Share

บทที่ 20

last update Last Updated: 2024-12-02 20:35:16

จ้าวมู่เดินนำกู้ฟางเหนียงกลับเรือนนอน หลังจากสองสามีภรรยาปิดประตูห้องสนิท กู้ฟางเหนียงที่ร้อนอกร้อนใจเรื่องของบุตรชายอยู่เป็นทุนเดิมก็ผวาจับมือสามีแน่น

“ท่านพี่ เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ เหตุใดฝ่าบาทถึงทรงรับสั่งเช่นนี้ แล้วท่าทีขององค์รัชทายาทที่มีต่อเสี่ยวชีนี่มันอะไรกัน”

“น้องหญิงใจเย็นๆ ก่อน”

“จะให้น้องใจเย็นได้อย่างไร นี่มันชีวิตทั้งชีวิตของลูกเราเลยนะเจ้าคะ”

“แล้วเจ้าจะให้พี่ทำเช่นไร ขัดราชโองการอย่างนั้นหรือ ถ้าทำเช่นนั้นคนที่จะถูกประหารเป็นคนแรกคือเสี่ยวชีรู้หรือไม่”

กู้ฟางเหนียงทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรงเมื่อได้ยินคำตอบของสามี ดวงตากลมโตของนางแดงระเรื่อ สะท้อนใจกับอนาคตที่ไม่แน่นอนของบุตรชาย

“ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หรือ”

จ้าวมู่นั่งลงข้างกายกู้ฟางเหนียง รวบร่างบางเข้ามาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน มือหนาลูบไล้บ่าบอบบางเพื่อปลอบประโลม

“เจ้าอย่าห่วงไปเลย ฝ่าบาททรงแสดงท่าทีชัดเจนถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าต้องการให้พี่เป็นกำลังหนุนให้กับองค์รัชทายาท ตอนที่พี่รู้ว่าต้องดำรงตำแหน่งไท่เว่ยมีนายทหารอยู่ใต้อาณัตินับร้อยหมื่นคน พี่ก็รู้แล้วว่าจะมีวันนี้ พระองค์ชิงยกขุมกำลังขนาดใหญ่นี้มาวางไว้ในมือพี่ เพื่อหลีกเลี่ยงทิศทางลมให้กับองค์รัชทายาททั้งยังป้องกันไม่ให้ขั้วอำนาจของหลี่ไทเฮาที่กำลังจับจ้องกองกำลังนี้อยู่ราวกับพยัคฆ์จ้องเหยื่อยื่นมือเข้ามาสอดได้ บัดนี้เมื่อฝ่าบาทมีพระราชทานสมรสลงมาเพื่อบอกพี่เป็นนัยว่าฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยให้แม่ทัพคนใดกุมกำลังพลมากมายถึงเพียงนี้ นอกเสียจากว่าเป็นการตบตาเพื่อถ่ายโอนกำลังพลไปให้องค์รัชทายาท ซึ่งพระองค์ก็ทำเช่นนั้นจริงๆ แล้วพี่จะทำเช่นไรได้ นอกจากทำตามรับสั่ง”

“แต่ว่าเสี่ยวชี...”

“ตราบใดที่พี่ไม่เอาใจออกห่าง พระองค์จะไม่ทรงทำอะไรลูกของเราอย่างแน่นอนเจ้าวางใจได้ เสี่ยวชีจะมีฐานะสูงส่งดุจตะวันฉาย ผู้คนแซ่ซ้องนับพันปี” จ้าวมู่กล่าวปลอบให้ภรรยาสบายใจ แต่เขาไม่มีทางบอกนางเด็ดขาดว่าเรื่องที่เขากล่าวมานั้นล้วนเป็นไปได้ยากยิ่ง ไม่ว่าในยุคสมัยใดหลังงานใหญ่เสร็จสิ้น ฮ่องเต้ย่อมทำการกวาดล้างภัยแฝงที่อาจสั่นคลอนบัลลังก์ของพระองค์ ตอนนี้หัวหอกเล็งไปยังตระกูลหลี่ที่เป็นพระญาติสายหลัก นั่นเพราะตระกูลหลี่เหิมเกริมอาจหาญท้าทายอำนาจแห่งองค์จักรพรรดิ และก้าวล้ำเส้นความอดทนของพระองค์มากขึ้นทุกวัน ตระกูลหลี่จะต้องถูกโค่นล้มในไม่ช้านี้แน่นอน ส่วนหอกที่ใกล้มือพระองค์มากที่สุดในตอนนี้คงไม่พ้นตระกูลจ้าวของเขา ไม่ว่าฝ่าบาทประสงค์สิ่งใด เขาทำได้แค่เพียงต้องทำตามเท่านั้น หากขัดพระประสงค์ตระกูลของเขาคงต้องถูกกำจัดก่อนเป็นแน่

