Share

Chapter 2

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และปลดกระดุมเม็ดกลางของชุดสูทอาร์มานี่ ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมยืนขึ้นตามผม ผมพยักหน้าหงึกหงักซึ่งทำให้ทุกคนรู้ว่าผมเห็นด้วยกับข้อตกลง ทุกคนเริ่มจับมือกัน และคุณวิทมอร์วิ่งมาหาผมเพื่อจับมือ

“ขอบคุณ ขอบคุณครับท่านบิชอป” เขาร้องไห้อย่างมีความสุขและสั่นศีรษะไปมา

ผมวางมือบนไหล่เขาครู่หนึ่ง แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับ เบลคผู้ซึ่งเป็นเบต้า และโคล ซึ่งเป็นนักรบของผมเดินตามผมมา

เบลคและโคลเป็นเพื่อนของผมในวัยเด็ก เบต้าเป็นผู้มีพลังพิเศษบางอย่าง และโคลเป็นนักสู้ที่ดีที่สุดของผม มีทักษะในด้านพลังในการต่อสู้ที่ดีเยี่ยม พวกเขามักจะมากับผมด้วยในการประชุมทางธุรกิจ แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักผมดีตั้งแต่ยังเด็ก แต่พวกเขาก็ยังมีความกลัวและยังให้ความเคารพต่อผม พลังหมาป่าของผมทำให้พวกเขายำเกรง

“ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะตกลงกับดีลนั้นง่ายๆแบบนี้เลย...” เบลคพูดจากด้านหลัง

ผมมองเขาแล้วตอบว่า "ฉันก็เหมือนกัน..."

เขาเลิกคิ้วขึ้นแต่ไม่เอ่ยถามอะไรเพิ่มเติม

โคลมากับรถแล้ว เราทุกคนก็ขับรถกลับไปที่โรงแรมเพนท์เฮาส์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเราต้องกลับไปที่บ้านช่วงก่อนค่ำ

หลังจากเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์เดนิมและเสื้อเชิ้ตโปโลสีดำแบบสบายๆ เราสามคนก็ออกเดินทางด้วยรถยนต์ไปที่บ้าน บ้านของพวกเราตั้งอยู่ที่ชานเมืองภายในป่า ซ่อนด้วยเกราะกำบังเพื่อหลบซ่อนสายตาจากมนุษย์ ผู้บุกรุกและบรรดาศัตรูเหล่าร้าย

“จะใช้เวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ฉันหิวแล้ว” เบลคที่กำลังขับรถอยู่กล่าว

"ฉันรู้จักร้านอาหารดีๆแถวนี้ ทำไมเราไม่หยุดกินก่อนซะล่ะ" โคลพูด และหันมาขออนุญาตจากผม

ผมเพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วย

เราไปถึงร้านอาหาร และจอดรถไว้ใกล้กับรถอาวดี้

เบลคผิวปากและพูดว่า “ดูรถคันนี้สิ ช่างเป็นรถที่ร้อนแรง มันสุดยอด" เขาชี้ไปที่รถอาวดี้

ผมกับโคลส่ายหัวให้เขา เบลครู้สึกตื่นเต้นเสมอที่ได้เห็นรถราคาแพง

เราจอดรถและเดินไปที่ประตูทางเข้าร้านอาหาร ทันใดนั้น ผมก็ได้กลิ่นกุหลาบผสมกลิ่นช็อกโกแลตที่หอมหวลและน่าอร่อยมากๆ เป็นกลิ่นที่ผสมกันแล้วลงตัวมีเอกลักษณ์อย่างที่สุด

หมาป่าของผมที่ชื่อแบลคเริ่มกระดิกหางและส่งเสียงหอนในใจ

เขาตะโกนว่า “วิ่ง วิ่งตามกลิ่น...เร็วเข้า”

ผมเร่งจังหวะก้าวเดิน เมื่อได้กลิ่นมากขึ้นจากด้านหลังประตู ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปและผลักประตูให้เปิดออกให้กว้าง ข้างหลังประตูนั้น มีผู้หญิงยืนอยู่ ผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก เธอมีดวงตาสีน้ำตาลคู่งามที่ราวกับเก็บความลับบางอย่างไว้ มีผมสีน้ำตาล และมีรูปร่างเหมือนเทพธิดา

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงต้องการโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน อยากจะซ่อนและปกป้องเธอไว้จากโลกใบนี้ แต่ผมก็ควบคุมตัวเองไว้ได้

เธอมองมาที่ผมด้วยดวงตาเบิกกว้าง คงจะสับสนกับการเข้ามาของผมอย่างกระทันหัน

หมาป่าของผมหอนด้วยความดีใจ และคำพูดที่ผมไม่อยากได้ยินมาทั้งชีวิตก็ออกมาจากปากหมาป่าของผม…. “คู่ครอง”

ไม่ ไม่ ไม่ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ไม่ ฉันไม่ต้องการคู่

