบัติสามีแห่งชาติอยู่ไม่น้อย
ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีอาหารหน้าตาแปลกๆ แต่ดูแล้วน่าจะอร่อยถูกวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าคุณครูสาวกับลูกศิษย์ตัวน้อย
“เชิญครับครูเจ้าขา เมนูพวกนี้ผมเพิ่งคิดมาได้เมื่อกี้นี้เอง” ณดลบอกพร้อมกับนั่งลงข้างๆ หลานสาวของตน เจ้าขามองเขาอย่างอึ้งๆ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเมนูที่เขาคิดค้นขึ้นมาใหม่
“ขอโทษนะคะคุณดล คุณช่วยบอกชื่อเมนูพวกนี้ให้ดิฉันฟังได้ไหมคะ” คุณครูสาวบอกเขา
“ได้ครับ เมนูแรกชื่อเมื่อไหร่จะรู้ เป็นการผสมผสานระหว่างผักกับเนื้อหมูที่ปรุงรสแล้วครับ ถ้าเราไม่คลี่ผักออกมาก็คงจะดูไม่ออกว่าผักนั้นห่อหมูอยู่ด้านใน ส่วนชื่อที่บอกว่าเมื่อไหร่จะรู้ก็คือถ้าคุณไม่ลองชิมคุณก็จะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านใน การมองบางสิ่งบางอย่างจากภายนอกอาจจะไม่ใช่อย่างที่ตาเห็นเสมอไป”
ณดลบอกด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก เจ้าขารู้สึกแปลกๆ กับชื่อเมนูอาหารของเขาแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอใช้ช้อนกลางตักอาหารที่มีชื่อว่าเมื่อไหร่จะรู้ มาวางไว้ในจานของตนและจัดการตักมันใส่ปาก ทันทีที่เคี้ยวก็สัมผัสได้ถึงรสชาติของเนื้อหมูที่ปรุงรสอย่างกลมกล่อม
“หืม... อร่อยจังค่ะ” เธอตาโตบอกเขาหลังจากกลืนอาหารที่เคี้ยวลงคอไปแล้ว
“ขอบคุณครับ มาที่เมนูถัดไปกันดีกว่า” ณดลบอก คุณครูสาวพยักหน้า
“อันนี้เรียกว่า ขนมจีบบีบอัดรัก มันต่างจากขนมจีบทั่วไปก็คือเจ้าขนมจีบของผม มันจะมีผักที่หั่นเป็นรูปต่างๆ ให้ได้ลุ้นอยู่ด้านใน ที่ตั้งชื่อว่าขนมจีบบีบอัดรัด เพราะคนทำต้องใช้ใจและความอดทนในการหั่นผักเป็นรูปต่างๆ แถมเจ้าผักพวกนี้ก็แอบอยู่ในแผ่นเกี๊ยวทำให้คนชิมมองไม่เห็นถ้าไม่ได้ผ่ามันออกมาดู เชิญชิมดูครับ” ณดลนำเสนอเมนูที่สองด้วยรอยยิ้ม เจ้าขารู้สึกตงิดในใจกับชื่ออาหารอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร
คุณครูสาวตักเมนูที่สองมาวางไว้บนจานของตนก่อนที่จะใช้มีดเล็กที่ใช้สำหรับหั่นเนื้อสเต๊กมาหั่นเจ้าขนมจีบบีบอัดรักเพื่อดูรูปร่างของเจ้าผักด้านใน และทันทีที่เธอหั่นขนมจีบชิ้นนั้นออก รอยยิ้มมุมปากก็ปรากฏขึ้นเล็กน้อย ก็เจ้าผักด้านในนี่สิมันน่ารักอย่างบอกไม่ถูก รูปผักที่ทำเป็นรูปหัวใจเล็กๆ อัดผสมอยู่กับเนื้อหมูที่ถูกห่อด้วยแผ่นเกี๊ยว
