Share

Chapter 3

ฉันได้ยินเสียงผู้ชายซึ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านไปถึงกระดูกสันหลังของฉัน

พูดสิ “อัลฟ่า แต่เราต้องการเธอ” ฉันได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนพูด

“ไม่” ชายที่น่าจะชื่ออัลฟ่าตะโกนลั่น

"มองดูที่เธอสิ เธอไม่คู่ควรกับฉัน เธอดูน่าเวทนา คนอย่างเธอจะมาเป็นคู่ของฉันได้ยังไง”

หา นั่นกำลังชี้มาทางฉันเหรอ? ทำไมฉันจึงรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินเช่นนั้นนะ

“อัลฟ่าได้โปรดพยายามเข้าใจหน่อย เท่าที่คุณพยายามจะปฏิเสธ เธอก็เป็นอีกครึ่งของคุณ และเท่าที่คุณต้องการเธอ พวกเราก็ต้องการเธอเช่นกัน”

“ก็ได้ เอาเลย ทำสิ่งที่คุณต้องการ จะเก็บเธอไว้ หรือโยนทิ้งไป ฉันไม่สน เพียงแต่ให้แน่ใจว่าคุณเก็บเธอไว้ห่างจากฉัน”

ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าซึ่งหมายความว่าผู้ชายที่ชื่ออัลฟ่ากำลังจะจากไป

ประตูเปิดออกและเสียงฝีเท้าก็หยุดลง

“เธอไม่มีความหมายสำหรับฉัน และเมื่อเธอมีสติสัมปชัญญะฟื้นคืนมา ฉันจะปฏิเสธเธอ จะไม่มีการอ้อนวอนใดๆทั้งนั้น และทั้งหมดจะเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของฉัน”

เสียงของพวกอัลฟ่าดังขึ้น ไม่เหลือที่ว่างสำหรับคำว่าไม่ ฉันนึกภาพออกเลยว่าคนอื่นๆคงพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว

“เธอดูอ่อนแรง” เขาพูดและจากไป

ฉันรู้สึกโกรธและเดือดดาลภายในเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายนั้น

ฉันไม่ชอบให้ใครมาตัดสินฉัน ฉันพยายามบังคับตัวเองให้ฟื้นคืนสติ ความโกรธทำให้ฉันฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ ฉันพยายามมากขึ้น

“ดูสิ ฉันคิดว่าฉันเห็นเธอขยับนิ้ว” ชายคนหนึ่งในสองคนพูดขึ้น

"เป็นไปไม่ได้ ฉันยิงยาสลบให้เธอในปริมาณที่สูง เธอไม่ควรฟื้นคืนสติได้นานถึง 3-4 ชั่วโมง” ชายอีกคนหนึ่งพูด

ฉันพยายามอีกครั้งและครั้งนี้ฉันบังคับตัวเองได้มากขึ้น ในไม่ช้าฉันก็รู้สึกว่าตาของฉันเปิดออกและในไม่ช้าก็พบกับดวงตาสีน้ำตาลและสีฟ้า

“เป็นไปไม่ได้” ทั้งสองกระซิบพร้อมกัน

ฉันลืมตาขึ้นและพบกับดวงตาที่ตกใจสองคู่ที่มองมาที่ฉัน ฉันจ้องไปที่พวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขารู้ตัวอย่างรวดเร็วถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พวกเขามองกันและกัน และราวกับว่าพวกเขากำลังสื่อสารพูดคุยกันอยู่ในใจ

ฉันขยับมือ และยกขึ้นมาไว้ใต้หัว และพับขาของฉันไว้บนขาอีกข้างหนึ่ง แล้วยิ้มให้พวกเขา

พวกเขาเห็นท่าทางของฉัน และฉันแน่ใจว่าดวงตาของพวกเขาแทบตะถลนออกมาจากเบ้า

พวกเขาไม่ได้คาดคิดท่าทางแบบนั้นจากตัวประกันที่จับมาและทั้งจากผู้หญิงด้วย พวกเขาคิดว่าฉันคงกำลังจะสติแตกหรือพยายามจะหนี ซึ่งฉันจะทำทีหลังอย่างแน่นอน

หนึ่งในนั้นกระแอมและพูดว่า “เฮ้ ฉัน เอ่อ…ชื่อ เบลค”

แล้วอีกคนก็พูดว่า “สวัสดี ฉันโคล”

ฉันมองดูพวกเขาและกระโดดลงจากเตียง นั่นทำให้พวกเขาถอยหลังอย่างแปลกใจ แล้วฉันก็เริ่มเดินไปที่ประตู

“เฮ้! เธอจะไปไหน? เธอออกจากห้องนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวก่อน!”