จ้าวมู่ถอนหายใจอย่างหนักอก เพื่อความอยู่รอดของตระกูลเขาจำเป็นต้องเสียสละบุตรชายเพียงคนเดียว ความรุ่งโรจน์หลายชั่วอายุคนของตระกูลจ้าวจะไม่มีทางพังทลายลงในรุ่นของเขาเป็นอันขาด เรื่องอย่างวิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน[1] จะไม่มีทางเกิดขึ้น เขาจะส่งบุตรชายเพียงคนเดียวของเขาขึ้นไปยืนอย่างมั่นคงสง่างามเคียงข้างบัลลังก์ทองให้จงได้ เพื่อตอบแทนการเสียสละของจ้าวลี่หมิงในครั้งนี้

“แต่ว่าลูกของเราเป็นชายหาใช่อิสตรีไม่ เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่เลือกพระราชทานสมรสให้กับบุตรสาวของเราเล่า”

ก็เพราะบุตรชายคนเดียวย่อมสำคัญที่สุดน่ะสิ!

จ้าวมู่ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกับความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของเฉินเทียนอี้ บุตรสาวทั้ง 6 คนของเขาหรือจะสู้จ้าวลี่หมิงเพียงคนเดียว เพราะผู้ที่จะได้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์และเป็นผู้นำตระกูลต่อจากเขาก็คือจ้าวลี่หมิง จ้าวมู่ไม่ได้เอ่ยออกไป เพราะหากพูดเช่นนั้นภรรยาของเขาคงเศร้าซึมด้วยความรู้สึกผิด และพร่ำโทษตัวเองที่ไม่สามารถคลอดบุตรชายให้เขาได้หลายคนกว่านี้

“เป็นรัชทายาทต้องใจเสี่ยวชีของเรา นั่นย่อมเป็นบุญวาสนาของเขาแล้ว เราจะไปกะเกณฑ์อะไรได้ มีบุตรสาวบุตรชายของขุนนางมากมายในเมืองหลวงที่เพียบพร้อมด้วยรูปโฉม ฐานะ และชาติตระกูลเหมาะกับตำแหน่งชายาองค์รัชทายาท แต่ลูกเราที่เป็นชายกลับคว้ามาได้โดยไม่เปลืองแรงเป่าฝุ่น เจ้าก็คิดเสียว่าได้บุตรเขยเก็บตกมาคนหนึ่งก็แล้วกัน”

กู้ฟางเหนียงทำหน้าปูเลี่ยนๆ บุตรเขยเก็บตกที่สามีเอ่ยเรียกไม่ใช่องค์ฮ่องเต้ในวันหน้าหรือ?