เจ้าขาเงยหน้ามองใบหน้าหล่อของณดล หัวใจพลันกระตุกเมื่อเห็นว่าสายตาคมของเขานั้นจ้องมองเธออยู่ ใบหน้าหวานขึ้นสีเลือดฝาดอย่างห้ามไม่ได้ ถึงเธอจะใสซื่อขนาดไหน แต่ฟังจากชื่ออาหารที่เขาบอกว่าเพิ่งคิดค้นมาให้เธอมันก็น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ไหนจะสายตาที่เขามองมาที่เธออีกเวลาที่เขานำเสนอเมนู ราวกับเขาจะบอกเธอว่าทำไมเธอถึงไม่รู้สักทีว่าเขาแอบชอบเธออยู่ ถ้าไม่คิดเป็นการเข้าข้างตนเองมากเกินไป เธอเชื่อว่าเธอตีความไม่ผิดแน่ๆ
“อร่อยไหมคะคุณครูเจ้าขา” เด็กหญิงพิชญ์สินีเอ่ยถามขึ้นขณะจ้องมองไปยังใบหน้าหวานของคุณครูสาวที่ตอนนี้มันเผยให้เห็นว่ามีสีเลือดฝาดขึ้นอยู่ที่โหนกแก้ม
“เอ๊ะ คุณครูเจ้าขาร้อนหรอคะ ทำไมหน้าแดงแจ๋เลย” เสียงของเด็กน้อยดึงสติของเจ้าขาให้กลับมาจากห้วงความคิด ณดลอมยิ้มอย่างพอใจ ดูแล้วคุณครูคนสวยคงจะเข้าใจบ้างแล้วว่าเขาพยายามจะสื่ออะไร
“อะ..เอ่อ ค่ะนิดหน่อย ครูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ดิฉันขออนุญาตไปห้องน้ำก่อนนะคะ” เจ้าขาบอกลูกศิษย์ตัวน้อย ก่อนจะหันไปบอกณดลแต่เธอนั้นเลือกที่จะหลบสายตาคมของเขาที่มองมา
“ให้น้องน้ำหวานไปเป็นเพื่อนไหมคะ” น้องน้ำหวานเอ่ยถามเจ้าขา
“น้องน้ำหวานทานให้อิ่มเถอะนะคะ เดี๋ยวคุณครูกลับมาค่ะ” น้องน้ำหวานพยักหน้าตอบ เจ้าขาจึงลุกจากโต๊ะตรงไปที่ห้องน้ำของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ทันที ส่วนณดลมองตามไปด้วยรอยยิ้ม
สองสัปดาห์ต่อมาวันปิดภาคเรียนแรกมาถึง ณดลพาครอบครัวเสสกุลซึ่งประกอบไปด้วย เจ้าขา น้องน้ำหวาน น้องเจ้าขุน น้องณดา และป้าชื่นแม่บ้านเดินทางด้วยรถตู้ครอบครัวที่เพิ่งออกมาใหม่เมื่อสองปีก่อนตอนเขามีบุตรสาวคนเล็กเดินทางไปที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สถานที่ที่เขาเคยขอเจ้าขาแต่งงาน“อีกนานไหมฮะกว่าจะถึง” น้องเจ้าขุนเอ่ยถามพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ตน“อืม....