LOGINกู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ยินดีอย่างยิ่ง”แต่นางยังต้องกลับไปสืบค้นก่อน หากทั้งสองคนต่างมีใจให้กันและกัน ทำให้พวกเขาสมหวังก็ไม่เป็นไรลั่วยางเม้มปากหัวเราะเสียงค่อย ทั้งสองคนโชคดีมาก ยังดีที่พวกเขาได้พบพระนางฮองเฮา พระนางทรงมีเมตตา ย่อมต้องทำให้คู่รักสมหวังหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงทำให้ทั้งสองแยกกันนานแล้วรถม้าแล่นไปได้ระยะหนึ่ง ลั่วยางไม่กล้าให้พระนางฮองเฮาไปส่ง จึงรีบกล่าวว่าจะนั่งรถม้าของตัวเองกลับจวนกู้หว่านเยว่พยักหน้า ให้นางกำนัลส่งลั่วยางลงจากรถม้า“ใช่สิ พระนางฮองเฮา วันนี้หม่อมฉันเห็นว่าคุณหนูสามสกุลจวงผู้นั้นไม่ค่อยสำรวม พระนางต้องระวังนะเพคะ”ลั่วยางนึกถึงบางอย่างกะทันหัน จึงหันไปเอ่ยเตือนกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่เองก็พอจะจำคุณหนูสามสกุลจวงได้ ในสนามแข่งอีกฝ่ายลงมืออย่างร้ายกาจย่อมไม่ใช่คนธรรมดา อีกอย่างในใจนางมีลางสังหรณ์ราง ๆ เรื่องที่ม้าตกใจคลุ้มคลั่งในวันนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคุณหนูสามสกุลจวงแน่นอนแต่เพราะไม่มีหลักฐานใด นางจึงไม่ได้ลงโทษในทันที“รู้แล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“วางใจเถอะ ข้าจะส่งคนไปจับตาดูเรื่องนี้”ลั่วยางรู้ดีว่าเดิมทีพระนางฮองเฮาก็
“นั่นมันคุณหนูจูไม่ใช่หรือ?”เมื่อครู่ลั่วยางเคยเห็นนางในงาน จึงจำอีกฝ่ายได้ทันที ส่วนชายหนุ่มที่จับข้อมือจูหวานหว่านซึ่งอยู่ข้างกัน น่าจะเป็นใต้เท้าโจว“โจวเหวิน?”กู้หว่านเยว่เปิดผ้าม่านรถม้า สิ่งที่พูดออกมา เป็นการยืนยันความคิดของลั่วยาง“พระนางฮองเฮา พวกเขามาทำอะไรกันที่นี่เพคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แสดงว่านางเองก็ไม่รู้ แต่ดูจากท่าทางของทั้งสองคน มีเรื่องให้เก็บข้อมูลอีกแล้วดังนั้นกู้หว่านเยว่จึงรีบสั่งให้รถม้าหยุด แล้วจูงมือลั่วยาง “เอาเด็กไว้บนรถ พวกเราไปดูกันดีกว่า”มุมปากลั่วยางกระตุกไปทีหนึ่ง พระนาง เมื่อก่อนตอนท่านเก็บข้อมูลเรื่องของข้าก็เป็นเช่นนี้หรือ?แต่นางเองก็สงสัยว่าทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ดังนั้นจึงทำตามคำพูดกู้หว่านเยว่ ฝากเด็กเอาไว้กับแม่นมบนรถม้าก่อน ส่วนนางกับกู้หว่านเยว่ลงจากรถม้าไปพร้อมกันทั้งสองคนอยู่ในจุดที่ไม่ไกลจากพวกเขาสีหน้าจูหวานหว่านโกรธขึ้ง “ใต้เท้าโจว ท่านพาข้ามาทั้งอย่างนี้ หากใครรู้เข้า จะเกิดข่าวลืออย่างไรขึ้น ท่านรู้หรือเปล่า?”โจวเหวินจับมือนางเอาไว้ สายตาแน่วแน่มั่นคง “ข้ารู้ดี แล้วอย่างไรเล่า?”จูหวานหว่านโกรธจนแทบ
ด้วยเพราะคนผู้นี้ไขคดีดังตาเห็น ดังนั้นซูจิ่งสิงจึงเลื่อนตำแหน่งให้อีกฝ่ายเป็นหัวหน้าศาลต้าหลี่เป็นกรณีพิเศษแม้กู้หว่านเยว่ไม่เคยพบมาก่อน แต่เคยได้ยินซูจิ่งสิงเอ่ยถึงตอนพูดคุยกัน บอกว่าคนผู้นี้มีความสามารถ หน้าตาหล่อเหลา ชาติตระกูลก็ดี มารดาถือกำเนิดจากสกุลเซี่ยเพียงแต่โจวเหวินไม่ลุ่มหลงในสตรี อายุยี่สิบห้าแล้วก็ยังครองตัวเป็นโสด ข้างกายไม่มีแม้แต่เมียบ่าวเพราะเรื่องนี้มารดาของเขายังเคยขอให้ซูจิ่งสิงพระราชทานสมรส สุดท้ายถูกกู้หว่านเยว่ห้ามเอาไว้ด้วยกังวลว่าหากโจวเหวินมีหญิงที่พึงใจอยู่แล้ว หรือมีความลำบากใจที่ยากจะเอื้อนเอ่ย การจับคู่ส่งเดช กลับเป็นการทำร้ายแม่นางผู้นั้นทว่าจูหวานหว่านกลับถูกโจวเหวินพาตัวไป!ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?กู้หว่านเยว่เก็บข้อมูลอยู่สักครู่ พร้อมกับสั่งการจู๋ซือจิ่ง “เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป”จู๋ซือจิ่งรู้จักหนักเบา จึงพยักหน้าอย่างรู้ความกู้หว่านเยว่สั่งการหงซิ่งให้ไปจัดการ “เจ้าไปดูสิว่าคุณหนูจูปลอดภัยหรือไม่ ถ้าไม่มีเรื่องใดค่อยกลับมา”หงซิ่งพยักหน้า แล้วรีบไปจัดการเรื่องนี้ขณะนี้กู้หว่านเยว่ยังจากไปไม่ได้ ยังต้องรอให้พวกเขาไ
จูฮูหยินคุกเข่าอย่างลนลาน สิ่งที่พูดไม่ใช่ความเป็นห่วงลูกสาว แต่เป็นการเอาตัวรอดให้ตระกูล“พระนางฮองเฮา เรื่องนี้เป็นการกระทำของจูจิงเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวกับสกุลจู สิ่งที่นางทำ สกุลจูไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น โปรดอย่าพาลทรงกริ้วสกุลจูเลยนะเพคะ!”จู๋ซือจิ้งแค่นเสียงฮึดฮัด ไม่ว่าอย่างไรนางก็เกลียดสกุลจูแล้วกู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนเสียงเรียบ “จูฮูหยินไม่สู้ไปดูคุณหนูจูก่อนดีกว่าว่าตกใจหรือไม่”จูหวานหว่านยังอยู่ด้านหลัง เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น คงตกใจไม่น้อยจูฮูหยินไม่สนใจลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง และไม่สนใจลูกอนุภรรยาในจวน สนใจเพียงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ภายนอกดูนอบน้อม แต่ภายในกลับเย็นชาสุดขีด“เพคะ” จูฮูหยินไม่ค่อยเต็มใจ ลูกอนุภรรยาชั้นต่ำเยี่ยงนั้น ใครจะอยากไปดูกันเมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะหลบออกไป หากอยู่ต่อคงถูกซักถามเอาผิด จึงรีบเดินจากไปซูจิ่นเอ๋อร์ทำหน้าดูแคลน “ใต้หล้าถึงขนาดมีมารดาเช่นนี้อยู่ ไม่สนใจว่าลูกสาวตัวเองจะเป็นหรือตาย เห็นได้ไม่บ่อยนัก”นางหยางปกป้องนางมาก และทั้งรักและปกป้องลูกในท้องของนาง ดังนั้นจึงไม่มีทางเข้าใจ ว่าเหตุใดจูฮูหยินถึงได้เย็นชากับลูกสาวตัวเ
