共有

บทที่ 5 เพิ่มค่าความชอบ

last update 最終更新日: 2025-08-05 18:07:27

บทที่ 5

เพิ่มค่าความชอบ

            นับจากวันนั้น ซิ่วอิงก็ได้ยืดเส้นยืดสายในครัวต่ออีก 5 วัน

            จวบจนภายหลัง ชื่อเสียงของซิ่วอิงโด่งดังในหมู่ทหาร ส่วนใหญ่เป็นในด้านชื่นชม มิหนำซ้ำยังมีทหารชั้นผู้น้อยอาสามาช่วยงานในครัวเพิ่ม

            ในส่วนของจ้าวเฟยอู๋ แม้ไม่มีบทบาทกับเรื่องนี้ แต่ใช่ว่าจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย

            ยามเช้าของวันหนึ่ง หลังจากซิ่วอิงกินมื้อเช้าอิ่ม หงถงก็เข้ามาบอกว่าจ้าวเฟยอู๋ต้องการพบพระชายา 

            ซิ่วอิงฟังแล้วพลางคาดเดาเงียบๆ

            มีความเป็นไปได้สูงว่า จะเป็นเรื่องที่พระชายาที่สูงศักดิ์ลงมือทำอาหารเลี้ยงเหล่านายกองด้วยตัวเอง 

            ราวสิบนาทีต่อมา ซิ่วอิงกับหงถงก็มาถึงห้องทรงงานของจ้าวอ๋อง

            หญิงสาวคารวะจ้าวอ๋องตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อนั่งลงแล้ว นางกวาดสายตามองไปรอบๆ

            ในห้องทรงงาน จ้าวเฟยอู๋นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของโต๊ะคือแม่ทัพเจิ้งหมิง ถัดมาคือชายวัยสี่สิบร่างท้วม สวมผ้ากันเปื้อน ซิ่วอิงเดาว่าชายคนนี้คงพ่อครัวที่ล้มป่วยกะทันหันคนนั้น

            “ท่านอ๋องเรียกหม่อมฉันมามีธุระอะไรหรือเพคะ” ซิ่วอิงแสร้งถามจ้าวเฟยอู๋ด้วยแววตาใสซื่อ

            จ้าวเฟยอู๋พยักคางไปทางชายร่างท้วมที่สวมผ้ากันเปื้อน “คนที่ต้องการพบเจ้าก็คือพ่อครัวกัง”

            ทันทีที่จ้าวเฟยอู๋พูดจบ ชายร่างท้วมก็ประสานมือ โค้งศีรษะลงต่ำพร้อมกับแนะนำตัว

            “คารวะพระชายาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมชื่อกังเต๋อ เป็นพ่อครัวคอยทำอาหารเลี้ยงเหล่านายกองของที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

            ซิ่วอิงตอบรับสั้นๆ ว่า “อืม”

            พ่อครัวกังเต๋อแสดงสีหน้าลำบากใจ กล่าวกับซิ่วอิงอีกครั้ง “กระหม่อมขอประทานอภัยที่ทำให้พระชายาลำบาก เข้าครัวแทนกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้จริงๆ ว่าจะเป็นแบบนี้”

            “ไม่เป็นไรหรอก ข้าอยู่ที่นี่ได้แต่นั่งๆ นอนๆ กำลังเบื่ออยู่พอดี เจ้าเถอะ อาการป่วยหายดีแล้วหรือ” ซิ่วอิงพูดอย่างไม่ถือสา

            “น่าละอายยิ่งนัก ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้ท้องร่วง จากนั้นก็ไข้ขึ้นสูงติดต่อกันหลายวัน แต่เพราะได้ท่านหมอซานช่วยรักษา ตอนนี้กระหม่อมหายดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อครัวกังเต๋อตอบเสียงแผ่ว

            [อาการท้องร่วงมีพิรุธ]

