แชร์

บทที่ 5 เพิ่มค่าความชอบ

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-05 18:07:27

บทที่ 5

เพิ่มค่าความชอบ

            นับจากวันนั้น ซิ่วอิงก็ได้ยืดเส้นยืดสายในครัวต่ออีก 5 วัน

            จวบจนภายหลัง ชื่อเสียงของซิ่วอิงโด่งดังในหมู่ทหาร ส่วนใหญ่เป็นในด้านชื่นชม มิหนำซ้ำยังมีทหารชั้นผู้น้อยอาสามาช่วยงานในครัวเพิ่ม

            ในส่วนของจ้าวเฟยอู๋ แม้ไม่มีบทบาทกับเรื่องนี้ แต่ใช่ว่าจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย

            ยามเช้าของวันหนึ่ง หลังจากซิ่วอิงกินมื้อเช้าอิ่ม หงถงก็เข้ามาบอกว่าจ้าวเฟยอู๋ต้องการพบพระชายา 

            ซิ่วอิงฟังแล้วพลางคาดเดาเงียบๆ

            มีความเป็นไปได้สูงว่า จะเป็นเรื่องที่พระชายาที่สูงศักดิ์ลงมือทำอาหารเลี้ยงเหล่านายกองด้วยตัวเอง 

            ราวสิบนาทีต่อมา ซิ่วอิงกับหงถงก็มาถึงห้องทรงงานของจ้าวอ๋อง

            หญิงสาวคารวะจ้าวอ๋องตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อนั่งลงแล้ว นางกวาดสายตามองไปรอบๆ

            ในห้องทรงงาน จ้าวเฟยอู๋นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของโต๊ะคือแม่ทัพเจิ้งหมิง ถัดมาคือชายวัยสี่สิบร่างท้วม สวมผ้ากันเปื้อน ซิ่วอิงเดาว่าชายคนนี้คงพ่อครัวที่ล้มป่วยกะทันหันคนนั้น

            “ท่านอ๋องเรียกหม่อมฉันมามีธุระอะไรหรือเพคะ” ซิ่วอิงแสร้งถามจ้าวเฟยอู๋ด้วยแววตาใสซื่อ

            จ้าวเฟยอู๋พยักคางไปทางชายร่างท้วมที่สวมผ้ากันเปื้อน “คนที่ต้องการพบเจ้าก็คือพ่อครัวกัง”

            ทันทีที่จ้าวเฟยอู๋พูดจบ ชายร่างท้วมก็ประสานมือ โค้งศีรษะลงต่ำพร้อมกับแนะนำตัว

            “คารวะพระชายาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมชื่อกังเต๋อ เป็นพ่อครัวคอยทำอาหารเลี้ยงเหล่านายกองของที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

            ซิ่วอิงตอบรับสั้นๆ ว่า “อืม”

            พ่อครัวกังเต๋อแสดงสีหน้าลำบากใจ กล่าวกับซิ่วอิงอีกครั้ง “กระหม่อมขอประทานอภัยที่ทำให้พระชายาลำบาก เข้าครัวแทนกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้จริงๆ ว่าจะเป็นแบบนี้”

            “ไม่เป็นไรหรอก ข้าอยู่ที่นี่ได้แต่นั่งๆ นอนๆ กำลังเบื่ออยู่พอดี เจ้าเถอะ อาการป่วยหายดีแล้วหรือ” ซิ่วอิงพูดอย่างไม่ถือสา

            “น่าละอายยิ่งนัก ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้ท้องร่วง จากนั้นก็ไข้ขึ้นสูงติดต่อกันหลายวัน แต่เพราะได้ท่านหมอซานช่วยรักษา ตอนนี้กระหม่อมหายดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อครัวกังเต๋อตอบเสียงแผ่ว

            [อาการท้องร่วงมีพิรุธ]

            เสียงของระบบดังขึ้นในหัวปุบปับ  

            ซิ่วอิงยิ้มในใจ เห็นด้วยอย่างยิ่ง

            “ขอบพระทัยพระชายาที่เป็นห่วงคนต่ำต้อยอย่างกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” พ่อครัวกังเต๋อโค้งศีรษะให้ซิ่วอิงอีกครั้ง ทั้งยังเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นซาบซึ้งใจ 

            “คนของท่านอ๋องก็เป็นคนของข้าเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก” หญิงสาวยิ้มแย้มกล่าวอย่างเป็นมิตร

            “ขอบพระทัยพระชายา!” พ่อครัวกังเต๋อซาบซึ้งเสียจนหลั่งน้ำตาออกมา “เอ่อ เช่นนั้นกระหม่อมขอพระชายาอย่างหนึ่งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

