เข้าสู่ระบบเสียงปึงปังหน้าประตูดังขึ้นทำให้ชุยชิงชิงที่เก็บกวาดห้องด้านบนอยู่ต้องลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนจื่อเถาเองก็มองหน้าประตู รับรู้แล้วว่าสตรีร้ายกาจผู้นี้ต้องการให้เด็กสองคนนี้เป็นเครื่องระบายความโกรธของนาง
จื่อเถาไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่อย่างไรเมื่อช่วยแล้วก็ต้องช่วยเด็กสองคนนี้ให้สุดกำลัง แต่ดูเหมือนว่ามารดาของนางเป็นกังวลใจไม่น้อย
“จะดีหรือลูก” ชุยชิงชิงทำสีหน้าลำบากใจ หากไปยุ่งเรื่องบ้านผู้อื่นจะกลายมาเป็นเรื่องนินทาเสียหาย
หรือเปล่า“ท่านแม่วางใจเถอะ” จื่อเถาให้เด็กทั้งสองไปแอบอยู่หลังมารดาส่วนตนเองจะไปจัดการกับสตรีใจร้ายผู้นั้น
แอ๊ด!!!!
เสียงประตูบานเฟี้ยมแกะสลักเมฆมงคลเปิดออกแล้วพบว่าสตรีจิตใจอำมหิตยื่นอยู่ด้านหน้า ใบหน้าบวมปูด
ก็อดขำไม่ได้ แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ พร้อมบอกด้วยท่าทีห่วงใยเล็กน้อย“ข้าว่าท่านไปหาหมอดีหรือไม่” จื่อเถาแนะนำด้วยความหวังดี คงเพราะท่านลุงลู่จื้อสิ้นความอดทนกับคนชั่วช้าเช่นนางแล้วกระมัง ถึงลงไม้ลงมือ อีกอย่างปากนางก็ดีแต่กล่าววาจาหยาบคาย สมควรโดนสั่งสอน
‘สมควรแล้วที่ต้องโดนสั่งสอน’
“นางเด็กสามหาว เจ้าหลบไปเอาลูกข้าคืนมา”
เจินหนิงโหวกเหวกจนลู่จื้อได้ยิน จึงออกมาจัดการกับสตรีชั่วผู้นี้อีกครั้ง“เจ้ายังไม่ไปอีกรึ อย่างไรเจ้าก็ไม่ใช่ภรรยาข้าแล้ว หากเจ้ายังขืนระรานไปทั่ว ข้าจะไปแจ้งทางการ” ลู่จื้อแม้ศึกษามาน้อย แต่ก็พอรู้กฎหมายครัวเรือนอยู่บ้าง เรื่องการปลดภรรยา พรุ่งนี้เขาจะเอาหนังสือไปให้นายอำเภอประทับตราอีกที วันนี้ส่งหนังสือให้นางไปก่อน เพื่อให้นางพ้นหูพ้นตา และปกป้องเด็ก ๆ อีกด้วย
เขาปล่อยให้นางทำร้ายลูกของเขามามากพอแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก
“นี่เจ้า...ตระกูลข้าอยู่อานฮุย เจ้าจะให้ข้านอนที่ใด แล้วอีกอย่างเด็กสองคนนั่นก็ลูกข้า จะทำอันใดก็เรื่องของข้า”
เด็กทั้งสองได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นก็ร้องไห้กระจองอแงทันที เพราะพวกเขาไม่อยากอยู่กับมารดา
ใจร้าย พวกเขาอยากอยู่กับบิดา“ลูกข้า ข้าเลี้ยงเอง เจ้าไม่คู่ควร หากเจ้ายังขืนวุ่นวายก็จงไปนอนในคุก เจ้ารู้หรือไม่ทำร้ายผู้อื่นมีความผิดโทษสถานใด” นอกจากคู่สามีภรรยาที่ลงไม้ลงมือสั่งสอนได้ หากบุตรไม่ได้ทำความผิดลงโทษมั่วซั่ว หากแจ้งทางการ
ก็เอาผิดได้เช่นกัน ต่อให้เรื่องนี้จะอ้างว่าต้องการสั่งสอน แต่ก็ต้องดูตามเหตุและผล ไม่อย่างนั้นจะมีสำนักยุติธรรมไว้ทำสิ่งใด“เจ้า...เจ้าต้องการให้ข้าเหนื่อยจนตายใช่หรือไม่