            เสียงของระบบดังขึ้นในหัวปุบปับ  

            ซิ่วอิงยิ้มในใจ เห็นด้วยอย่างยิ่ง

            “ขอบพระทัยพระชายาที่เป็นห่วงคนต่ำต้อยอย่างกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” พ่อครัวกังเต๋อโค้งศีรษะให้ซิ่วอิงอีกครั้ง ทั้งยังเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นซาบซึ้งใจ 

            “คนของท่านอ๋องก็เป็นคนของข้าเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก” หญิงสาวยิ้มแย้มกล่าวอย่างเป็นมิตร

            “ขอบพระทัยพระชายา!” พ่อครัวกังเต๋อซาบซึ้งเสียจนหลั่งน้ำตาออกมา “เอ่อ เช่นนั้นกระหม่อมขอพระชายาอย่างหนึ่งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

            “อะไรหรือ”

            “เหล่านายกองต่างชื่นชมฝีมือทำอาหารของพระชายาเป็นอย่างมาก กระหม่อมอยากรบกวนพระชายาให้ช่วยสอนทำอาหาร…”

            พ่อครัวกังเต๋อยังไม่ทันพูดจบ วินาทีต่อมา เสียงขึงขังของจ้าวเฟยอู๋ก็ดังขึ้นกะทันหัน

            “ไม่ได้”

            ซิ่วอิงส่งเสียง “เอ๋?” พร้อมหันมองชายหนุ่ม

            จ้าวเฟยอู๋กระแอมทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

            “แค่พระชายาเข้าครัวทำอาหารแทนเจ้าทั้งที่เพิ่งจะหายป่วย ก็เป็นการรบกวนมากเกินพอแล้ว เจ้ายังโลภมากให้นางช่วยสอนทำอาหารอีกหรือ”

            พ่อครัวกังเต๋อหวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทา รีบลงไปคุกเข่า ก้มศีรษะติดพื้น

            “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ!”

            จ้าวเฟยอู๋ไม่พูดไม่จา

            [ดูเหมือนท่านอ๋องของเจ้าจะเป็นห่วงเจ้านะ]

            ‘ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?’

            ซิ่วอิงถามระบบในใจ

            [เพราะระบบอย่างข้ามีฟังก์ชันตรวจจับความรู้สึกผ่านน้ำเสียงกับสีหน้าได้ ข้าจับโกหกในน้ำเสียงของเขาไม่ได้ แถมพอวิเคราะห์ออกมาแล้ว ตีความได้ว่า ‘เป็นห่วง’ เจ้าอยู่]

            ‘เป็นฟังก์ชันที่สะดวกดีจังเลยนะ’

            [แน่นอนอยู่แล้วสิ เอ้า…ถึงตาของเจ้าออกหน้าแล้ว ใช้โอกาสนี้สร้างคะแนนความชอบซะสิ]

            ซิ่วอิงคิดตามคำพูดของระบบ หากเพิ่มค่าความชอบ ชีวิตในฐานะชายาเชลยในแคว้นอู๋ก็จะสบายมากขึ้น

            ก่อนที่บรรยากาศจะมาคุยิ่งกว่านี้ นางกล่าวกับชายหนุ่มอย่างใจกว้าง

            “ท่านอ๋องเพคะ แค่ช่วยสอนทำอาหาร ไม่ได้ทำให้หม่อมสึกกร่อนตรงไหน กลับกันแล้ว หม่อมฉันยินดีอย่างยิ่งที่ได้เผยแพร่สูตรอาหารให้กับคนของท่านอ๋อง”

            ที่สำคัญ สูตรอาหารที่ระบบให้มานั้นอร่อยมาก ซิ่งอิงเองก็ติดใจ

            เห็นว่าพระชายาช่วยพูดแทน พ่อครัวกังเต๋อขอบตาแดงเรื่อ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความตื้นตัน

            “หากเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าก็จะไม่ขัด” จ้าวเฟยอู๋บอกน้ำเสียงลุ่มลึก

            “ขอบพระทัยเพคะ ท่านอ๋อง”

