หน้าหลัก / รักโบราณ / ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!) / บทที่ 4 ถึงจะเป็นระบบฝึกหัด แต่เลเวลตันนะจ๊ะ!

แชร์

บทที่ 4 ถึงจะเป็นระบบฝึกหัด แต่เลเวลตันนะจ๊ะ!

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-05 18:06:48

บทที่ 4

ถึงจะเป็นระบบฝึกหัด แต่เลเวลตันนะจ๊ะ!

            นับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในร่างหวังซิ่วอิง ชีวิตประจำวันของนางคือกินกับนอน แล้วก็เดินเตร่ๆ อยู่แค่รอบๆ เรือน

            ซิ่วอิงใช้ชีวิตซ้ำซากจำเจแบบนี้มา 3 วันแล้ว เบื่อหน่ายเอามากๆ

            “ยาของท่านหมอซานดีจริงๆ เพคะ แผลบนหน้าผากของพระชายาใกล้จะหายเป็นปกติแล้วเพคะ” หงถงพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน พร้อมกับทายาให้ซิ่วอิงไปด้วย

            “นั่นสินะ” ซิ่วอิงตอบ

            ไม่เพียงแต่ไม่ต้องพันแผลรอบหน้าผาก ซิ่วอิงไม่ต้องทนดื่มรสขมแล้ว ถึงเป็นยุคที่ล้าหลัง แต่สมุนไพรนับว่าคุณภาพสูง 

            “วันนี้จะออกไปเดินเล่นข้างนอกหรือไม่เพคะ” หงถงเอ่ยถาม

            ซิ่วอิงครุ่นคิด ขณะกำลังขยับปากจะตอบ จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดจากด้านนอกอย่างรุนแรง

            ปัง!

            หัวหน้าหญิงรับใช้เฉินเหนียงก้าวอาดๆ เข้ามายืนเท้าสะเอวตรงหน้า 

            หงถงลุกขึ้นพรวด สีหน้าแตกตื่น

            “หัวหน้าเฉิน ทำไมถึง…”

            หงถงยังพูดไม่ทันจบดี ก็ถูกเฉินเหนียงผลักจนซวนเซไปด้านข้าง

            “ข้าจะพูดกับพระชายา เจ้าอย่ามายืนขวาง”

            “อ๊ะ!” 

            “ร่างกายของพระชายาเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” 

            “ก็ดี” 

            ซิ่วอิงตอบส่งๆ สายตาไม่มองเฉินเหนียงแม้แต่น้อย

            ครั้นเห็นท่าทางเย็นชาของหญิงสาว ในใจของเฉินเหนียงพลันเดือดดาล แต่เพราะฐานะของตนต่ำกว่า ต่อให้โกรธจัดขนาดไหน ก็ทำได้แค่ยืนกัดฟันกรอดๆ

            “ความหมายก็คือพระชายาหายดีแล้วใช่หรือไม่”

            ซิ่วอิงไม่ตอบ แต่ถามกลับ

            “นี่ หัวหน้าเฉิน เจ้ารับใช้ท่านอ๋องมากี่ปีแล้ว”

            เฉินเหนียงย่นคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี “ยี่สิบกว่าปีเพคะ”

            “เวลายี่สิบกว่าปีเจ้าไม่ได้เรียนรู้เรื่องมารยาทเลยหรือ”

            “อะไรนะเพคะ?” เฉินเหนียงโกรธจนหน้าชาเหมือนถูกตบ  

            “ข้าจะไม่พูดซ้ำ ออกไป แล้วเข้ามาใหม่”

            ซิ่วอิงชี้นิ้วไปทางประตู น้ำเสียงเด็ดขาดจริงจัง

            สองมือของเฉินเหนียงกำแน่นด้วยความไม่พอใจ ถึงอย่างนั้นก็สะบัดร่างอวบอ้วน หมุนกายเดินออกจากห้อง

            ผ่านไปสักครู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้น

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก…

            “หม่อมฉันเฉินเหนียง ขออนุญาตเข้าไปนะเพคะ”

            “อืม”

            อันที่จริง ซิ่วอิงจะแกล้งไม่ตอบก็ได้ แต่เพราะอยากรู้ว่าหัวหน้าหญิงรับใช้มาที่นี่ด้วยธุระอะไร ทั้งที่ไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลยนับตั้งแต่ที่ซิ่วอิงฟื้น  