            “อะไรหรือ”

            “เหล่านายกองต่างชื่นชมฝีมือทำอาหารของพระชายาเป็นอย่างมาก กระหม่อมอยากรบกวนพระชายาให้ช่วยสอนทำอาหาร…”

            พ่อครัวกังเต๋อยังไม่ทันพูดจบ วินาทีต่อมา เสียงขึงขังของจ้าวเฟยอู๋ก็ดังขึ้นกะทันหัน

            “ไม่ได้”

            ซิ่วอิงส่งเสียง “เอ๋?” พร้อมหันมองชายหนุ่ม

            จ้าวเฟยอู๋กระแอมทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

            “แค่พระชายาเข้าครัวทำอาหารแทนเจ้าทั้งที่เพิ่งจะหายป่วย ก็เป็นการรบกวนมากเกินพอแล้ว เจ้ายังโลภมากให้นางช่วยสอนทำอาหารอีกหรือ”

            พ่อครัวกังเต๋อหวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทา รีบลงไปคุกเข่า ก้มศีรษะติดพื้น

            “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ!”

            จ้าวเฟยอู๋ไม่พูดไม่จา

            [ดูเหมือนท่านอ๋องของเจ้าจะเป็นห่วงเจ้านะ]

            ‘ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?’

            ซิ่วอิงถามระบบในใจ

            [เพราะระบบอย่างข้ามีฟังก์ชันตรวจจับความรู้สึกผ่านน้ำเสียงกับสีหน้าได้ ข้าจับโกหกในน้ำเสียงของเขาไม่ได้ แถมพอวิเคราะห์ออกมาแล้ว ตีความได้ว่า ‘เป็นห่วง’ เจ้าอยู่]

            ‘เป็นฟังก์ชันที่สะดวกดีจังเลยนะ’

            [แน่นอนอยู่แล้วสิ เอ้า…ถึงตาของเจ้าออกหน้าแล้ว ใช้โอกาสนี้สร้างคะแนนความชอบซะสิ]

            ซิ่วอิงคิดตามคำพูดของระบบ หากเพิ่มค่าความชอบ ชีวิตในฐานะชายาเชลยในแคว้นอู๋ก็จะสบายมากขึ้น

            ก่อนที่บรรยากาศจะมาคุยิ่งกว่านี้ นางกล่าวกับชายหนุ่มอย่างใจกว้าง

            “ท่านอ๋องเพคะ แค่ช่วยสอนทำอาหาร ไม่ได้ทำให้หม่อมสึกกร่อนตรงไหน กลับกันแล้ว หม่อมฉันยินดีอย่างยิ่งที่ได้เผยแพร่สูตรอาหารให้กับคนของท่านอ๋อง”

            ที่สำคัญ สูตรอาหารที่ระบบให้มานั้นอร่อยมาก ซิ่งอิงเองก็ติดใจ

            เห็นว่าพระชายาช่วยพูดแทน พ่อครัวกังเต๋อขอบตาแดงเรื่อ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความตื้นตัน

            “หากเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าก็จะไม่ขัด” จ้าวเฟยอู๋บอกน้ำเสียงลุ่มลึก

            “ขอบพระทัยเพคะ ท่านอ๋อง”

            ซิ่วอิงยิ้มแย้ม นึกคิดในใจว่าจะทำอาหารในส่วนของจ้าวเฟยอู๋ด้วยแล้วกัน 

            “หากท่านอ๋องไม่มีธุระอื่นแล้ว หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ” ซิ่วอิงกล่าวตัดบท

            จ้าวเฟยอู๋เห็นว่าหญิงสาวค่อนข้างรีบร้อนจึงเอ่ยถาม “พระชายาจะไปไหนหรือ”

            “วันนี้นายกองหูจะพาหม่อมฉันไปดูแปลงผักที่หลังค่าย หม่อมฉันถือโอกาสว่าจะออกไปเดินเล่นด้วยเพคะ”

            “อืม”

            จ้าวเฟยอู๋พยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงอนุญาต เขายังให้องครักษ์คอยตามอารักขาซิ่วอิง คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของจ้าวเฟยอู๋ และยังเป็นองครักษ์มากฝีมือที่เขาไว้วางใจ

