“ แม่นม หลานสาวของท่านมิได้พักอยู่ที่นี่กับท่านแล้วหรือ หมู่นี้เปิ่นหวางไม่พบหน้านางเลย ” เขาเอ่ยถามแม่นมขณะที่ทำทีนั่งจิบชาเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร เหมือนกับถามไปอย่างนั้น
“ หมู่นี้นางออกไปทำงานที่ร้านเสริมความงามของคุณชายเสิ่นอี้หนานเพคะ ได้ยินว่าคุณชายผู้นั้นจ้างให้นางช่วยดูแลร้านของเขาที่เพิ่งเปิดใหม่ นางมาขออนุญาตออกไปทำงานได้เกือบจะสองสัปดาห์แล้วเพคะ เช้าๆขึ้นมานางก็ออกไปทำงานเอง เพราะมีตรอกเล็กๆที่อยู่ถัดจากกำแพงจวนไปนี่ที่เดินลัดออกไปที่ถนนหน้าตลาดได้เพคะ
พอตอนเย็นคุณชายเสิ่นก็มาส่งนางที่หน้าจวนเพคะ ได้ยินว่าเป็นทางผ่านกลับจวนของเขาพอดี จึงได้นางติดรถม้าของเขากลับมาด้วย ” อ๋องหนุ่มรู้สึกขุ่นใจเล็กน้อย แต่ก็ยังรักษาใบหน้าให้เรียบเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเพียงถามไถ่ถึงคนในจวนไปตามปกติทั่วไป
“ แม่นม เปิ่นหวางมีเรือนว่างอยู่ด้านหลังเรือนหลักนี้ที่ตอนนี้มันไม่มีคนอยู่ ให้หลานสาวของแม่นมย้ายมาอยู่ดีหรือไม่ จะได้มีที่อยู่ของตนเองเป็นสัดส่วน ”
เขาหันไปถามเชิงขอความคิดเห็นของแม่นมเหลียน แม่นมชรานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็คิดว่าดีเหมือนกัน หลานสาวของนางจะได้มีที่่อยู่ของตนเอง เป็นสัดส่วนจะได้สะดวกสบายขึ้นอีกนิด
“ เป็นพระกรุณาเพคะ หม่อมฉันขอบพระทัยแทนเหลียนฮวาด้วยเพคะ นางคงจะดีใจที่จะได้มีที่อยู่เป็นของตนเอง ” อ๋องหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ดวงตาของเขาวาววับอย่างพอใจ
“ ถ้าแม่นมเห็นด้วย เปิ่นหวางจะให้พ่อบ้านจัดการย้ายข้าวของของๆนางไปเก็บไว้ที่เรือนใหม่ของนางในวันนี้เลยนะ จะได้เสร็จเรื่องกันไป พอนางกลับมาแม่นมก็บอกนางก็แล้วกันว่าให้ย้ายไปอยู่ที่เรือนใหม่นั้นได้เลย ” แม่นมชรายิ้มอย่างยินดีกับวาสนาของหลานสาวที่เจ้าของจวนดูเหมือนเมตตานางมากนัก
ถึงกับให้ย้ายไปอยู่เรือนหลังใหม่ที่เพิ่งจะสร้างได้ไม่นาน ตอนแรกจะเก็บเอาไว้เป็นเรือนรับรองแขก เครื่องเรือนในเรือนหลังนั้นสั่งมาใหม่ทั้งหมด และเป็นของชั้นดีที่มีราคาแพงลิบ นับว่าท่านอ๋องหรู่หยางใจดีนัก เมตตาเหลียนฮวาเหลือเกิน
เมื่อเหลียนฮวากลับมาจากทำงาน โดยติดรถม้าของคุณชายเสิ่นอี้หนานพี่ชายของสหายใหม่ของนาง ที่เพิ่งพบกันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเมื่อวันที่เหลียนฮวาไปลองถามหางานทำและบังเอิญได้พบกับคุณหนูเสิ่นที่มาดูแลกิจการแทนพี่ชายเข้าพอดีและถูกอัธยาศัยกัน