            “ว่ามาสิ”

            “พ่อครัวที่ทำอาหารเลี้ยงเหล่านายกองป่วยกะทันหัน ที่ห้องครัวคนไม่พอ หากพระชายาหายป่วยแล้ว หม่อมฉันอยากจะรบกวนพระชายาให้มาช่วยดูแลห้องครัวเพคะ”

            “ไม่ได้เจ้าค่ะ! ร่างกายของพระชายามีค่า จะให้เข้าครัวได้อย่างไร หัวหน้าเฉิน ท่านควรไปเรียนท่านอ๋องไม่ใช่หรือ” หงถงร้องอย่างตื่นตระหนก 

            ทว่า…

            “ได้สิ” ซิ่วอิงตอบรับทันที

            “พระชายา!?”

            “ข้ากำลังเบื่ออยู่พอดี อยากยืดเส้นยืดสายบ้าง แล้ว...ต้องทำอาหารเลี้ยงนายกองกี่นาย”

            ท้ายประโยค ซิ่วอิงหันไปถามเฉินเหนียง

            เฉินเหนียงอ้าเหวอเพราะไม่คิดว่าซิ่วอิงจะรับปากเร็วเพียงนี้

            สักครู่หนึ่ง เฉินเหนียงตั้งสติได้ ตอบพร้อมกับยิ้มเยาะในใจ  

            “ประมาณห้าสิบนายเพคะ”

            “เวลาล่ะ”

            “ไม่เกินยามอิ่ว(17.00-18.59 น.) อาหารต้องขึ้นโต๊ะแล้วเพคะ”

            “เข้าใจแล้ว แค่นี้ใช่ไหม”

            “เพคะ”

            “ถ้าอย่างนั้นก็ไสหัวไปได้แล้ว”

            “หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

            เฉินเหนียงเก็บความเดือดดาลเอาไว้ภายใต้ท่าทางที่สำรวม ประสานมือบนเอวพร้อมกับย่อกายคำนับ

            ซิ่วอิงไม่ได้ยอมตอบตกลงเพราะความโอหัง อย่างที่บอก นั่งๆ นอนๆ มันน่าเบื่อ ก็แค่อยากยืดเส้นยืดสายเท่านั้นเอง 

            “พระชายา โปรดไตร่ตรองอีกครั้งเถอะเพคะ” หงถงพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล

            ถึงอย่างนั้น ซิ่วอิงกลับยิ้มให้หงถงแล้วว่า “หงถง ต้องรบกวนเจ้านำทางข้าไปที่ห้องครัวแล้ว”

            น้ำเสียงนั้นช่างหนักแน่นยิ่งนัก หงถงไม่กล้าปฏิเสธ จึงตอบรับออกไปด้วยความจนใจ

            “เพคะ พระชายา”

            …..

            …..

            จากนั้นไม่นาน ซิ่วอิงกับหงถงก็มาถึงห้องครัว

            นอกจากซิ่วอิงกับหงถง ในห้องครัวก็ไม่มีคนอื่นอยู่เลย

            ไม่ว่าคนงานในค่ายทหารจะน้อยขนาดไหน ก็คงไม่ถึงกับร้างไร้ผู้คนขนาดนี้

            ดังนั้นซิ่วอิงจึงตระหนักได้ ว่าเป็นแผนของเฉินเหนียง

            ‘หวังซิ่วอิง’ คุณหนูคนที่สามของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเฉา ยังไงก็ไม่เคยทำงานต่ำต้อยแบบนี้เป็นแน่ 

            แต่ว่า ‘ซิ่วอิง’ คนนี้เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ทำงานลำบากมานักต่อนัก ห้องครัวนี้ก็แค่ครัวธรรมดา ไม่ได้อันตรายแม้แต่นิดเดียว

            “ก็คิดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”

            พูดจบ ซิ่วอิงก็ถลกแขนเสื้อก้าวเข้ามาในห้องครัวด้วยท่าทีเฉยเมย  

            “พระชายาจะลงมือทำอาหารเองจริงหรือเพคะ” หงถงเอ่ยถามความกังวล

            “รับปากไปแล้วนี่นา อีกอย่าง ข้าไม่อยากปล่อยให้เหล่านายกองที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องรอด้วยความหิว”

            “ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันจะออกไปตามคนมาช่วยนะเพคะ”

