Home / รักโบราณ / ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์ / บทที่ 9 หยกหญิงงามโชคดี

Share

บทที่ 9 หยกหญิงงามโชคดี

last update Last Updated: 2025-05-19 10:30:46

จ้าวจิ้งเทียนแอบลอบยิ้มภายในใจ หลิวลี่เซียนเป็นหญิงสาวที่แปลกพิลึกยิ่งนัก

"ข้ารู้นะว่าท่านแอบยิ้มเยาะข้าจิ้นหมิง"

"เจ้ากล่าวหาข้า"

หลิวลี่เซียนจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดใจเต็มทน นางตั้งตารอไข่มุกสุยโหวจากเขา แต่เขากลับโลภใช้มันจนหมด แต่ก็ช่างเถอะ นางไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไรปานนั้น ตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ในโลกอนาคต ถึงจะเป็นคุณหนูมหาเศรษฐี แต่ก็ไม่ใช่คนใจแคบอะไรปานนั้น อีกอย่างหมอนี่ก็อยากมีใบหน้าที่หล่อเหลาจนสาวเหลียวหลัง เอ๊ะ? จะว่าไปก็หล่อตรงสเป็กนางเหมือนกันนะเนี่ย

"เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือไม่?"

"ข้าโกรธ!!! แต่ช่างเถอะ ข้าไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรปานนั้น แต่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่บอกอะไรท่านอีกแล้ว!!! คนไม่รักษาสัญญา"

จ้าวจิ้งเทียนยิ้มออกมาเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มให้กับสตรีเช่นนี้

"ข้าให้เจ้า ชิงชิง"

"อะไร?"

"ตอบแทนที่เจ้าช่วยข้า และไถ่โทษที่ข้าไม่รักษาสัญญา"

หลิวลี่เซียนมองหยกจันทราครึ่งเสี้ยวที่อยู่ในมือของจ้าวจิ้งเทียน ก่อนจะมองหน้าเขาด้วยแววตาสงสัย

"ให้ข้าเหรอ"

"ใช่ ให้เจ้า หยกนี้มีชื่อว่า หญิงงามโชคดี"

"หญิงงามโชคดี"

"ใช่ ข้าให้เจ้าครึ่งนึง อีกครึ่งนึงอยู่ที่ข้า หากวันใดเจ้าเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือ ให้นำหยกนี้ไปที่วังหลวง บอกว่าข้าเป็นคนให้เจ้า มันจะช่วยเจ้าได้ในยามที่เจ้าลำบาก หรือหากมีเรื่องเร่งด่วนให้เจ้าไปถามหาชุนหลาง คนรับใช้ของข้าได้ที่ศาลาร้องทุกข์"

"ท่านรับราชการอยู่ที่วังหลวงหรือ?"

"ใช่ ข้าเป็นขันทีคนสนิทของฝ่าบาท"

เมื่อได้ยินคำว่าขันที ใบหน้าของหลิวลี่เซียนก็ปรากฏสีแดงชมพูจางๆ ขันทีที่ตัด เอิ่ม! คิกๆๆ

จ้าวจิ้งเทียนเดาออกว่านางกำลังคิดอะไร เขารีบกระแอมไอแก้เก้อเขินเล็กน้อย

"ข้าคงต้องไปแล้ว"

"โชคดี บ๊ายบาย"

"บ๊ายบาย?"

หลิวลี่เซียนยกมือโบกให้จ้าวจิ้งเทียนไปมา เขายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกระโดดหน้าต่างหายไปในความมืด

หลิวลี่เซียนกำลังพิจารณาหยกในมือ หยกนี้ดูล้ำค่ายิ่งนัก เหมือนเป็นของชนชั้นสูง แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร หมอนั่นเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ เขาย่อมต้องมีสิ่งของล้ำค่าที่ได้จากการพระราชทานอยู่แล้ว

ด้านจ้าวจิ้งเทียนที่ออกมาจากจวนตระกูลหลิวกลับมาถึงตำหนัก ใจของเขาเอาแต่คิดถึงใบหน้างดงามและท่าทางพิลึกของหลิวลี่เซียน

"หยกนั่นเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวขององค์รัชทายาท ให้นางเก็บไว้จะดีรึพ่ะย่ะค่ะ"

ชุนหลางองครักษ์คนสนิทของจ้าวจิ้งเทียนเอ่ยถามเขาขึ้นมา จ้าวจิ้งเทียนเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ชุนหลาง

"เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าไม่เหมาะ?"

ชุนหลางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองเจ้านายของเขา

"พระองค์ทรงมีว่าที่พระชายาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ"

จ้าวจิ้งเทียนหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ชุนหลาง

"ใครว่าข้าจะให้นางเป็นพระชายากันเล่า"

"ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิเข้าใจที่พระองค์ตรัสมา กระหม่อมช่างโง่เขลานัก"

จ้าวจิ้งเทียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ชุนหลางรู้ดีว่าพระองค์มิถือสาแม้แต่น้อยสีหน้าจึงคลายความกังวลลง แต่ทว่าประโยคถัดมาทำให้เขาแทบจะกระอักเลือด

"ข้าจะให้นางเป็นจ้าวฮวงโหวของข้าคนเดียวเท่านั้น"

สองวันให้หลังทางวังหลวงส่งคนมาแจ้งแก่ตระกูลหลิวว่า หลิวลี่เซียนต้องเข้าวังไปเป็นพระสหายร่ำเรียนขององค์หญิงเฟยหยาง

ด้านหลิวลี่ซือตอนนี้นางกำลังร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง พี่สาวฝาแฝดของนางได้เข้าวังไปเป็นสหายร่ำเรียน ต่างจากนาง นางเป็นคนที่เก็บตัวไม่ชอบสุงสิงผู้ใด นางมิชอบการอ่านเขียน นางคิดว่ามันไม่มีความจำเป็น แค่พออ่านออกเขียนได้คงเพียงพอแล้ว จะเรียนไปทำไมให้มากความ

หลังจากที่หลิวลี่เซียนจัดการแต่งกายเรียบร้อย นางก็ออกเดินทางไปวังหลวง ไม่นานก็เดินทางมาถึง นางเดินตามหัวหน้าขันทีไปยังตำหนักทรงอักษรขององค์หญิง

ถือเป็นความแปลกใหม่ที่ควรศึกษาไว้ หลิวลี่เซียนยิ้มออกมาเล็กน้อย

ในระหว่างที่รอองค์หญิงเฟยหยางเสด็จ นางกับเจินเซียงที่มาถึงก่อนหน้า กำลังพูดคุยสนทนากันเรื่อยเปื่อย

"ขอบใจเจ้ามากนะลี่เซียน คราวก่อนที่เจ้าส่งครีมบำรุงมาให้ข้า ใช้ดียิ่ง หอมมากด้วย ข้าชอบยิ่งนัก"

เจินเซียงยิ้มตาหยี สองวันก่อนหลิวลี่เซียนนำดอกไม้นานาพรรณมาทำครีมบำรุง นางให้ฮูหยินลี่หยางหนึ่งขวด และส่งไปให้เจินเซียงหนึ่งขวด ตั้งแต่วันนั้นที่ได้พูดคุยกับนาง หลิวลี่เซียนก็คิดได้ว่าเจินเซียงช่างน่ารักยิ่ง

"ข้าดีใจที่เจ้าชอบ วันนี้ข้านำมาถวายองค์หญิงด้วย"

"ดียิ่งนัก"

"คุยอะไรกันอยู่หรือ ดูสนุกสนานยิ่งนัก"

หลิวลี่เซียนกับเจินเซียงที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่นั้น องค์ชายรองจ้าวเฟยหรงก็เสด็จผ่านมาพอดี เขาที่กำลังฝึกยิงธนูได้ยินขันทีมารายงานว่าบุตรสาวเสนาบดีหลิวเข้าวังหลวงมา เขาก็รีบทิ้งทุกอย่างเพื่อมุ่งตรงไปหานาง

"ถวายพระพรองค์ชายรองเพคะ"

"ไม่ต้องมากพิธี"

องค์ชายรองยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะมองมาที่หลิวลี่เซียนด้วยแววตาที่ล้ำลึก เหมือนกับเขาได้พบเจอกวางน้อยที่น่ารักตัวหนึ่ง

"เจ้าคือบุตรสาวของเสนาบดีตระกูลหลิว?"

