หลิวลี่เซียนเอื้อมมือไปคว้าสิ่งของที่จับได้ง่ายเพื่อจะนำมาเป็นอาวุธป้องกันตัว นางหยิบกล่องเหล็กใส่หยกที่ได้มาจากหอเป่าชิงขึ้นมาวางไว้แนบอก
เสียงฝีเท้านั้นชัดเจนว่าเข้ามาใกล้นางเรื่อยๆ หลิวลี่เซียนมีความรู้สึกว่ามันใกล้ตัวนางเข้ามาทุกขณะ
หลิวลี่เซียนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกำกล่องหยกในมือไว้แน่นและหันกลับไป นางยกมือขึ้นตั้งท่าเตรียมพร้อม ใครมันกล้าทำอันตรายนางก็ลองดูสิ นางสู้ตาย!!!
แขนของหลิวลี่เซียนค้างกลางอากาศ พร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆ ที่รั้งข้อมือนางเอาไว้ นางค่อยๆ พิจารณาชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางตอนนี้ เขาสวมผ้าสีขาวคลุมใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง
เหมือนเคยเห็นที่ไหนกันนะ?
ชายหนุ่มตรงหน้าหลิวลี่เซียนค่อยๆ ปลดผ้าคลุมหน้าออกจนเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นน่ากลัวเมื่อสองสามวันก่อน บัดนี้มันบางเบาและจางลงเหลือเพียงริ้วรอยจางๆ เท่านั้น
"จิ้นหมิง"
"ใช่ข้าเอง เจ้าคิดว่าเป็นใคร"
จ้าวจิ้งเทียนปล่อยข้อมือของหลิวลี่เซียนลง นางเดินถือกล่องไปโยนไว้ที่ปลายเตียง ก่อนจะหันมามองจ้าวจิ้งเทียนด้วยแววตาไม่พอใจเล็กน้อย
"ข้าก็คิดว่าเป็นพวกโรคจิตถ้ำมองสาวงาม"
"โรคจิต?"
จ้าวจิ้งเทียนมองหลิวลี่เซียนด้วยแววตาไม่เข้าใจ หลิวลี่เซียนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะคิดได้ว่ายุคนี้มันยุคโบราณ หมอนี่ไม่มีทางเข้าใจภาษาของโลกอนาคตเป็นแน่
"ท่านเข้ามาในจวนข้าได้ยังไง?"
"อ้อ ข้าทุบคนที่เฝ้าจวนเจ้าจนสลบแล้วกระโดดเข้ามาที่เรือนเจ้า"
"รู้ด้วยว่าข้าอยู่ที่เรือนนี้?"
หลิวลี่เซียนมองจ้าวจิ้งเทียนด้วยแววตาหวาดระแวงและเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด ความจริงสำหรับองค์รัชทายาทเช่นเขาไม่ยากเลยที่จะสืบหาเรื่องราวของนาง ชุนหลางองครักษ์คนสนิทของเขารายงานเรื่องของชิงชิงให้เขารู้ทุกอย่าง นางมีนามว่าหลิวลี่เซียน มีน้องสาวฝาแฝดที่ชื่อว่าหลิวลี่ซือ
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เขามาหานางวันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้น
"มาหาข้ามีเรื่องอะไร? รีบๆ พูดธุระของท่านมาแล้วรีบกลับไปซะ ก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะรู้เข้าแล้วสับท่านเป็นชิ้นๆ"
จ้าวจิ้งเทียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาลอบยิ้มเยาะหลิวลี่เซียนในใจ ถ้าหากว่าบิดาของเจ้ามาเห็นว่าเราอยู่ในเรือนด้วยกันสองคน คงจะรีบให้เจ้ามาถวายตัวเป็นภรรยาของข้าเป็นแน่
"ข้าอยากได้ใบบัวบกเพิ่มอีกสักหน่อย วิธีที่เจ้าบอกใช้ได้ผลดียิ่ง"
หลิวลี่เซียนมองจ้าวจิ้งเทียนด้วยแววตาสงสัย แปลกคนพิลึก วิธีก็บอกไปจนหมดแล้ว แค่ใบบัวบกเขาไม่มีความสามารถไปหาซื้อมันเลยรึไง?