            ซิ่วอิงยิ้มแย้ม นึกคิดในใจว่าจะทำอาหารในส่วนของจ้าวเฟยอู๋ด้วยแล้วกัน 

            “หากท่านอ๋องไม่มีธุระอื่นแล้ว หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ” ซิ่วอิงกล่าวตัดบท

            จ้าวเฟยอู๋เห็นว่าหญิงสาวค่อนข้างรีบร้อนจึงเอ่ยถาม “พระชายาจะไปไหนหรือ”

            “วันนี้นายกองหูจะพาหม่อมฉันไปดูแปลงผักที่หลังค่าย หม่อมฉันถือโอกาสว่าจะออกไปเดินเล่นด้วยเพคะ”

            “อืม”

            จ้าวเฟยอู๋พยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงอนุญาต เขายังให้องครักษ์คอยตามอารักขาซิ่วอิง คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของจ้าวเฟยอู๋ และยังเป็นองครักษ์มากฝีมือที่เขาไว้วางใจ

            ซิ่วอิงย่อกายกล่าวขอบคุณ ก่อนก้าวออกจากห้อง

            ชายหนุ่มมองตามหลังหญิงสาวจนลับสายตา 

            หลังจากซิ่วอิงและคนอื่นๆ ออกจากห้องไปได้สักพัก 

            เจิ้งหมิง แม่ทัพคนสนิทของจ้าวเฟยอู๋ก็ก้าวเข้ามายืนหน้าโต๊ะแล้วกล่าว 

            “ท่านอ๋อง พระชายาไม่พูดถึงเฉินเหนียงสักคำ เกรงว่าพวกเราคงเอาผิดบ่าวคนนั้นไม่ได้แล้ว”

            หลายวันมานี้ จ้าวเฟยอู๋ให้เจิ้งหมิงตรวจสอบซิ่วอิง

            กระทั่งรู้เรื่องที่เฉินเหนียงจงใจกลั่นแกล้งซิ่วอิง โดยให้เข้าครัวทำอาหารแทนพ่อครัวกังเต๋อที่ป่วยกะทันหัน

            เฉินเหนียงเป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลจ้าวมานานยี่สิบกว่าปี จ้าวเฟยอู๋มองนางเหมือนเป็นญาติคนหนึ่ง

            แต่ถึงอย่างนั้น หากญาติทำผิดก็ควรลงโทษ

            ทว่า…ซิ่วอิงไม่เพียงไม่แสดงท่าทางว่าไม่เต็มใจ นางยังมีชีวิตชีวาและสนุกเมื่ออยู่ในครัว

            “ถึงซิ่วอิงไม่ได้สนใจเรื่องที่ถูกบ่าวคนหนึ่งกลั่นแกล้ง แต่ศักดิ์ศรีในฐานะพระชายาจะปล่อยเลยตามเลยก็ไม่ได้ เจ้าคอยจับตามองเฉินเหนียงไว้ อย่าให้นางล่วงเกินพระชายาอีก”

            “พ่ะย่ะค่ะ” 

            …..

            …..

            เวลานี้ หากพูดถึงหัวหน้าหญิงรับใช้เฉินเหนียง  

            หญิงกลางคนร่างท้วมคนนั้นกำลังยืนแทะเล็บ จับมองซิ่วอิงจากมุมที่ลับสายตาคนด้วยสีหน้าเจ็บใจ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าถูกแม่ทัพเจิ้งหมิงจับตามองพฤติกรรมอยู่ 

            ทั้งที่คิดจะแกล้งให้ซิ่วอิงทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ 

            แต่กลายเป็นว่าทำให้คนรักเอ็นดูนางมากขึ้น โดยเฉพาะท่านอ๋อง

            “หนอยแหน่ะ!”