จึงได้ชักชวนให้เหลียนฮวาทำงานด้วยที่ร้านเสริมความงามเปิดใหม่ของพี่ชายที่นางมาดูแลให้เพียงชั่วคราว และพี่ชายที่เพิ่งมาพบเหลียนเข้าก็เหมือนพึงใจนาง จึงได้ชักชวนให้นางติดรถม้าเขากลับจวนในทุกๆวันเพื่อจะได้สนิทสนมกับนางมากขึ้น
วันนี้ก็เช่นกันเหลียนฮวาเดินฮัมเพลงเข้าจวนอ๋องมาอย่างอารมณ์ดีนัก นางเดินเยื้องย่างอย่างสง่างาม แม้นางมิได้มีเชื้อสายสูงส่งแต่ด้วยบุคลิกของนางนั้นดูโดดเด่นทำให้การเดินเหินดูงดงามและเพียบพร้อมเหมือนดั่งนางเป็นคุณหนูในห้องหอของตระกูลใหญ่ไม่มีผิด
หากผู้อื่นพบนางที่นอกจวนก็คงจะคิดว่านางต้องเป็นสตรีในตระกูลสูงสักสกุลหนึ่ง ไม่ใช่คนที่เป็นเพียงญาติของผู้อาศัยในจวนอ๋องดังเช่นที่นางเป็นอยู่อย่างแน่นอน
“ ฮวาเอ๋อ ดีใจหรือไม่ ท่านอ๋องอนุญาตให้เจ้าย้ายไปอยู่เรือนเล็กที่อยู่ด้านหลังของเรือนหลัก ที่มันว่างอยู่ เรือนนั้นเพิ่งสร้างใหม่ไม่นานนะ ตอนแรกท่านอ๋องคิดจะสร้างเผื่อไว้สำหรับรับรองแขกเหรื่อที่มาพักที่นี่ แต่คงจะเห็นว่าเจ้าควรจะมีเรือนของตนเองเพื่อจะได้เป็นสัดส่วน
จึงอนุญาตให้เจ้าย้ายไปอยู่ที่เรือนนั่นได้ นี่พ่อบ้านก็ให้คนมาขนข้าวของๆเจ้าไปเก็บไว้เรียบร้อยแล้วนะ แถมในเรือนหลังนั้นเครื่องเรือนล้วนใหม่เอี่ยมและดูมีราคาแพงนัก แม่นมไปดูมาแล้ว น่าอยู่มาก เรือนหลังนั้นสร้างเสียหรูหรามากเลยนะ ตอนแรกท่านอ๋องสร้างเอาไว้เป็นเรือนรับรองแขก แต่ตอนนี้กลับยกให้เจ้าได้อยู่ เจ้าไปดูเถอะ แล้วเจ้าจะชอบใจ ”
แทนที่เหลียนฮวาจะดีใจ นางกลับรู้สึกไม่สบายใจนัก ที่อยู่ๆบุรุษผู้นั้นจะมามอบเรือนให้นางทำไมกัน
เขาเองก็ไม่ได้ชอบหน้าของนางนัก ยิ่งเมื่อคราวที่เกิดเรื่องนั่นขึ้น เขาก็เข้าใจผิดว่านางลงมือวางยาเขาเพราะอยากจะเป็นชายาของเขาจนตัวสั่น ยิ่งคิดเหลียนฮวายิ่งไม่อยากจะย้ายไป
นางไม่ได้อยากจะได้อะไรของเขาเสียหน่อย แค่เพียงได้อาศัยห้องเล็กๆ ในเรือนของแม่นมนี้นางก็เกรงใจจะแย่แล้ว ยังคิดว่าอีกหน่อยพอเก็บเงินซื้อบ้านหลังๆ เล็ก ที่อาจจะอยู่ชานเมืองไปสักหน่อยก็ไม่เป็นไร
นางได้งานทำแล้วจึงพอจะมีความหวังกับชีวิตมากขึ้น เพียงแค่เก็บเงินสักก้อนพอที่จะหาซื้อบ้านหลังเล็กๆ เอาไว้เป็นที่พักพิงได้ นางก็ดีใจมากแล้ว
“ แต่ฮวาเอ๋อไม่อยากจะได้เรือนใหม่นี่เจ้าคะ เพียงแค่ได้อาศัยพักในเรือนของท่านป้าก็เพียงพอแล้ว ไม่อยากจะรับสิ่งใดของท่านอ๋องอีก ฮวาเอ๋อเกรงใจเจ้าค่ะ แค่มารบกวนอาศัยจวนของท่านอยู่นี่ก็ดีมากแล้ว ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก ” นางบอกกับท่านป้าของนาง
