Home / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / ศัตรูในที่มืด 1

Share

ศัตรูในที่มืด 1

last update Last Updated: 2024-12-25 19:27:02

หลี่หลิงเฟิ่งคิดไม่ถึงว่าแค่กลับบ้านจะมีคนมารอรุมทุบตีมากมายขนาดนี้ ยังไม่รวมถึงบ่าวไพร่ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลัง และที่แอบอยู่ตามทางเดิน พุ่มไม้ บนเรือนอีกนับสิบยี่สิบคน บรรยากาศคึกคักยิ่ง

ไม่เจอกันไม่กี่ปีคนเหล่านี้ยังคิดว่านางเป็นลูกพลับนิ่มให้ขยำเล่นตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนอยู่อีกสินะ เมื่อมีคนอยากลอง นางจะไม่สนองคืนคงผิดต่อความตั้งใจของคนเบื้องหน้าแล้ว

นางอยากรู้นักใครจะเข้ามาคนแรก

หลายวันที่ผ่านมา หลี่หรูอี้นอนกระสับกระส่ายทุกคืน ใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นวาดหวังรอคอยวันที่หลี่หลิงเฟิ่งกลับมา

ตั้งแต่เล็กหลี่หลิงเฟิ่งแย่งความงามเป็นเอกกับนางมาตลอด หลี่หรูอี้ไม่อยากยอมรับความจริง เพราะเชื้อโสเภณีชั้นต่ำมันแรงเกินไป ใบหน้างดงามไร้ที่ติจึงประดับอยู่บนหน้านังตัวไร้ค่าทุกเมื่อเชื่อวัน

ผู้คนต่างยกย่องนางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลี่ แต่หากคนพวกนั้นได้เห็นความงามของนังตัวขยะนี่ อันดับหนึ่งยังจะมาถึงนางอีกหรือ

ที่นางเกลียดที่สุดคือใบหน้านั้น!

ไปอยู่บ้านนอกมาสามปี หลี่หรูอี้คิดไม่ออกเลยว่าผิวพรรณเมื่อโดนแดดจะหยาบกร้านแค่ไหน ผมแห้งไร้น้ำหนักกระเซอะกระเซิง สีผิวหมองคล้ำ อดอยากจนร่างผอมเหมือนกระดูกเดินได้แน่ๆ แล้วหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้านางคือผู้ใด ใช่หลี่หลิงเฟิ่งในจินตนาการของนางแน่หรือ!

มือทั้งสองกำเข้าหากันแน่น จ้องมองหลี่หลิงเฟิ่งดั่งศัตรูคู่อาฆาต นางเกลียด! เดียดฉันท์สตรีที่อาศัยแค่ความงามก็ครอบครองบุรุษให้ลุ่มหลงมัวเมาได้แล้ว

ต่อให้เป็นไม้ประดับแล้วอย่างไร สุดท้ายผู้ชายเหล่านั้นก็อดเหลือบมองหลายครั้งหลายคราไม่ได้อยู่ดี

“สตรีชุดแดงนางนั้นเป็นใคร ราวกับเทพธิดาลงมาจุติบนโลกมนุษย์” เหล่าข้ารับใช้กระซิบกระซาบอยู่ละแวกใกล้ๆ ไม่หยุด บ้างมองหลี่หลิงเฟิ่งด้วยประกายตาชื่นชม หลงใหล บ้างอิจฉา ไม่ต่างจากพวกคนนอกประตูจวน

“หุบปากให้หมด!” เป็นไปไม่ได้ หลี่หลิงเฟิ่งงดงามขนาดนี้ได้อย่างไร หลี่หรูอี้แทบอยากจะกรีดร้อง รอบด้านต่างก้มหน้างุดหุบปากด้วยความหวาดกลัว

ข้ารับใช้สองคนแอบอยู่ไม่ไกลยังวิพากษ์วิจารณ์ต่อ เสียงเบาๆ ดังขึ้นชัดเจนท่ามกลางความเงียบ “ดูๆ ไปแล้วนางดูคล้ายคลึงคุณหนูห้ามากเลยนะ”

“จะเป็นไปได้อย่างไร ตัวไร้ค่านางนั้นอยู่บ้านนอกมานาน หากมีรูปโฉมเยี่ยงนี้ ข้าก็เป็นเทพธิดาแห่งแว่นแคว้นแล้ว”

“ฮ่าๆ ก็จริง แต่นางงดงามเป็นเอก ยากที่จะหาใครเทียมได้เช่นนี้ ข้าว่ายังงามกว่าคุณหนูสี่มากนัก”