            ทันทีที่ซิ่วอิงพยักหน้า หงถงก็รีบวิ่งออกจากห้องครัวไปหาคนมาช่วย

            ซิ่วอิงมองวัตถุดิบทั้งหมดที่อยู่ในครัว ข้าวสาร มันเทศ เผือก หมูติดมัน หมูแดดเดียวแล้วก็ไข่ไก่

            ทางด้านตะกร้าผัก ผักส่วนใหญ่เป็นกระหล่ำกับแครอท

            “วัตถุดิบค่อนข้างจำกัดเลยนะเนี่ย…ทำอะไรดีนะ” ซิ่วอิงพึมพำพร้อมกับใช้ความคิด

            แต่…จะว่าไปแล้ว เวลาแบบนี้หากอิงจากนิยายหลายๆ เรื่อง ตอนที่ผู้ย้อนเวลาตกระกำลำบาก ตัวช่วยจะปรากฏออกมาสินะ 

            ถึงจะคิดว่าเรื่องตลกที่มีแค่ในนิยาย แต่ซิ่วอิงกลับอยากลองดู

            หญิงสาวมองซ้ายมองขวา ดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบดู จากนั้นก็กางมือไปข้างหน้า ขยับปากส่งเสียง

            “ระบบ จงออกมา”

            “….”

            เงียบกริบ

            ไม่มีหน้าต่างสถานะ ไม่มีเสียงเตือนของระบบ

            ซิ่วอิงหัวเราะอย่างเขินๆ พร้อมกับลดมือลง

            วินาทีต่อมา หญิงสาวทรุดตัวลงไปนั่งยองๆ ยกสองมือปิดหน้าที่ร้อนฉ่า   

            “ฮะฮะฮะ ไม่ใช่นิยายสักหน่อย จะมีของแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า!”

            หลังจากระงับความอับอายแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะไปหุงข้าว แต่ในตอนนั้นเอง…

            [หาว~]

            ในสมองของซิ่วอิงราวกับถูกคลื่นไฟฟ้าช็อต จากนั้นเสียงโมโนโทนที่ไม่ระบุเพศก็ดังขึ้นในหัว 

            [กว่าจะเรียกฉันออกมาได้ ปล่อยให้รอตั้งหลายวันเลยนะ!]

            ดวงตาคู่สวยของซิ่วอิงกะพริบปริบๆ ด้วยความงุนงง ทั้งยังมองรอบๆ ห้องครัวเพื่อหาเจ้าของเสียง

            [ฉันอยู่ในหัวของเธอ ยังไงก็หาไม่เจอหรอกจ๊ะ]

            “เอ๊ะ!? ในหัว…”

            ซิ่วอิงยกสองมือกุมศีรษะตัวเอง

            เมื่อนางลดมือลง นางถามเจ้าของเสียงนั้นอย่างลังเล

            “เจ้าคือระบบหรือ!?”

            [ใช่เลย~ ฉันคือระบบประจำวิญญาณผู้กลับมาเกิดใหม่ แต่อย่าคาดหวังนักล่ะ เพราะฉันเป็นแค่ระบบฝึกหัด]

            ซิ่วอิงใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะทำความเข้าใจ ก่อนจะตอบกลับไปว่า “เข้าใจแล้ว ระบบจริงๆ ด้วยสินะ” 

            แม้จะเป็นระบบฝึกหัด ขอแค่มีตัวช่วย ย่อมดีกว่าไม่มีเลย  

            [เอ…เออ…ขอปรับเปลี่ยนภาษาแป๊บนึงนะ]

            ระบบว่ามาอย่างนั้น ก่อนจะเงียบหายไปสักพักใหญ่

            [กลับมาแล้วจ๊า~ ก่อนอื่นต้องอธิบายการใช้งานก่อน อารมณ์คล้ายกับมีที่ปรึกษาส่วนตัว รู้ทุกอย่าง แต่ไม่ชำนาญสักทาง แล้วก็ ระบบอย่างข้าสามารถพูดคุยแก้เบื่อได้]

            “วิเศษไปเลย!”