แต่หญิงชราขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ จะต้องเกรงใจไปทำไมกัน ท่านอ๋องหรือนางก็เป็นผู้ที่เลี้ยงดูมากับมือ รู้อกรู้ใจกันดี ท่านอ๋องมีทรัพย์สมบัติมากมาย แค่เพียงยกเรือนให้อาศัย ไม่ได้ยกให้เลยเสียหน่อย จะได้มีที่อยู่เป็นสัดส่วน หากมีผู้ใดมาเยี่ยมเยือนนางก็จะได้ไม่อับอายใคร เพราะแม้จะอาศัยในจวนอ๋อง แต่ก็มีฐานะคล้ายดังญาติ ไม่ใช่บ่าวไพร่สักหน่อย
“ อย่าคิดมากไปเลย ท่านอ๋องใจดี ถึงให้เรือนเจ้าพัก เขาไม่ได้คิดว่าเจ้ามาอาศัยจวนเขาอยู่ในฐานะบ่าวไพร่นะ เจ้าเป็นญาติของป้า ก็เหมือนญาติของเขา เขาก็คงจะคิดกับเจ้าแค่น้องสาว อย่าเล่นตัวไปเลย เขายกให้ก็รับเอาไว้ แล้วก็รีบไปดูเรือนของเจ้าเสีย อย่าทำให้ป้ากับท่านอ๋องลำบากใจเลย ”
แล้วเหลียนฮวาก็จำต้องเดินออกมาจากเรือนของท่านป้าของนาง เพราะข้าวของๆ นางนั้นถูกขนย้ายเอาไว้ไปไว้ที่เรือนหลังเล็กนั้นแล้ว เหมือนกับบีบบังคับนางให้จำต้องย้ายเรือนอย่างไรก็ไม่รู้ได้
อ๋องผู้นั้นเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ได้ อยู่ๆก็มายกเรือนให้นางพำนัก นางไม่ได้อยากจะได้เสียหน่อย แต่เหลีียนฮวาก็พูดอะไรไม่ออก เมื่อปฏิเสธไปแล้วท่านป้าก็ไม่ยอมรับฟัง ยืนยันจะให้นางไปพักที่เรือนหลังนั้นให้ได้
นางก็จำต้องเดินไปทางด้านหลังเรือนหลักของอ๋องผู้นั้น เพื่อตรงไปที่เรือนหลังเล็กที่เป็นเรือนพำนักใหม่ของตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เมื่อย่างเท้าเข้าไปในเรือนหลังนั้นแล้ว นางรู้สึกว่ามันมากเกินไปหรือไม่ เรือนหลังนี้เป็นเรือนใหม่มาก ใหม่กว่าเรือนของท่านป้าเสียอีก มีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้อง
ที่กลางห้องมีเตียงสี่เสาหลังใหญ่และมีผ้าม่านโปรงบางสีขาวสลับลายสีแดงที่มีห่วงสีทองผูกเอาไว้บนเพดานแล้วผ้าท่านผืนยาวนั้นก็ทอดลงมาคลุมเตียงหลังใหญ่เอาไว้ แต่ในขณะนี้ชายม่านทั้งสี่ด้านถูกรวบเอาไว้
ด้วยเชือกผ้าสีแดงที่เข้าชุดกันกับม่านสีขาวสลับแดงที่โปร่งบางนั้น มันดูหรูหรามากเหมือนกับห้องนอนแห่งนี้เป็นของสตรีมียศศักดิ์และแน่นอนว่านั่นต้องไม่่ใช่นางอย่างแน่นอน
“ หม่อมฉันไม่อยากเป็นสตรีของท่านเพคะ แล้วเหตุใดท่านอ๋องไม่ถามหม่อมฉันก่อน ว่าหม่อมฉันสมัครใจอยากจะเป็นสตรีของท่านหรือไม่ ” นางหันไปถามเขาอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินเข้า“ เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือกอีกแล้ว นับจากเจ้าวางยาปลุกกำหนัดเปิ่นหวาง เจ้าก็เป็นเมียของเปิ่นหวางแล้ว