“ชู่ว เบาๆ หน่อย ไม่เห็นหรือว่านางมากับใคร เห็นได้ชัดว่านางเป็นสตรีของคุณชายใหญ่แน่ๆ”

“ใครอยู่ตรงนั้น ลากสองคนนั้นออกไปโบยให้ตาย” หลี่หรูอี้ทนไม่ไหว มือสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่สบอารมณ์

“คุณหนูสี่โปรดไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย” เสียงร้องขอความเมตตาของสองบ่าวที่ถูกลากตัวออกไปเบาลงเรื่อยๆ จนลับสายตาไป

หลี่หลิงเฟิ่งนึกเวทนาหลี่หรูอี้ในใจ แม่นางน้อยเอ๋ย เจ้ายังเล็กนักถึงได้อิจฉาแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ งดงามแล้วมีประโยชน์อันใด ทำให้แข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ มีแต่จะนำภัยมาสู่ตัว

ครู่หนึ่งหญิงสาวพลันรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กไร้สมองนางหนึ่ง

โจวชิงหรานยิ้มกระด้างออกมาแวบหนึ่ง เหลือบสายตาปรามหลี่หรูอี้ครั้งหนึ่ง แล้วปรับสีหน้าอ่อนโยนยามพูดออกมา “กลับมาก็ดีแล้ว เข้าไปข้างในกันเถิด แม่สั่งพ่อครัวทำอาหารไว้รอพวกเจ้าอยู่บนเรือน”

“ข้าขอโทษแทนน้องสี่ด้วย นางไม่รู้เลยทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าเจ้า เด็กคนนี้อะไรก็ดีไปหมด เว้นเสียแต่ขี้อิจฉาไปหน่อย ใครใช้ให้พี่ใหญ่พาหญิงงามกลับมาด้วยเล่า” น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นจากสตรีชุดสีฟ้าท่าทางสุขุม หลี่เหวินเหยา คุณหนูใหญ่ของตระกูล ลูกสาวคนเดียวของหลี่หมิง นายท่านรองตระกูลหลี่

หลี่หลิงเฟิ่งเพียงยิ้มตอบรับ สำหรับหญิงสาวที่มาจากต่างแดนอย่างนาง อายุสิบห้าปียังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ำ

“อย่าว่าแต่นางเลย เจ้าเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ใครก็ไม่คิดว่าเจ้าโตขึ้นมาจะเป็นโฉมสะคราญหาตัวจับยากในใต้หล้า แม้แต่ข้าเห็นเจ้าครั้งแรกยังอดใจเต้นไม่ได้” สายตาหลี่เหวินเหยาอ่อนโยนอย่างยิ่ง ประโยคนี้ทางหนึ่งชื่นชมนาง อีกทางหนึ่งสร้างความอิจฉาริษยาให้หลี่หรูอี้แค้นเคืองนางมากขึ้น

คำพูดสวยหรู รอยยิ้มอ่อนหวาน แต่ข้างในรู้สึกอย่างไร คงมีแต่เจ้าตัวที่รู้ชัดแจ้ง

ดังคาด หลี่หรูอี้สุดจะทานทน แผดเสียงร้องลั่น “ท่านพี่พูดอันใด หญิงงามอะไรกัน ใครต่างก็รู้ว่านางเป็นแค่ตัวไร้ค่า!”

บรรยากาศรอบกายเงียบสนิท โจวชิงหรานจิตใจกระอักกระอ่วน รีบทักท้วงขึ้นมาทันที “อี้อี้! อย่าเสียมารยาท ต่อให้ฝึกพลังยุทธ์ไม่ได้ นางก็ยังเป็นน้องสาวของเจ้า”

ว่าแล้วก็หันมาส่งยิ้มอย่างช่วยไม่ได้มอบให้หลี่หลิงเฟิ่ง “พี่สาวของเจ้าเป็นคนวู่วาม พูดไม่คิด เจ้าเป็นน้องก็อย่าได้ถือสานางเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หลิงเฟิ่งถึงกับไปไม่เป็น เสียงกลั้วหัวเราะของนางพาบรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวา ตั้งแต่เกิดมาหญิงสาวไม่เคยเห็นใครเสแสร้งเก่งเท่าฮูหยินใหญ่เลยสักครั้ง “ท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ”