            ซิ่วอิงย่อกายกล่าวขอบคุณ ก่อนก้าวออกจากห้อง

            ชายหนุ่มมองตามหลังหญิงสาวจนลับสายตา 

            หลังจากซิ่วอิงและคนอื่นๆ ออกจากห้องไปได้สักพัก 

            เจิ้งหมิง แม่ทัพคนสนิทของจ้าวเฟยอู๋ก็ก้าวเข้ามายืนหน้าโต๊ะแล้วกล่าว 

            “ท่านอ๋อง พระชายาไม่พูดถึงเฉินเหนียงสักคำ เกรงว่าพวกเราคงเอาผิดบ่าวคนนั้นไม่ได้แล้ว”

            หลายวันมานี้ จ้าวเฟยอู๋ให้เจิ้งหมิงตรวจสอบซิ่วอิง

            กระทั่งรู้เรื่องที่เฉินเหนียงจงใจกลั่นแกล้งซิ่วอิง โดยให้เข้าครัวทำอาหารแทนพ่อครัวกังเต๋อที่ป่วยกะทันหัน

            เฉินเหนียงเป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลจ้าวมานานยี่สิบกว่าปี จ้าวเฟยอู๋มองนางเหมือนเป็นญาติคนหนึ่ง

            แต่ถึงอย่างนั้น หากญาติทำผิดก็ควรลงโทษ

            ทว่า…ซิ่วอิงไม่เพียงไม่แสดงท่าทางว่าไม่เต็มใจ นางยังมีชีวิตชีวาและสนุกเมื่ออยู่ในครัว

            “ถึงซิ่วอิงไม่ได้สนใจเรื่องที่ถูกบ่าวคนหนึ่งกลั่นแกล้ง แต่ศักดิ์ศรีในฐานะพระชายาจะปล่อยเลยตามเลยก็ไม่ได้ เจ้าคอยจับตามองเฉินเหนียงไว้ อย่าให้นางล่วงเกินพระชายาอีก”

            “พ่ะย่ะค่ะ” 

            …..

            …..

            เวลานี้ หากพูดถึงหัวหน้าหญิงรับใช้เฉินเหนียง  

            หญิงกลางคนร่างท้วมคนนั้นกำลังยืนแทะเล็บ จับมองซิ่วอิงจากมุมที่ลับสายตาคนด้วยสีหน้าเจ็บใจ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าถูกแม่ทัพเจิ้งหมิงจับตามองพฤติกรรมอยู่ 

            ทั้งที่คิดจะแกล้งให้ซิ่วอิงทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ 

            แต่กลายเป็นว่าทำให้คนรักเอ็นดูนางมากขึ้น โดยเฉพาะท่านอ๋อง

            “หนอยแหน่ะ!”

            ใครจะคิดว่าคุณหนูจวนแม่ทัพใหญ่แคว้นเฉาจับมีดทำครัวเป็นด้วย นางพลาดเอง ไม่สืบข้อมูลของซิ่วอิงมาให้ดีก่อน

            “เฮอะ! งั้นข้าต้องใช้แผนอื่นแล้ว” 

           

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 29 บทพิเศษ

    ณ ตำหนักหมิง ซิ่วอิงกำลังตรวจสอบรายการบัญชีประจำเดือนของจวนอ๋อง อ่านไปได้นิดเดียวก็ต้องนวดขมับเพราะตาจะปิด แถมช่วงนี้เหมือนอ่อนเพลียง่ายด้วย พอเป็นแบบนี้ นางจึงอยากกินอะไรเปรี้ยวๆ อาจช่วยให้ตาสว่างขึ้นก็ได้ ตอนนั้นเอง เสียงของหงถงดังขึ้นที่หน้าประตู “พระชายาเพคะ หม่อมฉันมาแล้วเพคะ” “หงถงจ๋า เจ้ามาช้ามาก รีบมาเร็วๆ” ซิ่วอิงรีบกวักมือเรียกหงถง ครั้นเห็นมะนาวพริกเกลือที่หงถงถือเข้ามาในปากก็น้ำลายสอ ทันทีที่หงถงยื่นจานมะนาวพริกเกลือให้ ซิ่วอิงก็หยิบมะนาวที่หั่นเป็นแว่น โรยด้วยพริกและเกลือ แล้วส่งเข้าปาก รสเปรี้ยวเข็ดฟันทำให้ตาสว่างทันที “อ่า…สดชื่น!” หงถงยิ้มจางๆ ท่าทางของพระชายาไม่ปกติจริงๆ ด้วย เพิ่งคิดอย่างนั้ง หน้าประตูก็มีเสียงของซุยเหลียนกับหมอเจียง เมื่ออนุญาตให้ทั้งสองเข้ามา หมอเจียงวางกล่องยาลง ก่อนจะประสานมือก้มหน้าพร้อมกับกล่าว “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอจับชีพจรพระชายาสักหน่อยได้หรือไม่” “ท่านหมอคิดว่าข้าป่วยงั้นเ