อีกไม่นานแล้วค่ะ” น้องน้ำหวานเปิดจีพีเอสในสมาร์ทโฟนของตนดูก่อนที่จะตอบน้องชาย“ตื่นเต้นหรอเรา ดูน้องณดาสิหลับปุ๋ยเลย” เจ้าขาหันไปถามบุตรชายก่อนที่จะหันไปมองบุตรสาวที่นอนหลับอยู่ในเบาะคาร์ซีทข้างๆ“ฮะ เจ้าขุนอยากเล่นน้ำทะเล ที่สำคัญ เจ้าขุนอยากทานกุ้งเผาฮะคุณแม่” เด็กน้อยตอบมารดาอย่างกระตือรือร้น“ฮ่าๆๆๆ เจ้าขุนลูกรู้ไหมครับว่าตอนคุณแม่ท้องลูก คุณแม่ก็อยากทานแต่กุ้งเผาเหมือนกัน สงสัยจะชอบมาตั้งแต่ในท้องเลยนะเราเนี่ย”เจ้าขาอดที่จะขำออกมาไม่ได้เมื่อนึกถึงตอนที่เธอตั้งท้องบุตรชาย เธอสั่งให้สามีซื้อกุ้งเผากลับมาให้ทานที่บ้านอยู่บ่อยๆ ซึ่งณดลก็ไม่เคยขัดใจเธอเลยสักครั้ง ณดลที่ขับรถอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ภรรยาตั้งค
เสียงเชียร์ดังขึ้นอยู่ที่ข้างสนามฟุตบอล นางสาวพิชญ์สินี เสสกุลหรือน้ำหวานนั่งไม่ติดเพราะกำลังลุ้นที่เพื่อนชายนั้นเตะฟุตบอลไปใกล้ประตูและในที่สุดยอร์ชก็เตะลูกฟุตบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม“กรี๊ด.................เย้ๆ” เสียงกรี๊ดแสดงถึงความดีใจดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ ยอร์ชหันมามองที่เพื่อนสาวก่อนน้ำหวานจะชูนิ้วโป้งให้“วู้วๆๆ พี่ยอร์ชเท่ชะมัดยาดเลย” เด็กชายขุนพล เสสกุลหรือน้องเจ้าขุนที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่น้ำหวานเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น ก่อนที่เด็กน้อยจะปรบมือให้กับความเก่งเพื่อนของพี่สาว“พี่ยอร์ชเก่งใช่ไหมล่ะน้องเจ้าขุน” น้ำหวานเอ่ยถามน้องชายขึ้น“เก่งมากเลยฮะ” เจ้าขุนเห็นด้วยกับพี่สาว“พ่อก็ว่างั้นๆ แหละ” ณดลสวนขึ้นทันที วันนี้เขามาดูแลหลานสาวและบุตรชายที่ขออนุญาตมาดูเพื่อนชายแข่งฟุตบอล คุณอาขี้หวงจึงไม่ปล่อยให้หลานสาวมากับน้องชายตามลำพัง“คุณพ่อเตะฟุตบอลเป็นไหมฮะ เจ้าขุนอยากจะเตะฟุตบอลเก่งๆ บ้าง” น้องเจ้าขุนเอ่ยถามบิดาขึ้นมาทันที“ตั้งแต่พี่โตมาจนสิบห้าปี พี่ยังไม่เคยเห็นพ่อเราไปเตะฟุตบอลเลยเจ้าขุน” น้ำหวานเอ่ยขึ้นทันทีจนคนเป็นอาจ้องตาเขม็ง“ทำไมจะเตะไม่เป็น มันจะไปยากอะไร ตอนหนุ่มๆ สมัย
“คุยอะไรกันจ๊ะเด็กๆ” เจ้าขาเดินมาพร้อมกับคุณครูอมิตาและคุณครูวัลลภ“เด็กสมัยนี้โตวัยเนอะ ลูกสาวที่บ้านก็เพิ่งจะขวบกว่าๆ แต่รู้เยอะเหลือเกิน” คุณครูอมิตาอดที่จะคิดถึงบุตรสาวตัวน้อยที่มีบิดาคอยดูแลอยู่ที่บ้านไม่ได้“ใช่ค่ะ อย่างน้องณดานั่นก็รู้หมด แค่สองขวบเองนะคะ” เจ้าขาเอ่ยถึงบุตรสาวคนเล็กขึ้นบ้าง“สวัสดีค่ะคุณครูวัลลภ คุณครูอมิตา คุณครูเจ้าขา” เด็กทั้งสามยกมือไหว้ทักทายคุณครูทั้งสาม“คุณแม่ฮะ พี่ยอร์ชชวนพี่น้ำหวานกับน้องเจ้าขุนมาดูพี่ยอร์ชแข่งฟุตบอลเดือนหน้าครับ” เด็กน้อยรีบรายงานคนเป็นแม่ทันที“อ๋อ แล้วน้องน้ำหวานกับน้องเจ้าขุนอยากดูเพื่อนกับพี่เขาแข่งไหมล่ะลูก” เจ้าขาเอ่ยถามหลานสาวและบุตรชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“น้ำหวานต้องมาดูอยู่แล้วค่ะ เพราะยอร์ชเป็นเพื่อนของน้ำหวาน” นางสาวพิชญ์สินีตอบคุณอาคนสวย“น้องเจ้าขุนก็จะมากับพี่น้ำหวานครับ คุณพ่อบอกว่าน้องเจ้าขุนเป็นผู้ชายต้องคอยปกป้องดูแลผู้หญิงให้ดี”คำตอบของเด็กชายทำเอาคุณครูทั้งสามหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู ส่วนน้องน้ำหวานก็ได้แต่ยิ้มให้กับความไร้เดียงสาน่าเอ็นดูของน้องชาย ยอร์ชขอตัวไปซ้อมต่อ ก่อนที่จะยกมือไหว้ลาคุณครูทั้งสามและเอ่ยลาน้อ
2 ปีต่อมา“น้องณดาขา พี่เจ้าขุนไปโรงเรียนก่อนนะคะ เลิกเรียนแล้วพี่จะกลับมาเล่นด้วยนะคะคนสวย”เด็กชายขุนพล เสสกุล หรือน้องเจ้าขุน อายุ5ขวบ บุตรชายคนโตของณดลกับคุณครูเจ้าขาเข้ามาหอมแก้มน้องสาววัยสองขวบก่อนที่จะบอกกับน้องด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะอ่อนหวาน“พี่น้ำหวานก็ไปโรงเรียนก่อนนะคะ เดี๋ยวเลิกเรียนพี่จะมาพาไปปั่นจักรยานเล่น” นางสาวพิชญ์สินี เสสกุลในวัย 15ปีเอ่ยกับน้องสาวคนเล็กของบ้านเช่นกัน“ค่ะ ณดาจะรอน้า” สาวน้อยตอบก่อนที่จะยิ้มหวานให้กับพี่ๆ“ไปกันได้แล้วเด็กๆ เดี๋ยวสาย คุณพ่อไปก่อนนะคะลูกสาว” ณดลเอ่ยขึ้นขณะที่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านพร้อมกับภรรยาคนสวย“กอดหน่อย”เด็กหญิงตากลมกางแขนให้บิดากอด ณดลมองบุตรสาวด้วยแววตาเอ็นดูก่อนที่จะอุ้มร่างเล็กขึ้นมาแนบอกแล้วกดจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่มทั้งซ้ายและขวา“คุณแม่กอดหนูด้วย”เด็กหญิงกางแขนออกให้มารดารับเธอไปอุ้มบ้าง เจ้าขายื่นแขนไปรับตัวบุตรสาวมาจากสามีก่อนที่จะกดจมูกของเธอลงไปบนแก้มนุ่มทั้งสองข้างเช่นกัน“คุณแม่ไปสอนหนังสือก่อนนะคะ อยู่กับคุณย่าชื่นอย่าซนนะลูก” เจ้าขาบอกบุตรสาวขณะที่วางร่างเล็กลงให้ยืนที่พื้น“ค่ะคุณแม่ บ๊ายบายค่ะ”น้องณดารับคำก่อน