รอบข้างถึงกับงุนงงเมื่อเจอประโยคนี้เข้าไป หลี่เฟยหยางที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกขบขัน หญิงสาวผู้นี้จะเล่นอันใดอีก สุดท้ายเป็นหลี่หรูอี้ทนสงสัยไม่ไหว โพล่งถามเสียงดัง “เหตุใดท่านแม่ของข้าต้องเหนื่อยเล่า หากนางเหนื่อยจริงก็เพราะมีคนอย่างเจ้ายืนอยู่รกหูรกตา” ยังอยากจะกลับมา ทำไมไม่ตายๆไปซะ  ประโยคหลังถึงแม้ไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ก็แสดงออกบนสีหน้าจนหมด

“จะไม่ให้นางเหนื่อยได้อย่างไร” หญิงสาวรู้สึกเอือมระอาเด็กคนนี้ยิ่งนัก มีสตรีอย่างนี้เป็นบุตรสาว หากในอนาคตหวังพึ่งพิง ชีวิตคงจบเห่ "เสแสร้งทุกเวลาขนาดนี้ ระวังหน้าจะเหี่ยวก่อนวัยนะเจ้าคะ”

“แค่ก” บุรุษชุดเทาหนึ่งเดียวในที่นี้ยืนเงียบอยู่นาน สายตาที่มีเพียงหลี่หลิงเฟิ่งตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้จึงเปล่งเสียงออกมา “ขออภัย” ก่อนปรับสีหน้านิ่งดังเดิม นัยน์ตาคมคู่นั้นไม่รู้คิดสิ่งใดอยู่

โจวชิงหรานสีหน้าดูไม่ได้ ประกายเย็นเยียบแผ่ซ่านเต็มดวงตา “เจ้าเป็นเพียงลูกอนุภรรยา ถึงกับพูดกับข้าอย่างนี้ เสียแรงที่ข้าหวังเอ็นดูเจ้าให้มากหน่อย แต่เจ้ามันเด็กเนรคุณ เลี้ยงไม่เชื่อง”

“เดิมทีพวกเราไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกัน ท่านเองก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของข้า จะเอ่ยถึงมิตรไมตรีอะไร ไม่คิดว่ามันน่าขันไปหน่อยหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเสียงเข้ม ขาเรียวก้าวไปหยุดอยู่เบื้องหน้าหลี่หรูอี้

“ขยะอย่างแก ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น! จะอยู่หรือตายต้องดูว่าพวกข้าพยักหน้าหรือไม่!” ใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ของหลี่หรูอี้ปรากฏริ้วคลื่นโมโห หน้าตายับย่นไม่น่ามอง กระแทกเสียงไม่พอใจ

“อดีต ปัจจุบัน รวมถึงอนาคต มีตอนไหนบ้างที่พวกเจ้าหวังดีกับข้า แค่ปล่อยให้ข้าเกิดมาก็นับเป็นบุญคุณงั้นรึ” หญิงสาวเชิดหน้าเอ่ยเสียงเยาะ หัวเราะออกมาน้อยๆ “อย่ามาอ้างเรื่องมโนธรรม กตัญญูหน่อยเลย หากตัวเจ้าเองก็ยังไม่มี”

“เจ้านับเป็นตัวอะไร ตัวไร้ค่าอย่างเจ้าแม้แต่หมาแมวยังสำคัญกว่า ถือดีอันใดมาอวดเบ่งแถวนี้!” หลี่หรูอี้เต้นเร่าๆ อยากจะฆ่านางขยะปากเสียให้ตายไปเสีย

“อวดดีอย่างนี้ไงล่ะ” พลังสีแดงขุมหนึ่งตรงเข้ารัดคอหลี่หรูอี้ รวดเร็ว แม่นยำ กระทั่งคนทั้งหมดตั้งตัวไม่ทัน ไม่คาดคิดว่าอยู่ๆ หลี่หลิงเฟิ่งจะมีพลังยุทธ์ ไม่เพียงเท่านั้นนางยังกล้าลงมือทำร้ายหลี่หรูอี้ต่อหน้าทุกคน

"เพราะมีดีให้อวดอ้าง ข้าถึงได้อวดดี" น้ำเสียงเย้ยหยันส่งผลให้เลือดร้อนๆของหลี่หรูอี้เย็บเฉียบทันที นางถึงกลับตอบโต้กลับไปไม่ได้ นี่มันอะไรกัน

“อี้อี้!” โจวฮูหยินได้สติคนแรก แผดเสียงร้องตื่นตระหนก ปล่อยพลังยุทธ์สายสีเทาหมายสังหารหลี่หลิงเฟิ่ง

โครม!

