LOGINชิงหรูคนใหม่นี้บอกเลยว่านางไม่ยอมแพ้เพียงเท่านี้หรอก
ความขมในใจบัดนี้กำลังถูกกลบด้วย... แผนการใหม่ที่นางเตรียมไว้สำหรับค่ำคืนนี้
นางก็สั่งให้เสี่ยวเฉินไปนำหีบใส่ชุดที่นางออกแบบและให้คนตัดใหม่
“นี่คือชุดที่ฮูหยินให้บ่าวนำไปส่งที่ร้านชุด และตัดตามที่ท่านวาดไว้เจ้าค่ะ”
ฝาหีบเปิดออก เผยให้เห็นผ้าโปร่งบางสีชมพูสดเนื้อดีนุ่มลื่นมือยามสัมผัส ชุดเศษผ้านี้ตกแต่งด้วยลายปักดอกไม้สีแดงสด บริเวณอกมีสายคาดไขว้เป็นรูปผีเสื้อเผยเนินอกได้รูปอย่างมีชั้นเชิง
นี่คือชุดนอนไม่ได้นอนแบบร่วมสมัยเกินกว่าหญิงใดในยุคนี้จะกล้าใส่
...ชาติก่อนนางหาได้มีโอกาสใส่ของพวกนี้ไม่ นางทำงานจนเล็บแทบจะหัก ขนาดกางเกงนอนยังหมุนใช้สามวันซักที ทว่าตอนนี้นางสั่งตัดเพียงวันเดียวชุดใหม่ที่นางต้องการก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ลู่ชิงหรูอาบน้ำอย่างละเอียด ล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำสมุนไพรอุ่นที่แช่ด้วยกลีบดอกไม้ ทาเนื้อตัวด้วยน้ำอบกลิ่นหอมละมุน นางยืนหน้ากระจกทองเหลือง ค่อย ๆ สวมชุดนั้นทีละชิ้น ด้วยใจที่เต้นแรงขึ้นทุกคราที่เนื้อผ้าสัมผัสผิว
ร่างของนางในกระจกช่างงดงามเกินหญิงธรรมดา ผิวขาวเนียนไม่ต่างจากหยกขัด รูปร่างเพรียวแต่ไม่ผอมแบน อกกลมกลึง เอวคอดสะโพกได้รูปอย่างน่าหลงใหล ผมดำขลับยาวสลวยถูกรวบหลวม ๆ ด้วยปิ่นหยกให้หลุดตกเคียงไหล่เล็กน้อยคล้ายไม่ตั้งใจ แต่กลับยิ่งชวนมอง
สมกับที่เป็นนางร้ายในนิยายยิ่ง งดงามแบบเย้ายวนยากละสายตา...
เสี่ยวฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับอ้าปาก ตาค้างไปพักหนึ่งก่อนจะพึมพำอย่างอดไม่ได้
“ฮูหยิน...ช่างงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ งดงามถึงเพียงนี้...ท่านแม่ทัพคงมิอาจละสายตาได้แน่”
ชิงหรูหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ได้ตอบอันใด
นางก็อยากจะให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน สิ่งที่นางร้ายผู้นี้มือจนน่าอิจฉาคือ หุ่นเย้ายวนและผิวขาวน่าจับต้อง เป็นความงามที่มองไม่เบื่อจริง ๆ
เมื่อแต่งตัวพร้อมแล้วชิงหรูก็หยิบเสื้อนอกตัวหลวมมาคลุมร่างแล้วเดินถือถาดไม้วางชามรังนกตุ๋นหอมกรุ่นไว้ นางเดินนำหน้า เสี่ยวฉินที่ถือโคมไฟตามหลัง
ภายในห้องทำงานของแม่ทัพเซียว เงาของชายหนุ่มผู้หนึ่งทอดอยู่หลังโต๊ะยาว ท่ามกลางกลิ่นหมึกจาง ๆ และความเงียบ...
