共有

บทที่ 3 จ้าวอ๋องสับสน

last update 最終更新日: 2025-08-05 18:06:26

บทที่ 3

จ้าวอ๋องสับสน

            เวลาผ่านไปนานพอสมควร

            จ้าวเฟยอู๋ยังไม่เห็นว่าซิ่วอิงจะกล่าวอะไรต่อ จึงเอ่ยถาม

            “มีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่”

            ซิ่วอิงกะพริบตาปริบๆ “ท่านอ๋องตอบแค่ว่าเข้าใจแล้ว แต่ไม่ตำหนิอะไรหม่อมฉัน ทั้งที่หม่อมฉันพูดจาดูหมิ่นท่านอ๋องขนาดนั้นแท้ๆ หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ”

            จ้าวเฟยอู๋ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง “เดิมทีข้ากับเจ้าเป็นคนแปลกหน้า ถูกคนแปลกหน้าพูดจาดูหมิ่นใส่ บอกตามตรง ข้าเองก็สับสน แต่ไม่ได้โกรธอะไรเจ้า หากเจ้าอยากกันแยกกันอยู่ ข้าก็ไม่มีปัญหา”

            ถึงการแยกกันอยู่จะสมเหตุสมผล ทว่าซิ่วอิงกลับขมวดคิ้วไม่พอใจ

            ทั้งที่แต่งเข้ามาในฐานะพระชายา แต่กลับต้องมาแยกกันอยู่กับสามี ชีวิตของซิ่วอิงนับจากนี้คงพบเจอแต่ความยากลำบาก อาจถึงขั้นถูกบ่าวชั้นต่ำรังแกเอาได้ง่ายๆ

            ไม่ได้สิ!

            ถึงจะไม่ได้รัก แต่ก็ไม่อยากกลายเป็นหมาหัวเน่า เรื่องนี้ต้องตกลงให้เด็ดขาด

            “ไม่เพคะ” ซิ่วอิงปฏิเสธเสียงแข็ง

            “...?”

            คิ้วคมเข้มของจ้าวเฟยอู๋เลิกขึ้นสูง ด้วยไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาว

            “หม่อมฉันอยากอยู่ในแคว้นอู๋อย่างสันติก็จริง แต่หากพวกเราแยกกันอยู่ หม่อมฉันไม่ถูกมองว่าเป็นชายาที่ถูกทอดทิ้งหรือเพคะ แบบนั้นผู้อื่นรังแกหม่อมฉันน่ะสิ”

            สำหรับจ้าวเฟยอู๋ หากภรรยาไม่อยากร่วมห้อง เขาก็ไม่อยากฝืนใจ แต่ไม่คิดว่านางจะมีความคิดลึกซึ้งขนาดนี้

            “แล้วเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร”

            “ใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนสามีภรรยา”

            “เจ้ายอมร่วมเตียงกับข้างั้นรึ?”

            “หากท่านอ๋องต้องการเรื่องอย่างว่า หม่อมฉันยินยอม แต่ท่านอ๋องก็ต้องให้เกียรติหม่อมฉันด้วย หวังว่ารสนิยมของท่านจะไม่โลดโผนเกินไปนะเพคะ”

            ซิ่วอิงมาจากศตวรรษยี่สิบเอ็ด เคยคบหาดูใจกับแฟนหนุ่มมาแล้วสองคน และไม่ได้ปิดกั้นความสัมพันธ์ทางกาย หากจ้าวเฟยอู๋ต้องการหลับนอนด้วย นางก็ไม่ว่าอะไร

            จ้าวเฟยอู๋มองออกว่าซิ่วอิงไม่ได้ฝืนใจพูด หากนั่นกลับทำให้เขายิ่งรู้สึกแปลกใจ 

            “ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ข้าไม่ได้มีรสนิยมฝืนใจสตรี เจ้าสบายใจได้”

            “เพคะ”

            ซิ่วอิงตอบรับสั้นๆ

            ความเงียบโรยตัวลงมา

            ผ่านไปสักครู่ ริมฝีปากคู่สวยของหญิงสาวพลันขยับอีกครั้ง “แต่หากท่านอ๋องต้องการ บอกหม่อมฉัน…”