ผมไม่เห็นด้วยกับหมาป่าของผม ผมพยายามปิดกั้นมันออกจากความคิด

ตาผมเริ่มเปลี่ยนสีด้วยความโกรธ เมื่อหญิงสาวสาวตรงหน้าเดินผ่านผมไปและขับรถพาอาวดี้มุ่งหน้าไปที่เวกัส ผมควบคุมตัวเองและเริ่มเปิดใจ

“ไปหาเธอสิ รออะไรล่ะ” แบลค หมาป่าของผมยังคงตะโกนก้อง

“ฉันไม่ต้องการคู่ครอง และนายก็รู้ว่าทำไม” ผมตอบกับตัวเอง

“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ ไปเอาเธอมา” แบลคตะโกนอย่างโกรธจัด

"เอาล่ะ" ผมกัดฟันพูดพึมพำ

"โคล เบลค ไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาและอย่าทำอันตรายเธอและพาเธอไปที่บ้าน" ผมออกคำสั่ง

พวกเขายิ้มรับรู้และพยักหน้า “ฉันจะไปรอที่บ้าน” ผมบอกพวกเขา

พวกเขาพยักหน้าและวิ่งไปที่รถและขับตามเธอไป

ผมเดินไปที่ด้านหลังของร้านอาหาร มองเข้าไปยังป่า และผมก็กลายร่างเป็นหมาป่าสีดำและเริ่มวิ่งไปยังบ้านในป่าของผม ต่างจากผม หมาป่าของผมกำลังมีความสุขมากเกินไป และแทบรอไม่ไหวที่จะพบกับคู่ของเขาอีกครั้ง

“นี่ฉันกำลังจะทำอะไร” ผมถอนหายใจและพึมพำกับตัวเอง

ผ่านไป 15 นาทีแล้วตั้งแต่ฉันออกจากร้านอาหารนั้น แต่ฉันยังคงคิดถึงผู้ชายที่มีดวงตาสีเขียวของป่าลึกอยู่

“ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม” ฉันพูดพร้อมกับกดพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิด สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันเลย ตอนนี้ฉันเป็นอะไรไป? ทำไมถึงคิดวนเวียนถึงผู้ชายแปลกหน้าที่ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำ เวรกรรม !

เมื่อฉันละสายตาไปมองที่กระจกมองหลัง ฉันสังเกตเห็นรถที่ตามฉันมาตั้งแต่ออกจากร้านอาหาร ฉันขับรถคันแดงไปทางซ้ายของถนนเพื่อให้พวกเขาแซงฉัน แต่พวกเขาก็ไม่ทำ พวกเขากลับหันรถไปทางซ้ายตามฉันแทน

อะไรกันเนี่ย? ฉันหันรถจีน่าไปทางขวาอีกครั้งเพื่อให้พวกเขาแซงฉัน แต่พวกเขาก็ยังตามฉันมาอีก

โอเค ตอนนี้พวกเขากำลังกวนประสาทฉันอยู่ ฉันเหยียบคันเร่งอย่างแรง เร่งเครื่องจีน่า พวกเขายังคงเร่งติดตามฉันมา

บ้าจริง พวกนั้นตามฉันมาทำไม

ฉันเหยียบคันเร่งอย่างแรงและเร่งเร็วขึ้น และไม่นานฉันก็ไม่เห็นรถพวกนั้นในสายตา

ฉันยิ้มเย้ย พวกนั้นไม่ได้ครึ่งของจีน่าของฉันเลย!

ฉันสามารถเห็นเลนถนนที่ห่างออกไป 1 กม. จากจุดที่ฉันขับอยู่ และในไม่ช้าฉันก็ขับรถคันแดงอยู่บนถนนเส้นนั้น แต่ทันใดนั้น ก็มีรถโผล่ออกมาจากป่าซึ่งอยู่ข้างทางถนน

รถคันนั้นเป็นรถคันที่ตามฉันมา ให้ตายสิ เพิ่งจะรู้! พวกนั้นใช้เส้นทางลัด

เดี๋ยวนะ! พวกเขารู้เกี่ยวกับทางลัด นั่นหมายความว่าพวกเขาคุ้นเคยกับเส้นทางแถวนี้ดี โดยที่ฉันไม่รู้อะไรเลย ยกเว้นเส้นทางจากจีพี่เอสที่แสดงให้เห็นว่าฉันกำลังจะไปไหน

ฉันว่าฉันกำลังมีปัญหาแล้วล่ะ

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว รถก็แซงหน้าฉันไปและหยุดอยู่ตรงในทันใด มันทำให้ฉันต้องเหยียบเบรกอย่างแรง รถหยุดพร้อมเสียงยางลั่นเอี้ยดกับถนน ทำให้ตัวฉันโค้งเซไปข้างหน้า ขอบคุณพระเจ้าที่รัดเข็มขัดนิรภัย ไม่อย่างนั้นฉันคงบินออกจากรถเหมือนกับซูเปอร์แมน หรือซูเปอร์วูแมน

ช่างตลกอะไรแบบนี้! ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะมาพูดเล่น