นางเคยเตือนพวกเขาแล้วไม่ใช่หรือ สำเร็จแล้วให้รีบจากไป อีกทั้งอย่าซัดทอดตัวเอง ไม่อย่างนั้นยากจะรับประกันชีวิตของคนในครอบครัวภายในเวลาที่สั้นขนาดนี้ จู๋ซือจิ้งสืบพบได้อย่างไรกู้หว่านเยว่กับซูจิ่นเอ๋อร์กำลังมองดูจากเบื้องบนจูจิงสีหน้าขาวซีด คำพูดอึกอัก เมื่อมองก็รู้ได้ทันทีว่าใครผิดใครถูกซูจิ่นเอ๋อร์ที่เดิมทีก็วุ่นวายใจอยู่แล้วไม่ปล่อยผ่านสักนิด “พี่สะใภ้ใหญ่ หญิงที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ถึงขนาดวางแผนทำร้ายน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ต้องสั่งสอนนางให้หลาบจำ ถึงจะสยบการกระทำชั่วร้ายได้”กู้หว่านเยว่หันมองสามคนที่ถูกมัดเอาไว้ ทั้งสามคนเหมือนถูกทรมาน จึงได้รับสารภาพจนหมด“ทั้งหมดเป็นคำสั่งของคุณหนูสาม ไม่เกี่ยวกับพวกข้า”“คุณหนูสามให้พวกเราคนละสิบตำลึง แล้วยังเอาชีวิตคนในครอบครัวมาข่มขู่ พวกเราเองก็ถูกบังคับ!”“หากไม่เชื่อฟังคุณหนูสาม นางจะฆ่าพวกเราทั้งหมด”“ถูกต้อง ชีวิตคู่ของคุณหนูสามไม่ราบรื่น จึงอิจฉาคุณหนูรอง อยากทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรอง”ทั้งสามคนสารภาพจนหมดสิ้นถึงขนาดแฉเรื่องฉาวโฉ่ต่อหน้าทุกคน ฮูหยินทุกคนขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ“นึกไม่ถึงว่าคุณหนูสามสกุลจูที่ดูบอบ
กู้หว่านเยว่เรียกตัวนางไว้ “เจ้ามานี่”สาวใช้ตัวสั่นเทา แล้วเดินเข้าไปตรงหน้ากู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้ากลัวความผิดกู้หว่านเยว่เอ่ยถาม “เจ้าไปดูคุณหนูจูไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่นี่ แล้วยังทำสีหน้าเลิ่กลั่กอีก?”สาวใช้รีบคุกเข่าทันที “ทางคุณหนูจูเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยเพคะ บ่าวไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้ลนลาน”กู้หว่านเยว่นึกถึงท่าทางลับๆ ล่อๆ เมื่อครู่ของพวกนาง สีหน้าจึงเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย“เจ้าค่อย ๆ พูดมา ทางโน้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“คุณหนูจูถูกพวกนางพาไปเปลี่ยนชุดด้านหลัง บ่าวจึงแอบติดตามไปด้วย พบว่าพวกนางตีคุณหนูจูจนหมดสติ แล้วลากเข้าไปห้องรับรองด้านในสุดเพคะ” สาวใช้เล่าไปด้วยพลางมองคุณหนูเสนาบดีไปด้วยที่นางลนลานมากขนาดนี้ เพราะนางเดาได้ว่าสองคนนั้นต้องไม่หวังดีกับคุณหนูจูแน่นอน ต้องกำลังวางแผนทำชั่วอยู่แน่นอนการแข่งขี่ม้าตีคลีในวันนี้จัดขึ้นโดยฮูหยินของพวกนาง ต่อให้ผู้บงการอยู่เบื้องหลังไม่ใช่ฮูหยินของพวกนาง แต่หากเกิดเรื่องใดขึ้น ฮูหยินก็ต้องรับผิดชอบไปด้วยส่วนเสี่ยวหลานไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่กู้หว่านเยว่ตั้งแต่แรก เพราะนางกำลังลังเลว่าจะบอกกู้หว่านเยว่ก่อน หรือว่าจะบอ