ทางฝั่ง ‘บุตรเขยเก็บตก’ ผู้นอนหลับสบายอยู่ในเรือนช่านไฉ่ เฉินซือหยางหลับไปนานเท่าไรก็สุดรู้ รู้ตัวอีกทีเขาก็ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเปียกชื้นและความหนักอึ้งซึ่งกดทับบนอก ดวงตากลมโตปรือขึ้นเห็นเพียงก้นงอนๆ ปรากฏในครรลองสายตา เฉินซือหยางเอียงคอสงสัย สมองมึนงงเหมือนก้อนแป้งเปียก พอเบิกตามองดีๆ จึงพบว่าเป็นจ้าวลี่หมิงกลิ้งตัวขึ้นมานอนทับอกเขาอยู่ แถมเจ้าตัวเล็กยังบังอาจฉี่ใส่เขาอีกต่างหาก

เฉินซือหยางกลอกตามองบนอย่างจนใจ จะพลิกตัวก็กลัวทำเจ้าหมูน้อยตัวนี้ตื่น เด็กชายจึงนอนนิ่งๆ ให้จ้าวลี่หมิงหลับต่อไปอย่างยอมรับชะตากรรม อุทิศตัวเป็นเบาะรองนอนให้เด็กน้อย

มือป้อมลูบแผ่นหลังเล็กเล่น เด็กน้อยครางอืออาถูไถใบหน้ากับอกของเขาแล้วหลับต่อ ได้นอนเล่นอยู่ว่างๆ แบบนี้จะว่าไปก็ดีเหมือนกันแฮะ ถ้าไม่มีกลิ่นตุๆ ด้วยคงจะดีมาก

เดี๋ยวก่อนนะ...

กลิ่นเหม็นรุนแรงนี่มันอะไรกัน!

“จ้าวลี่หมิง!!”

“แอ๊รรรรรรรร”

เสียงแผดร้องผสานกับเสียงร้องไห้ดังสนั่นลั่นเรือนจนไก่สุนัขแตกกระเจิง ทำเอาบ่าวไพร่และหวังกงกงซึ่งยืนฟังความเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกต่างพุ่งเข้ามาในเรือนช่านไฉ่อย่างตกอกตกใจ

“องค์รัชทายาท / คุณชาย”

ทุกคนร้องเรียกน้ำเสียงตื่นตระหนก แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับเป็นเฉินซือหยางซึ่งเนื้อตัวเต็มไปด้วย ‘เศษซากแห่งอารยธรรมอาหารต้าเฉิน’ สีเหลืองอ๋อย กลิ่นโชยแรง กำลังชูตัวจ้าวลี่หมิงออกไปไกลๆ ในขณะที่เด็กน้อยร้องไห้เพราะตกใจและไม่สบายตัว เอี๊ยมสีแดงสดเปียกโชกโชยกลิ่นเหม็นพอๆ กัน จนคนที่เห็นเหตุการณ์ยืนนิ่งเป็นไก่ไม้ มองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าผู้ใดจะเป็นหน่วยกล้าตายไปรับหน้าองค์รัชทายาทดี

“มัวรีรออะไรกันอยู่ ไม่เห็นหรือว่าชีชีร้องไห้หนักขนาดนี้ รีบๆ เข้ามาปรนนิบัติเร็วเข้าสิ” เฉินซือหยางหน้าบึ้งถลึงตาตวาดสาวใช้ของจ้าวลี่หมิง จนพวกนางตัวสั่นงันงกโขกศีรษะขออภัยเป็นการใหญ่ ก่อนจะรีบเข้าไปอุ้มคุณชายไปทำความสะอาดเนื้อตัว

“เดี๋ยว! ผู้ใดบอกให้พวกเจ้าแตะต้องเขา ไปเตรียมน้ำ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง” เฉินซือหยางโยกตัวจ้าวลี่หมิงหลบมือสาวใช้ ระหว่างนั่งรอให้บ่าวเติมน้ำร้อนในอ่างเขาก็จัดการลอกคราบจ้าวลี่หมิงจนเนื้อตัวเปลือยเปล่าค่อยพยักหน้าให้หวังกงกงมาปรนนิบัติตนเองบ้าง

ทั้งสองล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำสะอาดก่อนจะลงแช่ในอ่างไม้ด้วยกัน จ้าวลี่หมิงตีน้ำเล่นอย่างสนุกสนาน ร่างเล็กๆ ขยับตัวหยุกหยิก บ้างก็หยิบกลีบดอกเหมยที่ลอยอยู่เหนือน้ำเข้าปาก ทำเอาเฉินซือหยางจนด้วยเกล้า