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 28 บทพิเศษ

    บทที่ 28 บทพิเศษ หลายเดือนต่อมา เข้าสู่ฤดูหนาว ชีวิตคู่ของซิ่วอิงกับจ้าวเฟยอู๋ช่วงนี้ค่อนข้างสงบและเรียบง่าย ชายหนุ่มออกไปทำงานที่นอกจวนตั้งแต่เช้าทุกวัน กลับจวนอีกครั้งก็เป็นช่วงเย็น ส่วนซิ่วอิงจะคอยดูแลความเรียบร้อยในจวน ตอนนี้ตำแหน่งพระชายาของซิ่วอิงมั่นคงมากกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากจ้าวเฟยอู๋ได้ประกาศมอบสิทธิ์ขาดในการดูแลจวนให้กับนางด้วยตัวเอง บ่าวไพร่ในจวน นอกจากจะยอมรับซิ่วอิง พวกเขายังให้การเคารพนางด้วยเช่นกัน ความเป็นอยู่ของซิ่วในจวนอ๋องจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล หากจะติดก็คงมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็นั่นคือเรื่องเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาเกิด แต่แล้วในวันหนึ่ง… “พี่หงถง คือว่านะ ข้าสงสัยเรื่องอาหารว่างของพระชายาวันนี้ เลยอยากถามพี่สักหน่อย” ในตอนที่หงถงมายกของว่างของพระชายาที่ห้องครัว เสี่ยวหลัวอดสงสัยไม่ได้จึงรั้งหงถงเพื่อจะถาม เสี่ยวหลันคือสาวใช้ที่ซุยเหลียนเลือกให้มาทำงานในตำหนักหมิง คอยดูแลเรื่องอาหารของพระชายาโดยเฉพาะ “อืม เ

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 27 บทส่งท้าย

    บทที่ 27 บทส่งท้าย ผ่านมาอีกหลายสิบวัน กลางฤดูใบไม้ร่วง สายลมเย็นสบาย อากาศสดชื่นกำลังดี ในช่วงนี้ แคว้นอู๋กำลังจัดงานเทศกาลหยวนเซียว แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่ทั่วทั้งเมืองหลวงกลับสว่างไสวด้วยโคมไฟนับหมื่นดวง งานเทศกาลมีทั้งหมดสามวัน นับตั้งแต่งานเทศกาลเริ่มขึ้น บนท้องถนนกลางเมืองหลวงก็พลุกพล่านไปด้วยผู้คน เด็กๆ พากันถือโคมไฟรูปสัตว์ ยิ้มแย้มสนุกสนาน คนหนุ่มสาวเดินเคียงคู่ เที่ยวงานเทศกาลกันหวานชื่น งานเทศกาลวันที่สอง ช่วงหัวค่ำ จ้าวเฟยอู๋พาซิ่วอิงออกมาเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟเช่นกัน ระหว่างเดินชมงานเทศกาล สายตาลึกล้ำของชายหนุ่มมักจะหลุบมองภรรยาสาวที่เดินข้างๆ อยู่เป็นระยะ “งานเทศกาลชมโคมของแคว้นอู๋สวยหรือไม่” จ้าวเฟยอู๋ถามซิ่วอิงด้วยความเอาใจใส่ ซิ่วอิงที่หันซ้ายหันขวา มองความงดงามของโคมไฟที่ห้อยระย้าเต็มสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ พอถูกสามีถาม นางก็รีบพยักหน้ารัวๆ แล้วตอบอย่างตื่นเต้น “สวยเพคะ สวยมากๆ อยากให้มีงานแบบนี้ทุกคืนเลยเพคะ!” จ้าวเฟยอู๋ได้ฟังอย่างนั

