แชร์

3. ข้าจะช่วยเจ้าเอง (2)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-28 14:33:09

ได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็ร้องอ๋อ นี่ท่านเทพคงพานางย้อนกลับมา ก่อนที่หยางจิ้งจะได้พบกับชินอ๋องจางปี้ซวน

นางจำได้ว่า หลังจากที่ได้รับพระราชทานสมรสจากองค์ฮ่องเต้หวงต้าหลง สกุลเกาก็มีท่าทีตึงเครียดมาโดยตลอด

ยิ่งเกาเยี่ยนฟางมิได้ชื่นชอบในตัวองค์ชายใหญ่ ทั้งยังค่อนไปในทางเกลียด แม่ทัพเกาก็ยิ่งไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นบุตรสาวร้องไห้โวยวายมิยินยอม

ทว่าพวกเขาก็ทำสิ่งใดไม่ได้ จำใจต้องทำตามราชโองการ แต่งานสมรสในครั้งนั้นก็เป็นเพียงการคำนับฟ้าดินเท่านั้น เพราะหลังจากเสร็จสิ้นพิธี เกาเยี่ยนฟางก็กลับสกุลเกา ไม่ยอมรับตำแหน่งพระชายาขององค์ชายใหญ่

ปฏิบัติตนเฉกเช่นตนเองเป็นสาวน้อยมิเคยผ่านการแต่งงาน ผู้ใดที่เอ่ยเรียกนางว่าพระชายา เป็นอันต้องถูกตบปากจนฟันหลุด คนทั่วเมืองจึงมิมีผู้ใดกล้า

อย่าว่าแต่คุณหนูเกายอมรับไม่ได้ ขนาดเหล่าขุนนางและชาวบ้าน ยังไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าฝ่าบาทจะให้สกุลที่มีบทบาทในราชสำนัก เกี่ยวดองกับองค์ชายไร้ค่าอย่างหวงหยางจิ้ง

หลายคนจึงคิดว่าเจ้าแผ่นดิน ต้องการจะทอนอำนาจของสกุลเกา ที่เป็นสกุลแม่ทัพ คุมทหารหลายแสนนาย พระองค์คงจะหวังให้ความเกลียดชังที่ราษฎรมีต่อองค์ชายใหญ่ลุกลามไปถึงสกุลเกาด้วย

“เฮ้อ~ ตาย ตาย ตาย เหตุใดไม่ย้อนกลับไปอีกสักนิดเล่า” มือเล็กดึงทึ้งผมตนเองจนยุ่ง

มหาเทพก็ช่างกลั่นแกล้งนางนัก ช่วงที่นางย้อนมา เป็นช่วงที่เกาเยี่ยนฟางปฏิบัติตัวไม่ดีกับหยางจิ้งไปมากมายนัก

หากจัดอันดับผู้ที่กลั่นแกล้งองค์ชายใหญ่ของแคว้น เกาเยี่ยนฟางต้องเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิง เพราะหลังจากตบแต่งกับองค์ชายไร้ค่า เยี่ยนฟางก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจ

“บุตรชายของสตรีชั่วร้าย จิตใจคับแคบ ไม่เห็นแก่บ้านเมือง ไม่เหมาะจะเป็นเขยสกุลเกา”

“คนไร้ค่าเช่นนั้น จะรับมาเป็นบ่าว ข้ายังคิดหนัก”

“น่ารังเกียจนัก มิมีสิ่งใดสู้องค์ชายสามได้เลยสักนิด”

คำพูดดูถูกดูแคลน หยามเกียรติ และด่าทอ เกาเยี่ยนฟางล้วนสรรหามาพูดจนหมด

ไม่เพียงเท่านั้น หญิงสาวยังกระทำการเหยียบย่ำเกียรติสามี โดยการทอดสะพานให้องค์ชายสามอย่างออกหน้าออกตา