“ใครกล้าลงมือ!” บุรุษชุดเทาที่สายตาติดตรึงอยู่บนร่างหลี่หลิงเฟิ่งมาตลอดขัดขวางการโจมตีโจวชิงหรานได้ทันท่วงที “หากอยากลองดี ท่านจะขยับอีกทีก็ย่อมได้”

หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วมองบุรุษชุดเทา บุรุษผู้นี้ช่วยนางหรือ เพราะเหตุใดเล่า

“เจ้าเป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลางรึ ทำไมข้าถึงไม่รู้มาก่อน” โจวชิงหรานตื่นตระหนกกับความจริงที่พุ่งเข้ามาฉับพลัน ดวงหน้าซีดเผือด อี้อี้ของนางเป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์ขั้นกำเนิดใหม่ระดับกลางเช่นกัน แต่ความแข็งแกร่งของพวกนางสองคนเทียบกันไม่ติดเลยแม้แต่น้อย

“ท่านป้า ท่านนี่ไม่ทันข่าวสารเอาเสียเลย เสี่ยวเฟิ่งของข้าเก่งกาจขนาดนี้ ไยลูกสาวของท่านถึงยังว่าร้ายนางอีก” น้ำเสียงเนิบนาบเบาสบายดังขัดความคิดโจวชิงหราน นางมองหลี่เจี้ยนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ น่าตายนัก! หลูหมิ่น เจ้าถึงกับกล้าปิดบังข้า

แปะ แปะ แปะ

“ช่างเป็นภาพครอบครัวสุขสันต์เสียจริง” หลี่เหวินเหยาส่งยิ้มเย้ยหยันไปทางหลี่เฟยหยาง “พี่ใหญ่ ท่านจะยืนอยู่วงนอกให้น้องรองเป็นบุรุษผู้กล้าช่วยสามงามจริงๆ น่ะหรือ”

น้องรอง? หลี่เจี้ยนน่ะรึ น้องชายหลี่เฟยหยาง หรือก็คือพี่ชายรองของนางที่เกิดจากอดีตฮูหยินคนก่อน หลี่เจี้ยน ไม่ใช่เสี่ยวเซียงบอกว่าเขาป่วยกระเสาะกระแสะใกล้ตายมาตั้งแต่เด็กหรอกรึ ไฉนชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ถึงได้หล่อเหล่า รูปร่างเป็นล่ำเป็นสันต่างจากที่ได้ยินมานักเล่า

“ไม่ใช่กงการของข้า” หลี่เฟยหยางยักไหล่ขอไปที

หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก “พี่รอง?”

“แฮ่ม น้องเล็ก จากไปแค่สามปีถึงกับจำพี่ชายคนนี้ไม่ได้เชียวรึ” ท่าทางสุขุมนุ่มลึก เก๊กหล่อนั่นคืออะไร ทำให้นางดูหรือ หน้าตางดงามพลันเหลอหลา

“เจ้า...อึก...เป็นพลังยุทธ์” หลี่หรูอี้ตาเบิกโพลงราวกับเห็นผี เป็นไปไม่ได้! ตัวไร้ค่าจะฝึกพลังยุทธ์ได้อย่างไร น้ำเสียงไม่ยิมยอมดังขึ้น “แพศยา! เจ้าแอบฝึกวิชานอกรีตมาใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นด้วยสมองของเจ้าหรือจะมีปัญญาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ ไม่มีทาง!”

“มีหรือไม่มี ข้าไม่รู้ แต่ที่รู้...” เสียงหัวเราะของหลี่หลิงเฟิ่งปั่นประสาทศัตรูได้ง่ายยิ่งนัก “ข้ามีปัญญาฆ่าเจ้าได้ก็แล้วกัน” ว่าแล้วแรงบีบคอพลันรัดแน่นจนหลี่หรูอี้หายใจติดขัด ดิ้นพล่านเหมือนหนูติดจั่น

“ตัวไร้ค่าหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งแค่นหัวเราะ “มาดูกันว่าตัวไร้ค่าจะทรมานเจ้าอย่างไรบ้าง”

“ช่วย...ด้วย...ข้า...” ไม่อยากตาย เท้าทั้งสองข้างลอยขึ้นเหนือพื้นดิน เสียงตะกุกตะกักปนหวาดผวาพยายามเอื้อมมือไขว่คว้าหาที่ยึดสุดกำลัง