            “ไม่เป็นไร” จ้าวเฟยอู๋รีบขัดจังหวะ

            “...เพคะ”

            ความเงียบปกคลุมลงมาอีกครั้ง

            อันที่จริงแล้ว จ้าวเฟยอู๋ไม่ได้คิดเกินเลยกับซิ่วอิงแม้แต่นิดเดียว

            อย่างที่บอก เขากับนางเป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาเจอกัน ไม่ได้มีอคติใดๆ ต่อกัน แน่นอน เรื่องความรักก็ด้วย

            ตอนพบกันครั้งแรก เขาตั้งใจจะเข้าไปบอกนางเรื่องแยกห้อง

            ไม่คิดว่า พอนางเห็นหน้าเขาปุบก็โวยวายเสียงดังลั่น

            เท่านั้นไม่พอ ยังวิ่งเอาหัวชนเสาตั้งใจฆ่าตัวตาย

            แต่ว่าวันนี้ หวังซิ่วอิงเหมือนคนละคนกับวันนั้น

            อีกอย่างหนึ่ง เขาสัมผัสได้ว่านางมาหาเพื่อเจรจาอย่างสันติจริงๆ

            ระหว่างที่จ้าวเฟยอู๋เงียบอยู่นั้น ทางด้านซิ่วอิงรู้สึกปวดหัวตุบๆ ขึ้นมา

            หญิงสาวยกมือลูบหน้าผากตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด

            จ้าวเฟยอู๋เหลือบมองหญิงสาว สายตาลึกล้ำแสดงออกอย่างเป็นห่วง

            “เรื่องที่พูดก็พูดหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ”

            ซิ่วอิงตดบทอย่างรวดเร็ว ทั้งยังลุกขึ้นจากเก้าอี้ ย่อกายคำนับจ้าวเฟยอู๋ด้วยท่วงท่าแช่มช้อย ก่อนจะก้าวออกจากห้องทันที

            จ้าวเฟยอู๋มองตามแผ่นหลังบอบบางอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

            ที่ผ่านมา จ้าวเฟยอู๋หมกมุ่นอยู่กับการปกครองแคว้นอู๋ ดูแลกองทัพและทำสงคราม

            หากเป็นเรื่องสู้รบยังพอทำความเข้าใจได้ แต่พอเป็นเรื่องของสตรี สมองของเขาเหมือนคิดไม่ทัน

            จ้าวเฟยอู๋ยกมือขึ้นนวดขมับ พร้อมถอนหายใจดังเฮ้อ!

            “ท่านอ๋อง”

            หลังจากซิ่วอิงออกจากห้องไม่นาน แม่ทัพเจิ้งหมิงก็ก้าวเข้ามา

            จ้าวเฟยอู๋ลดมือที่บีบขมับลง ก่อนจะเหลือบตามองแม่ทัพเจิ้งที่เข้ามาหยุดหน้าโต๊ะทำงาน

            “รอบค่ายไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ดูเหมือนว่าแม่ทัพหวังแห่งแคว้นเฉาไม่ได้ส่งสายลับมาพ่ะย่ะค่ะ”

            “เข้าใจแล้ว”

            “เช่นนั้น กระหม…”

            ก่อนเจิ้งหมิงจะพูดจบประโยค จ้าวเฟยอู๋เรียกอีกฝ่าย

            “แม่ทัพเจิ้ง”

            “พ่ะย่ะค่ะ?”

            “นิสัยและความคิดของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไปเพราะเกือบตายได้จริงหรือ”

            เจิ้งหมิงครุ่นคิดอย่างจริงจัง ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “น่าจะจริงพ่ะย่ะค่ะ”

            “ยังไง?”