ข้างกายคืออาหลี บ่าวบุรุษคนสนิทที่ยืนฝนหมึกอยู่เงียบ ๆ มือคอยเติมชาให้โดยไม่ต้องรอคำสั่ง ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปด้วยความเคารพและคุ้นเคยในนิสัยของเจ้านาย
เสียงฝีเท้าเร่งเร้าดังขึ้นจากหน้าประตู บ่าวที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกก้าวเข้ามารายงาน
“ท่านแม่ทัพ...ฮูหยินนำของว่างมื้อดึกมารอที่หน้าห้อง ขอเข้าเฝ้าพบท่านขอรับ”
อาหลีเหลือบตามองไปยังเจ้านายก่อนจะก้มหน้าลงโดยพลัน
เซียวเหยียนหลงไม่แม้แต่จะเงยหน้าจากตำรา แต่ยามเปล่งเสียงของเขาเย็นเรียบก็กดดันจนบ่าวทุกคนไม่สบายตัว
“ไล่นางกลับไป”
คำว่า ฮูหยิน ที่เขาได้ยินก็ไม่ต่างจากแมลงหวี่ที่บินวนสร้างความรำคาญยามค่ำคืน
บ่าวผู้นั้นรับคำแล้วก็เตรียมจะถอยออกไป แต่ไม่ทันถึงประตู บานประตูก็ถูกผักเปิดออกจากด้านนอกเสียแล้ว
ลู่ชิงหรูก้าวเข้ามาอย่างเร็ว เสื้อคลุมตัวหนาปลิวไหวเล็กน้อยยามเดิน สีหน้านางสงบ แต่ดวงตาซ่อนความตื่นเต้นและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด นางวางถาดรังนกตุ๋นที่จัดมาอย่างดีตรงหน้าโต๊ะ ก่อนจะย่อกายเบา ๆ
“ข้าเห็นว่าท่านพี่ตรากตรำงานหนัก จึงเตรียมรังนกตุ๋นมาให้ หอมและร้อนกำลังดี ท่านพี่โปรดรับไว้ด้วยเจ้าคะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่แฝงความตั้งใจ สายตาส่งผ่านความหวังเล็กน้อย…แต่สิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่คำปฏิเสธธรรมดา
เซียวเหยียนหลงวางพู่กันลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนเหลือบมองถาดนั้นเพียงแวบ แล้วปัดมันลงจากโต๊ะด้วยฝ่ามือหนักทันใด
เคร้ง!
ชามรังนกกระแทกพื้นดัง เสียงแตกสะท้อนก้องในห้อง กลิ่นหอมลอยฟุ้งในอากาศราวกับเย้ยความตั้งใจของผู้มอบ
ชิงหรูชะงัก มือที่ยังค้างอยู่เหนือชายเสื้อแน่นขึ้นเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง นางไม่หลบ ไม่ก้าวถอย แต่ก็ไม่อาจปั้นสีหน้าไม่ให้โกรธได้เช่นกัน
เสียงของแม่ทัพเซียวดังขึ้นอีกครั้ง เย็นเฉียบยิ่งกว่าก่อนหน้าที่คุยกับบ่าวยิ่งนัก
“อาหลี เก็บให้เรียบร้อย และไล่แมลงหวี่ออกไปเสียที ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
คำว่า แมลงหวี่ ถูกเขากล่าวเสียงฟังชัดเจน ไม่มีการหลบเลี่ยงหรือเกรงใจนางในฐานะฮูหยินของเขาแม้แต่น้อย
ท่านแม่ทัพหนุ่มลุกขึ้น หมุนตัวเดินไปยังห้องนอนด้านในโดยไม่ชายตามองชิงหรูเลยสักนิด
“อย่าได้ตามมา เว้นเสียแต่เจ้าคิดจะเปลืองหน้าตนเองให้บ่าวทั้งจวนหัวเราะเยาะ!”