กระทั่งเมื่อวันก่อน ที่มีประกาศจากทางราชวัง ว่าองค์ชายสาม หวงไท่ฉาง ได้รับพระราชทานสมรสให้แต่งกับคุณหนูสวีเลี่ยงจิน บุตรสาวคนเล็กของเสนาบดีกรมพิธีการ

ทันทีที่เกาเยี่ยนฟางรู้ ก็กรีดร้องจนเป็นลมล้มพับไป สกุลเกาจึงโกลาหล รีบเรียกท่านหมอมาดูอาการอย่างที่เห็น

“ฮื้อ! เหตุใดเรื่องมันจึงยากขึ้นเรื่อยๆ นะ”

“เอ่อ เรื่องใดยากหรือเจ้าคะ ให้บ่าวช่วยดีหรือไม่”

“ข้าต้องให้เจ้ากับอาเป่าช่วยเป็นแน่ จริงสิ! ข้ายังไม่มีชู้ใช่หรือไม่”

“ชู้อันใดกันเจ้าคะคุณหนู พูดสิ่งไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย” พอลี่จูว่าเช่นนั้น เยี่ยนฟางก็ตบอกอย่างโล่งใจ

เพราะก่อนหน้าที่นางดูม่านชีวิตของหยางจิ้ง เขารังเกียจเยี่ยนฟางที่สุดก็ตอนที่นางลอบเล่นชู้กับองค์ชายสาม จนตั้งครรภ์ ผู้คนที่ดูแคลนหยางจิ้งอยู่แล้ว ก็ยิ่งหัวเราะเยาะ เหตุการณ์นี้มีส่วนทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจไปแคว้นจางทันทีที่พ่อบุญธรรมเอ่ยปากชวน

“อืม ก็ยังดีที่ยังไม่มีชู้” เดิมที คิดว่าเพียงแค่เอ่ยเตือนเรื่องชินอ๋องจางปี้ซวนให้หยางจิ้งรับรู้ อีกฝ่ายก็คงจะระมัดระวังตน และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีก

แต่นางมาอยู่ในร่างของเกาเยี่ยนฟางเช่นนี้ หยางจิ้งคงไม่ยอมฟังคำของสตรีร้ายกาจที่ดูถูกดูแคลนเขาสารพัดแน่

เห็นทีเรื่องนี้คงต้องคิดใหม่

“ไปกันเถิด”

“ไปที่ใดเจ้าคะ ท่านแม่ทัพมิให้คุณหนูออกไปเที่ยวเล่นนะเจ้าคะ”

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีทางพาข้าออกไป ช่วยข้าทีเถิดลี่จู”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   10. ที่ต่ำที่สูง (2)

    มือเล็กดึงแขนของเอกบุรุษให้ตามออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึง เท้าเล็กกระทืบลงพื้นระบายความโมโห“หยุด! เจ้าจะพาข้าไปที่ใด”“เป็นใบ้หรือไร เหตุใดไม่ตอบกลับไปเล่า” เยี่ยนฟางเดินมาหยุดที่ตรอกไร้คน พลางหันไปต่อว่าอีกฝ่ายนางทั้งโมโห ทั้งอยากหยิกคนตรงหน้า ไม่ว่าเมื่อใดเจ้าหมาโง่ของนางก็ยืนให้คนอื่นด่า ยอมให้คนอื่นหัวเราะเยาะเพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า จึงได้เก็บกด พอมีอำนาจก็ไม่เกรงกลัวผู้ใด ทำร้ายผู้คนอย่างเลือดเย็น“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร” หยางจิ้งหรือจะไม่โกรธ เขาแทบอยากพุ่งเข้าไปบีบคอสตรีชั้นต่ำผู้นั้น แต่ในฐานะเช่นเขา จะทำสิ่งใดได้“ก็ด่าพวกเขากลับไป เอาให้หูดับไปเลยยิ่งดี”“อย่างที่เจ้าด่าข้าอยู่นี่น่ะหรือ”“ข้า- เอ่อ หม่อมฉันมิได้ด่านะเพคะ เพียง เพียงบอกองค์ชายเท่านั้น” เยี่ยนฟางอยากตบปากตนเองนัก ทั้งที่ตั้งใจจะตีสนิทอีกฝ่าย แต่นางกลับลืมตัว ด่าเขาว่าเป็นใบ้เสียอย่างนั้น“บอกว่าข้าเป็นใบ้น่ะหรือ”“หึ หยุดใช้สายตากดดันหม่อมฉันนะเพคะ ทีกับผู้อื่นเหตุใดไม่มองเช่นนี้บ้าง”“ข้ามิได้ทำ”“ทำเพคะ มองอย่างกับจะฆ่าแกงกัน อ๊ะ! จะไปที่ใดเพคะ เมื่อครู่เป็นหม่อมฉันที่ช่วยพระองค์ไว้ องค์ชายควรตอบแทนหม่อมฉั