            สำหรับซิ่วอิงที่ไม่สนิทกับใครนอกจากหงถง แค่มีเพื่อนคุยแก้เบื่อก็วิเศษมากแล้ว  

            [จริงเหรอ ว่าแต่ เจ้าดูเหมือนกำลังแย่อยู่เลยนะ]

            “กำลังคิดว่าจะใช้วัตถุดิบที่อยู่บนโต๊ะทำอะไรดีน่ะ”

            พอพูดแบบนั้นออกไป ระบบก็ทวนชื่อวัตถุดิบที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นทำการ [ค้นหาสูตรอาหาร]

            ไม่ถึงหนึ่งนาที เสียงของระบบก็ดังในหัวซิ่วอีกครั้ง

            [ข้าวอบเผือกใส่หมู ซุปมันเทศ ผัดผัดรวมมิตร!]

            ซิ่วอิงยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ ตกลงว่าจะทำสองอย่างนี้

            จากนั้น ระบบก็ส่งข้อมูลและสูตรอาหารเข้าสมองของนางโดยตรง ด้านความคล่องแคล่วในการทำอาหาร เป็นทักษะที่ติดตัวมาจากชาติที่แล้ว เลยไม่น่าเป็นห่วง

            [ตู้เก็บของที่อยู่ด้านหลังของครัวมีเม็ดแปะก๊วยกับเห็ดหอม ถึงจะเก่าไปหน่อย แต่ถ้าล้างน้ำดีๆ ก็ใช้ได้นะ]

            “เข้าใจแล้ว”

            ซิ่วอิงเดินไปหยิบของดังกล่าวมาแช่น้ำ 

            ในตอนนั้นเอง หงถงกลับมาที่ห้องครัวพร้อมกับทหารชั้นผู้น้อย 2 นาย

            เมื่อเห็นว่าพระชายาเริ่มลงมือทำอาหารแล้ว ซิ่วอิงก็รีบเข้ามาช่วย พร้อมกับนายทหารชั้นผู้น้อยที่พามาด้วย

            ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ในที่สุด อาหารก็ยกขึ้นโต๊ะทันเวลา

            ถึงจะเป็นมื้ออาหารที่เรียบง่ายแค่ 3 อย่าง แต่เหล่านายกองล้วนชมว่าอร่อยไม่ขาดปาก

            ซิ่วอิงที่ได้รับคำชมยิ้มปลื้มปริ่ม

            เหนืออื่นใด ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับ ‘ระบบ’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 29 บทพิเศษ

    ณ ตำหนักหมิง ซิ่วอิงกำลังตรวจสอบรายการบัญชีประจำเดือนของจวนอ๋อง อ่านไปได้นิดเดียวก็ต้องนวดขมับเพราะตาจะปิด แถมช่วงนี้เหมือนอ่อนเพลียง่ายด้วย พอเป็นแบบนี้ นางจึงอยากกินอะไรเปรี้ยวๆ อาจช่วยให้ตาสว่างขึ้นก็ได้ ตอนนั้นเอง เสียงของหงถงดังขึ้นที่หน้าประตู “พระชายาเพคะ หม่อมฉันมาแล้วเพคะ” “หงถงจ๋า เจ้ามาช้ามาก รีบมาเร็วๆ” ซิ่วอิงรีบกวักมือเรียกหงถง ครั้นเห็นมะนาวพริกเกลือที่หงถงถือเข้ามาในปากก็น้ำลายสอ ทันทีที่หงถงยื่นจานมะนาวพริกเกลือให้ ซิ่วอิงก็หยิบมะนาวที่หั่นเป็นแว่น โรยด้วยพริกและเกลือ แล้วส่งเข้าปาก รสเปรี้ยวเข็ดฟันทำให้ตาสว่างทันที “อ่า…สดชื่น!” หงถงยิ้มจางๆ ท่าทางของพระชายาไม่ปกติจริงๆ ด้วย เพิ่งคิดอย่างนั้ง หน้าประตูก็มีเสียงของซุยเหลียนกับหมอเจียง เมื่ออนุญาตให้ทั้งสองเข้ามา หมอเจียงวางกล่องยาลง ก่อนจะประสานมือก้มหน้าพร้อมกับกล่าว “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอจับชีพจรพระชายาสักหน่อยได้หรือไม่” “ท่านหมอคิดว่าข้าป่วยงั้นเ