“อยู่นิ่งๆ บ้างได้หรือไม่ ฮึ! เจ้าหมูอ้วน”

“แอ๊ะ”

จ้าวลี่หมิงตีน้ำใส่หน้าเฉินซือหยางอย่างได้ใจ ฟังเด็กชายพูดไม่รู้ความแม้แต่น้อย ร่างเล็กอวบกลมกลิ้งยังคงดิ้นรนไปมา จนเฉินซือหยางกลัวว่าเขาจะจมน้ำจนต้องอุ้มไว้แนบอกแทน

“ตอนเด็กๆ พระองค์ก็ทรงซุกซนเช่นนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ” หวังกงกงมองดูเด็กน้อยทั้งสองคนเล่นน้ำด้วยกันเปรยยิ้มๆ เฉินซือหยางสมัยก่อนเองก็ชอบวุ่นวายตอนสรงน้ำแบบนี้เป็นประจำ

“ไม่มั้ง หวังกงกงหลอกข้าอยู่ใช่หรือไม่” เฉินซือหยางมองหน้าหวังกงกงสลับกับจ้าวลี่หมิง เด็กน้อยยิ้มแฉ่งให้อย่างอารมณ์ดี มือเล็กๆ ยังเล่นตีน้ำไม่หยุด ไม่มีทีท่าว่าจะอยากขึ้นจากน้ำเลยสักนิด

“พระอาญาไม่พ้นเกล้า บ่าวเฒ่าจะกล้าหลอกลวงพระองค์ได้อย่างไร หากไม่เชื่อบ่าวค่ำนี้ตอนไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทลองตรัสถามพระองค์ดูได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” หวังกงกงพูดออกไปแล้วก็นึกอยากตบปากตนเองแรงๆ สักที เขาลืมไปได้อย่างไรว่าฝ่าบาทยังไม่ทรงฟื้นจากพระอาการประชวร

พอเฉินซือหยางได้ยินหวังกงกงพูดถึงเฉินเทียนอี้ก็นิ่งงันไป นึกถึงเสด็จพ่อที่นอนซมไม่ได้สติอยู่บนเตียง เขาก็หมดอารมณ์จะทำอะไรแล้ว

“แต่งตัวให้เราเถอะ” เฉินซือหยางลุกออกจากถังไม้เพื่อให้หวังกงกงเช็ดตัวให้ แต่ดูเหมือนจ้าวลี่หมิงจะไม่ค่อยพอใจ เด็กน้อยดิ้นรนจะลงไปเล่นน้ำให้ได้จนเกือบหลุดมือเฉินซือหยาง

“อย่าดื้อน่า น้ำเย็นหมดแล้วเห็นไหม เราขึ้นจากน้ำกันดีกว่านะ” เฉินซือหยางปะเหลาะเจ้าตัวเล็ก แต่จ้าวลี่หมิงไม่ยอมฟัง ร่างเล็กดิ้นรนจะลงไปเล่นน้ำให้ได้ เฉินซือหยางจำต้องแข็งใจอุ้มเด็กน้อยเดินลิ่วกลับเข้าห้องนอน

จ้าวลี่หมิงร้องไห้งอแงพลิกกายนอนหันหลังหันก้นให้เฉินซือหยางอย่างแสนงอน ไม่สนใจอีกฝ่าย เฉินซือหยางก็ได้แต่โคลงศีรษะ เช็ดตัว ประแป้ง แต่งตัวให้เด็กน้อยด้วยตัวเองจนเสร็จ จ้าวลี่หมิงก็ยังไม่สนใจเขาเลยอดยื่นนิ้วเรียวไปเขี่ยเอวเจ้าเด็กอ้วนไม่ได้

“นี่ ยังไม่หายโกรธเราอีกหรือ”

“(*  ̄︿ ̄)”