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   9. ที่ต่ำที่สูง (1)

    “อาเป่า เจ้าอยากทานสิ่งใดบอกข้า วันนี้ข้าได้เงินจากพี่ใหญ่และพี่รองมาเต็มถุงเลย”เป็นเวลาเกือบเดือนที่เหล่าคุณชายสกุลเกา รับรู้ว่าน้องสาวล้มป่วย แต่หน้าที่การงานรัดตัว ต้องไปราชการต่างเมือง จึงมิได้มาปลอบใจน้องสาวในทันใดพอเกิงชุนกับจวินอู๋กลับมาเห็นท่าทีของน้องสาวเปลี่ยนไป ก็คิดว่านางคงเสียใจหนักมาก จึงเอาอกเอาใจยกใหญ่ เยี่ยนฟางอยากได้สิ่งใดก็ควักเงินให้ไปซื้ออย่างไม่ลังเล“โอ้โห คุณชายทั้งสองมีเงินทองมากมายเสียจริงขอรับ”“แน่สิ ยังเหลือพี่สามอีกหนึ่งคน ที่ข้ายังไม่ได้ขอ”“เช่นนั้นบ่าวทานเสี่ยวหลงเปาได้หรือไม่ขอรับ กลิ่นหอมมาแต่ไกล”“อาเป่า เจ้าชักจะเกินไปแล้ว” ลี่จูปรามบุตร“เจ้านี่อย่างไรลี่จู ลูกชายเจ้ากินเก่งก็ดีแล้ว ข้าเองก็จะซื้อเสี่ยวหลงเปาไปฝากองค์ชายเช่นกัน”“คะ คุณหนูยังจะไปอีกหรือเจ้าคะ ไปทีไร ก็เจ็บตัวกลับมาทุกครา” ลี่จูว่าเสียงเบา นางกับลูกตามคุณหนูไปจวนองค์ชายมานับครั้งไม่ถ้วน ไปทุกวัน คุณหนูของนางก็ถูกลาก ถูกจับโยนออกมานอกประตูจวนทุกวัน“เอาเถิดๆ อย่างน้อยองค์ชายก็ยอมแตะตัวข้า ก่อนหน้านี้เขาเคยเอาไม้เขี่ยข้าด้วยซ้ำ แสดงว่าเริ่มใจอ่อนแล้ว”“แล้วเหตุใดคุณหนูต้องทำให้องค์

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   8. ความผิดของมารดา (2)