            ใครจะคิดว่าคุณหนูจวนแม่ทัพใหญ่แคว้นเฉาจับมีดทำครัวเป็นด้วย นางพลาดเอง ไม่สืบข้อมูลของซิ่วอิงมาให้ดีก่อน

            “เฮอะ! งั้นข้าต้องใช้แผนอื่นแล้ว” 

           

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 21 จับหนู (2)

    บทที่ 21จับหนู (2) “ดะ เดี๋ยวนะเพคะ นี่มัน...หมายความว่ายังไงเพคะ พระชายา!?” ใบหน้าของซุยเหลียนเต็มไปด้วยความสงสัยขณะถามซิ่วอิง “ไม่นานนี้ข้ากับหงถงเห็น ‘หนู’ แอบเข้ามาในตำหนักหมิง กลัวว่าข้าวของมีค่าในตำหนักจะถูกหนูตัวนั้นลักขโมยหรือทำให้เสียหาย เลยให้หงถงตรวจดูให้ทั่ว ถึงจะจับหนูไม่ได้ แต่กลับเจอกระดาษพวกนี้ซ่อนเต็มห้อง” ซิ่วอิงอธิบาย ซุยเหลียนไม่ได้โง่ ย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดของพระชายา หนูตัวนั้นคงเป็นใครสักคนในที่นี้ ระหว่างที่ซุยเหลียนรับยันต์มาดู เจียวจูก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา “พี่สะใภ้พูดตลกเสียจริง ท่านกำลังจะบอกว่าหนูตัวนั้นแอบเอายันต์พวกนี้มาซ่อนในตำหนักหมิงหรือเจ้าคะ สัตว์เดรัจฉานจะทำแบบนั้นได้หรือ” “นั่นสินะ สัตว์ทำแบบนั้นไม่ได้ แต่สาวใช้ของเจ้าทำได้นี่เนอะ” ขณะพูด ใบหน้าของซิ่วอิงประดับรอยยิ้มบางๆ แต่สายตากดดันอย่างมาก ทำเอาสาวใช้ที่ยืนหลับหลังเจียวจูถึงกับตื่นกลัวตัวสั่น “สาวใช้ของข้า เกี่ยวอะไรด้วยเจ้าคะ” เจียวจูย้อนถาม “ดูที่มือของนาง เดี๋ยวก็ร

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 20 จับหนู (1)

    บทที่ 20จับหนู (1) ย้อนกลับมาที่ซิ่วอิง หญิงสาวรู้เห็นทุกอย่าง ตั้งแต่สาวใช้ของเรือนเจียวจูแอบทำลับๆ ล่อๆ ในตำหนักหมิง ทั้งยังแอบย่องเข้ามาในห้องนอนใหญ่ ถึงไม่รู้ว่าสาวใช้คนนั้นกำลังทำอะไร แต่ซิ่วอิงก็ปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้เปิดโปงในทันที เพราะอยากรู้ว่าเจียวจูวางแผนจะทำอะไรกันแน่ ทันทีที่สาวใช้คนนั้นออกจากตำหนักหมิงไปแล้ว ซิ่วอิงกับหงถงก็ก้าวออกมาจากห้องห้องหนึ่งที่อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ “หงถง เจ้าตรวจดูให้ทั่วห้อง ดูสิว่ามีของหายหรือไม่” “เพคะ” เมื่อรับคำสั่งแล้ว หงถงก็ค้นหาทั่วห้องนอน แน่นอนว่า ของมีค่าของพระชายากับท่านอ๋องไม่ได้หาย แต่กลับเจอยันต์หน้าตาแปลกประหลาดถูกซ่อนไว้ใต้หมอนกับใต้เตียง “พระชายาเพคะ หม่อมฉันเจอยันต์หน้าตาประหลาด” หงถงพูดจบก็ยื่นกระดาษสีเหลืองที่เขียนด้วยอักขระยึกๆ ยือๆ หนำซ้ำ หมึกบนกระดาษยังมีรอยเปื้อน เหมือนว่าน้ำหมึกยังไม่ทันแห้งดีก็ถูกพับเก็บเสียแล้ว “ยันต์หรือ?” ซิ่วอิงรับยันต์เหล่านั้นมาดู ไม่รู้ว่

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 19 เจียวจูลงมือแล้ว!