"ทำไมท่านไม่ไปหาซื้อ ข้าเห็นมันมีขายเกลื่อนตลาด ข้าไม่มีให้ท่านหรอก ที่ข้าได้มาวันนั้นก็ยกให้ท่านไปจนหมดแล้ว"
จ้าวจิ้งเทียนมีสีหน้าปั้นยาก อันที่จริงเขาไม่ได้มาเพราะเรื่องสมุนไพรนี้หรอก แค่ใบบัวบกเขาวานให้องครักษ์ไปหาซื้อก็ได้แล้ว
แต่ความจริงคือไข่มุกสุยโหวที่เขาสัญญากับหลิวลี่เซียนไว้ว่าจะให้นางหนึ่งเม็ดที่เหลือนั่น เขาเผลอใช้มันจนหมด
"ว่าอย่างไร มีอะไรจะพูดอีกหรือไม่ ท่านอยู่ในห้องนอนสตรีเป็นนานสองนาน ไม่ละอายแก่ใจบ้างรึไง?"
จ้าวจิ้งเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองไปที่หลิวลี่เซียน
"ข้าจะมาบอกเจ้าเรื่องไข่มุกสุยโหว"
เมื่อได้ยินคำว่า 'ไข่มุกสุยโหว' ดวงตาของหลิวลี่เซียนก็พลันเป็นประกาย นางหันไปมองจ้าวจิ้งเทียนพร้อมกับยิ้มตาหยี
"ท่านนำอีกหนึ่งเม็ดที่เหลือมาให้ข้าใช่รึไม่?"
หลิวลี่เซียนยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ ไข่มุกสุยโหวที่นางใฝ่ฝัน ราชินีความงามของนาง นางกำลังจะได้ครอบครองมันแล้ว
จ้าวจิ้งเทียนยื่นกล่องไม้กลมๆ เหมือนกล่องใส่อาหารมาให้หลิวลี่เซียน นางรับมันมาด้วยสายตาสงสัยก่อนจะเปิดออกดูด้วยความเบิกบานใจ
แต่ทว่า
มะ ไม่ใช่ไข่มุกสุยโหว แต่เป็นขนม
หลิวลี่เซียนเงยหน้าไปมองจ้าวจิ้งเทียนด้วยแววตาไม่พอใจ
"จิ้นหมิง! ท่านเล่นตลกอะไรกับข้า?"
จ้าวจิ้งหมิงมองมาที่หลิวลี่เซียนด้วยแววตารู้สึกผิดอย่างจริงใจ "ชิงชิง ข้าอยากให้รอยแผลบนใบหน้าของข้าหายโดยไว ข้าจึงเผลอใช้มันจนหมด"
ประโยคสุดท้ายของจ้าวจิ้งเทียนเบาลงเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขาตอนนี้เริ่มกลับคืนสู่สภาวะปกติเช่นเดิม
"คนเลว!"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ?"
"คนเลว ท่านหลอกลวงข้าให้ข้าบอกวิธีรักษาท่าน แต่ท่านกลับไม่ทำตามสัญญา แล้วยังเอาขนมมาหลอกล่อข้า ท่านเห็นข้าเป็นคนเห็นแก่กินรึ!!!"
"ชิงชิง แต่ขนมนี่มันมีทั้งน้ำตาลกับไข่ไก่"
"หุบปาก!!!"
หลิวลี่เซียนกัดฟันพูดผ่านไรฟันและมองจ้าวจิ้งเทียนด้วยความหงุดหงิด
จ้าวจิ้งเทียนลอบสบถในใจ ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครแสดงท่าทางแบบนี้ใส่เขาเลยสักครั้งเดียว เขาเป็นถึงองค์รัชทายาทนะ แต่ช่างเถอะ! นางไม่รู้นี่ว่าเขาเป็นใคร
กลับไปข้าจะไปจัดการชุนหลางองครักษ์ทรยศนั่นที่เป็นคนบอกวิธีนี้กับเขา ชุนหลางบอกว่าหากกลัวว่าสตรีจักโกรธให้นำขนมไปมอบให้นางเป็นการไถ่โทษ ขนม 'หิมะลอยน้ำ' นี่เขาอุตส่าห์นั่งเคี่ยวมันครึ่งค่อนวันเพื่อนำมาให้นางด้วยมือตนเอง
แต่ทว่าเมื่อเขาหันไปมองกลับเห็นหลิวลี่เซียนกำลังตัก หิมะลอยน้ำเข้าปากคำแล้วคำเล่า แต่ใบหน้าของนางยังคงมองมาที่เขาด้วยแววตาโกรธอย่างเห็นได้ชัด
"ขนมนี่มีชื่อว่า หิมะลอยน้ำ"
หลิวลี่เซียน "..."