"เพคะ"

เขามองไปรอบๆ ไม่เห็นหญิงงามอีกคนที่หน้าตาเหมือนนางมาด้วย เขายิ่งมั่นใจว่านางที่เข้าวังมาวันนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เขาเฝ้าคอยเป็นแน่

"เจ้าชื่ออะไร?"

"หลิวลี่เซียนเพคะ"

"ชื่อไพเราะนัก ใบหน้าก็งดงามยิ่ง"

จ้าวเฟยหรงก้าวเข้าไปใกล้หลิวลี่เซียนมากขึ้น ด้วยสัญชาตญาณหลิวลี่เซียนถอยหลังออกมาเล็กน้อย

"เจ้าไปเดินเล่นที่ตำหนักข้าสักครู่ดีหรือไม่?"

เจินเซียงที่รู้จักนิสัยขององค์ชายรองดีเป็นอย่างยิ่ง นางเอื้อมมือไปจับแขนของหลิวลี่เซียนด้วยความเป็นห่วง หลิวลี่เซียนเองก็จับมือของเจินเซียงไว้แน่น

ช่างหน้าด้านหน้าทนนัก นี่เท่ากับขอให้นางไปปรนนิบัติเขาที่ตำหนักแบบโจ่งแจ้ง ทุเรศสิ้นดี

หลิวลี่เซียนที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ต้องเก็บอารมณ์ไว้ก่อนจะเงยหน้าไปมองจ้าวเฟยหรงด้วยความเคารพนอบน้อม

"หม่อมฉันเกรงว่าคงจะไม่สะดวกเพคะ หม่อมฉันต้องอยู่เป็นสหายเรียนขององค์หญิงเฟยหยางเพคะ"

จ้าวเฟยหรงยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา

"เจ้ากล้าปฏิเสธองค์ชายรองเชียวรึ"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 24 พิธีอภิเษกสมรส

    หลังจากครบกำหนดที่เจินเซียงกลับมาจากวัดต้าฝู นางได้เดินทางกลับจวนเจ้ากรมกลาโหมเพื่อเตรียมตัวอภิเษกกับจ้าวจิ้งเทียน หนึ่งเดือนต่อมาเมื่อเข้าสู่สายลมแห่งฤดูหนาว ขบวนเจ้าสาวจากตระกูลเจินเจ้ากรมกลาโหมพร้อมสินสอดที่ยาวนับพันลี้ก็ได้เคลื่อนขบวนเข้าสู่วังหลวงหลิวลี่เซียนได้เข้าวังหลวงไปพร้อมกับจวิ้นอ๋องและพระชายาในฐานะพระญาติ ส่วนหลิวลี่ซือไปในฐานะว่าที่คู่หมั้นของจ้าวเฟยหรงองค์ชายรองพิธีอภิเษกสมรสเป็นไปด้วยความราบรื่น จนกระทั่งส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ หลิวลี่เซียนนำของขวัญเป็นปิ่นปักผมทองและเวชสำอางที่นางทำขึ้นเองมอบให้แก่เจินเซียงที่ตอนนี้ได้รับการสถาปนาเป็น 'หวงไท่จื่อเฟย' ตำแหน่งองค์หญิงพระชายา พระชายาเอกในองค์รัชทายาท ด้านจ้าวจิ้งเทียนเมื่อเข้าพิธีอภิเษกแล้วเขาก็ได้รับการสถาปนาเป็น 'หวงไท่จื่อ' องค์รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างชอบธรรม"ยินดีด้วยเพคะหวงไท่จื่อเฟย ขอให้พระองค์ทรงเกษมสำราญเพคะ""ขอบใจเจ้ายิ่งนักลี่เซียน"หวงไท่จื่อเฟยจากตระกูลเจินยิ้มจนตาหยี นางมีความสุขยิ่งนัก นางตั้งใจว่านับตั้งแต่วันนี้นางจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขหลังจากดื่มสุรามงคลและได้ฤกษ์เข้าหอแล้ว เหล่าพระญ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 23 พระราชทานสมรส