ข้าจะเอาพวกเขาไปใช้แรงงาน”“เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่ขายพวกเขาเป็นทาส” จื่อเถาทนฟังไม่ได้ สตรีผู้นี้อาจจะมีแผนบางอย่างชั่วร้าย การขายบุตรเป็นทาสมีเกลื่อนถนนในยุคนี้ หากเจ้าหนูน้อยไปตกระกำลำบากจะเป็นเช่นไร
“เจ้า!” เจินหนิงไม่คิดว่านังเด็กหญิงผู้นี้จะรู้เท่าทันความคิดของนาง นางตั้งใจจะเอาลูกไปขู่สามีหากไม่คืนดี
กับนาง นางจะขายพวกเขาเสีย แต่กลับโดนเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดักคอเสียได้“เจ้า...คิดจะขายลูกข้ารึ” ลู่จื้อกำหมัดแน่นเดินตรงไปกระชากนางให้ออกไปเสีย
“ไปให้พ้นจากหน้าข้า หากเจ้าไม่อยากตาย”
เจินหนิงรู้สึกหวาดกลัวสามีในตอนนี้นัก นางไม่เคยเห็นเขาโกรธนางเพียงนี้เลย วันนี้เขาถึงกับขู่ฆ่า นางไม่อยากตายอยากมีชีวิตอยู่ เงินที่เขาให้ติดตัวมายี่สิบตำลึงเงิน
นางต้องเก็บไว้เดินทางกลับบ้านเกิด‘จบสิ้นแล้ว นางจบสิ้นแล้ว’ สตรีที่เป็นม่ายล้วนเป็นที่รังเกียจทั้งนั้น เพราะหากไม่ชั่วช้าจริง ๆ สามีก็คงไม่หย่าร้างง่าย ๆ แต่นี่นางทำผิดนัก คิดแล้วก็เสียใจที่ตัวเองดัน
ร้ายกาจคิดว่าสามีรักเอาใจ“ลู่จื้อ...เจ้าไม่เห็นแก่ความรักของเราหน่อยหรือ” เสียงขอร้องสั่นเครือนั้น หากใครไม่รู้ก็คงสงสารนางไปแล้ว แต่คนทั่วไปเห็นแล้วก็เมินเฉย นางสมควรโดนแล้วคิดทำร้ายเด็กไม่มีความผิดแค่นี้ยังน้อยไป
“ข้าให้โอกาสเจ้ามานานแล้ว ต่อไปนี้อย่าหาว่าข้า
ใจร้าย” ลู่จื้อตัดเป็นตัดไม่คิดหวนกลับ ทำให้จื่อเถาแอบยกนิ้วให้ในใจ‘จิตใจเข้มแข็งมาก’
สุดท้ายเมื่อสุดจะทัดทาน เจินหนิงก็เดินจากไป เพราะนางพูดแต่เรื่องโม่เฉียวจนสามีไม่ทนนางอีกต่อไป เขาย่อมปกป้องบุตรชายของตน ก่อนที่บุตรชายจะเจ็บป่วยเพราะแม่ใจร้าย
“เจ้าสองคนออกมาได้แล้ว ต่อไปก็ช่วยพ่อเจ้าทำงานดี ๆ เล่า” จื่อเถาเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสองโผล่แค่หน้ามามอง เมื่อไม่เห็นมารดาเขาสองคนก็เบาใจ
“ต่อไปนี้เราจะไม่มีท่านแม่ชอบตีคนแล้ว” ลู่หลงกล่าวขึ้นปลอบใจน้องชาย
ลู่จื้อขอบใจสองแม่ลูกที่ช่วยตนดูแลบุตรชาย แล้วก็ขอบอกขอบใจกันอยู่พักใหญ่ เมื่อซักถามได้ความแล้วพบว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน ลู่จื้อจึงกลับไปเอาซาลาเปามาให้เป็นของขวัญวันย้ายบ้าน ชีวิตจะได้มีแต่โชคเพราะความหมายของมันคือ ‘ห่อโชค’ ต่อไปการค้าจะได้ราบรื่นมีโชคด้านการค้า