โรงเรียนของน้องน้ำหวาน“น้ำหวาน น้องสาวน่ารักจัง” มนเพื่อนสนิทของน้องน้ำหวานเอ่ยขึ้นหลังจากดูรูปของน้องสาวเพื่อนสนิท“อืม โตมาสวยเหมือนคุณครูเจ้าขาแน่นอน” น้องน้ำหวานตอบยิ้มๆ“น้ำหวานก็สวยนะ มนยังชอบหน้ากับปากของน้ำหวานเลย” น้องมนเอ่ยขึ้นขณะสำรวจใบหน้าสวยของเพื่อนสนิทวัยสิบสามปี“มนก็สวยนะ เริ่มสวยแล้ว ยิ่งโตยิ่งสวย” สองเพื่อนสนิทแซวกันไปแซวกันมาก่อนที่จะพากันหัวเราะขำตัวเอง“น้ำหวาน เพื่อนของเราซื้อนมมาฝาก” หนุ่มห้องหนึ่งยื่นนมเปรี้ยวขวดหนึ่งส่งให้น้องน้ำหวานก่อนที่จะชี้ไปที่เพื่อนคนหนึ่งที่กำลังยืนเขินสาวน้อยอยู่ สองสาวมองไปที่เด็กหนุ่มคนที่ยืนเขินอยู่อย่างงงๆ“ซื้อมาฝากเราทำไมอะ ขอโทษนะเรารู้จักกันหรอ” น้องน้ำหวานเอ่ยขึ้น เด็กชายละความอายก่อนที่จะเดินเข้ามาหา“เราเพิ่งย้ายมาจากเชียงรายน่ะ” เด็กหนุ่มหน้าใสดัดฟันตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนที่น้องน้ำหวานจะสังเกตเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง“ยอร์ช ใช่ยอร์ชปะ”น้องน้ำหวานเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้น ยอร์ชคือเพื่อนใหม่ของเธอ ตอนที่เธอไปเที่ยวหาปู่และย่าที่จังหวัดเชียงราย เธอเจอเขาตอนอายุ11ขวบ ตอนนั้นพ่อแม่ของยอร์ชพาเขามาเที่ยวที่ไร่ของครอ
7 เดือนต่อมาเจ้าขาได้ให้กำเนิดบุตรสาวที่เธอตั้งชื่อไว้ว่าน้องณดา เด็กหญิงภัสลดา เสสกุล พี่สาวและพี่ชายนั้นเห่อน้องสาวคนเล็กเป็นอย่างมาก คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายก็เดินทางมาจากภาคเหนือเพื่อมารับขวัญหลานสาวคนเล็ก ณดลทำหมันตามที่รับปากกับภรรยาไว้จนเจ้าขาอดที่จะปลื้มใจและขอบคุณสามีไม่ได้“อุ๊ย น่ารักน่าชังจริงๆ เลย โตมาต้องสวยมากแน่ๆ เลย คุณณดลเตรียมไว้หนวดได้เลยนะคะเนี่ย” คุณครูอมิตาเอ่ยขึ้นหลังจากที่มาเยี่ยมคุณครูสาวรุ่นน้องที่คลอดลูกคนที่สองแล้ว และตอนนี้เธอเองก็กำลังตั้งครรภ์หลังจากที่เพิ่งจะแต่งงานกับพอล ปองพลตั้งแต่สามเดือนก่อน“แน่นอนครับ แค่ตอนนี้หลานสาวเริ่มโตก็ต้องเริ่มไว้ได้แล้ว” ณดลเอ่ยออกมาขณะที่มองไปที่หลานสาววัยกำลังเข้าสู่วัยรุ่นของตน“คุณอาณดลขา น้องน้ำหวานน่าหวงขนาดนั้นเลยหรอคะ” เด็กหญิงพิชญ์สินีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม“หวงสิ เลี้ยงมาตั้งแต่สามขวบ ใครจะมาขอเราเป็นแฟนต้องผ่านด่านคุณอาก่อน” ณดลบอกเสียงขรึมจนคนที่อยู่ภายในห้องต้องหัวเราะออกมาอย่างขำขัน“แบบนี้น้องน้ำหวานเตรียมขึ้นคานได้เลยลูก เพราะเท่าที่คุณอารู้จักคุณอาณดลของน้องน้ำหวานมา มันไม่มีทางเลิกหวงแน่นอนฮ่าๆๆๆๆ” พอล ปอง