    หลังจากที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ เสนาบดีหลิวที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานะเป็นจวิ้นอ๋องก็ได้ย้ายครอบครัวตระกูลหลิวของตนมาพำนักที่จวนอ๋องพระราชทาน ซึ่งเป็นจวนอ๋องที่ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยตั้งใจสร้างเอาไว้เผื่อพระนัดดาทั้งหลายในอนาคตพระชายาจวิ้นอ๋องหลิวลี่หยางยังไม่ค่อยคุ้นชินกับที่อยู่ใหม่มากนัก นางค่อนข้างคิดถึงบ้านเก่าไม่น้อย บางวันจึงกลับไปพักผ่อนที่จวนตระกูลหลิวและรับสั่งให้บ่าวไพร่ดูแลจวนให้ดีจวิ้นอ๋องค่อนข้างปลื้มใจกับบุตรสาวของเขาไม่น้อย เขาได้สอบถามเรื่องราวแต่แรกเริ่มว่าเป็นมาเช่นไร หลิวลี่เซียนสามารถรักษาพระพักตร์องค์รัชทายาทได้อย่างไร หลิวลี่เซียนเองก็เต็มใจเล่าให้ผู้เป็นบิดามารดาฟัง และนางยังได้รู้อีกด้วยว่า แท้จริงแล้วจวนตระกูลหลิวของบิดาเป็นพระญาติใกล้ชิดกับฮ่องเต้มิน่าเล่าทั้งฮ่องเต้และจ้าวฮวงโหวต่างมีใบหน้าเหมือนคุณพ่อคุณแม่ของนาง ที่แท้ก็เป็นบรรพบุรุษของนางนี่เองหลิวลี่ซือลอบเบ้ปากเล็กน้อย นางขี้เกียจจะฟังเรื่องราวพวกนี้ อีกอย่างตอนนี้ตระกูลนางก็ไม่ใช่ขุนนางธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่จะได้เชิดหน้าชูตาขึ้นมาอีกขั้นไม่นานนักข่าวเรื่องอ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 22 คทาหยกหรูอวี้กับราชโองการสองฉบับ

    หลิวลี่เซียนมองฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยด้วยแววตาที่ตกใจไม่น้อย แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นสายตานี้ของนางก็หายไป เหลือเพียงความเคารพที่มีต่อฮ่องเต้พระองค์หนึ่งเท่านั้นภพปัจจุบันเขาอาจจะเป็นพ่อของนาง แต่ในภพนี้เขาเป็นฮ่องเต้ที่สูงส่ง นางต้องให้ความเคารพเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยมองหลิวลี่เซียนด้วยแววตาล้ำลึกครั้งหนึ่งบุตรสาวของเสนาบดีหลิวนางทำไมช่างดูคุ้นตา เหมือนกับว่าเขาเคยพบเจอนางที่ใดมาก่อน"ไปเชิญเสนาบดีหลิวเทียนเฉิงมาพบข้าที่ตำหนัก"ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยเอ่ยพลางสะบัดชายเสื้อมังกรให้ขันทีไปตามเสนาบดีหลิว ก่อนจะหันมามองหลิวลี่เซียนเสนาบดีหลิวรั้งตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง ดูแลเรื่องการจัดเก็บภาษีรายได้ของแผ่นดิน เบิกจ่ายงบประมาณของราชสำนัก เป็นขุนนางตงฉินผู้ซื่อสัตย์น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเสนาบดีหลิวผู้นี้เป็นพระญาติฝั่งมารดาของฮ่องเต้จ้าวชิงเฟย เขาเป็นบุตรชายคนโตของน้องสาวไทเฮาองค์ปัจจุบัน นั่นก็คือมารดาของฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยนั่นเองไทเฮาตระกูลหลิวพระองค์นี้ทรงอภิเษกกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน และได้รับการสถาปนาให้ขึ้นเป็นจ้าวฮวงโหว ก่อนจะมีพระประสูติการพระโอรสนามว่าจ้าวชิงเฟยแล