จื่อเถารับด้วยความเต็มใจ หลังจากแยกย้ายกับบ้านสองแฝด นางจึงเข้าไปช่วยท่านแม่ปัดกวาดเช็ดถู แล้วก็ต้องออกไปซื้อเครื่องนอนกันอีกด้วย เพราะด้านบนมีแต่เตียงทั้งสองห้องแต่เครื่องนอนยังไม่มี
“ท่านแม่เจ้าคะ ไปดูด้านหลังเป็นอย่างไรบ้าง
เจ้าคะ”“ห้องสุขา ห้องอาบน้ำดีอยู่ลูก เพียงตักน้ำเข้ามาก็ได้แล้ว”
จื่อเถาได้ยินดังนั้นก็เบาใจ นางเช็ดถูด้านบนเสร็จพอดี เห็นพื้นที่ในร้านก็เตรียมคิดให้คนมาทำเตาให้ตรงด้านหน้า จะได้ทำเต้าหู้ทอดขายกับน้ำจิ้มรสเด็ด ส่วนหลังบ้านก็ทำเป็นที่ทำเต้าหู้ ขายทั้งทอดและขายทั้งเป็นชิ้นอย่างไรก็ขายได้อยู่แล้ว
“ท่านแม่เจ้าคะ ไปซื้อเครื่องนอนกับไปร้านทำโต๊ะทำตู้กันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะเปิดร้านขายเต้าหู้ยังขาดโต๊ะอีกเจ้าค่ะ ท่านแม่จะขายน้ำชาด้วยก็ได้นะเจ้าคะ”
นางมองไปรอบ ๆ ฝั่งนี้ไม่มีร้านนั่งทานมากนัก
ซื้อของกินก็เดินกิน หากมีร้านนางนั่งทานก็ดีไม่น้อย แล้วนางจะทำนมถั่วเหลืองหอม ๆ ให้คนที่นี่ได้ชิมกันด้วย ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์เช่นนี้ใครบ้างไม่ทานกัน“ได้แม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อน เจ้าก็ด้วยเนื้อตัวมอมแมม” ชุยชิงชิงต่อให้ไม่ใช่ฮูหยินตระกูลฟู่เฉียนแล้ว
นางก็อยากใช้ชีวิตให้ดี การไปข้างนอกต่อให้เป็นสตรีหย่าร้างแล้วอย่างไร การได้ยืนได้ด้วยตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องน่ายกย่อง“เจ้าค่ะท่านแม่”
หลังจากจื่อเถาและชุยชิงชิงอาบน้ำ ก็เดินถือตะกร้าออกไปด้วยกัน แล้วไม่ลืมหยิบถุงตำลึงมาด้วย ห้าร้อยตำลึงทองก็เป็นเงินไม่ได้น้อย ใช้อย่างประหยัดก็อยู่ได้สบายไป
จนตาย แต่ทว่าลูกสาวพูดถึงเรื่องอยากทำการค้า นางก็ไม่ขัดใจเพียงแต่ลูกสาวนั้นจะทำเต้าหู้ได้จริง ๆ หรือ นางยังไม่มั่นใจนักขณะที่ท่านแม่ของจื่อเถาเดินไปด้านหน้า นางเดินตามรั้งท้ายรู้สึกเย็นวาบที่ฝ่ามือก็รู้สึกประหลาดใจ นางถูมือไปมาชั่วครู่ แล้วก็แบมือออก พบเมฆมงคลภาพเดียวกับหน้าประตูร้านของนางลอยวนอยู่บนฝ่ามือน้อย ๆ ของตน ภายในมีห้วงมิติที่สามารถเข้าไปอยู่ได้ มีบ่อน้ำพุเล็ก ๆ ที่
ในมโนสำนึกของนางรับรู้ได้เองโดยอัตโนมัติว่านี่คือน้ำพุวิเศษ แล้วพื้นที่รอบ ๆ ก็เป็นพื้นที่ปลูกผักและผลไม้หลายอย่าง จื่อเถามองเห็นเหมือนชั้นวางที่เก็บผลผลิตแล้วก็ตกใจ“นั่นน้อยหน่ากับทับทิม โอ้โหลูกใหญ่มาก”
นางอุทานเบา ๆ แล้วก็กะพริบตาไปมาไม่อยากเชื่อภาพ ที่เห็น ก่อนเอามือเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วเอามืออีกข้างล้วงเข้าไป“อุ้ย....!”