เสียงประตูห้องด้านในถูกเลื่อนปิดอย่างเยือกเย็น
ชิงหรูยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เงาไฟบนพื้นสะท้อนใบหน้าของนางที่ไม่มีหยดน้ำตา แต่แววตากลับสั่นไหวด้วยความเสียใจเล็ก ๆที่เกิดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
อาหลีนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาเก็บถาดและถ้วยแตกเงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ โดยไม่กล้าสบตานางที่ก็ยังไม่ไปไหนเช่นกัน
“แม่นางลู่...เอ่อ นี่ก็ดึกแล้วเชิญท่านกลับเถอะขอรับ”
นางมองไปยังประตูที่ปิดสนิทอีกครั้งก่อนสูดหายใจออกช้า ๆ แล้วพยักหน้าเข้าใจ
นาง...จะลุกขึ้นใหม่อีกครั้งในไม่ช้าแน่ !
บทที่ 3การกระทำแสนหยาบช้าแสงแรกของรุ่งเช้ารำไรผ่านม่านบางสีอ่อนของเรือนใหญ่ ลู่ชิงหรูกำลังนั่งอยู่หน้าคันฉ่องทองเหลือง หวีผมอย่างประณีต ดวงใจกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะเช้าวันนี้นางตั้งใจจะไปส่งสามีที่หน้าจวนก่อนที่เขาจะออกไปทำงานที่ค่ายทหารเมื่อคืนถูกผลักไสอย่างไร้เยื่อใย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลให้นางถอย การจะชิงตำแหน่งสตรีเพียงหนึ่งเดียวของพระเอกธงแดงนั้นคงไม่อาจอาศัยเพียงเสน่ห์หรือน้ำตา แต่ต้องอาศัยความพยายามที่มากขึ้นด้วยทว่าในขณะที่นางเพิ่งจะรวบผมปักปิ่นเรียบร้อย เสี่ยวเฉินก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมบ่าวอีกคนที่ส่งไปเฝ้าดูเรือนท่านแม่ทัพ“ฮูหยินเจ้าคะ...” บ่าวนางคุกเข่าหอบเบา ๆ “ท่านแม่ทัพ...ขี่ม้าออกจากจวนไปแล้วเจ้าค่ะ เห็นว่าออกตั้งแต่ยามเหม่า (05.00 – 06.59 น.) เลย...”มือที่ถือหวีของชิงหรูหยุดค้างกลางอากาศ นางไม่หัน ไม่ตอบ เพียงนั่งนิ่งอยู่หน้าคันฉ่อง เส้นผมยาวสลวยยังหล่นอยู่ข้างไหล่ เงาสะท้อนในกระจกเผยให้เห็นแววตานิ่งสงบ แต่กลับวูบไหวภายใน“เช่นนั้นหรือ...” น้ำเสียงของนางเบา เหมือนไม่ตั้งใจให้ใครได้ยินเสี่ยวเฉินลอบมองสีหน้านายหญิง แล้วรีบเดินมาเก็บหวีด้วยท่าทางระวัง กลัวจะพูดผิดจ
บทที่ 2ชุดนอนไม่ได้นอนชิงหรูคนใหม่นี้บอกเลยว่านางไม่ยอมแพ้เพียงเท่านี้หรอกความขมในใจบัดนี้กำลังถูกกลบด้วย... แผนการใหม่ที่นางเตรียมไว้สำหรับค่ำคืนนี้นางก็สั่งให้เสี่ยวเฉินไปนำหีบใส่ชุดที่นางออกแบบและให้คนตัดใหม่“นี่คือชุดที่ฮูหยินให้บ่าวนำไปส่งที่ร้านชุด และตัดตามที่ท่านวาดไว้เจ้าค่ะ”ฝาหีบเปิดออก เผยให้เห็นผ้าโปร่งบางสีชมพูสดเนื้อดีนุ่มลื่นมือยามสัมผัส ชุดเศษผ้านี้ตกแต่งด้วยลายปักดอกไม้สีแดงสด บริเวณอกมีสายคาดไขว้เป็นรูปผีเสื้อเผยเนินอกได้รูปอย่างมีชั้นเชิงนี่คือชุดนอนไม่ได้นอนแบบร่วมสมัยเกินกว่าหญิงใดในยุคนี้จะกล้าใส่...