Masukตอนที่26||ไท่จื่อทรงแพ้พระครรภ์ยามอิ๋นของวันหนึ่งในช่วงต้นฤดูฝน มหานครฉ่งชิ่ง เมืองหลวงต้าเว่ย ถูกปกคลุมอยู่ใต้ผืนฟ้าสีเทาหม่น อากาศมัวซัว ชื้นเย็น และอึมครึมราวกับกลั้นลมหายใจรอคอยบางสิ่ง ชาวเมืองส่วนใหญ่ต่างมองท้องฟ้าแล้วคิดคล้ายกันว่า อีกไม่นานฝนแรกของปีคงจะเทลงมาอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงพากันตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง รีบเร่งออกจากเรือน จัดเตรียมเครื่องมือเพาะปลูก คราด จอบ และเมล็ดพันธุ์กันอย่างคึกคัก เสียงฝีเท้า เสียงพูดคุย และเสียงเปิดประตูเรือนดังแว่วไปทั่วทั้งเมืองตรงกันข้ามกับความเคลื่อนไหวของชาวเมือง ภายในตำหนักตงกงกลับยังคงเงียบสงบ บ่าวไพร่ในตำหนักตื่นกันครบถ้วนตามระเบียบ บางคนทำความสะอาดลาน บางคนจัดเตรียมน้ำอุ่นและเครื่องใช้ยามเช้า ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบเช่นทุกวัน มีเพียงเจ้าของตำหนักกับภรรยาเท่านั้นที่ยังไม่ตื่นจากบรรทมทว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ใครแปลกใจอีกต่อไป ทุกคนในตำหนักล้วนคุ้นชินเสียแล้ว นับตั้งแต่ไท่จื่อจ้าวเฉินจ้านทรงแต่งไท่จื่อเฟยเข้าตำหนักมาครบหกเดือน การตื่นสายของไท่จื่อก็กลายเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครกล้าซักถามในสายตาของคนนอกที่มิใช่บ่าวรับใช้ใกล
ตอนที่25||นิทานเรื่องที่สองของเฉินจ้าน“ผิดกับบุตรชายคนเล็ก”เฉินจ้านเว้นจังหวะเพียงอึดใจ ลมหายใจที่เป่ารดไรผมของนางอุ่นจัด ทว่าคำพูดที่กำลังจะเอ่ยกลับเย็นเยียบเสียยิ่งกว่าอากาศยามดึก เสียงของเขาต่ำลงเล็กน้อย ราวกับเรื่องราวต่อจากนี้มิใช่นิทานสำหรับกล่อมคนหลับ หากเป็นความจริงที่หนักอึ้งเกินกว่าจะเอ่ยออกมาตรง ๆ โดยไม่ทิ้งรอยแผลในใจผู้ฟัง“ส่วนบุตรชายคนเล็กนั้น…มุทะลุดุดัน”คำว่า มุทะลุ หลุดออกมาจากริมฝีปากเขาอย่างเรียบเย็น ปราศจากการตำหนิหรือชิงชัง มิได้พยายามแก้ต่างหรือกล่าวโทษ เพียงบอกเล่าตามข้อเท็จจริงที่ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของผู้คนทั้งแผ่นดินสวีหานเซียงฟังเพียงเท่านั้น หัวใจก็เต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพราะฟังมาถึงตรงนี้ย่อมทราบทันทีที่ได้ยินว่าส่งใดเป็นสิ่งใดนิทานเรื่องนี้ มิได้เป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้นมาของฮ่องเต้และบุตรชายสามคน หากคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอดีตของไท่ซ่างหวง ผู้เป็นเสด็จปู่ของเฉินจ้าน เรื่องของอดีตไท่จื่อผู้เป็นบิดา และเรื่องของเสด็จอาทั้งสองพระองค์รวมถึง…ตัวเขาเองเมื่อคิดได้ดังนั้น หานเซียงก็ยิ่งตั้งใจฟัง นางขยับตัวเล็กน้อย ซุกตัวแนบชิดอกเขามากขึ้น ราวกับต้องก