“หายโกรธเถอะน่า ไม่งั้นเราไม่ให้กินไอ้นี่นะ” เฉินซือหยางงัดท่าไม้ตายเข้าสู้ ควักเอานมก้อนรูปกระต่ายออกมาแกว่งยั่วใครบางคน กลิ่นหอมของนมผสมน้ำผึ้งโชยเข้าจมูก เด็กตะกละเลยอดใจไม่ไหว พลิกตัวหันมางับนมก้อนไปจากนิ้วขาวอวบอย่างหน้าชื่นตาบาน

“อือออ” จ้าวลี่หมิงครางอย่างมีความสุข อ้าปากเล็กเร่งให้เฉินซือหยางป้อนเขาอีก พอได้เคี้ยวนมก้อนหนึบหนับมีรสหวานกลมกล่อมแล้ว จ้าวลี่หมิงยิ่งอารมณ์ดียอมให้อีกฝ่ายอุ้มเล่นอย่างไรก็ได้

“เรามีประโยชน์แค่ตอนที่เจ้าหิวสินะเจ้าตัวแสบ” เฉินซือหยางฟัดพุงเด็กอ้วนให้หายมันเขี้ยว ทำเอาจ้าวลี่หมิงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขยุ้มผมของเด็กชายแน่น

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

“นี่แน่ะๆ เจ้าผีหิวน้อย ยอมแล้วหรือยัง” เฉินซือหยางไซ้พุงเด็กน้อยไม่หยุด เพื่อให้เจ้าตัวปล่อยมือจากผมของเขา แต่ยิ่งซุกไซ้มือเล็กยิ่งกำแน่น ผมของเฉินซือหยางจึงยิ่งชี้โด่ ความสง่างามของผู้เป็นองค์รัชทายาทปลิวหายไปโดยสิ้นเชิง

เด็กน้อยเล่นด้วยกันอยู่นานจนสายัณห์ตะวันรอนก็ยังไม่มีทีท่าว่าเฉินซือหยางจะกลับเสียที จนหวังกงกงต้องออกปากเตือน

“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ยามโหย่วแล้วควรเสด็จกลับก่อนที่ประตูวังจะปิดนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เรารู้แล้ว”

เฉินซือหยางอุ้มจ้าวลี่หมิงไปส่งให้บิดามารดาของเด็กน้อย และถือโอกาสกล่าวลา

“องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ ไม่รอเสวยพระกระยาหารมื้อค่ำด้วยกันก่อนล่ะพ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวชีจะได้มีเพื่อนทานข้าว” จ้าวมู่ให้ความสนิทสนมเป็นกันเองกับเฉินซือหยาง ไหนๆ ก็ต้องอยู่ฝั่งเดียวกันแล้ว การเอาใจองค์รัชทายาทย่อมเป็นเรื่องดีต่อบุตรชายของตน

“คงต้องเป็นคราวหน้าไว้เราจะมาขอชิมรสมือของไท่เว่ยฮูหยินบ้าง”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้วเพคะ หม่อมฉันจะพยายามสุดฝีมือ” กู้ฟางเหนียงค้อมกายรับคำ เฉินซือหยางผงกศีรษะให้หันไปบอกลาจ้าวลี่หมิงเป็นการส่งท้าย ไม่ลืมกำชับจ้าวมู่กับกู้ฟางเหนียง

“ชีชี ข้ากลับแล้วนะ” เฉินซือหยางลูบศีรษะเล็กๆ เป็นการบอกลา “หากมีเรื่องใดให้นำป้ายหยกของเราเข้าวังได้ทุกเมื่อ เข้าใจหรือไม่”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” สามพ่อแม่ลูกตระกูลจ้าวน้อมส่งเฉินซือหยางกลับวังหลวง

[1] มาจากสำนวนวิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายม้วยย่างสุนัข หมายถึง คนที่หมดประโยชน์แล้วก็จะถูกกำจัดทิ้ง เหมือนกับการยิงนกแล้วเก็บธนูไว้ไม่ใช้อีก หรือพอจับกระต่ายได้ก็เอาสุนัขล่าเนื้อมาฆ่ากิน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 244