และภรรยาย่อมเป็นสิทธิ์ของสามี เจ้าควรยอมรับมันแต่โดยดี มาเถิด ” แล้วเขาก็ยกร่างของเหลียนฮวาให้ยืนขึ้น เพื่อเผชิญหน้ากับเขา นางไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขานางยังไม่ยินยอมและยังงุนงงไม่ทันได้ตั้งตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยกเรือนให้นางพำนักในตำแหน่งสตรีของเขา มิน่าเล่าเรือนหลังนี้จึงดูเกินฐานะของผู้อาศัยเช่นนาง แถมยังมีข้าวของใหม่ๆของสตรีอีกหลายอย่างอีกด้วย“ ฮวาเอ๋อ สบตาข้า ข้าต้องการมองเห็นความรู้สึกของเจ้าว่าคิดเช่นไรกับข้ากันแน่ ” มือหนาที่ร้อนรุ่มของเขา เชยคางมนของเหลียนฮวาเพียงเบาๆ ทำให้นางนั้นจำต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา และยิ่งทำให้เหลียนฮวาเห็นดวงตาคมกริบที่จ้องมองนางด้วยดวงตาที่วาววามเหมือนมีเปลวไฟของความปรารถนาลุกโพลงอยู่ในนั้น“ ฮวาเอ๋อ ไม่ว่าเจ้าจะคิดเช่นไรกับเปิ่นหวาง แต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือก
เหลียนฮวาอึ้งงันไป เพราะไม่ใช่ข้าวของเครื่องเรือนในห้องนอนแห่งนี้เพียงเท่านั้น ข้าวของในเรือนหลังนี้ล้วนแต่เป็นเครื่องเรือนชั้นดี มันมีห้องว่างเป็นห้องเล็กทางด้านหลังอีกหนึ่งห้อง มีห้องสุขาอยู่ด้านหลังเรือน ด้านหน้าเป็นห้องโถงกว้างพอสมควรมีระเบียงด้านข้างที่มีอ่างบัวขนาดใหญ่สามอ่าง มีเก้าอี้โยกเอาไว้นั่งเล่นรับลมเย็นๆ ที่ตั้งอยู่ข้างอ่างบัวนั้น เครื่องเรือนในเรือนนี้เหมือนของใหม่ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานเลย มีดอกไม้ประดับในเรือนหลังนี้ เหมือนสาวใช้เพิ่งจะมาจัดดอกไม้หลากสีสันใส่แจกันเอาไว้ให้กระนั้นส่วนในห้องนอนใหญ่ที่มีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องนอนเดิมของนางที่อยู่ในเรือนของท่านป้ามากเกือบจะเป็นสองเท่า มีเตียงสี่เสาหลังใหญ่ที่มีผ้าม่านโปรงบางสีขาวสลับลูกไม้สีแดงคลุมเอาไว้ทั้งสี่ด้าน ฟูกนอนก็หนานุ่มและมีขนาดใหญ่กว่าฟูกนอนเดิมของนาง มีโต๊ะเครื่องแป้งที่มีเครื่องประทินผิวกระปุกเล็กกระปุกน้อยวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะนั้น มีคันฉ่องบานใหญ่หนึ่งบาน มีเก้าอี้นั่งที่เข้าชุดกัน ส่วนที่หลังฉากกั้นนั้นก็มีตู้เก็บอาภรณ์ที่สลักลวดลายอิงเถาที่มีกิ่งก้านและใบงดงามนัก มีราวไม้สำหรับพาดอาภรณ์และมีถังอา