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 21 จัดการคนชั่ว

    หลังจากที่จับตัวหนิงซานกับหวาเยียนเข้าคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว จ้าวจิ้งเทียนได้ส่งคนไปแจ้งเรื่องราวต่อจ้าวฮวงโหว นางรู้สึกเหมือนดั่งมรสุมใหญ่ได้ลอยหายไปในพริบตา พลันยกยิ้มมุมปาก มเหสีรองเหมย เจ้าไม่มีทางมีชัยชนะเหนือข้าได้หรอกฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยที่กำลังว่าราชการในท้องพระโรงเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น กำลังเดินทางกลับตำหนักมังกร พลันสายตาของเขาได้หันไปพบกับจ้าวจิ้งเทียน พระราชโอรสองค์โตของเขาที่มายืนรออยู่ที่หน้าตำหนัก"ถวายบังคมเสด็จพ่อ"ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยหันไปมองด้านหลังของจ้าวจิ้งเทียน จึงพบเข้ากับเจินเซียงและหญิงสาวอีกหนึ่งคน ดูจากการแต่งกายแล้วคงจะเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางเป็นแน่ หลิวลี่เซียนที่ก้มหน้าตลอดเวลาไม่ได้เงยหน้าไปมอง แต่ก็รับรู้ได้ว่าฮ่องเต้กำลังมองมาที่นางอยู่"เจ้ามีเรื่องอันใดถึงมาพบข้าที่นี่?""ลูกมีเรื่องกราบทูลเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"จ้าวชิงเฟยพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเข้ามาในตำหนัก ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยทรงให้เหล่านางกำนัลขันทีออกไปให้หมดเหลือเพียงราชเลขาคนสนิทเพียงคนเดียว ตอนนี้ภายในตำหนักจึงเหลือคนไม่มาก จ้าวจิ้งเทียนเงยหน้าขึ้นมองเสด็จพ่อของเขาเล็กน้อย"ลูกขอให้เสด็จพ่อทรงเชิญเสด็จแ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 20 เรื่องหลอกลวง

    "ท่านคิดจะทำเช่นไรต่อไปจิ้นหมิง"หลิวลี่เซียนหันไปเอ่ยถามจ้าวจิ้งเทียน ก่อนจะโยนองุ่นที่นางแอบหยิบมาจากหอโคมแดงตอนที่เดินออกมาจากประตูโยนขึ้นและอ้าปากงับมาเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี จ้าวจิ้งเทียนมองหลิวลี่เซียนด้วยสายตาที่เอ็นดูนางไม่น้อย เด็กน้อยผู้นี้ของเขาช่างดูสดใสนัก เขาที่ใช้ชีวิตมาจนอายุสิบแปดปีไม่เคยพบเจอหญิงในใต้หล้าใดที่น่ารักน่าชังเท่านาง"พรุ่งนี้ข้าคงต้องให้เจ้าไปพบเจินเซียงที่จวนเจ้ากรมกลาโหม เจ้าต้องพานางออกมาให้ได้ ข้าต้องการให้เจินเซียงได้พบกับหวาเยียน หลังจากนั้นข้าจะให้นางไปสารภาพผิดกับเสด็จพ่อ แล้วข้าจะเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้น้องสาวของข้าด้วยตนเอง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าเล็กน้อย พ่อหนุ่มคนนี้ช่างรอบคอบจริงๆ"เจ้าพักผ่อนเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่ไปกับข้าในวันนี้""เป็นพระกรุณาเพคะองค์รัชทายาท"หลิวลี่เซียนโค้งกายคารวะ ก่อนจะปิดประตูหน้าต่างใส่หน้าจ้าวจิ้งเทียน เขายกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางคิด นี่นางเคารพเขาจริงๆ งั้นหรือ?จวนเจ้ากรมกลาโหมหลังจากที่แต่งกายเรียบร้อย หลิวลี่เซียนก็ออกจากจวนแต่เช้าเพื่อไปที่จวนเจ้ากรมกลาโหม"ขอโทษที่ไม่ได้แจ้งเจ้าก่อนว่าข้าจะมา""ไม่เป็นไร รีบ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 19 หนุ่มคณิกาและเรื่องหลอกลวง 1-2