เสียงกระบี่ดึงจากฝัก ทำให้คนที่อยู่ในชุดแดงเจ้าสาวภายใต้ผ้าคลุมถึงกับสะดุ้ง ความมืดรอบกายทำให้นางตัวสั่นเทาแสงกระบี่ที่สะท้อนกับแสงจันทร์จากหน้าต่างแยงตาทำให้นางถอยทั้งที่ยังคลุมผ้าจนไปนั่งลงบนเตียง “ฮึก...ไม่นะ” จื่อเถาส่ายหน้าเบา ๆ นางไม่อยากตายในคืนเข้าหอ นาง...นางอยากอยู่ต่อมีชีวิตกับคนที่รัก ปลายกระบี่ตวัดขึ้นทำให้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเปิดออก ใบหน้าคนผู้นี้มืดดำไปด้วยความคับแค้น นางส่ายหน้าไปมาหาทางหนีรอดแต่ไม่มี “ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย” เสียงหวีดร้องของจื่อเถาดังขึ้นสุดเสียง แต่ทว่าไม่ทำให้คนที่ยืนตรงหน้าลดกระบี่ลงเลยสักนิดทั้งเสียบเข้ามาที่กลางท้อง ฉึก! กรี๊ด!!! เสียงกรีดร้องพร้อมกับร่างที่ลุกขึ้นนั่งหอบหายใจ ทำให้คนที่นอนเคียงข้างนางตื่นขึ้นมา แล้วโอบกอดนางไว้ “เจ้าเป็นอะไรไป...ฮูหยินของข้า” เขาดึงนางเข้ามากอดปลอบลูบหลังเบา ๆ ให้นางสงบใจ หากให้เดานางคงฝันร้ายกระมังถึงได้ร้องขนาดนี้ “ท่านพี่ข้า...ข้าฝันไป” จื่อเถาไม่รู้จะบอกอย่างไรดี นางฝันถึงคืนแต่งงานและถูกสังหารอย่างเลือดเย็น หรือนี่จะเป็นวิญญาณจื่อเถาที่แท้จ
ลู่หลงเจ็บปวดใจที่โดนแกล้ง วันนี้เขาตื่นแต่เช้ามาผัดข้าวผัดให้ทุกคนได้กินฝีมือเขาเพื่อเป็นการสั่งสอน โดยไม่บอกผู้ใดด้วย วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี เช่นนั้นเจ้าพวกนี้ต้องโดนเขาสั่งสอน กลิ่นหอมของข้าวผัดคลุ้งไปทั่ว และแน่นอนว่าลู่หลงไม่ให้พวกเขารู้เด็ดขาดว่าข้าวผัดนี้ฝีมือเขาทำ เพราะถ้ารู้เจ้าพวกนี้จะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกินเข็ดหลาบตั้งแต่ครั้งพี่จื่อเถาป่วย “พวกเจ้าต้องได้กินข้าวผัดฝีมือข้า...!”เสียงที่อำมหิตนั้นทำเอาจื่อเถาที่แอบเข้ามาดูในครัวว่าผู้ใดทำอาหารกัน เห็นเจ้าลู่หลงตัวแสบแอบมาทำก็เข้าใจทันทีว่าเขาโดนกลั่นแกล้งจึงต้องเอาคืน นางจะเก็บไว้เป็นความลับก็แล้วกัน แล้วไปดูสาวใช้จัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษว่าไปถึงไหนแล้วกระดาษแดงเขียนคำว่ามงคลประดับอยู่ ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ อายุยืนนาน ติดรอบบ้านทำให้ดูครึกครื้นยิ่งนักบรรยากาศเช่นนี้ดีจริง ๆ บรรยากาศแสนอบอุ่น พี่น้องพร้อมหน้า ทำกิจกรรมร่วมงานหลังจากเมื่อวานให้คนจัดการเรื่องศพของท่านยายเหิงเจี๋ย นางก็ให้ท่านหมอจากในเมืองมาตรวสุขภาพคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้าน ทั้งจัดยาให้โดยนางออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ปีนี้ผลผลิตไม่ได้ตามเ