    “ปลดจ้าวหนิงจินลงจากตำแหน่งฮองเฮาให้เป็นเพียงสามัญชน และขังไว้ในคุกหลวงจนกว่าจะสิ้นชีวิต ชดใช้ความผิดที่ปลงพระชนม์เชื้อพระวงศ์”นั่นเป็นพระราชโองการที่หยางจิ้งจดจำได้มิเคยลืม ผู้คนทั้งแคว้นต่างก่นด่าว่าเสด็จแม่ของเขาจิตใจอำมหิต สังหารองค์ชายรอง หวงลู่จิว ที่มีอายุได้เพียงเจ็ดหนาว เพราะกลัวว่าองค์ชายรองที่กำเนิดจากสนมขั้นกุ้ยเฟย สนมกงลี่จิน จะมาแย่งตำแหน่งองค์รัชทายาทไปจากหยางจิ้งเหตุการณ์นั้นทำให้ชีวิตของหยางจิ้งพลิกผันจนแทบตั้งรับไม่ทัน เสด็จพ่อที่เคยอุ้มชู กลับไม่เคยมาเหลียวแล จะเดินไปที่ใดก็มีแต่คนทำท่ารังเกียจ แม้แต่พวกขันทีนางในก็ยังกล้าดูแคลนหยางจิ้งในวัยสิบเอ็ดหนาวต้องทนกับคำพูดเสียดสี ดุด่า สาปแช่ง ทั้งยังไม่เคยได้ทานอาหารอิ่มท้องเลยสักวัน บางวันถึงขั้นเป็นข้าวบูดเสียด้วยซ้ำไม่ต้องพูดถึงเรื่องออกงานสำคัญกับเสด็จพ่อและเหล่าพี่น้อง หลังจากเสด็จแม่ได้รับโทษ เขาก็ไม่เคยได้รับเชิญอีก ทั้งยังถูกขับให้ออกมาอยู่จวนนอกวังกับเข่อชิงเพียงสองคนหวงหยางจิ้งในวัยนั้นรู้สึกโกรธมารดาเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ตนเองกลายเป็นที่รังเกียจของทุกคน แต่ก็ได้ขันทีเข่อชิงที่คอยสอน และย้ำเตือนว่าอย่างไรเสด

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   7. ความผิดของมารดา (1)

    “เรื่องที่พระองค์คิดจะทำ มีเพียงอำนาจของบิดาหม่อมฉันที่ช่วยได้”“…” คิ้วคมขมวดเข้าหากันเป็นปม เรื่องที่เขาคิดจะทำ สตรีนางนี้จะรับรู้ได้อย่างไรกัน“องค์ชายทรงตรองดูให้ดีเถิด เรื่องพระมารดาของพระองค์ ผู้ใดจะกล้ายื่นมือเข้ามาเสี่ยง”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงกล้าเสี่ยงเล่า ทั้งที่ก่อนหน้าเจ้ามิยินดีจะเฉียดกายเข้าใกล้ข้าด้วยซ้ำ”“นั่นเพราะ…อย่างไรเสียหม่อมฉันก็แต่งให้ท่านแล้ว หากปล่อยให้องค์ชายทำเรื่องใหญ่ด้วยตนเอง แล้วเกิดผิดพลาดขึ้นมา สกุลเกาคงเดือดร้อนไปด้วย” เยี่ยนฟางลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับสวามี นางมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องตอบตกลงยอมรับความช่วยเหลือจากนางแน่เพราะก่อนหน้านี้หยางจิ้งพยายามตามสืบเรื่องของมารดาและสกุลจ้าว แต่ความกลับไม่คืบหน้า อย่างไรเสียเขาย่อมต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้“งั้นหรือ”“ใช่เพคะ ฮึๆ เอาเป็นว่าเรามานั่งทานมื้อกลางวันไป พูดคุยเรื่องนี้ไปดีหรือไม่ องค์ชายต้องการให้หม่อมฉันช่วยอย่างไร ขอเพียงบอกมาเท่านั้น” ใบหน้าหวานพยักให้บ่าวคนสนิทตั้งโต๊ะอาหารรสเลิศหลายจานจึงถูกยกมาจัดเตรียมอย่างสวยงาม รอเพียงชายหญิงมานั่งทานเท่านั้น“…”“มาเพคะ เชิญองค์ชายนั่งตรงนี้ ว๊าย!” ใจดวงน้อยตกไปอ

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   6. ข่มขู่ (2)