ตอนที่ 24 || เจียงเหลียงตี้มายกน้ำชาผ่านไปอีกสองวันหลังพิธีรับเหลียงตี้เข้าสู่ตำหนัก ฤกษ์ยกน้ำชาที่ควรเป็นเพียงพิธีเล็ก ๆ ตามธรรมเนียม กลับกลายเป็นวันที่หลายฝ่ายจับตามองอย่างเงียบงันตามหลักแล้ว เช้าวันถัดจากพิธีรับเหลียงตี้คือวันที่สตรีผู้มาใหม่ต้องมาถวายน้ำชาแด่ไท่จื่อเฟย เพื่อแสดงความเคารพและยอมรับลำดับศักดิ์ หากแต่เช้าวันแรก เจียงเหลียงตี้ล้มป่วยหนักถึงขั้นลุกไม่ขึ้น ข่าวนี้ถูกส่งมายังตำหนักหน้าด้วยน้ำเสียงร้อนรนปนเกรงใจ ส่วนสวีหานเซียง…แม้จะลุกไหว แต่ก็ลุกไหวอย่างคนที่แทบไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน นางตื่นสายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงปล่อยให้เรื่องพิธีการนั้นเลื่อนออกไปโดยมิได้เร่งรัดไม่มีใครกล้าพูดว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร แต่ทุกคนต่างรู้ดี ว่าล้วนเป็นเพราะไท่จื่อจ้าวเฉินจ้าวคงหนักมือกับเจียงเหลียงตี้ส่วนไท่จื่อเฟยคงเสียใจจนนอนไม่หลับจึงตื่นสาย ส่วนความจริงเป็นเช่นไรมีเพียงเฉินจ้านกับหานเซียงเท่านั้นยามสายของวันที่สาม แสงอาทิตย์อ่อนสาดผ่านม่านไข่มุกที่ห้อยระย้าอยู่หน้าตำหนักใหญ่ แสงนั้นไม่เจิดจ้า หากนุ่มนวลจนทำให้ฝุ่นในอากาศลอยเป็นประกายบางเบา ภายในห้องโถงใหญ่ สวีหานเซียงนั่งอยู่
ตอนที่23||อยากได้สิ่งใดเจ้าชี้นิ้วสั่งสวามีเท่านั้นต่างคนต่างเงียบกันไปครู่ใหญ่ ความเงียบนั้นมิได้อึดอัด หากแต่หนักแน่น ราวกับมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งกำลังกดทับอยู่กลางห้อง ระหว่างสองสามีภรรยาที่นั่งเคียงข้างกันอยู่ใต้แสงจันทร์สวีหานเซียงเงียบ เพราะนางกำลังคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งที่เพิ่งผุดขึ้นในหัว และยิ่งคิด นางก็ยิ่งไม่อยากเชื่อ ส่วนจ้าวเฉินจ้านนั้นเขาไม่ได้มองนางด้วยซ้ำสายตาของเขาทอดออกไปนอกหน้าต่าง มองจันทร์ครึ่งดวงที่ลอยเด่นเหนือหลังคาตำหนัก ความคิดของเขาหวนกลับไปยังวันนั้น วันที่เขาเคยคิดว่าตนต้องตายแน่นอนวันที่ถูกนักฆ่าต้อนจนมุม ทางซ้ายคือหน้าผาสูงชัน เบื้องล่างเป็นเหวลึกที่มองไม่เห็นก้น ทางขวาคือดาบในมือของหม่าจงกับเหล่ยเจี๋ยที่เต็มไปด้วยเลือด และด้านหน้าคือความตายเขาจำได้ชัดเจน ความรู้สึกเย็นเฉียบที่แผ่ซ่านตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงกลางอก จำได้ว่าตนเองเคยคิดว่า หากต้องตายเช่นนี้ อย่างน้อยก็ขอให้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีของไท่จื่อเขาจึงสู้ยิบตาไม่ยอมหนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียวแต่แล้ว...เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางแสงจันทร์สีเลือด ดาบของนางวาดผ่านอากาศอย่างเฉียบคม เสียงโลหะกระทบกันดังสนั