“ท่านพูดอะไรเจ้าคะ” จื่อเถามึนไปหมด วันนี้นางพูดอะไรผิดไปหรือ ไปต่อว่าเขาเมื่อไหร่กันแน่ “ก็เจ้า...ชอบทุกคนที่ซื้อของให้ แต่ข้าซื้อให้เจ้าไม่เห็นชมข้าบ้างเลย” จื่อเถาไม่คิดว่าเขาจะคิดเยอะขนาดนี้ อยู่ด้วยกันมาหลายปี มีลูกด้วยกันตั้งสี่คน แต่อย่างว่าครอบครัวก็ต้องใส่ใจทุกคนอย่างเท่าเทียมสินะ นางเข้าไปสวมกอดเขาไว้ ซุกหน้ากับแผ่นหลังคล้ายอ้อนเล็กน้อย ทำให้อีกคนที่กำลังน้อยใจภรรยาสีหน้าดีขึ้น “ท่านพี่...ท่านนะดีที่สุดในใจข้าแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกันมาท่านดูแลข้าดีที่สุด” เสียงอ่อนหวานทำให้อีกคนยิ้มออก มือหนายกขึ้นทาบมือนุ่มของนางเอาไว้ บอกให้รู้ว่าเขารักนางมากเพียงใด จื่อเถาเคยแต่ดูแลทุกคนมาตลอดชีวิต เมื่อแต่งงานจึงได้เข้าใจว่าการได้มีคนดูแลมันดีเพียงใด แล้วเขาจะไม่ดีได้อย่างไรกันเล่า “เช่นนั้นเจ้าชมข้าบ่อย ๆ ดีหรือไม่” เขาหันกลับมาหานางแล้วยกนางขึ้นอุ้มเดินไปที่เตียง และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสามีต้องการสิ่งใด “ได้...ข้าจะชมท่านทั้งคืน” แล้วคนขี้น้อยใจก็ร่วมรักภรรยาคนงามทั้งคืน วันถัดมาเหล่าองค์ชายอีกสองคนจึงตามมาสมทบและได้พั
หลังจากพาเด็ก ๆ นอนกลางวันแล้ว เหล่าพี่น้องของนางถึงได้ปลีกตัวมาหานางได้ นางจึงทำขนมบัวลอยที่เคยทำเมื่อตอนงานหยวนเซียวให้พวกเขาได้กินกัน ทุกคนต่างคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ “ข้าคิดถึงงานเทศกาลโคมปีแรกของเจียงซู ข้าเกือบไม่รอดเสียแล้ว” เสิ่นหนิวที่จำช่วงนั้นได้ดี ไฟไหม้ตอนเทศกาลโคมไฟ มีเขาคนเดียวที่ติดอยู่ในกองเพลิงและพี่จื่อเถาก็กล้าหาญมากที่เข้าไปช่วยเขา แม้ตอนหลังท่านลุงเผิงหยวนจะมาช่วยพวกเขาอีกที “เวลาผ่านมาพอคิดย้อนไป พวกเราไม่น่ารอดกันมาได้เลย เจอแต่ละเหตุการณ์” ลู่หลงพูดขึ้นแล้วก็ขำ ความอดทนของพวกเขานี้จะมีใครเทียบได้อีก “ทั้งหมดเพราะพี่จื่อเถาต่างหาก ที่พาพวกเราผ่านความเป็นความตายมาได้ ตอนท่านยายตายข้าคิดจะตายตามท่านยายไปเสียแล้ว แต่ท่านก็ช่วยเหลือจนข้ามีกำลังใจสู้ต่อ” อี้หานกล่าว หากเขาเลือกตายตามท่านยายไปเขาจะไม่รู้เลยว่าตนเองยังมีญาติ แม้พวกเขาจะไม่ติดต่อตนก็ตาม แต่นับว่าไม่ได้อยู่ในโลกนี้โดดเดี่ยว และมีบ้านที่เจียงซูยังอบอุ่นเสมอ “ว่าแต่เจ้าเถอะ ทำไมมาก่อนสององค์ชายนั่น” จื่อเถาฟังพวกเขารำลึกความหลัง แล้วก็ต้องถามด้วยความประหลาดใ