    ‘เปิดตำหนักลับฉบับวายป่วง’ สำนักข่าวเถียนเถียนรายงานสดจากตำหนักจินหลวน นักข่าวนิรนาม : “มีคนบ่นว่าพระเอกเรื่องนี้ไม่เหมือนพระเอกจริงหรือไม่ขอรับ” สวีจิ้งเฟิ่ง : “ผู้ใดบอกให้นักเขียนผู้นั้นให้บทเด่นกับท่านพ่อมากเกินไปเล่า” สวีจิ้งเฟิ่งแบมืออย่างช่วยไม่ได้ นักเขียน : “C £ C

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 243

    "หยางหยาง! เจ้าไปไหน..." ไป่ชิงถงยังไม่ทันซักไซ้ไล่เลียง สวีจิ้งเฟิ่งก็ตรงดิ่งเข้าหาภรรยาด้วยความยินดี "ชีชี เจ้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าเสียทั่ว มากับข้าเร็วเข้า" สวีจิ้งเฟิ่งอุ้มสวีชิงเทียนให้ท่านย่า จูงมือภรรยาออกไปท่ามกลางเสียงโวยวายอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของไป่ชิงถง "หยางหยางเจ้า

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 242

    "เจ้าชอบแบบนี้เองหรอกหรือ" สวีจิ้งเฟิ่งขยับกายเข้าออกเนิบช้า บดคว้านโพรงรักจนถ้วนทั่วสลับกับตอกตรึงหนักเน้นลึกจนถึงแก่น "เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อ...ย อ่ะ" ไป่ชิงถงส่ายหน้าไม่อยากจะยอมรับเลยว่าสวีจิ้งเฟิ่งทำแบบนี้เขายิ่งเสียวซ่านมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก "งั้นหรือ แล้วแบบนี้เล่า" สวีจิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 241

    "อย่าว่าลูก! จ้ำม่ำแบบนี้สิดี กอดแล้วนุ่มนิ่มจะตาย แล้วที่ว่าไม่เหมือนเจ้า ไม่เหมือนตรงไหน ดูผมนี่สิ หน้าก็เหมือนกันแทบจะถอดเค้ามาจากเจ้า มีแค่ตาสีมรกตคู่นี้ที่เหมือนข้า" ไป่ชิงถงประท้วง มองสามีตาเขียว ลูกเหมือนสวีจิ้งเฟิ่งขนาดนี้ เขาไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แค่ชอบกินเหมือนเขานิดหน่อยทำมาเป็นโวยวาย

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 240

    ด้วยความเพียรพยายามมุมานะอุตสาหะกกไข่แทนภรรยาของสองพ่อลูกแซ่สวี ในที่สุดไข่ใบน้อยก็เริ่มกะเทาะเปลือกออกมาแล้ว "อีกนิด ลูกทำได้ เจาะเปลือกบนหัวออกก่อนแบบนั้นแหละ" เสียงพ่อลูกแซ่สวีให้กำลังใจลูกน้อยดังขึ้นเป็นระยะ ไม่นานหงส์ทองตัวน้อยกับมังกรเหมันต์ก็โผล่ศีรษะเล็กๆ ออกมา ดวงตาใสแจ๋วสองคู่มองคนน

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 239

    "ไม่ค่อยดี" สวีเฟยหลงมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด "ข้าจะเข้าไปดูหน่อย" "หยางเอ๋อร์..." สวีเฟยหลงห้ามไม่ทัน ร่างสูงของบุตรชายหายเข้าไปในห้องเสียแล้ว "ท่านตาเสร็จหรือยัง ชีชีจะคลอดแล้วเหมือนกันนะ" "รอก่อน ข้าทำคลอดมารดาเจ้าอยู่ อย่ามาวุ่นวาย" หลินไท่หน้าซีด ถ่ายพลังให้หลินเส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status