            จ้าวเฟยอู๋หรี่ดวงตา มองเจิ้งหมิงเหมือนรอคำอธิบาย 

            “คนรู้จักที่บ้านเกิดของกระหม่อมคนหนึ่งมีนิสัยขี้ขลาด รักตัวกลัวตาย แต่พอถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร และได้เข้าสู่สนามรบครั้งแรก ความขี้ขลาดนั้นทำให้เขาเกือบตาย พอรอดชีวิตมาได้นิสัยก็เปลี่ยนไปพ่ะย่ะค่ะ”

            “เปลี่ยนไปอย่างไร”

            “มีความกล้าสมกับเป็นลูกผู้ชายมากขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

            อย่างนี้เอง

            ซิ่วอิงก็คงเป็นเหมือนทหารคนนั้นหรือเปล่า

            …..

            …..

            สิ่งที่ต้องการพูดก็พูดออกไปแล้ว ซิ่วอิงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

            ชีวิตหลังจากนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความสามารถในการเอาตัวรอดของตัวเองแล้ว

            คิดมาถึงตรงนี้ ซิ่วอิงกับหงถงก็มาถึงเรือนพักหลักที่อยู่ส่วนหลัง 

            “พระชายา เดี๋ยวหม่อมฉันจะออกไปเตรียมอาหารเช้ามาให้นะเพคะ” หงถงกล่าว

            “อืม”

            ซิ่วอิงพยักหน้าให้กับหงถง

            หลังจากที่หงถงออกไปเตรียมอาหารเช้าก็ผ่านนานเป็นชั่วโมง ตอนที่หงถงกลับมา ซิ่วอิงเห็นว่าบนแก้มกับชายแขนเสื้อและชายกระโปรงของหงถงเปื้อนเขม่าสีดำ

            “ที่นี่ไม่มีพ่อครัวหรือ” ซิ่วอิงถามด้วยความสงสัย

            “มีเพคะ”

            “ถ้ามี แล้วทำไมเจ้าถึงได้มอมแมมขนาดนั้นเล่า”

            “เอ่อ...”

            หงถงอึกอัก ไม่ยอมตอบ

            ว่าไปแล้ว ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา สาวใช้คนเดียวที่ปรนนิบัติข้างกายซิ่วอิงก็มีแต่หงถง

            หากว่ากันด้วยฐานะพระชายา ควรจะมีสาวใช้รายล้อมคอยปรนนิบัติมากกว่านี้

            แต่ที่ซิ่วอิงไม่ได้สงสัย เพราะอีกใจคิดว่าอาจเพราะที่นี่เป็นค่ายทหาร คงไม่สะดวกหากจะมีหญิงรับใช้มากมายเดินเพ่นพ่านไปมา แต่ถึงขั้นที่หงถงต้องลงมือจุดเตาทำอาหารเอง ไม่แปลกไปหน่อยหรือ

            “เจ้าพูดมาเถอะ”

            หงถงเกาแก้มทำท่าลังเล สักครู่ถึงตอบกลับมา

            “นอกจากหม่อมฉันกับหัวหน้าเฉินเหนียง หญิงรับใช้ที่ตามที่ท่านอ๋องมาด้วยมีแค่หกคนเพคะ แต่พวกนางต้องคอยรับใช้ท่านอ๋อง และต้องทำงานตามคำสั่งของหัวหน้าเฉินเหนียง”

            อย่างนี้เอง

            ไม่ใช่ว่าหญิงรับใช้ไม่พอ แต่เฉินเหนียงจงใจส่งหงถงมารับใช้ซิ่วอิงแค่คนเดียว เพราะอยากเห็นซิ่วอิงอยู่อย่างลำบาก 

            “พ่อครัวยอมให้เจ้าทำอาหารเองหรือ” ซิ่วอิงถามหงถงต่อ

            คำถามนี้ทำเอาหงถงหลุดสีหน้าลำบากใจ ทั้งยังรีบเก็บซ่อนชายเสื้อและชายกระโปรงที่เปื้อนคราบสกปรก

            “พ่อครัวงานล้นมือ หม่อมฉันเห็นว่าสายแล้ว เกรงว่าพระชายาจะรอจนหิว ก็เลยทำอาหารเองเพคะ”

            ซิ่วอิงถอนหายใจพลางส่ายหน้า

            หญิงรับใช้คนนี้จะว่าซื่อบื่อหรือยังไงดี เฉินเหนียงทำขนาดนี้แล้วก็ยังจะพูดแก้ตัวให้อีก