"มันทำมาจากเห็ดหูหนูขาวต้มน้ำตาลใส่ไข่ไก่แป้งมัน เจ้าชอบรึไม่?"
ไม่มีเสียงตอบรับจากหลิวลี่เซียนนอกจากเสียงซดน้ำขนมจากปากนาง
หลิวลี่เซียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ร่างกายของนางอย่างตั้งรับเอาไว้แทบไม่ทัน"ดื่มน้ำก่อนนะคะ คุณหนู"หลิวลี่เซียนหันไปมองก่อนจะพบเข้ากับเลขาหวัง เลขาประจำตัวของนางที่เพิ่งจ้างเข้ามาทำงานให้เมื่อห้าปีก่อนเดี๋ยวนะ!! นี่มันเรื่องอะไรกัน?หลิวลี่เซียนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มด้วยความหิวกระหาย ก่อนจะมองสังเกตไปโดยรอบ ก็พบว่าตอนนี้ตนเองกำลังใส่ชุดของโรงพยาบาลอยู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางย้อนกลับมาร่างเดิมเช่นนั้นหรือ?หลิวลี่เซียนยกมือขึ้นบีบหว่างคิ้วที่ปวดหนึบขึ้นมาเสียดื้อๆ ความคิดมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของนางอย่างไม่จบไม่สิ้น"คุณหนูชิงชิงคะ อีกเดี๋ยวคุณหมอคงจะมาแล้วค่ะ""เลขาหวัง""คะคุณหนู?""ข้า เอ่อ ฉันหลับไปนานเท่าไร แล้วที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"เลขาหวังขมวดคิ้วมอง 'จ้าวชิงชิง' ด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ยอมเอ่ยปากเล่าให้เธอฟังทุกเรื่องเลขาหวังเล่าว่า คุณพ่อของจ้าวชิงชิงโทรมาหาเลขาหวังกลางดึกให้รีบพาตำรวจมาที่บ้านโดยด่วนที่สุด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรท่านประธานจึงให้เรียกตำรวจเข้าไปในเวลาดึกดื่นเช่นนี้แต่เมื่อเธอไปถึงก็พบว่าหลี่เย่สามีของจ้าว
ภายในคุกหลวงที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟส่องสว่าง ปรากฏร่างของเหมยฮวาชิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นที่มีหนูตัวน้อยใหญ่ไต่ยั้วเยี้ยไปมาอย่างน่าขนลุก"ได้เวลาดื่มยาพิษแล้ว"เสียงผู้คุมคุกหลวงที่นางได้ยิน ราวกับเสียงแห่งขุมนรกกำลังเรียกร้องหานาง นางไม่อาจจะยอมรับได้เลยว่า สุดท้ายแล้วนางต้องมาตกตายด้วยยาพิษที่ตนเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของนางเองหลังจากเหมยฮองเฮาตายจากไปแล้ว ก็มีคำสั่งให้ประหารคนตระกูลเหมยจนสิ้นซาก ไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว บ่าวไพร่ถูกโบยจนตกตายไปตามกัน ป้ายคำสั่งทหารนับแสนนายที่เคยอยู่ในมือของท่านพ่อก็ถูกยึดคืนสู่ราชสำนักไปหมด จ้าวจิ้งเทียนช่างโหดร้ายยิ่งนัก เขาถอนรากถอนโคนตระกูลเหมยจนสิ้นซากไร้การได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งจวนตระกูลเหมยถูกยึดเป็นสมบัติคลังหลวง ตระกูลเหมยที่เคยโอ่อ่าใหญ่โต อำนาจบารมีล้นฟ้า ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรด้วย สุดท้ายแล้วกลับหายสาบสูญตายจากไปอย่างไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวเหมยฮวาชิงถูกกรอกยาพิษทุกวัน วันละสามมื้อ หลิวลี่เซียนช่างจิตใจอำมหิตจนน่าหวาดกลัวเหมยฮวาชิงดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเบิกโพลงกระอักเลือดออกมาคำโต ช่วงชีวิตสุดท้ายของนางนั้น นางนึกหวนย้อนไปถึง