    บทที่ 19เจียวจูลงมือแล้ว! ภาพของจ้าวเฟยอู๋อุ้มซิ่วอิงกลับตำหนักฝังอยู่ในหัวของเจียวจูตลอดคืน ทำให้นางนอนไม่หลับ เมื่อเย็นวาน หลังจากที่เจียวจูไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานเลี้ยง นางก็สั่งบ่าวคนหนึ่งคอยสอดส่องว่างานเลี้ยงจะเลิกเมื่อใด ผ่านยามไฮ่ (21.00 - 22.59 น.) มาแล้ว งานเลี้ยงก็ยังไม่เลิก เหตุนี้เอง เจียวจูจึงมายังเรือนรับรองด้วยตัวเอง ตอนมาถึง เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นจ้าวเฟยอู๋อุ้มซิ่วอิงออกจากเรือนรับรอง จ้าวอ๋องมองหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยแววตาหยาดเยิ้มในขณะที่พากลับตำหนักหนิง ภาพนั้นทำเอาดวงตาของเจียวจูแดงก่ำ สองมือกำแน่น ทั้งเจ็บใจทั้งรู้สึกอิจฉา เจียวจูหลงรักจ้าวเฟยอู๋ตั้งแต่เข้าสู่วัยแรกรุ่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บุตรชายตระกูลขุนนางมากมายส่งเทียบมาสู่ขอ นางจะปฏิเสธกลับไปทั้งหมด ด้วยหวังใจว่าจะได้ครองรักกับจ้าวอ๋อง แต่ว่า จ้าวเฟยอู๋กลับไม่เคยมองนางในฐานะหญิงสาว ในทางกลับกัน เขาคิดกับนางแค่เพียงน้องสาวเท่านั้น เจียวจูจึงทำได้แค่แอบรักจ้าวเฟยอู๋ต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับคิดเข้าข้า

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 18 ผู้ชายคุณภาพสูง!

    บทที่ 18ผู้ชายคุณภาพสูง! งานเลี้ยงเลิกประมาณ 23.00 น. ตอนกลับมายังตำหนักหมิง ซิ่งอิงเมาแอ๋ แถมยังถูกจ้าวเฟยอู๋อุ้มกลับมา “ถึงแล้ว” จ้าวเฟยอู๋บอกเสียงนุ่มนวล สายตาที่มองหญิงสาวในอ้อมแขนทั้งลึกล้ำทั้งเอ็นดู “อืม” แม้ซิ่วอิงจะตอบรับอย่างนั้น แต่สองแขนของนางกลับคล้องรอบลำคอแกร่งไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำ ดวงตาคู่สวยยังเอาแต่จ้องมองใบหน้าของจ้าวเฟยอู๋อย่างไม่ละสายตา “เป็นอะไรไป” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ซิ่งอิงส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ เห็นท่าทางของหญิงสาวแบบนั้น ทำให้ชายหนุ่มอยากรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ เขาจึงถามนางออกไปตรงๆ “เป็นอะไรไป ไม่พอใจอะไรในตัวข้าหรือ” “ท่านเป็นคนที่หล่อมาก!” ทันทีที่ซิ่วอิงโพล่งออกมา ทำเอาจ้าวเฟยอู๋ถึงกับเบิกตาเล็กน้อย ไม่เพียงแค่นั้น หญิงสาวยังกล่าวต่อไปอีก “ท่านทั้งสุขุม ทั้งนิสัยดี ร่างกายสูงกำยำและสมส่วน จัดอยู่ในกลุ่มผู้ชายคุณภาพสูง ไม่แปลกหรอกที่จะมีผู้หญิงมากมายหลงใหล” ได้ยินเช่นนั้น ด