ฉันออกจากห้องแล้วเดินต่อไป พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงตัวฉันและเริ่มพูดพล่าม

“ไปที่นี่ไม่ได้ ไปที่นั่นไม่ได้” บลา บลา บลา…

ฉันคิดว่าฉันกำลังอยู่ในโกดังหรืออะไรสักอย่าง และฉันเดาว่านี่เป็นการลักพาตัวอีกแบบหนึ่ง

มันเป็นบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังใหญ่มาก ใกล้เคียงกับคฤหาสน์

ทำไมพวกเขาถึงลักพาตัวฉัน

เมื่อฉันเดินๆอยู่ ทั้งสองก็หยุดและเริ่มทะเลาะกันเอง ฉันเร่งความเร็วแล้วเลี้ยวซ้าย

ไม่นานหลังจากมองสำรวจดูห้องต่างๆมากมาย รวมถึงขัดจังหวะช่วงเวลาใกล้ชิดของคู่รักบางคู่ ในที่สุดฉันก็มาถึงห้องที่ฉันกำลังตามหาอยู่

ห้องครัว ฉันเข้าไปในห้องครัว และเปิดตู้เย็น ฉันพบอาหารจำนวนมากและส่วนใหญ่เป็นเนื้อสัตว์ที่บรรจุหีบห่อไว้อย่างดี

ไม่แปลกใจเลยที่คนในบ้านนี้เยอะ

ฉันหยิบโค้กแล้วเริ่มดื่มเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในครัว

“เฮ้ มาทำอะไรที่นี่? คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องของคุณ” เบลคกล่าวว่าทำให้ฉันสำลักโค้กของฉัน

อนุญาต?

“ฉันไม่ต้องการการอนุญาตจากใครให้ทำอะไร แล้วเธอหมายความว่ายังไง ที่ถามว่าฉันมาทำอะไรที่นี่? ไม่เห็นเหรอว่ามันเป็นครัว และฉันหิว ฉันเลยกินอาหารของคุณ” ฉันพูดออกไปอย่างชัดเจน

“ทำไม คุณไม่กลัวเราเหรอ? เราลักพาตัวคุณมานะ” โคลพูดพลางมองมาที่ฉันอย่างสงสัย

“ทำไมฉันต้องกลัว? ถ้าคุณต้องการที่จะทำร้ายฉันหรือฆ่าฉัน คุณคงทำไปแล้วใช่ไหมล่ะ” ฉันถามพลางเลิกคิ้ว

“ใช่ เราจะไม่ทำร้ายคุณ” เบลคพูดอย่างระมัดระวัง

“ถ้าไม่ได้ลักพาตัวฉันเพื่อฆ่าฉันหรือทำร้ายฉัน แล้วพวกคุณลักพาตัวฉันมาทำไม จะบอกอะไรให้นะว่าคุณน่ะไม่สามารถเรียกเงินค่าไถ่ได้หรอกนะ ไม่มีใครที่อยู่ในฐานะครอบครัวของฉันที่จะจ่ายเงิน และถ้าคุณลักพาตัวฉันด้วยเหตุผลอื่นก็จงรีบบอกมา” ฉันพูดพร้อมกับมองพวกเขาอย่างจริงจัง

“ฟังนะ มีเหตุผลว่าทำไมเราถึงลักพาตัวคุณมา และคุณจะรู้ในไม่ช้านี้ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น คุณต้องอยู่ที่นี่ และเราสัญญาว่าที่นี่จะไม่มีใครมาทำร้ายคุณ” โคลกล่าวด้วยสายตาอ้อนวอน

“ได้โปรด มันเป็นคำขอ” เบลคเสริม

ฉันจิบโค้กและครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ทั้งสองกล่าว

ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่ ฉันคงอยู่ที่ลาสเวกัส ในโรงแรมหรือโมเต็ลบางแห่งก็เสียเงินไปเปล่าๆ

ทำไมไม่พักที่นี่ไปเลยล่ะ?

ที่นี่เป็นสถานที่ขนาดใหญ่และฉันสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างอิสระเป็นเวลาหลายวัน

ไม่ใช่ว่าฉันกลัวพวกเขาจะทำร้ายฉันเพราะฉันสามารถดูแลตัวเองได้

อืม โอเค “ก็ได้” ฉันพูด นั่นทำให้พวกเขายิ้ม

“ขอบคุณนะลูน่า” พวกเขาพูดพร้อมกัน

“ลูน่า?” ฉันถามงงๆ “ฉันชื่อ เอเดอริน บรูคส์ เรียกฉันว่า อาดี้ก็ได้” ฉันพูดยิ้มๆ

พวกเขามองหน้ากันแล้วพูดยิ้มๆ “โอเค อาดี้”

“แล้วตอนนี้ เจ้าแดงของฉันอยู่ที่ไหน” ฉันถามพลางหรี่ตาลง

“เจ้าแดง คืออะไร?” โคลถาม

“รถสีแดงของฉันไง อยู่ที่ไหน” ฉันถามอีกครั้ง

“คุณหมายถึง รถอาวดี้ เอสาม คาร์บริโอเล็ต เหรอ?” เบลคถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