ชาติก่อนนางหาได้มีโอกาสใส่ของพวกนี้ไม่ นางทำงานจนเล็บแทบจะหัก ขนาดกางเกงนอนยังหมุนใช้สามวันซักที ทว่าตอนนี้นางสั่งตัดเพียงวันเดียวชุดใหม่ที่นางต้องการก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วลู่ชิงหรูอาบน้ำอย่างละเอียด ล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำสมุนไพรอุ่นที่แช่ด้วยกลีบดอกไม้ ทาเนื้อตัวด้วยน้ำอบกลิ่นหอมละมุน นางยืนหน้ากระจกทองเหลือง ค่อย ๆ สวมชุดนั้นทีละชิ้น ด้วยใจที่เต้นแรงขึ้นทุกคราที่เนื้อผ้าสัมผัสผิวร่างของนางในกระจกช่างงดงามเกินหญิงธรรมดา ผิวขาวเนียนไม่ต่างจากหยกขัด รูปร่างเพรี
เสี่ยวเฉินนั้นขมวดคิ้วชั่วครู่แต่พอสบตาเจ้านายก็ทำตาโตทันใดก่อนพยักหน้าไว“ใช่เจ้าค่ะ! ในบัญชีของจวนเราระบุว่าแท่นละเกือบร้อยตำลึงด้วยซ้ำ!”ชิงหรูยิ้มบางอย่างสมใจ และหันกลับไปหาพ่อค้าจอมสร้างเรื่อง“เจ้ามาปาไข่เน่าตรงหน้ารูปสลักคู่นี้ นอกจากจะทำให้สกปรกไม่พอ ยังไม่เกรงใจเทพเฝ้าจวนที่ท่านแม่ทัพเซียวอัญเชิญมาปกปักษ์อีก ! หึ ไหนจะชุดปักลายที่เปรอะเปื้อนกลิ่นเหม็นนี่อีก เราจวนเซียวไม่ติดเรื่องจ่ายเงินที่ซื้อของไปอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเช่นกัน!”ชิงหรูใช้น้ำเสียงเปี่ยมอำนาจแต่ไม่กดข่มอีกฝ่ายจนเกินไป พอเห็นพ่อค้าผู้นั้นอ้าปากค้างมองผลงานของตนเองอย่างไม่รู้จะทำอะไรก็รีบพูดต่อทันที“เสี่ยวเฉินไปนำเงินห้าสิบตำลึงมาให้เถ้าแก่ที แต่ข้าก็ขอเรียกเก็บค่าเสียหายกลับมาด้วยเช่นกัน พี่น้องถ้วนทั่วเป็นพยายานให้ข้าได้!”สีหน้าชายผู้นั้นเปลี่ยนสีคราแล้วคราเล่าก่อนตะโกนขึ้นด้วยเสียงเบากว่าเดิม“นี่...ข้าก็แค่ เอ่อ คราบพวกนี้เพียงแค่ล้างน้ำทำความสะอาดก็ได้แล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงเรียกเก็บมากเพียงนั้นด้วยเล่า นี่มันรังแกกันชัดๆ!”ชิงหรูรู้ว่าอีกฝ่ายไม่คิดว่าจะกลายเป็นว่าตนเองต้องเสียเงินและก