            “ช่างเถอะ เป็นเรื่องที่เจ้าเลือกทำเอง” ซิ่วอิงพึมพำแล้วรับถ้วยโจ๊กที่หงถงยื่นมาให้ จากนั้นก็ตักกินทีละคำ

            พอกินโจ๊กอิ่ม ซิ่วอิงก็ดื่มยาต่อ

            ฤทธิ์ยาทำให้ง่วง ไม่นานนัก นางก็ผล็อยหลับ

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 21 จับหนู (2)

    บทที่ 21จับหนู (2) “ดะ เดี๋ยวนะเพคะ นี่มัน...หมายความว่ายังไงเพคะ พระชายา!?” ใบหน้าของซุยเหลียนเต็มไปด้วยความสงสัยขณะถามซิ่วอิง “ไม่นานนี้ข้ากับหงถงเห็น ‘หนู’ แอบเข้ามาในตำหนักหมิง กลัวว่าข้าวของมีค่าในตำหนักจะถูกหนูตัวนั้นลักขโมยหรือทำให้เสียหาย เลยให้หงถงตรวจดูให้ทั่ว ถึงจะจับหนูไม่ได้ แต่กลับเจอกระดาษพวกนี้ซ่อนเต็มห้อง” ซิ่วอิงอธิบาย ซุยเหลียนไม่ได้โง่ ย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดของพระชายา หนูตัวนั้นคงเป็นใครสักคนในที่นี้ ระหว่างที่ซุยเหลียนรับยันต์มาดู เจียวจูก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา “พี่สะใภ้พูดตลกเสียจริง ท่านกำลังจะบอกว่าหนูตัวนั้นแอบเอายันต์พวกนี้มาซ่อนในตำหนักหมิงหรือเจ้าคะ สัตว์เดรัจฉานจะทำแบบนั้นได้หรือ” “นั่นสินะ สัตว์ทำแบบนั้นไม่ได้ แต่สาวใช้ของเจ้าทำได้นี่เนอะ” ขณะพูด ใบหน้าของซิ่วอิงประดับรอยยิ้มบางๆ แต่สายตากดดันอย่างมาก ทำเอาสาวใช้ที่ยืนหลับหลังเจียวจูถึงกับตื่นกลัวตัวสั่น “สาวใช้ของข้า เกี่ยวอะไรด้วยเจ้าคะ” เจียวจูย้อนถาม “ดูที่มือของนาง เดี๋ยวก็ร

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 20 จับหนู (1)

    บทที่ 20จับหนู (1) ย้อนกลับมาที่ซิ่วอิง หญิงสาวรู้เห็นทุกอย่าง ตั้งแต่สาวใช้ของเรือนเจียวจูแอบทำลับๆ ล่อๆ ในตำหนักหมิง ทั้งยังแอบย่องเข้ามาในห้องนอนใหญ่ ถึงไม่รู้ว่าสาวใช้คนนั้นกำลังทำอะไร แต่ซิ่วอิงก็ปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้เปิดโปงในทันที เพราะอยากรู้ว่าเจียวจูวางแผนจะทำอะไรกันแน่ ทันทีที่สาวใช้คนนั้นออกจากตำหนักหมิงไปแล้ว ซิ่วอิงกับหงถงก็ก้าวออกมาจากห้องห้องหนึ่งที่อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ “หงถง เจ้าตรวจดูให้ทั่วห้อง ดูสิว่ามีของหายหรือไม่” “เพคะ” เมื่อรับคำสั่งแล้ว หงถงก็ค้นหาทั่วห้องนอน แน่นอนว่า ของมีค่าของพระชายากับท่านอ๋องไม่ได้หาย แต่กลับเจอยันต์หน้าตาแปลกประหลาดถูกซ่อนไว้ใต้หมอนกับใต้เตียง “พระชายาเพคะ หม่อมฉันเจอยันต์หน้าตาประหลาด” หงถงพูดจบก็ยื่นกระดาษสีเหลืองที่เขียนด้วยอักขระยึกๆ ยือๆ หนำซ้ำ หมึกบนกระดาษยังมีรอยเปื้อน เหมือนว่าน้ำหมึกยังไม่ทันแห้งดีก็ถูกพับเก็บเสียแล้ว “ยันต์หรือ?” ซิ่วอิงรับยันต์เหล่านั้นมาดู ไม่รู้ว่

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 19 เจียวจูลงมือแล้ว!