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 28 บทพิเศษ

    บทที่ 28 บทพิเศษ หลายเดือนต่อมา เข้าสู่ฤดูหนาว ชีวิตคู่ของซิ่วอิงกับจ้าวเฟยอู๋ช่วงนี้ค่อนข้างสงบและเรียบง่าย ชายหนุ่มออกไปทำงานที่นอกจวนตั้งแต่เช้าทุกวัน กลับจวนอีกครั้งก็เป็นช่วงเย็น ส่วนซิ่วอิงจะคอยดูแลความเรียบร้อยในจวน ตอนนี้ตำแหน่งพระชายาของซิ่วอิงมั่นคงมากกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากจ้าวเฟยอู๋ได้ประกาศมอบสิทธิ์ขาดในการดูแลจวนให้กับนางด้วยตัวเอง บ่าวไพร่ในจวน นอกจากจะยอมรับซิ่วอิง พวกเขายังให้การเคารพนางด้วยเช่นกัน ความเป็นอยู่ของซิ่วในจวนอ๋องจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล หากจะติดก็คงมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็นั่นคือเรื่องเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาเกิด แต่แล้วในวันหนึ่ง… “พี่หงถง คือว่านะ ข้าสงสัยเรื่องอาหารว่างของพระชายาวันนี้ เลยอยากถามพี่สักหน่อย” ในตอนที่หงถงมายกของว่างของพระชายาที่ห้องครัว เสี่ยวหลัวอดสงสัยไม่ได้จึงรั้งหงถงเพื่อจะถาม เสี่ยวหลันคือสาวใช้ที่ซุยเหลียนเลือกให้มาทำงานในตำหนักหมิง คอยดูแลเรื่องอาหารของพระชายาโดยเฉพาะ “อืม เ

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 27 บทส่งท้าย

    บทที่ 27 บทส่งท้าย ผ่านมาอีกหลายสิบวัน กลางฤดูใบไม้ร่วง สายลมเย็นสบาย อากาศสดชื่นกำลังดี ในช่วงนี้ แคว้นอู๋กำลังจัดงานเทศกาลหยวนเซียว แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่ทั่วทั้งเมืองหลวงกลับสว่างไสวด้วยโคมไฟนับหมื่นดวง งานเทศกาลมีทั้งหมดสามวัน นับตั้งแต่งานเทศกาลเริ่มขึ้น บนท้องถนนกลางเมืองหลวงก็พลุกพล่านไปด้วยผู้คน เด็กๆ พากันถือโคมไฟรูปสัตว์ ยิ้มแย้มสนุกสนาน คนหนุ่มสาวเดินเคียงคู่ เที่ยวงานเทศกาลกันหวานชื่น งานเทศกาลวันที่สอง ช่วงหัวค่ำ จ้าวเฟยอู๋พาซิ่วอิงออกมาเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟเช่นกัน ระหว่างเดินชมงานเทศกาล สายตาลึกล้ำของชายหนุ่มมักจะหลุบมองภรรยาสาวที่เดินข้างๆ อยู่เป็นระยะ “งานเทศกาลชมโคมของแคว้นอู๋สวยหรือไม่” จ้าวเฟยอู๋ถามซิ่วอิงด้วยความเอาใจใส่ ซิ่วอิงที่หันซ้ายหันขวา มองความงดงามของโคมไฟที่ห้อยระย้าเต็มสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ พอถูกสามีถาม นางก็รีบพยักหน้ารัวๆ แล้วตอบอย่างตื่นเต้น “สวยเพคะ สวยมากๆ อยากให้มีงานแบบนี้ทุกคืนเลยเพคะ!” จ้าวเฟยอู๋ได้ฟังอย่างนั

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 26 คลี่คลาย

    บทที่ 26คลี่คลาย โทษทัณฑ์ที่เจียวจูจะได้รับย่อมหนีไม่พ้นความตาย! ตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ในอกของซิ่วอิงเกิดความสลดและเศร้าใจ แต่ทว่า… หากลองคิดกลับกัน ถ้าการใส่ร้ายของเจียวจูสำเร็จ คนที่ต้องตายย่อมเป็นซิ่วอิง ทันทีที่คิดได้อย่างนั้น ซิ่วอิงขนลุกซู่ ความเห็นใจที่มีต่อเจียวจูพลันมลายหายไปสิ้น ในตอนนั้นเอง เสียงของขุนนางคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา “วางยาในอาหาร สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ยังเป็นความผิดที่พออภัยให้ได้ แต่ขโมยสมบัติของแคว้นอู๋ออกจากห้องลับ เรื่องนี้ยากให้อภัยพ่ะย่ะค่ะ” “ถูกของใต้เท้าเหอ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความสงบสุขของแคว้นอู๋ ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ โปรดตัดสินโทษของคุณหนูเจียวจูด้วยเถิด” “โปรดตัดสินโทษคุณหนูเจียวจูด้วยเถิด” ขุนนางคนอื่นๆ ต่างประสานเสียงพูดพร้อมเพรียง ซิ่วอิงสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเหล่าขุนนางเต็มไปด้วยความโกรธ ฝ่ายจ้าวเฟยอู๋มุ่นหัวคิ้วพลางกุมขมับด้วยสีหน้าหนักใจ เขาคิดกับเจียวจูไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ แต่ใครจ