“เจ้าว่าอึกเดียวจะเป็นอะไรไหม” ลู่หลงป้องปากกระซิบกระซาบกับลู่จิ่น ไม่ให้พี่ไป๋ได้ยิน “คงไม่เป็นอะไร ลูกผู้ชายต้องดื่มเหล้า ยิ่งธนู ขี่ม้า ถึงสมกับเป็นลูกผู้ชาย” ลู่จิ่นให้เหตุผลสนับสนุนการลองชิมสุราหลิ่งจือ แม้จะมีรสชาติหวานล้ำ แต่ว่าดื่มไม่ระวังก็เมาหัวทิ่มเช่นกันพี่จื่อเถาบอก จื่อเถาเดินมาสมทบเห็นเจ้าแฝดลู่กระซิบกระซาบอะไรกันแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ เจ้าพวกนี้ต้องให้ท่านน้าของพวกเขาทำเรื่องไม่ดีแน่ “นั่นพวกเจ้าวางแผนอะไรกัน” จื่อเถาหรี่ตามองจับผิด ต่อให้โตแล้วสองแฝดแซ่ลู่ก็ยังแสบเหมือนตอนเด็ก ๆ นางไม่รู้ว่าความแสบสันนี้ได้มาจากใครกัน “ปะ...เปล่านะขอรับ ข้าเพียงตกลงกันว่าคืนนี้จะเอาเผิงซานกับเผิงซุนไปนอนด้วยก็เท่านั้น ไม่ได้วางแผนสักหน่อย” เสียงเล็กเสียงน้อยของลู่หลงตัดพ้อจื่อเถาทำเอานางอยากจะหยิกเหมือนตอนเด็ก ๆ เสียจริง “แม่หนูหนิงมาหาพี่จื่อเถาสิลูกให้ท่านพ่อเหลาดาบได้สะดวก” นางเห็นไป๋อวิ๋นเอาลูกสาวนั่งตักไปด้วยเหลาไม้ไปด้วยก็กลัวว่าเขาจะไม่ถนัด “เจ้าค่ะ” ไป๋หนิงวิ่งมาหาจื่อเถานางย่อตัวอุ้มน้องสาวที่อายุห่างกันมากเหลือเกินจนนางแทบเป
4 ปีผ่านไป จื่อเถาให้กำเนิดบุตรชายสี่คน เป็นฝาแฝดทั้งสองท้อง โดยมีชื่อ เผิงซาน เผิงซุน เผิงเซียว และเผิงซื่อ นางเลี้ยงเหล่าเด็ก ๆ ให้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ นางแบ่งแปลงปลูกผูเถาสีแดง ใช้นำจากบ่อน้ำพุวิเศษรดทำให้ลูกดกยิ่งนัก และตอนนี้เหล้าหมักจากผลผูเถาชื่อว่าเหล้าหลิ่งจือที่แปลว่าความหอมหวานแห่งสายลมเป็นที่ต้องการของทั้งแคว้น และองค์รัชทายาทกับองค์ชายรองมาซื้อไปเกือบครึ่งของแต่ละรอบ ของการเปิดถังหมักทำให้เหล้าหลิ่งจื่อไม่พอต่อการขาย คราวนี้นางจึงไม่ให้พวกเขาซื้อและเอาขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้เขาตัดพ้อต่อว่านางเสียยกใหญ่ แต่นางก็ไม่สนใจเพราะมัวแต่เอาไปในวังทั้งองค์ชายอี้หาญและเขาทั้งสองก็ไม่เป็นอันทำอะไร ตกเย็นจับกลุ่มกันดื่มเหล้า “ท่านแม่ไหนี้ข้าชิมได้หรือไม่” เผิงซานเป็นพี่ใหญ่เกิดวันเดียวกับเผิงซุน แต่ความทะเล้นเหมือนได้ลู่หลงมาจนเต็มทั้งอยากชิมของทุกอย่างที่นางทำ กระทั่งเหล้าหมักผูเถาของนาง “เหล้ากินไม่ได้ เจ้าจะเมาเอา” จื่อเถายิ้มตอบพร้อมลูบหัวเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยของนาง ยิ่งเห็นใบหน้าเศร้าทำเอานางอดขำไม่ได้ “ไปฝึกเพลงดาบกับท่านตาไป๋ของเจ้าดีหร