    บทที่ 19เจียวจูลงมือแล้ว! ภาพของจ้าวเฟยอู๋อุ้มซิ่วอิงกลับตำหนักฝังอยู่ในหัวของเจียวจูตลอดคืน ทำให้นางนอนไม่หลับ เมื่อเย็นวาน หลังจากที่เจียวจูไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานเลี้ยง นางก็สั่งบ่าวคนหนึ่งคอยสอดส่องว่างานเลี้ยงจะเลิกเมื่อใด ผ่านยามไฮ่ (21.00 - 22.59 น.) มาแล้ว งานเลี้ยงก็ยังไม่เลิก เหตุนี้เอง เจียวจูจึงมายังเรือนรับรองด้วยตัวเอง ตอนมาถึง เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นจ้าวเฟยอู๋อุ้มซิ่วอิงออกจากเรือนรับรอง จ้าวอ๋องมองหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยแววตาหยาดเยิ้มในขณะที่พากลับตำหนักหนิง ภาพนั้นทำเอาดวงตาของเจียวจูแดงก่ำ สองมือกำแน่น ทั้งเจ็บใจทั้งรู้สึกอิจฉา เจียวจูหลงรักจ้าวเฟยอู๋ตั้งแต่เข้าสู่วัยแรกรุ่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บุตรชายตระกูลขุนนางมากมายส่งเทียบมาสู่ขอ นางจะปฏิเสธกลับไปทั้งหมด ด้วยหวังใจว่าจะได้ครองรักกับจ้าวอ๋อง แต่ว่า จ้าวเฟยอู๋กลับไม่เคยมองนางในฐานะหญิงสาว ในทางกลับกัน เขาคิดกับนางแค่เพียงน้องสาวเท่านั้น เจียวจูจึงทำได้แค่แอบรักจ้าวเฟยอู๋ต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับคิดเข้าข้า

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 18 ผู้ชายคุณภาพสูง!

    บทที่ 18ผู้ชายคุณภาพสูง! งานเลี้ยงเลิกประมาณ 23.00 น. ตอนกลับมายังตำหนักหมิง ซิ่งอิงเมาแอ๋ แถมยังถูกจ้าวเฟยอู๋อุ้มกลับมา “ถึงแล้ว” จ้าวเฟยอู๋บอกเสียงนุ่มนวล สายตาที่มองหญิงสาวในอ้อมแขนทั้งลึกล้ำทั้งเอ็นดู “อืม” แม้ซิ่วอิงจะตอบรับอย่างนั้น แต่สองแขนของนางกลับคล้องรอบลำคอแกร่งไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำ ดวงตาคู่สวยยังเอาแต่จ้องมองใบหน้าของจ้าวเฟยอู๋อย่างไม่ละสายตา “เป็นอะไรไป” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ซิ่งอิงส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ เห็นท่าทางของหญิงสาวแบบนั้น ทำให้ชายหนุ่มอยากรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ เขาจึงถามนางออกไปตรงๆ “เป็นอะไรไป ไม่พอใจอะไรในตัวข้าหรือ” “ท่านเป็นคนที่หล่อมาก!” ทันทีที่ซิ่วอิงโพล่งออกมา ทำเอาจ้าวเฟยอู๋ถึงกับเบิกตาเล็กน้อย ไม่เพียงแค่นั้น หญิงสาวยังกล่าวต่อไปอีก “ท่านทั้งสุขุม ทั้งนิสัยดี ร่างกายสูงกำยำและสมส่วน จัดอยู่ในกลุ่มผู้ชายคุณภาพสูง ไม่แปลกหรอกที่จะมีผู้หญิงมากมายหลงใหล” ได้ยินเช่นนั้น ด