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 25 ยอมรับชะตากรรม

    บทที่ 25ยอมรับชะตากรรม “ข้าไม่รู้หรอกว่าทำอะไรให้คุณหนูเจียวจูไม่พอใจ ถึงได้มาใส่ร้ายข้าเช่นนี้” ซิ่วอิงพูดกับเจียวจูด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น เจียวจูแค่นเสียงเฮอะ บอกให้ซิ่วอิงมองชายที่ถูกจับมัดให้ชัดๆ ซิ่วอิงทำทีเป็นมองชายที่ถูกมัดซ้ำๆ ก่อนจะพูดกับเจียวจูด้วยสีหน้าเฉยเมย “ให้มองยังไงข้าก็ไม่รู้จักชายคนนี้อยู่ดี ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่ใช่ว่าไปจับชาวบ้านบริสุทธิ์มาแสดงละครตบตาท่านอ๋องหรอกนะ” “อย่าเสแสร้งหน่อยเลย เขาคือคนที่ลอบเข้ามาในตำหนักหมิง รับแผนผังเมืองหลวงของแคว้นอู๋จากมือของเจ้าเองไม่ใช่หรือ” “นอกจากบ่าวในจวน ข้าไม่เห็นจำได้ว่าติดต่อกับคนอื่นด้วย” “เฮอะ!” เจียวจูแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นม้วนกระดาษเก่าๆ ในมือให้จ้าวเฟยอู๋ “ท่านอ๋อง นี่เป็นหลักฐานที่หม่อมฉันค้นเจอในตัวของคนร้าย เชิญตรวจสอบดูก่อนเพคะ” แผนผังเมืองหลวงแคว้นอู๋เป็นของสำคัญ แค่มองแวบเดียวจ้าวเฟยอู๋ก็จำได้แล้วว่าเป็นของจริงปลอม สมบัติชิ้นสำคัญอย่างแผนผังของแคว้น ปกติควรอยู่ในห้องลับ แต่ทำไมถึงอ

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 24 แผนการอันโง่เขลา

    บทที่ 24แผนการอันโง่เขลา เข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วง คำสั่งทำอ่างเก็บน้ำและสร้างฝายชะลอน้ำถูกส่งไปยังเมืองต่างๆ ในช่วงนี้งานของจ้าวเฟยอู๋ค่อนข้างยุ่ง รถม้าของเขาจะออกจากจวนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น กลับเข้ามาอีกครั้งก็เป็นตอนที่ทุกคนหลับหมดแล้ว ถึงแม้โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำที่ซิ่วอิงเสนอไปจะคืบหน้าเป็นอย่างมาก แต่กลับได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รักน้อยลง เรื่องนี้ทำให้ซิ่วอิงทรมานหัวใจไม่น้อยเหมือนกัน “เฮ้อ…คิดถึงจัง” ซิ่วอิงทอดถอนหายใจ พร้อมกับพูดความคิดที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว [นี่ๆ ความคิดของเจ้าเผยออกมาเป็นคำพูดหมดแล้ว] ระบบเอ่ยเตือน ‘หา!?’ ซิ่วอิงสะดุ้ง รีบเลื่อนสายตามองหงถงและองครักษ์ จริงอย่างที่ระบบพูด พวกเขาต่างยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างไม่ปิดบังสีหน้ากันเลยสักคน “พระชายาเพคะ ในเมื่อคิดถึงท่านอ๋องขนาดนี้ ทำไมไม่ไปหาท่านอ๋องเล่า จริงด้วย…เตรียมของอร่อยๆ ไปด้วยก็ดีนะเพคะ” หงถงเสนอ “เดี๋ยวนี้หงถงของข้ากลายเป็นกุนซือความรักไปแล้วหรือ” ซิ่วอิงแกล้งพู

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status