“ แม่นม หลานสาวของท่านมิได้พักอยู่ที่นี่กับท่านแล้วหรือ หมู่นี้เปิ่นหวางไม่พบหน้านางเลย ” เขาเอ่ยถามแม่นมขณะที่ทำทีนั่งจิบชาเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร เหมือนกับถามไปอย่างนั้น“ หมู่นี้นางออกไปทำงานที่ร้านเสริมความงามของคุณชายเสิ่นอี้หนานเพคะ ได้ยินว่าคุณชายผู้นั้นจ้างให้นางช่วยดูแลร้านของเขาที่เพิ่งเปิดใหม่ นางมาขออนุญาตออกไปทำงานได้เกือบจะสองสัปดาห์แล้วเพคะ เช้าๆขึ้นมานางก็ออกไปทำงานเอง เพราะมีตรอกเล็กๆที่อยู่ถัดจากกำแพงจวนไปนี่ที่เดินลัดออกไปที่ถนนหน้าตลาดได้เพคะ พอตอนเย็นคุณชายเสิ่นก็มาส่งนางที่หน้าจวนเพคะ ได้ยินว่าเป็นทางผ่านกลับจวนของเขาพอดี จึงได้นางติดรถม้าของเขากลับมาด้วย ” อ๋องหนุ่มรู้สึกขุ่นใจเล็กน้อย แต่ก็ยังรักษาใบหน้าให้เรียบเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเพียงถามไถ่ถึงคนในจวนไปตามปกติทั่วไป“ แม่นม เปิ่นหวางมีเรือนว่างอยู่ด้านหลังเรือนหลักนี้ที่ตอนนี้มันไม่มีคนอยู่ ให้หลานสาวของแม่นมย้ายมาอยู่ดีหรือไม่ จะได้มีที่อยู่ของตนเองเป็นสัดส่วน ” เขาหันไปถามเชิงขอความคิดเห็นของแม่นมเหลียน แม่นมชรานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็คิดว่าดีเหมือนกัน หลานสาวของนางจะได้มีที่่อยู่ของตนเอง เป็นส
“ เสด็จแม่ว่าอย่างไรนะพะยะค่ะ ” อ๋องหรู่หยางแทบจะตกเก้าอี้ เมื่อได้รับฟังเรื่องราวที่พระมารดาของเขาบอกเล่ากับเขาอย่างเปรมปรีด์ เหมือนพระสนมมีตุ๊กตาตัวใหม่ที่จะจับมันแต่งกายอย่างไร จับวางที่ไหนก็ได้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน อยู่ๆ ก็จะให้เหลียนฮวาหลานสาวแม่นมเข้าถวายตัวเป็นสตรีของฮ่องเต้ ซึ่งก็คือเสด็จพ่อของเขา มันจะบ้าไปแล้ว นางเป็น เอ่อ…..ของเขาไปแล้ว จะให้ไปถวายตัวให้เสด็จพ่อ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่เขาก็ไม่กล้าปริปากบอกกับเสด็จแม่ของเขาไปตรงๆ ในหัวจึงหมุนวนอย่างรวดเร็ว เพราะต้องคิดหาเหตุผลดีๆที่จะไม่ให้สตรีนางนั้นกลายเป็นสตรีของเสด็จพ่อของตัวเอง“ คงไม่เหมาะพะยะค่ะ นางไม่เหมาะกับการเข้าไปอยู่ในวังหลัง ” พระสนมหยู อึ้งไป บุตรชายหมายความว่าอย่างไร แทนที่จะสนับสนุนให้หลานของแม่นมของตัวเองได้ดิบได้ดี แม่นมหวังจะได้พลอยสบายใจไปด้วย “ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าไม่เหมาะเล่า แม่ว่าดีนะ นางงดงามถึงปานนั้น ไม่แน่วาสนานางอาจจะได้เป็นถึงพระสนมก็เป็นได้ แล้วนางก็จะสบายไปทั้งชีวิต นางงดงามมากนะ เสด็จพ่อของเจ้าอาจจะโปรดปรานนางก็เป็นได้ รูปร่างของนางก็กำลังดี แม่ว่าบุรุษน่าจะชอบสตรีรูปร่างและ