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 17 สร้างความประทับใจ

    บทที่ 17สร้างความประทับใจ เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในงานเลี้ยง นายทหารยศขุนพลและเหล่าขุนนางต่างลุกขึ้นยืน ทำความเคารพอย่างให้เกียรติ มิหนำซ้ำ สายตาที่มองซิ่วอิงให้ความเคารพและเลื่อมใส ชัดเจนว่าทุกคนไม่ได้มีอคติใดๆ กับหญิงสาว ซิ่วอิงรอยยิ้มเป็นเชิงตอบรับ แล้วนั่งลงเคียงข้างจ้าวเฟยอู๋ บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด แม้จะเป็นอาหารที่เรียบง่าย แต่หน้าตาดูน่าทาน ผัดเต้าหู้รสเผ็ด น้ำแกงปลา ไก่ผัดสมุนไพร ผัดผักดองใส่ไข่ แม้ที่นี่จะเป็นจวนจ้าวอ๋อง แต่ประมุขของจวนก็ไม่กินหรูอยู่แพง อาหารทุกอย่างใช้วัตถุดิบธรรมดาที่หาได้ง่าย เพราะว่าจ้าวเฟยอู๋รู้ซึ้งถึงความทุกข์ยากของชาวบ้าน ขณะที่ซิ่วอิงกำลังจะหยิบตะเกียบ ขุนนางอาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นยืน พร้อมยกจอกสุราแล้วหันมาพูดกับหญิงสาว “กระหม่อมนามว่าซุนอี้ ดูแลคลังเสบียงภายในเมืองหลวง ได้ยินว่าพระชายาช่วยคลี่คลายปัญหาเรื่องขาดแคลนอาหารที่เมืองกัวหลิน สุราจอกนี้ กระหม่อมขอคารวะพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นคำของขุนนางอาวุโสท่านนั้น ซิ่วอิงหันมองจ้าวเฟยอู๋อย่างขอความเห็น

  • ชายาเชลยผู้เฉิดฉายกับระบบฝึกหัด(เลเวลตัน!)   บทที่ 16 สตรีที่น่ากลัว

    บทที่ 16สตรีที่น่ากลัว จ้าวเฟยอู๋กลับมาที่ตำหนักหมิงในตอนเย็น หลังจากล้างเนื้อล้างตัวและเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ชายหนุ่มก็มานั่งโต๊ะกินข้าว “ได้ยินว่าเจ้าสั่งให้เจียวจูคัดลอกกฎระเบียบ 100 จบ?” “เพคะ” ซิ่วอิงตอบหน้าตาเฉย ทั้งยังคีบหมูสามชั้นใส่ถ้วยข้าว “ก็แค่เล่นเกมกันสนุกๆ อีกอย่าง เจียวจูเป็นคนตั้งกฎขึ้นมาเองว่า ‘คนแพ้ต้องฟังคำสั่งของคนชนะ’ ” “อย่างนี้เอง” จ้าวเฟยอู๋บอก “น่าสนุกใช่ไหมเพคะ” จ้าวเฟยอู๋ตอบว่า “อืม” จากนั้นก็นั่งกินข้าวต่ออย่างเงียบเฉียบ ซิ่วอิงเองก็พูดเรื่องของเจียวจูอีก ประเดี๋ยวจะหมดอร่อย หญิงสาวคีบกับข้าวให้จ้าวอ๋องอย่างเอาใจ ทั้งยังเปลี่ยนมาคุยเรื่องรสชาติของอาหาร อันที่จริง ตอนบ่ายวันนี้ เจียวจูวิ่งโร่มาหาจ้าวเฟยอู๋ถึงห้องหนังสือ ฟ้องเรื่องที่ซิ่วอิงสั่งให้ตนคัดลอกกฎระเบียบ 100 จบ จ้าวเฟยอู๋ไม่ได้โง่ คิดว่าสิ่งที่ซิ่วอิงทำไปนั้นต้องมีเหตุผล อีกอย่างหนึ่ง เขาสงสัยมานานแล้วว่าคนอยู่เบื้องหลังเฉินเหนียงก็คือเจียวจู

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status