“ใช่ นั่น อาวดี้ เอสาม คาร์บริโอเล็ต เธอชื่อจีน่า” ฉันหัวเราะให้เขา

“มันอยู่ในโรงรถของเรา และกระเป๋าของคุณที่เราพบในรถคันนั้นตอนนี้อยู่ในห้องของคุณ ที่คุณอยู่เมื่อ 15 นาทีที่แล้ว” โคลพูดอย่างหน้าตาเฉย

“ไปกันเถอะ ไปกันได้แล้ว” เบลคเสริม

"ไปไหน?" ฉันถามอย่างงงๆ

“ไปหาอัลฟ่า” เบลคพูดและโดนโคลตบเข้าที่หัว

“โอเค งั้นไปกันเลย” ฉันตื่นเต้นที่จะได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่นี้

เราเดินผ่านทางเดินและขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง ในที่สุดเราก็มาถึงประตูไม้บานใหญ่และเคาะที่ประตูนั้น

“เข้ามา” เสียงแหบห้าวพูด ทำให้ร่างกายสั่นเทา

ฉันมองไปที่โคลและเบลค ที่กำลังมองมาเหมือนให้สัญญาณ ราวกับว่าพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อฉันได้ยินเสียงนั้น

ที่นี่เป็นสถานที่ที่แปลกจริงๆ

โคลหมุนลูกบิดแล้วเปิดประตู โคลเข้ามาในห้องและเบลคเดินตามเขาไป ฉันยักไหล่แล้วเดินตามพวกเขาเข้าไป

ฉันมองเข้าไปในห้อง เห็นว่ามันเป็นสำนักงาน พร้อมตู้หนังสือ โซฟา โต๊ะทำงาน ตู้เย็นขนาดเล็ก และหน้าต่างกระจกบานใหญ่

ฉันหมกมุ่นอยู่กับการสำรวจดูภายในห้องมากเสียจนไม่ทันสังเกตว่าพวกเขามองมาที่ฉัน

เมื่อฉันรู้ตัว ฉันก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งหลังโต๊ะตัวใหญ่ เขาเป็นคนเดียวกับที่ฉันพบที่ร้านอาหารนั้น

เขาสวมแจ็กเก็ตหนังสีดำ ข้างนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์เดนิมสีดำ

เขาดูหล่อมากจริงๆ ด้วยเส้นเลือดที่โผล่ออกมาบนมือของเขา ทำให้ฉันรู้ว่าเขาต้องออกกำลังกายเยอะมาก

“น้ำลายไหลแล้วเหรอ” เขาถามและหรี่ตามามอง

โอ้โห! ไอ้บ้านี่ ยโสโอหังมาจากไหน มาพูดจาแบบนี้

“อย่ามายกยอตัวเองไปหน่อยเลย” ฉันพูดพลางเบิกตากว้าง

ฉันเดาว่าเขาไม่คาดคิดกับการโต้กลับมาจากฉันแบบนี้

เบลคและโคลสำลักในอากาศ และฉันก็ยิ้มให้เขา ดวงตาสีเขียวของป่าลึกของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ และฉันก็ตกใจมากที่เห็นสิ่งดังกล่าวซึ่งมนุษย์ไม่สามารถทำได้

“อย่าพูดกับฉันแบบนั้น” เขาคำราม ใช่ มันคือการคำรามเหมือนสุนัข และเสียงของเขาดุร้าย แหบแห้ง และเหมือนความตาย

ฉันทำหน้านิ่งเฉย โคลและเบลคมายืนอยู่ตรงหน้า บังขวางฉันไม่ให้มองเขา

ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาเบี่ยงหน้าเข้าไปใกล้ชายผู้นั้นโดยยืนอยู่ข้างหลังเขา

ผู้ชายคนนั้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหลับตา เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง และดวงตาของเขาเปลี่ยนกลับไปเป็นสีเขียวดังเดิม

เขาชี้ให้ฉันนั่งข้างหน้าเขา ฉันไปที่นั่นและนั่งบนเก้าอี้แล้วเอนตัวลง

"คุณชื่ออะไร?" เขาโพล่งออกมาในทันที

"ฉันเหรอ?" ฉันถามด้วยใบหน้าที่ขบขัน ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ใช่สิ จะหมายถึงใครล่ะ” เขากล่าวอย่างรำคาญ

"ทำไมเหรอ? คุณจะแต่งงานกับฉันหรือไง” ฉันพูดและเอาศอกวางบนโต๊ะของเขา วางใบหน้าเท้าคางเพื่อเยาะเย้ยเขา

โคลและเบลคมองอย่างขบขัน ในขณะที่ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าฉันมองมาที่ฉันอย่างหงุดหงิด

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status