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 17 สร้างความประทับใจ

    บทที่ 17สร้างความประทับใจ เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในงานเลี้ยง นายทหารยศขุนพลและเหล่าขุนนางต่างลุกขึ้นยืน ทำความเคารพอย่างให้เกียรติ มิหนำซ้ำ สายตาที่มองซิ่วอิงให้ความเคารพและเลื่อมใส ชัดเจนว่าทุกคนไม่ได้มีอคติใดๆ กับหญิงสาว ซิ่วอิงรอยยิ้มเป็นเชิงตอบรับ แล้วนั่งลงเคียงข้างจ้าวเฟยอู๋ บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด แม้จะเป็นอาหารที่เรียบง่าย แต่หน้าตาดูน่าทาน ผัดเต้าหู้รสเผ็ด น้ำแกงปลา ไก่ผัดสมุนไพร ผัดผักดองใส่ไข่ แม้ที่นี่จะเป็นจวนจ้าวอ๋อง แต่ประมุขของจวนก็ไม่กินหรูอยู่แพง อาหารทุกอย่างใช้วัตถุดิบธรรมดาที่หาได้ง่าย เพราะว่าจ้าวเฟยอู๋รู้ซึ้งถึงความทุกข์ยากของชาวบ้าน ขณะที่ซิ่วอิงกำลังจะหยิบตะเกียบ ขุนนางอาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นยืน พร้อมยกจอกสุราแล้วหันมาพูดกับหญิงสาว “กระหม่อมนามว่าซุนอี้ ดูแลคลังเสบียงภายในเมืองหลวง ได้ยินว่าพระชายาช่วยคลี่คลายปัญหาเรื่องขาดแคลนอาหารที่เมืองกัวหลิน สุราจอกนี้ กระหม่อมขอคารวะพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นคำของขุนนางอาวุโสท่านนั้น ซิ่วอิงหันมองจ้าวเฟยอู๋อย่างขอความเห็น

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 16 สตรีที่น่ากลัว

    บทที่ 16สตรีที่น่ากลัว จ้าวเฟยอู๋กลับมาที่ตำหนักหมิงในตอนเย็น หลังจากล้างเนื้อล้างตัวและเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ชายหนุ่มก็มานั่งโต๊ะกินข้าว “ได้ยินว่าเจ้าสั่งให้เจียวจูคัดลอกกฎระเบียบ 100 จบ?” “เพคะ” ซิ่วอิงตอบหน้าตาเฉย ทั้งยังคีบหมูสามชั้นใส่ถ้วยข้าว “ก็แค่เล่นเกมกันสนุกๆ อีกอย่าง เจียวจูเป็นคนตั้งกฎขึ้นมาเองว่า ‘คนแพ้ต้องฟังคำสั่งของคนชนะ’ ” “อย่างนี้เอง” จ้าวเฟยอู๋บอก “น่าสนุกใช่ไหมเพคะ” จ้าวเฟยอู๋ตอบว่า “อืม” จากนั้นก็นั่งกินข้าวต่ออย่างเงียบเฉียบ ซิ่วอิงเองก็พูดเรื่องของเจียวจูอีก ประเดี๋ยวจะหมดอร่อย หญิงสาวคีบกับข้าวให้จ้าวอ๋องอย่างเอาใจ ทั้งยังเปลี่ยนมาคุยเรื่องรสชาติของอาหาร อันที่จริง ตอนบ่ายวันนี้ เจียวจูวิ่งโร่มาหาจ้าวเฟยอู๋ถึงห้องหนังสือ ฟ้องเรื่องที่ซิ่วอิงสั่งให้ตนคัดลอกกฎระเบียบ 100 จบ จ้าวเฟยอู๋ไม่ได้โง่ คิดว่าสิ่งที่ซิ่วอิงทำไปนั้นต้องมีเหตุผล อีกอย่างหนึ่ง เขาสงสัยมานานแล้วว่าคนอยู่เบื้องหลังเฉินเหนียงก็คือเจียวจู

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status