ตอนที่22||ความจริงเกี่ยวกับสตรีในดวงใจเฉินจ้านฝ่ายสวีหานเซียงกลับจากเรือนหรงจิ่งในยามค่ำ อากาศต้นราตรีเย็นจัดกว่าทุกวัน ลมพัดเอากลิ่นดินชื้นหลังฝนแรกของฤดูเข้ามาในระเบียงยาว นางก้าวผ่านโคมไฟที่แขวนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ สีหน้าแจ่มใสผิดจากหลายวันที่ผ่านมา แม้ท่วงท่าจะยังสำรวม แต่ความผ่อนคลายที่ซ่อนอยู่ในแววตากลับปิดไม่มิดวันนี้มารดาของนางอาการดีขึ้นมากแถมยังอารมณ์ผ่องใส่พอจะกินอาหารมื้อค่ำได้มากแล้วนั่งพูดคุยเรื่องเล็กน้อยก่อนจะส่งท่านเข้านอนทำให้นางวางความกังวลเรื่องสุขภาพของมารดาลงได้มาก ซึ่งเรื่องนี้ต้องยกความดีให้กับจ้าวเฉินจ้านที่เขาเอาใจใส่รักษามารดาของนางอย่างดีเกินจากที่รับปากตอนแรกอยู่มากและที่สำคัญคืนนี้นางคิดว่าตนเอง สบายแล้วในเมื่อสวามีของนางเพิ่งแต่งงานกับสตรีที่เขารัก คืนเข้าหอเช่นนี้ ต่อให้จ้าวเฉินจ้านจะเอาแต่ใจเพียงใด ก็คงไม่ย้อนกลับมากวนใจนางอีก นั่นคือข้อสรุปที่สวีหานเซียงเชื่อมั่นอย่างยิ่งภายในห้องอาบน้ำ ไอน้ำอุ่นลอยอบอวล เสียงน้ำกระทบอ่างดังแผ่วเบา สวีหานเซียงเอนกายพิงขอบอ่าง หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย เส้นผมยาวสีดำขลับแผ่กระจายตามแรงมือของหลิงซีที่กำลังสระผมให้นา
ตอนที่21||หากข้ามัวแต่ให้อภัยยามใดข้าจะได้เอาคืนวันคืนเคลื่อนผ่านไปอย่างเงียบงัน เผลอเพียงไม่นานก็ถึงวันที่ไม่อาจเลี่ยง ไท่จื่อจ้าวเฉินจ้านต้องรับเจียงเพ่ยหยูเข้ามาเป็นเหลียงตี้ตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับนาง แม้ไท่ซ่างหวงและฮ่องเต้จะทรงไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อาจขัดขวางได้ เพราะไท่จื่อหนุ่มได้ทำตามเงื่อนไขทุกประการแล้ว เขาอภิเษกกับสวีหานเซียงตามพระประสงค์ของมังกรทั้งสอง และยังรับมารดาของนางเข้ามาอยู่ในตำหนัก รักษาดวงตาให้ ดูแลอย่างสมเกียรติ ไม่มีสิ่งใดให้ผู้ใหญ่หยิบยกขึ้นตำหนิดังนั้น การรับเหลียงตี้ในวันนี้จึงเกิดขึ้น แม้จะไม่ใช่งานมงคลที่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวยินดี แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้พิธีถูกจัดขึ้นภายในวังตะวันออก หรือตำหนักตงกง ไม่ได้ประกาศต่อราชสำนักหรือเชิญขุนนางมาร่วมงานเลี้ยงไม่มีขบวนรับตัวเจ้าสาวยิ่งใหญ่เช่นในคราวแต่งสวีหานเซียง จนชาวบ้านที่ทราบต่างซุบซิบกันว่าไท่จื่อจ้าวเฉินจ้านทำราวกับเกรงใจไท่จื่อเฟยสวีมากนัก ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบสงบไม่ต่างจากวันธรรมดาวันหนึ่ง แขกที่ร่วมเป็นพยายานรับรู้ถึงพิธีนี้มีเฉพาะคนของวังบูรพานี้เท่านั้น เพราะนี่ไม่ใช่การอภิเษกไท่จื่อเฟย หากเป็