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 26 คลี่คลาย

    บทที่ 26คลี่คลาย โทษทัณฑ์ที่เจียวจูจะได้รับย่อมหนีไม่พ้นความตาย! ตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ในอกของซิ่วอิงเกิดความสลดและเศร้าใจ แต่ทว่า… หากลองคิดกลับกัน ถ้าการใส่ร้ายของเจียวจูสำเร็จ คนที่ต้องตายย่อมเป็นซิ่วอิง ทันทีที่คิดได้อย่างนั้น ซิ่วอิงขนลุกซู่ ความเห็นใจที่มีต่อเจียวจูพลันมลายหายไปสิ้น ในตอนนั้นเอง เสียงของขุนนางคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา “วางยาในอาหาร สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ยังเป็นความผิดที่พออภัยให้ได้ แต่ขโมยสมบัติของแคว้นอู๋ออกจากห้องลับ เรื่องนี้ยากให้อภัยพ่ะย่ะค่ะ” “ถูกของใต้เท้าเหอ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความสงบสุขของแคว้นอู๋ ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ โปรดตัดสินโทษของคุณหนูเจียวจูด้วยเถิด” “โปรดตัดสินโทษคุณหนูเจียวจูด้วยเถิด” ขุนนางคนอื่นๆ ต่างประสานเสียงพูดพร้อมเพรียง ซิ่วอิงสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเหล่าขุนนางเต็มไปด้วยความโกรธ ฝ่ายจ้าวเฟยอู๋มุ่นหัวคิ้วพลางกุมขมับด้วยสีหน้าหนักใจ เขาคิดกับเจียวจูไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ แต่ใครจ

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 25 ยอมรับชะตากรรม

    บทที่ 25ยอมรับชะตากรรม “ข้าไม่รู้หรอกว่าทำอะไรให้คุณหนูเจียวจูไม่พอใจ ถึงได้มาใส่ร้ายข้าเช่นนี้” ซิ่วอิงพูดกับเจียวจูด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น เจียวจูแค่นเสียงเฮอะ บอกให้ซิ่วอิงมองชายที่ถูกจับมัดให้ชัดๆ ซิ่วอิงทำทีเป็นมองชายที่ถูกมัดซ้ำๆ ก่อนจะพูดกับเจียวจูด้วยสีหน้าเฉยเมย “ให้มองยังไงข้าก็ไม่รู้จักชายคนนี้อยู่ดี ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่ใช่ว่าไปจับชาวบ้านบริสุทธิ์มาแสดงละครตบตาท่านอ๋องหรอกนะ” “อย่าเสแสร้งหน่อยเลย เขาคือคนที่ลอบเข้ามาในตำหนักหมิง รับแผนผังเมืองหลวงของแคว้นอู๋จากมือของเจ้าเองไม่ใช่หรือ” “นอกจากบ่าวในจวน ข้าไม่เห็นจำได้ว่าติดต่อกับคนอื่นด้วย” “เฮอะ!” เจียวจูแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นม้วนกระดาษเก่าๆ ในมือให้จ้าวเฟยอู๋ “ท่านอ๋อง นี่เป็นหลักฐานที่หม่อมฉันค้นเจอในตัวของคนร้าย เชิญตรวจสอบดูก่อนเพคะ” แผนผังเมืองหลวงแคว้นอู๋เป็นของสำคัญ แค่มองแวบเดียวจ้าวเฟยอู๋ก็จำได้แล้วว่าเป็นของจริงปลอม สมบัติชิ้นสำคัญอย่างแผนผังของแคว้น ปกติควรอยู่ในห้องลับ แต่ทำไมถึงอ

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 24 แผนการอันโง่เขลา

    บทที่ 24แผนการอันโง่เขลา เข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วง คำสั่งทำอ่างเก็บน้ำและสร้างฝายชะลอน้ำถูกส่งไปยังเมืองต่างๆ ในช่วงนี้งานของจ้าวเฟยอู๋ค่อนข้างยุ่ง รถม้าของเขาจะออกจากจวนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น กลับเข้ามาอีกครั้งก็เป็นตอนที่ทุกคนหลับหมดแล้ว ถึงแม้โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำที่ซิ่วอิงเสนอไปจะคืบหน้าเป็นอย่างมาก แต่กลับได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รักน้อยลง เรื่องนี้ทำให้ซิ่วอิงทรมานหัวใจไม่น้อยเหมือนกัน “เฮ้อ…คิดถึงจัง” ซิ่วอิงทอดถอนหายใจ พร้อมกับพูดความคิดที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว [นี่ๆ ความคิดของเจ้าเผยออกมาเป็นคำพูดหมดแล้ว] ระบบเอ่ยเตือน ‘หา!?’ ซิ่วอิงสะดุ้ง รีบเลื่อนสายตามองหงถงและองครักษ์ จริงอย่างที่ระบบพูด พวกเขาต่างยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างไม่ปิดบังสีหน้ากันเลยสักคน “พระชายาเพคะ ในเมื่อคิดถึงท่านอ๋องขนาดนี้ ทำไมไม่ไปหาท่านอ๋องเล่า จริงด้วย…เตรียมของอร่อยๆ ไปด้วยก็ดีนะเพคะ” หงถงเสนอ “เดี๋ยวนี้หงถงของข้ากลายเป็นกุนซือความรักไปแล้วหรือ” ซิ่วอิงแกล้งพู

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status