“หลี่หลิงเฟิ่ง! ปล่อยลูกข้าเดี๋ยวนี้” โจวชิงหรานแทบเสียสติเมื่อเห็นสภาพของหลี่หรูอี้ ลมหายใจลูกสาวเพียงคนเดียวแผ่วลงเรื่อยๆ ใบหน้าเริ่มเขียวคล้ำ นางสาดพลังยุทธ์ไปทั่วบริเวณไม่สนใจบ่าวรับใช้รอบข้าง เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นไม่ขาดสาย ทว่าคนทั้งสี่ที่ยืนอยู่กลับไม่เป็นอะไรเลย เกราะป้องกันสีฟ้าอ่อนๆ ล้อมรอบสองสาวเอาไว้ ขวางกั้นทุกคนไม่ให้ย่างกรายเข้ามา

“เป็นเพียงการละเล่นของพี่น้องที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน ฮูหยินใหญ่ไม่จำเป็นต้องโมโห” น้ำเสียงเย็นชาไม่บ่งบอกอารมณ์ด้านหลังหญิงสาวดังขึ้น ในที่สุดหลี่เฟยหยางก็ไม่ทำตัวเป็นผู้ชมอีกต่อไป

“สารเลว หลี่หลิงเฟิ่งเป็นน้องของพวกเจ้า แล้วอี้อี้ไม่ใช่งั้นหรือ” โจวชิงหรานจ้องมองบุรุษทั้งสองอย่างโกรธแค้น ถ้าเกิดนางเข้มแข็งกว่านี้ รับรองได้ว่าหลี่เฟยหยางจะเป็นคนที่นางกำจัดคนแรกอย่างแน่นอน!

“ไม่อาจเทียบกันได้” บนโลกนี้ใครก็เทียบน้องสาวของเขาไม่ได้!

พลังยุทธ์สีน้ำเงินพุ่งมาสกัดพลังของหลี่หลิงเฟิ่งเอาไว้ หลี่หรูอี้ร่วงหล่นลงพื้น นั่งสูดเอาอากาศแรงๆ เข้าปอดหลายที หมดเรี่ยวแรงแม้กระทั่งเอ่ยวาจา น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความหวาดกลัว

หลี่หลิงเฟิ่งหยุดมือ หันหน้าไปมองที่มาของพลังดังกล่าว สายตาไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด “เหอะ ทักทายกันพอแล้วกระมัง อย่าลืมว่าพรุ่งนี้พวกเจ้ายังต้องเข้าพิธีปักปิ่น” หลี่เหวินเหยาเอ่ยขึ้นมาอย่างราบเรียบ

นางหัวเราะออกมาคำหนึ่ง “หลี่หลิงเฟิ่ง ต่อให้เจ้าโกรธแค้นนางขนาดนั้น ก็ไม่อาจลงมือทำร้ายพี่สาวตนเองได้ เพียงแค่เจ้ามีพลังยุทธ์เท่าหางอึ่ง ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไร้เทียมทาน หากนับตามจริงเจ้ามันก็แค่ปลายแถว มีพลังนิดหน่อย ตระกูลหลี่ยังไม่ถึงขั้นให้เจ้ามาถือดีได้”

“อย่าคิดว่ามีพี่ชายให้ท้าย แล้วจะไม่มีใครทำอันใดเจ้าได้ ตระกูลหลี่หาได้ขาดผู้เก่งกาจไม่ ขาดเจ้าไปคนหนึ่ง ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับพวกเราตระกูลหลี่” คำกล่าวนี้ไม่เพียงแค่ข่มขู่ แต่เป็นการเตือน หลี่หลิงเฟิ่งมองหลี่เหวินเหยาที่เดินห่างออกไปหลังจากกล่าวจบ นางหัวเราะเสียงเย็น หาได้ใส่ใจคำขู่พวกนี้ไม่

หญิงสาวรู้ขีดจำกัดพลังของตนเองดี นางรู้ว่าเวลาใดสามารถโอหัง อวดดีได้ ต่อให้เผชิญหน้าต่อพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่านางก็จะยังทำอยู่ดี นั่นเพราะการมีอยู่ของหลี่เฟยหยาง นางรู้ว่าเขาย่อมไม่ให้นางเป็นอันตรายเด็ดขาด

เพราะนั่นคือความไว้ใจและรู้ใจ ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา

หลี่หลิงเฟิ่งก้าวมายืนตรงหน้าหลี่หรูอี้ ก้มหน้างดงามลงสบตากับใบหน้าที่เคยใสซื่อ หน้าพริ้มเพราเผยรอยยิ้มเยี่ยงโพธิสัตว์ลงมาโปรด หากแต่คล้ายนางมารในสายตาของหลี่หรูอี้ จนร่างทั้งร่างของหญิงสาวสั่นสะท้านขดตัวกลมเข้าหากันแน่น

หลี่หลิงเฟิ่งกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน “รู้หรือไม่อะไรที่เรียกว่ารนหาที่ตาย”

มือสวยลูบไล้เบาๆ บนหน้าหลี่หรูอี้ “นี่แหละที่เรียกว่ารนหาที่ตาย”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาอสรพิษ   วิชามารสังเวยชีวิต

    หลี่หลิงเฟิ่งวาดแผนที่ จนกระทั่งร่างชายผอมเดินโซเซออกจากห้องเวรด้วยกลิ่นเหล้าติดตัว หลี่หลิงเฟิ่งย่อกายต่ำ ติดตามชายผอมไป ทิศทางของเขาไม่ใช่ที่พัก ชายผอมเดินลึกเข้าไปในค่าย ทางเดินที่ควรเป็นเขตร้างยามกลับสว่างจ้าจากแสงไฟ เมื่อเดินผ่านอาคารสามหลัง ทั่วบริเวณเริ่มไร้เสียงผู้คน มีเพียงลมเย็นพัดผนังดังฟืด ฟืด จนรู้สึกคล้ายเสียงครางแผ่วที่มองไม่เห็น ในที่สุด ชายผอมก็หยุดหน้าประตูไม้หลังหนึ่ง อาคารนี้ภายนอกเหมือนศาลาฝึกยุทธ์ธรรมดา แต่ผนังสั่นตลอดเวลาเขาผลักประตูก้าวเข้าไป หลี่หลิงเฟิ่งอาศัยจังหวะนั้นลอบเล็ดลอดเข้าตามอย่างแนบเนียนสิ่งที่เห็นทำให้นางชะงักไปครู่หนึ่ง ภายในอาคารกว้างนี้มีผู้ฝึกกว่าห้าสิบคน นั่งเรียงเป็นแถวตั้งแต่ใกล้ประตูเรื่อยไปถึงแท่นหินใหญ่กลางห้องครืด ครืด ทุกคนนั่งหลับตา เร่งพลังจนเสียงดังออกมาจากกระดูก และสิ่งที่น่าตกใจคือ... ดวงตาสองข้างล้วนแดงฉาน!หลี่หลิงเฟิ่งเคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์กำลังบ่มเพาะมามาก แต่ไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อนเลยพลังที่พวกเขาดูดซับเข้าร่างไม่ใช่จากไอปรานตามธรรมชาติ แต

  • ชายาอสรพิษ   ท่าใหญ่ที่แปลกไป

    เสียงกรนเบาของพวกโจรในห้องเวรยังดังลอยมาเรื่อย ๆ หลี่หลิงเฟิ่งยังเคลื่อนตัวบนคานไม้หลีกเลี่ยงอย่างแนบเนียนที่สุด ก่อนจะหยุดห้องหนึ่งเริ่มวาดแผนที่ สักพักมีสองคนเข้ามานั่งดื่มเหล้าสนทนา นางวาดไปพลางแอบฟังไปพลาง“เจ้าว่าหัวหน้าสามคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่” เสียงชายผอมเอ่ยขึ้นหลังดื่มไปอีกอึก ความอยากรู้เริ่มสุมจนทนไม่ไหวหน้าบากหัวเราะหึในลำคอ “เจ้าเพิ่งมาใหม่ อยากรู้นักก็ฟังไว้ แต่เก็บลิ้นเจ้าให้ดี ไม่งั้นมีหวังโดนโบยจนหลังเปิด”ชายผอมรีบพยักหน้า “รับรองได้ ข้าไม่พูดให้ใครฟังหรอก”หน้าบากว่าต่อเสียงต่ำ “ในค่ายเราน่ะ มีหัวหน้าใหญ่สามคน”หลี่หลิงเฟิ่งขยับตัว ข้อมูลตรงกับสิ่งที่นางเดาไว้ไม่มีผิด“หัวหน้าใหญ่คนแรก คนเจอเขาน้อยจนนับนิ้วได้ กระทั่งข้าที่อยู่มานานยังไม่เคยเห็น ตอนนี้ลือว่ากำลังทำภารกิจอยู่ข้างนอก แต่อันที่จริงอยู่หรือไม่อยู่ในค่ายก็ไม่รู้ อีกอย่างคำสั่งหลักๆ ล้วนมาจากเขาทั้งนั้น”ชายผอมกลืนน้ำลาย “แล้วหัวหน้าคนที่สองกับคนที่สามล่ะ”หน้าบากส่ายหน้าเบา ๆ “พี่รองนิสัยร้อน อารมณ์ขึ้นง่าย ชอบแก้ปัญหาโผงผาง ช่วงก่อนยังเห็นอยู่ แต่พักหลังไม่รู้หายหัวไปไหน แต่น่าจะยังอยู่ในค่าย”หน้าบาก