รัชศกจิ้งเทียนปีที่หนึ่งหลิวลี่เซียนกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองดูตนเองถูกเหล่านางกำนัลจัดแต่งอาภรณ์ให้ด้วยความใส่ใจ นางยกยิ้มมุมปากมองดูสตรีที่สูงส่งตรงหน้าด้วยสายตาพอใจ นี่ใช่นางจริงหรือ? ราวกับฝันไปเสียจริงๆ"ได้เวลาแล้วเพคะฮองเฮา"หลิวลี่เซียนพยักหน้าก่อนจะมองไป๋หลางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ไป๋หลางนั้นได้เลื่อนขั้นเป็นนางกำนัลคนสนิทของหลิวลี่เซียนคอยรับใช้อยู่ข้างกายนางหลิวลี่เซียนนั่งอยู่บนเกี้ยว มองดูเหล่าขันทีนางกำนัลหมอบกราบทำความเคารพนางด้วยสายตาอ่อนโยนมีเมตตา เสียงดนตรีบรรเลงขับขาน ช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกตื้นตันในใจเหลือคณานางกับจ้าวจิ้งเทียนอภิเษกสมรสกันเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่ไท่ซังหวงทรงสละราชสมบัติ จ้าวจิ้งเทียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮาหลิวฮองเฮาสวมชุดสีแดงปักลายหงส์คู่มังกร แถบเซี๊ยะเพ่ยปักลายหงส์พิลาสคู่ มงกุฎหงส์เป็นรูปแบบดั้งเดิมของราชวงศ์ต้าโจว มีหงส์รำแพนคู่หนึ่งตัว ด้านข้างคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ประดับด้วยทับทิมและอัญมณี ส่งเสริมให้พระนางดูงามสง่าและน่าเกรงขามยิ่งนัก ใบหน้าที่งดงามดูทรงอำนาจชวนมอง ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นไม่สามารถละสายตาจากนางไปได้ฮ่องเต้จ้
หลิวลี่ซือจ้องมองร่างอันไร้ซึ่งลมหายใจของเหมยฮองเฮาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แล้วเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากคุกหลวงโดยไร้ซึ่งพิรุธใดๆ นางเดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ชื่นชมบรรยากาศภายในวังหลวงยามค่ำคืนอย่างสงบเยือกเย็นคืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามเหลือเกิน ท่านแม่เจ้าคะ ป่านนี้ท่านคงกำลังชื่นชมข้ากับท่านพี่ลี่เซียนอยู่บนสรวงสวรรค์ใช่หรือไม่?รุ่งเช้าข่าวการตายอย่างปริศนาของเหมยฮองเฮาก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งวังหลวง สภาพศพช่างน่าเวทนาและน่าขยะแขยงไปในคราเดียวกัน อดีตฮองเฮาพระองค์นี้ช่างอายุสั้นยิ่งนัก เพิ่งจะได้เสวยความสุขอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดได้ไม่นาน ก็ร่วงตกลงมาสู่ความตายเบื้องล่างอย่างน่าอนาถในที่เกิดเหตุพบผ้าคลุมผืนหนึ่งปักตัวอักษรฮวาชิงเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นของฆาตกรที่ใช้ฆ่าอดีตฮองเฮา ผู้คุมคุกหลวงถูกสอบสวนอย่างหนัก เขาให้การว่ามีนางกำนัลของตำหนักพระชายารององค์รัชทายาทมาขอพบกับอดีตฮองเฮา บอกว่าพระชายารองให้นำสิ่งของมามอบให้อดีตฮองเฮา หลังจากที่นางกำนัลผู้นั้นเดินออกมา อดีตฮองเฮาก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว กว่าจะทราบว่านางตายก็เกือบจะรุ่งสางของอีกวันเหมยฮวาชิงถูกควบคุมตัวมา