    รุ่งเช้าหลิวลี่เซียนไปที่เรือนของฮูหยินลี่หยางเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่เรือนของมารดา ฮูหยินลี่หยางเอ่ยปากชมว่าหม่าล่าที่นางนำมาให้กินนั้นแปลกตาและอร่อยยิ่ง ส่วนหลิวลี่ซือที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยนั้นลอบบิดเบ้มุมปากตนด้วยความริษยาตั้งแต่ที่พี่สาวนางตกน้ำครานั้นก็ดูเปลี่ยนไป เมื่อก่อนนางช่างอ่อนแอและขี้โรคนัก โดนลมเพียงนิดก็ไม่สบายต้องนอนรักษาตัวอยู่ในจวนเป็นนานแรมเดือน แต่ตอนนี้นางดูแข็งแรงไม่เจ็บป่วยไข้เหมือนแต่ก่อน ซ้ำยังดูงดงามสดใสยิ่งน่าถลกหนังหน้านางให้มันพังพินาศไปเสียหลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว หลิวลี่ซือก็เดินออกมาจากเรือนฮูหยินลี่หยาง ก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าออกนอกจวนไปที่หอเป่าชิงเพื่อหาซื้อเครื่องประดับหลิวลี่ซือเป็นคนรักสวยรักงามยิ่ง นางชอบสะสมเครื่องประดับอัญมณีที่งดงามหลากหลายเมื่อเลือกเครื่องประดับได้ตามที่ต้องการแล้ว หลิวลี่ซือเตรียมให้อวี้จู้สาวรับใช้คนสนิทจ่ายค่าเครื่องประดับของนาง แต่ทว่ามีมือปริศนาข้างหนึ่งยื่นมาก่อน"แม่นาง ค่าเครื่องประดับนี้นายของข้าจะเป็นคนจ่ายให้ท่านเอง"หลิวลี่ซือหันไปมองก่อนจะพบกับบุรุษผู้หนึ่ง เขาแต่งกายคล้ายองครักษ์ในวังหลวง"นายของเจ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 18 หนุ่มคณิกาและเรื่องหลอกลวง 1-1

    จ้าวจิ้งเทียนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ชายารองงั้นหรือ หญิงสาวเช่นชิงชิงไม่ใช่คนที่จะพาเข้าวังหลวงมาเป็นภรรยาได้ง่ายดายเช่นนั้น"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ ลูกเชื่อว่าด้วยนิสัยของนางไม่มีทางยอมรับตำแหน่งที่ท่านแม่ทรงมอบให้แน่นอน ตั้งแต่ที่ลูกรู้จักนางมา นางเป็นหญิงสาวที่รักอิสระยิ่งพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าจึงถูกตาต้องใจนาง?"จ้าวจิ้งเทียนหมดคำจะพูด เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกที่มีต่อหลิวลี่เซียน เขากลัวว่านางจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกันกับเขา จ้าวฮวงโหวย่อมต้องอ่านความคิดของจ้าวจิ้งเทียนออก นางยิ้มออกมาเล็กน้อยคล้ายไม่ได้ติดใจอันใดมากนัก"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แม่เป็นคนไม่ชอบบังคับใจใคร เรื่องที่เจ้ารักษาใบหน้าจนหายดีแล้วนั้น ต้องกราบทูลต่อเสด็จพ่อเจ้าเสีย""พ่ะย่ะค่ะ"เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ ความลับที่เขาตั้งใจจะไม่ยอมเปิดเผยก็จำต้องยอมเสียแล้วหลังจากที่กลับจากวังหลวงหลิวลี่เซียนก็เข้าไปพูดคุยเล่นกับเสนาบดีหลิวและฮูหยินลี่หยางเกี่ยวกับเรื่องที่เข้าวังหลวงวันนี้เพียงเล็กน้อย หลิวลี่ซือก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน นางพยายามที่จะถามหลิวลี่เซียนว่าเข้าวังหลวงไปด้วยเหตุใด