ฉันลงจากรถและเริ่มโวยวาย

“เป็นบ้าอะไร พวกนายอยากตายนักเหรอ แต่ฉันไม่ได้วางแผนที่จะตายเร็วๆนี้หรอกนะ”

ผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแรงสองคนลงจากรถ และฉันก็จำได้ว่าพวกเขาเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนตาสีเขียวของป่าลึกคนนั้น

“พวกคุณเป็นบ้าอะไรกัน” ฉันชี้นิ้วไปทางพวกเขา

“คุณสองคนเป็นผู้ชายที่เจอกันที่ร้านอาหารนั้นไม่ใช่หรือ” ชายผมดำคนหนึ่งใช้มือลูบหลังคอและพยักหน้า

พวกเขามองหน้ากันและพยักหน้า ก่อนที่ฉันจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมพวกเขาถึงตามฉันมา ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นขาขวาและเห็นยากล่อมประสาท

อะไรกัน? และก่อนที่ฉันจะหมดสติไป ฉันก็ได้ยินแค่เพียง “ยกโทษให้พวกเราด้วย ลูน่า”

ลูน่าคือใคร? ฉันค่อยๆสลบไป โดยคิดถึงความเป็นไปได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน

ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้มขึ้นเหมือนเป็นเจ้าสาวและถูกวางบนสิ่งที่อ่อนนุ่ม ได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์และได้ยินผู้ชายคนหนึ่งตะโกน

"อืมใช่แล้ว! กำลังจะพาสาวงามไป” “สาวงามอะไร”? ฉันคิด

แม้จะอยู่ในสภาวะสลบไสล ฉันยังได้ยินเสียงแต่ไม่สามารถลืมตาได้

หรือว่า พวกเขากำลังพูดถึงจีน่าของฉัน?

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ฉันจะทำให้ชีวิตของพวกเขากลายเป็นนรก และฉันก็หมายความตามนั้น

ฉันสัมผัสได้ถึงมวลอากาศที่ลอยปะทะใบหน้า ซึ่งหมายความว่าเราอยู่ในรถที่กำลังเคลื่อนที่

ฉันจำเป็นต้องรู้ว่าฉันกำลังไปที่ไหน เพื่อหาทางหนี แม้ว่าฉันจะลืมตาไม่ได้ แต่ฉันก็ยังพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะว่าฉันเคยฝึกมาบ้าง

ฉันจดจ่ออยู่กับการเต้นของหัวใจและเริ่มนับจังหวะการเต้นของหัวใจ ฉันจะนับใหม่ตั้งแต่ต้นถ้ารู้สึกว่ารถเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา

ไม่นานรถก็หยุดลง และฉันก็สร้างแผนที่ในจินตนาการขึ้นมาในหัว ซึ่งฉันรู้ว่ามันจะช่วยฉันได้ไม่ช้าก็เร็ว

ฉันได้ยินเสียงครูดของการเปิดประตูและรถก็เคลื่อนตัวอีกครั้ง

โอเค โอเค เธอทำได้ แค่สงบสติอารมณ์และเพียงแค่จดจ่อไปที่การนับเสียงหัวใจ

รถจอดนิ่งอีกครั้ง และฉันพบว่าตัวเองถูกยกขึ้นด้วยแขนกล้ามใหญ่

ไม่ว่าเชาจะเป็นใครก็แล้วแต่ ชายคนนี้ไม่ปล่อยฉันลง

ฉันเริ่มนับการเต้นของหัวใจอีกครั้ง หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า

ฉันรู้สึกว่าโดนพลิกตัวอีกครั้ง จึงเริ่มนับใหม่แต่แรก

หนึ่ง สอง สาม เสียงลูกบิดหมุน

เปิดประตู เสียงฝีเท้า

ฉันทำเครื่องหมายทุกอย่างไว้ในใจ และทันใดนั้นฉันก็ถูกวางลงบนสิ่งที่อ่อนนุ่ม ฉันเดาว่าเป็นที่นอนหรือเตียง

ทำไมถึงมีคนลักพาตัวฉัน และให้นอนบนเตียงนุ่มสบาย แทนที่จะขังไว้ที่คุกใต้ดินหรือพื้นคอนกรีต

ไม่มีเสียงโซ่หรือกุญแจมือ ดังนั้นฉันเดาว่าฉันไม่ได้ถูกล่ามโซ่หรือผูกมัดอะไร

แปลกนะ พวกแก๊งลักพาตัวนี้

ฉันได้ยินเสียงฝีเท้า ลูกบิดหมุน และเปิดประตู ดูจากฝีเท้าแล้วมีสามคน

ฉันรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งอยู่เหนือฉัน จากด้านข้างเตียงหรือที่นอน และมีคนกำลังดมกลิ่น

บ้าอะไรเนี่ย? ดมกลิ่น มีคนกำลังดมตัวฉัน? เหมือนหมา?

แล้วมีเสียงหายใจเข้าลึกๆ “เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ ให้ตายสิ เธอไม่ใช่คนที่นี่”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status