  • ชายาอสรพิษ   สำรวจค่าย

    หลี่หลิงเฟิ่งหยุดยืนบนคานไม้สูง ด้านล่างเป็นลานกว้างมีเวรยามเดินตรวจเป็นช่วง ๆ“เราจะหนีตอนที่พวกมันยังไม่ทันรู้ตัวดีหรือไม่นะ” หลี่หลิงเฟิ่งคิดแวบหนึ่ง ก่อนส่ายหน้านางอุตส่าห์ลอบเข้ามาได้โดยไม่ถูกจับได้ นับว่าเป็นความโชคดีระดับสวรรค์เปิดทาง หากพลาดโอกาส ครั้งหน้าอยากจะกลับมาตรวจสอบอีก ก็เป็นไปไม่ได้แล้วหลี่หลิงเฟิ่งแตะปลายผ้าคลุมล่องหน ของวิเศษถ้าใช้อย่างถูกจังหวะ ประโยชน์ย่อมมหาศาล แต่ถ้าใช้ผิดเวลา คงกลายเป็นหลุมฝังศพตัวเองภายในชั่วเสี้ยวเดียวยามด้านล่างเหล่านั้น พลังมิได้แข็งแกร่งมาก ตราบใดที่นางซ่อนตัวแนบเนียน พวกนั้นไม่มีผู้ใดจับสัมผัสนางได้แน่มากสุด ก็เพียงผู้ฝึกขั้นสูงบางคนเท่านั้น แต่เท่าที่เห็นจากการสังเกตมาตลอดคืน ตอนนี้ยังไม่มีตัวตนอันตรายระดับนั้นผ่านเข้ามาในเขตหน้าเลยปลอดภัยพอสมควร แต่ไม่อาจประมาทหลี่หลิงเฟิ่งมองลานกว้างที่เรียงรายไปด้วยกระท่อมและอาคารหลายสิบหลัง เหยื่อหลายร้อยคนถูกขังไว้ภายในเหมือนฝูงปศุสัตว์รอวันเชือดผู้ฝึกยุทธ์ที่หายตัวไปในดินแดนช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ต้นตออยู่ที่น

  • ชายาอสรพิษ   ตีเนียนเข้าซ่องโจร

    เกร้ง เกร้งเขย่าไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม รถม้าก็หยุด เสียงลากโซ่ดัง แล้วประตูเหล็กก็ถูกเปิดออกหลี่หลิงเฟิ่งยังคงทำทีสลบ ปล่อยให้มือสากของสองคนลากนางลงจากรถม้าเหมือนหีบศพหลี่หลิงเฟิ่งยันกายลุกขึ้นเมื่อเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปเรื่อย ๆนางหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเหลือบไปรอบด้าน แล้วหรี่ลงในห้องนี้ ไม่ได้มีแค่นางใต้แสงตะเกียงน้ำมันที่สว่างบ้างดับบ้าง คนยี่สิบกว่าร่างนั่งพิงกำแพงกระจัดกระจาย หลายคนมีโซ่ตรวนรัดข้อมือ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะสลบไสล ที่สำคัญ ทั้งหมดไม่มีพลังยุทธ์เหลืออยู่แม้แต่น้อย“ยาสะกดพลัง” หลี่หลิงเฟิ่งพึมพำ ลอบถอนหายใจเย็นเหยื่อพวกนี้ไม่ได้มีเฉพาะในห้อง แต่จากที่ผ่านมา น่าจะมีห้องติดกับนางมากกว่ายี่สิบห้อง รวมกันแล้วเหยื่อเป็นร้อยแน่หลี่หลิงเฟิ่งกำหมัดแน่น ซ่องโจรนี่ ชั่วช้านักในจังหวะที่นางกำลังจะสำรวจต่อ สายตาสะดุดเข้ากับเงาร่างหนึ่งตรงมุมอับของห้อง ร่างผอมบาง ผมยุ่งเหยิง ร่างกายสั่นเป็นระยะ จมูกมีคราบยาขาวแห้งเกาะอยู่ ดวงตาเลื่อนลอยเหมือนจำใครไม่ได้ทั้งสิ้นหลี่เจี้ยน ขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรยาที่ถูกป้อนให้เขา ต้องไม่ธรรมดา ไม่เพียงสะกดพลังยุทธ์ แต่ยังทำให้สติพร่าเบลอ จิต