จ้าวเฟยหรงมองเหมยฮองเฮาด้วยแววตาเย็นเยียบ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขารักยิ่ง นางถึงกับกล้ามาวางยาพิษเชียวหรือ ช่างบังอาจเทียมฟ้ายิ่งนัก!!!"นังคนสารเลว!!!""หึ!! ไม่ใช่แค่บุตรชายของเจ้านะ แม้แต่แม่ของเจ้าก็ถูกข้าวางยาพิษมานานเสียจนร่างกายอ่อนแอ อีกไม่นานนางคงจะไปสู่ปรโลกอย่างเป็นสุขพร้อมกับบุตรชายของเจ้า ฮ่าาๆๆๆ""นังคนสารเลว สุดท้ายเจ้าก็หลุดปากออกมาทั้งหมดว่าเจ้าเป็นคนทำ!!!""แล้วอย่างไรเล่า!! ข้าเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง คนในตระกูลข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"จ้าวจิ้งเทียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ ใครเชื่อนางก็บ้าเต็มทนแล้ว เขามองนางด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะเอ่ยปากกับนาง"คนในตระกูลของเจ้าจะมีส่วนรู้เห็นในความเลวของเจ้าหรือไม่นั้น ข้าจะเป็นคนสืบหาเอง!!!"จางอิงอิงมองเหมยฮองเฮาก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก นางค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลังของเหมยฮองเฮาด้วยฝีเท้าที่เบาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะใช้เข็มเงินอาบยาพิษแทงเข้าไปที่ต้นคอของเหมยฮองเฮาฉึก!!!"อ๊าาาา"หลิวลี่เซียนอาศัยช่วงเวลาชุลมุนนี้ กระทุ้งศอกไปที่ปลายคางของเหมยฮองเฮาอย่างแรงจนนางมึนงง เซถลาใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน"จับนางไว้!!!"เหล่าทหารจับ
หลิวลี่เซียนยื่นมือไปทุบประตู หวังจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่ามันร้อนเสียจนนางต้องรีบชักมือกลับ ควันสีขาวภายในห้องยิ่งพวยพุ่งมากขึ้นจนนางรู้สึกจุกแน่นที่จมูกและเริ่มหายใจไม่ออก นางถอยหลังออกมาทรุดตัวลงนั่ง สติเริ่มรางเลือนลงไปทุกขณะ"ชิงชิง"หลิวลี่เซียนพยายามประคองสติและเงยหน้าไปมอง ร่างของนางถูกจ้าวจิ้งเทียนช้อนตัวอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ก่อนที่เขาพานางพุ่งทะยานออกมาจากเรือนที่ไฟกำลังไหม้ลุกโหม"แค่ก แค่ก""เป็นอย่างไรบ้าง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าน้อยๆ นางเองรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยที่ได้ออกมาจากควันสีขาวที่ลอยคลุ้งเช่นนั้น"ท่านมาได้อย่างไร""ข้ารู้สังหรณ์ในใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเจ้าก่อนถึงวันแต่งงานของเรา ข้าคาดเดาไว้ไม่ผิดเลย พวกมันลงมือรวดเร็วยิ่งนัก""ลี่เซียน เจ้าไม่เป็นอะไรนะ""ท่านพี่ ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ซินฮวาเล่า""นางสำลักควันจนหมดสติ หมอหลวงกำลังดูอาการอยู่""เหตุใดไฟจึงไหม้ได้เจ้าคะ""คาดว่าเหมยฮองเฮาคงจะลงมือแล้ว สายสืบภายในของข้าที่แฝงอยู่ในตำหนักนางถูกนางสังหารจนสิ้นไปเสียแล้ว"หลิวลี่เซียนใจหล่นวูบ นางมองจ้าวฝูหมิงด้วยสายตาเป็นกังวล จ้าวฝูหมิงรับรู้ในความกังวลของน