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 17 เข้าวังหลวงอย่างเร่งด่วน

    ตำหนักจ้าวฮวงโหวจ้าวจิ้งเทียนคิดไตร่ตรองเรื่องของเจินเซียงมาสักพักก่อนจะเข้าไปขอพบกับจ้าวฮวงโหวเสด็จแม่ของเขา"ถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""ลุกขึ้นเถิด มานั่งข้างแม่เร็วเข้า จิ้นหมิง"จ้าวจิ้งเทียนลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างพระวรกายของจ้าวฮวงโหว เขามองพระพักตร์ของเสด็จแม่ตนเองอย่างลำบากใจเรื่องนี้หนักหนาเกินกว่าเขาจะแก้ไขเองจริงๆ"ว่าอย่างไรจิ้นหมิง""ที่ลูกมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่วันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญสองเรื่องอยากกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ""ไหนเจ้าว่ามาสิ"จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองเหล่านางกำนัลเป็นเชิงให้ออกไปให้หมด ก่อนจะยกมือขึ้นไปปลดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวกับเทพเซียนของเขา รอยแผลบนใบหน้าจางหายไปจนหมดสิ้นแทบไม่ทิ้งร่องรอยใดเหลือไว้ ราวกับว่าไม่เคยมีบาดแผลน่ารังเกียจนั่นอยู่บนใบหน้าของเขามาก่อน"จิ้นหมิง!!! ลูกแม่ นี่เจ้า หมอเทวดารักษาเจ้าจนหายดีแล้วหรือ สวรรค์ช่างเมตตายิ่งนัก!!!"จ้าวฮวงโหวยื่นมือมาจับที่ใบหน้าของจ้าวจิ้งเทียนอย่างดีใจปนตกใจ น้ำตาของนางเอ่อคลออย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จ้าวจิ้งเทียนกุมมือของพระมารดาเอาไว้ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะยิ้มให้จ้าวฮวงโห

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 16 ตัดปีกตระกูลเจิน

    ตำหนักพระมเหสีรองเหมย"ถวายพระพรพระมเหสีรองเพคะ"เหมยฮวาชิงย่อกายทำความเคารพมเหสีรองเหมยท่านอาของนาง พระมเหสีรองเหมยพระองค์นี้เข้าวังมาได้ห้าปีแล้ว แต่ยังไม่มีพระโอรสและพระธิดาแม้สักพระองค์เดียว เพราะสุขภาพของนางค่อนข้างไม่สู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เพราะราชสำนักยังต้องพึ่งพากำลังทางทหารของจวนโหวตระกูลเหมย มเหสีรองเหมยแม้ภายนอกจะดูอ่อนโยน ไม่มีปากมีเสียงกับใคร แต่ลึกๆ ภายในใจของนางซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้ไม่น้อยนางริษยาจ้าวฮวงโหวกับพระสนมเอกยิ่งนัก ทั้งที่พวกนางไม่ใช่คนโปรดของฮ่องเต้สักเท่าใด แต่วาสนากลับทำให้พวกนางมีพระโอรส แล้วนางเล่า นางเป็นที่โปรดปราน แต่สวรรค์กลั่นแกล้งนางถึงเพียงนี้เพราะเหตุใดกัน"รีบลุกขึ้นเถิดหลาน เจ้าไม่ต้องมากพิธีการ""ขอบพระทัยเพคะพระมเหสีรอง"พระมเหสีรองเหมยโบกมือเป็นการไล่บ่าวรับใช้นางกำนัลออกไปจากตำหนักให้หมด เหลือเพียงแม่นมคนสนิทของนางกับเหมยฮวาชิงและชิงฮุ่ย"ท่านอารู้ข่าวของตระกูลเจินรึยังเพคะ"เหมยฮวาชิงเป็นคนเริ่มบทสนทนาเรื่องของเจินเซียงกับพระมเหสีรองเหมยก่อน พระมเหสีรองเหมยยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย พลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status