  • ชายาอสรพิษ   ลักพาตัว

    รอยแยกมิติปิดลงอย่างสมบูรณ์ แต่ความคลุ้มคลั่งของเขตระดับห้ายังสะท้อนก้องในหูหลี่หลิงเฟิ่งอยู่ นางมองไปรอบข้าง พบว่ากลับมายังที่เดิมใกล้รังมังกรดิน แต่อากาศเบื้องหน้าโปร่งใส สดชื่นกว่ามากนางยืนปรับลมหายใจครู่หนึ่ง ก่อนกลิ่นอันคุ้นเคยพุ่งเข้าหานางราวลูกศร“ “พี่สะใภ้!”เสียงมาก่อนตัว ร้อนรนจนคนทั้งคณะสะดุ้งถอยมองแทบพร้อมกัน โม่เจี้ยนหมิงพุ่งเข้ามา เสื้อตัวคลุมพลิ้วไหวตามแรงลม ดวงตาที่ปกติเรียบเฉยกลับสั่นไหวไปด้วยความหวาดกลัวในวินาทีแรก และโล่งอกในวินาทีถัดมาเขาหยุดตรงหน้านาง พรูลมหายใจหนัก สายตาคมกวาดสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างไม่ละวาง“ไม่มีเลือด ไม่มีบาดแผล ไร้รอยขีดข่วน ดียิ่งนัก” พี่สะใภ้ยังอยู่ครบสามสิบสอง เขาก็ไม่ต้องกลัวถูกพี่รองถลกหนังภายภาคหน้าแล้ว“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เหวินเจิ้งที่อยู่ด้านหลังกล่าวเสียงโล่งอกไม่ต่างกันหลี่หลิงเฟิ่งย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนสายตาจะเลื่อนไปพบใบหน้าเล็กของเด็กสาวคนหนึ่ง เป่ยฮวาซิน นางแทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นโฉมหน้านางดวงตาเด็กสาวสว่า

  • ชายาอสรพิษ   กลับคืนถิ่น

    อสูรฝูงแรกถูกกำจัดในไม่ช้า เหลือเพียงลมหอบสะท้านของคนทั้งสองคณะ แต่แรงสั่นของพื้นยังดำเนินต่อ แถมหนักกว่าเดิมหลายเท่า ชัดเจนเหลือเกินว่าอีกฝูงกำลังพุ่งทะลุเข้ามาเป็นคลื่นที่สองใครบางคนกลืนน้ำลาย แล้วเอ่ยเสียงสั่น“มาอีกฝูงรึ”หลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลง เกรงว่าไม่ใช่แค่ฝูงเดียวนางเหลือบตามองเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง คราวนี้เขาหลบตาแทบไม่ทัน ความคิดหนึ่งแล่นในหัวหลี่หลิงเฟิ่งเจ้าหนู ดึงสัตว์อสูรมาซ้ำอีก คิดจะสังหารทุกคนที่นี่ทั้งหมดริมฝีปากนางยกยิ้มเหี้ยม จนคนมองหนาวถึงไขสันหลัง“ศิษย์พี่ ท่านว่าสัตว์อสูรพวกนี้แปลก ๆ หรือไม่” นางกระซิบ มีเพียงเยี่ยเหล่าโถวที่ยืนใกล้ที่สุดได้ยินเยี่ยเหล่าโถวเหลือบตามามอง กึ่งสงสัยกึ่งไม่แปลกใจเพราะเขารู้ดี ศิษย์น้องเล็กผู้นี้ ไม่เคยกลัวปัญหา ทว่า ชอบหาเรื่องใส่ตัว ทุกที่ที่ไป“ไม่นี่ เจ้าพบสิ่งใดหรือ”ไม่ทันได้ตอบกลับ พื้นดินสั่นหนักขึ้นเรื่อย ๆ เงาอสูรตัวใหม่แลบออกจากหมอกมืดด้านหน้า เหมือนกำลังจะกลืนทั้งคณะลงในคราวเดียวส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status