บทที่ 1นางดูถูกพระเอกธงแดงเกินไปแล้วช่วงหลายวันที่ผ่านมา ลู่ชิงหรูก้มหน้าทำหน้าที่ของตนอย่างไม่มีข้ออ้าง นางตื่นก่อนบ่าวในจวน ขะมักเขม้นตรวจสอบบัญชี จัดการและดูแลทั้งจวนคู่กับพ่อบ้านฉี ทำงานอย่างสงบเสงี่ยมแต่ก็ไม่ถึงขนาดก้มหัวให้ใครเฉกเช่นลู่ชิงหรูคนเก่าเหนื่อยก็ยิ้มไม่ได้รับการยอมรับก็เพียงพิสูจน์ตัวเอง นั่นคือประสบการณ์ชีวิตของคนที่เคยผ่านการทำงานพาร์ตไทม์มานับไม่ถ้วนในโลกก่อนหน้า จะเสิร์ฟอาหาร ล้างจาน หรือแบกกล่องหนักกว่าตัว นางก็ทำมาแล้ว เพียงเรียนรู้การดูแลจวนและจัดการสายตาของพวกบ่าวที่ง่ายกว่ากันเยอะเหตุใดนางจะทำไม่ได้ในที่สุดจากฮูหยินเอกของจวนที่ไร้ค่าทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความเจ็บปวดก็กลายเป็นฮูหยินเอกที่บ่าวไพร่และคนรอบข้างเข้าหา พวกเขาชื่นชมในความสามารถของนางจนตอนนี้ชิงหรูกลายเป็นฮูหยินเอกของจวนเซียวที่เกือบสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะความสามารถในการดูแลจวน การดูแลปรนนิบัติแม่สามี ขาดก็แต่เพียงเรื่องเดียวก็คือการได้รับใช้และเป็นทียอมรับของผู้เป็นสามีจะให้ทำอย่างไรเล่าก็ไอ้สามีผู้นั้นไม่กลับจวนมาให้นางได้เห็นหน้าเลย นางรู้เพียงว่าสามีหน้าตาดีอย่างไรผ่านตัวอักษรที่นักเขียนบรรยายไว้
บทนำโชคชะตาของนางร้ายในชาติก่อน นางคือเด็กหญิงผู้ไร้ที่พึ่งอย่างแท้จริง เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าที่ไร้ผู้อุปถัมภ์ เกิดมานางไม่เคยเห็นหน้าบิดา มารดา ไม่เคยถูกใครเรียกนางว่า ลูก และไม่เคยได้สัมผัสคำว่าครอบครัววันเวลาแต่ละวันผ่านไปเชื่องช้าท่ามกลางความโดดเดี่ยว ชีวิตของนางดำเนินเช่นนั้น ใช้ชีวิตหาเงินทุกวิถีทางทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถมีเงินส่งตัวเองเรียน จนกระทั่งนางเรียนจบและมีงานทำ...แต่แล้วในคืนหนึ่ง เมื่อนางหลับตาพร้อมหนังสือนิยายเล่มแรกของชีวิตที่นางซื้อมันด้วยเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตนแรง นางยังอ่านไม่ทันจบพลันลืมตาขึ้นมา... นางก็กลับกลายเป็น ลู่ชิงหรู ฮูหยินเอกแห่งจวนแม่ทัพเซียวเหยียนหลง ผู้มีบทบาทในนิยายเป็นถึงพระเอกของเรื่อง...น่าเสียดายที่ลู่ชิงหรูผู้นี้มิใช่นางเอกของนิยายเรื่องนี้ แต่นางคือนางร้ายที่อิจฉานางเอกจนเผลอพลั้งวางยาให้อีกฝ่ายตายตกไป ทว่าอย่างไรนางเอกก็คือนางเอกใช่แล้ว นางร้ายเช่นลู่ชิงหรูถูกจับได้ก่อนและถูกพระเอกในนิยายที่เป็นสามีของตนจบชีวิตลงด้วยมือของเขาเอง !บทนางร้ายผู้น่าเวทนาผู้นี้จบชีวิตลงตั้งแต่เรื่องดำเนินไปไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำเนื้อหาในนิยายท