เหลียนฮวารีบอาบน้ำในถังอาบน้ำใบใหญ่ที่น้ำในอ่างนั้นเย็นชืดแล้ว คงจะมีบ่าวยกมันมาเทให้กับนางแต่มันก็คงจะนานแล้ว เพราะกว่าที่นางจะกลับเข้าห้องมาน้ำในถังไม้ใบใหญ่ก็เริ่มเย็นแล้ว แต่ก็ช่างมันเถอะ อาบน้ำเย็น ๆ เช่นนี้ก็ดีแล้ว สติสัมปชัญญะจะได้ตื่นตัวเต็มที่ และก็จะได้รู้ฐานะของตัวเอง และหัดเจียมตัวบ้าง ไม่ใช่ใฝ่สูงจนทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะหยันเอาเช่นนี้ได้อีกนางพยายามขัดถูร่างกายที่มีร่องรอยแดงเป็นจ้ำๆ จนแทบจะทั่วร่างกาย เพราะถูกอ๋องผู้นั้นทั้งบีบเค้นและตบตีตามแต่อารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงของเขา ส่วนปลายยอดถันสีชมพูเข้มที่บัดนี้มันยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ร้อนผ่าวของริมฝีปากหนานั่นที่มันครอบครองผลอิงเถาที่เต่งตึงของนางไม่เว้นวาย รสสัมผัสยามที่ถูกเขาดูดดื่มมันยังติดตรึงอยู่ นางยังรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่ร้อนผ่าวที่ประทับลงมา และยังเหลือร่องรอยให้เห็นได้ชัดเจน เหลียนฮวาพยายามใช้สบู่มันแพะชั้นดีที่มีกลิ่นหอมขัดถูไปจนทั่วร่างกายอวบอัดของนางเพื่อชำระล้างรสสัมผัสเหล่านั้นให้จางหายไปอยู่เกือบจะชั่วยาม เมื่อรู้สึกดีขึ้น ถึงได้ยอมลุกขึ้นจากถังอาบน้ำเพื่อเช็ดร่างกายและสวมอาภรณ์เพื่อจะเตรียมตั
เหลียนฮวาที่นั่งหันหลังให้กับเขาเพราะนางกำลังจะสวมอาภรณ์ที่เพิ่งจะควานหามาได้ มือบางชะงักไปครู่หนึ่งหลังจากได้ยินถ้อยคำที่เสียดแทงใจนั้น “ หม่อมฉันไม่ได้วางยาพระองค์เพคะ ” นางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาๆ ริมฝีปากหนาของอ๋องหนุ่มบิดโค้ง เขาไม่เชื่อวาจาของนางแม้เพียงสักนิด “ หากเจ้าไม่ได้ทำแล้วจะเป็นผู้ใดกัน สตรีแพศยา อยากจะเป็นชายาของข้าจนตัวสั่น คิดว่าข้าดูไม่ออกหรืออย่างไรกัน เจ้ามันใฝ่สูงจนเกินตัว คิดหรือว่าวางแผนชั่วเช่นนี้แล้ว ข้าจะยอมรับเจ้าเป็นชายา ฝันสูงสิ้นดี ที่จริงแล้วข้าจะเอาผิดเจ้าก็ได้ที่บังอาจวางยาปลุกกำหนัดข้าจนเกิดเรื่องบัดสีเช่นนี้ แต่เพราะข้าเห็นแก่แม่นมหรอกนะ เอาละ อย่างไรเสียเจ้าก็ตกเป็นสตรีของข้าไปแล้ว ข้าจะรับเจ้าเป็นหญิงอุ่นเตียงก็คงจะได้ ข้าจะให้เจ้าย้ายเรือนไปอยู่ต่างหากไม่ต้องอยู่ในเรือนแม่นมแล้ว ” อ๋องหนุ่มตัดสินใจเอ่ยขึ้น เพราะเขาได้นางเป็นเมียแล้ว แม้ไม่ได้เป็นความตั้งใจของเขา แต่เขาก็ได้นางแล้ว รับเป็นหญิงอุ่นเตียงก็คงจะได้ แค่รับเลี้ยงดูสตรีอีกคนคงไม่กระไรหรอกริมฝีปากแดงระเรื่อที่ตอนนี้บวมเจ่อเพราะถูกจูบจนนับครั้งไม่ถ้วนมาตลอดบ่ายวันนี้ เม้