    น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคอ ปากเล็กเป่าลมออกจากปาก ยืนทำใจอยู่หน้าประตูจวนหลังเก่า แม้ยามนี้หยางจิ้งจะเป็นเจ้าหมาโง่อยู่ แต่ภาพความโหดเหี้ยมของเขายังติดตานางไม่หาย“ให้บ่าวเคาะประตูเลยหรือไม่เจ้าคะ”“เอาเลย ข้าพร้อมแล้ว” เยี่ยนฟางกระชับปิ่นโตที่เอามาด้วยไว้แน่น รอให้ขันทีคนสนิทขององค์ชายออกมาเปิดประตูสามนายบ่าวยืนรอไม่นาน ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออก เมื่อขันทีเฒ่าเห็นว่าผู้ใดมา ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที“คำนับท่านขันทีเข่อชิง ข้านำอาหารมาฝากองค์ชาย ไม่ทราบว่าท่านพอจะนำทางข้าไปพบองค์ชายได้หรือไม่เจ้าคะ”“…” สีหน้าโกรธเคืองเปลี่ยนเป็นงุนงงในทันใด ทั้งคำพูด รอยยิ้ม และกิริยาที่อ่อนน้อม ราวเป็นคนละคนกับคุณหนูเล็กสกุลเกาที่เขารู้จัก“ท่านขันทีขอรับ ได้ยินที่คุณหนูของข้าว่าหรือไม่”“เอ่อ ข้าคงต้องนำเรื่องนี้ไปทูลต่อองค์ชายก่อน” เมื่อถูกเด็กอ้วนท้วง ขันทีชราก็หันหลังกลับเข้าไปถามนายเหนือหัวทันทีและคำตอบก็เป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้“ไล่นางกลับไป อย่าให้นางเข้ามาเหยียบในจวนเรา” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น ทั้งที่เจ้าตัวยังจดจ่ออยู่กับการวาดภาพทิวเขา“แต่…ครานี้นางมีท่าทีแปลกๆ นะพ่ะย่ะค่ะ ดูไม่เหมือนคุณหนูเ

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   5. ข่มขู่ (1)

    “ฟางเอ๋อร์ ออกจากห้องได้แล้วหรือ แม่รองเป็นห่วงเจ้านัก นึกว่าเจ้าจะตรอมใจตาย เพราะองค์ชายสามจะแต่งชายาเสียแล้ว” เสียงของผินฟู่โยว ฮูหยินรองของบิดาเยี่ยนฟาง ทำเอาคนถูกทักกลอกตามองบนบุรุษมากภรรยา ย่อมต้องมีปัญหาตามมา ไม่เว้นแม้แต่สกุลเกา ที่มีฮูหยินรองเป็นพวกมักใหญ่ใฝ่สูง อยากทำตนเทียบชั้นกับฮูหยินเอกของสกุล ระรานเหล่าอนุของแม่ทัพเกา จนมีเรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน“เฮ้อ! ไปกันเถิด”“นับวันยิ่งทำตัวไร้มารยาท ไม่รู้ว่าฮูหยินเอกเลี้ยงดูบุตรสาวอย่างไร สู้เหรินเอ๋อร์ของป้าก็มิได้” เหรินเอ๋อร์ที่ว่า คือผินอี้เหรินหลานสาวของฮูหยินรอง ที่มาอาศัยอยู่เรือนสกุลเกามาตั้งแต่เล็กๆด้วยเหตุที่ว่าฮูหยินเอกมีบุตรชายมาแล้วถึงสองคน ฮูหยินรองเองก็คลอดบุตรชายอีกสองคน แม่ทัพเกาจึงอยากได้บุตรสาวช่างออดช่างอ้อน ผินฟู่โยวจึงพยายามอย่างหนักเพื่อเอาใจสามี ทว่าก็ไม่ทันฮูหยินเอกที่คลอดเยี่ยนฟางมาก่อนนางจึงได้แต่พาหลานสาวมาเลี้ยงดู หวังให้สามีหันมาสนใจ แต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ แม้เกากั๋วเฉียงจะเมตตา ให้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่ก็ไม่เท่าบุตรสาวคนเล็ก“…”“ท่านป้า อย่าทำให้คุณหนูโมโหเลยเจ้าค่ะ”“เจ้าก็ดูเถิดเหรินเอ๋อร์

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status