ตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปปะทะทางกายกับกู้หว่านเยว่อีก“ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะถูกกักขังอยู่ที่นี่ แต่ข้าก็ยังคงเป็นองค์ชายใหญ่แห่งแคว้นโยวหลาน ท่านเป็นคนของแคว้นตงโจว ข้ากับท่านมีหนทางที่แตกต่างกัน ไม่สามารถร่วมมือกันได้ ย่อมเป็นศัตรูกันตลอดไป” เป่ยหมิงโยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและชอบธรรมกู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วรินชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง จากนั้นเล่นถ้วยชาในมือด้วยรอยยิ้ม“องค์ชายโยวหลานเป็นคนฉลาดจริง ๆ เพียงแต่มักจะยึดติดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้ท่านเองยังเอาตัวไม่รอด เสด็จแม่ของท่าน เหล่าน้องชาย และญาติพี่น้องของท่านก็ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ท่านยังมีกะจิตกะใจมาพูดเรื่องความถูกต้องชอบธรรมของแคว้นอยู่ที่นี่อีกหรือ?”“ไม่มีมิตรแท้ และก็ไม่มีศัตรูถาวร”“ประโยคนี้ขอมอบให้องค์ชายโยวหลาน”กู้หว่านเยว่หยิบพลุสัญญาณออกมาจากอก แล้ววางลงบนโต๊ะ“ข้าไปก่อนนะ หากวันหน้าองค์ชายเปลี่ยนใจ เพียงแค่จุดพลุสัญญาณนี้ออกไป ข้าก็จะมาหา”เป่ยหมิงโยวหลานเห็นนางลุกขึ้น สีหน้าก็พลันเคร่งขรึม “ท่านจะไปไหน?”“ข้าจะไปที่ไหน ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับองค์ชายโยวหลาน”“ที่น
ไม่แปลกใจเลยที่เป่ยหมิงโยวหลานจะรู้สึกผิดหวังรุนแรงถึงเพียงนี้ตั้งแต่เขายังเด็ก เสด็จพ่อหรือก็คือเป่ยหมิงเต๋อเซิ่งทรงโปรดปรานเสด็จแม่อย่างยิ่ง ไม่สิ บางทีอาจจะเป็นความรักใคร่ชื่นชมเสียมากกว่า ดอกหลานฮวาทั่วทั้งเมืองหลวงนั่นคือหลักฐาน“เมืองหลานฮวา เพียงเพราะเสด็จแม่ทรงโปรดปรานดอกหลานฮวามาก เสด็จพ่อจึงปลูกดอกหลานฮวาไว้เต็มเมืองหลวง ทั้งยังเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงเป็นเมืองอวี้หลาน”แววตาของเป่ยหมิงโยวหลานเต็มไปด้วยความเจ็บปวด“ข้าเป็นโอรสองค์แรกของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ตั้งแต่เกิดมา ก็แบกรับความคาดหวังทั้งหมดของเสด็จพ่อ เขาตั้งชื่อข้าว่าโยวหลาน และพระราชทานชื่อแคว้นให้ข้า เสด็จพ่อเคยตรัสว่า เพราะข้าเป็นโอรสของเสด็จแม่ เขารักเสด็จแม่มาก จึงรักข้าด้วย ดังนั้น เลยฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้กับข้า”กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ และมีมารยาทพอที่จะไม่พูดขัดจังหวะเป่ยหมิงโยวหลานพลันมองไปยังเขา แววตาเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน “ความปรารถนาในวัยเด็กของข้า คือการช่วยเหลือเสด็จพ่ออย่างเต็มที่ ช่วยให้แคว้นโยวหลานกลายเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดในที่ราบแห่งความโกลาหล หรือแม้กระทั่งรวมที่ราบแห่งความโกลาหลใ
กู้หว่านเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่นางกังวลล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้น วันนั้นตอนที่เป่ายาใส่เป่ยหมิงโยวหลาน นางก็ได้แอบติดเครื่องติดตามไว้ที่ตัวเขาด้วย“ระบบ เปิดเครื่องติดตามเร็วเข้า ดูตำแหน่งของเป่ยหมิงโยวหลานที”กู้หว่านเยว่สั่งระบบ“นายหญิงโปรดรอสักครู่ ข้าจะตรวจดูว่าเป่ยหมิงโยวหลานอยู่ที่ใดเดี๋ยวนี้ขอรับ”ระบบค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจดังขึ้น “นายหญิง พบเป่ยหมิงโยวหลานแล้ว เขาอยู่ที่ทางใต้ของเมืองโยวหลาน ในสถานที่ที่เรียกว่าเมืองจินหลิน พวกเราเคยผ่านที่นี่ตอนเดินทางมา”“ข้าจำได้”กู้หว่านเยว่จำได้ว่านางยังเคยแวะรับประทานอาหารง่าย ๆ ที่เมืองนี้ด้วย“ไม่ควรชักช้า พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ใช้เทเลพอร์ตออกจากวังหลวง จากนั้นก็นั่งเฮลิคอปเตอร์ มุ่งหน้าไปยังเมืองจินหลินอย่างรวดเร็วเมืองจินหลินอยู่ใกล้กับเมืองโยวหลานมาก ประมาณสองร้อยกิโลเมตรเท่านั้น สองชั่วยามต่อมา กู้หว่านเยว่ก็มาถึงนอกเมืองจินหลินนางกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ โบกมือเล็ก ๆ ครั้งหนึ่ง เก็บเฮลิคอปเตอร์เข้าไปในมิติ จากนั้นก็เทเลพอร์ตเข้าไปในเมือง“จากที่แสดงใน
“คุณชายเผย องค์หญิงเจ็ดไม่เป็นอันใดแล้ว ฝ่าบาทเชิญท่านกลับไปก่อนขอรับ” ขันทีในวังคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน“ได้” กู้หว่านเยว่พยักหน้าเมื่อกลับถึงที่พัก ก็เห็นหมอเทวดาเผยทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง“ท่านอาจารย์ ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ?” กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหา“เมื่อครู่ข้าไปตรวจดูอาการของฮองเฮามา ผลสุดท้ายเจ้าทายสิว่าข้าเจออะไรเข้า ตำหนักของฮองเฮาถูกองครักษ์ล้อมไว้หมดแล้ว ข้ายังแอบไปดูตำหนักของเหล่าองค์ชายคนอื่น ๆ องค์ชายเหล่านั้นก็ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมดเช่นกัน ข้าสงสัยว่าในวังหลวงกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดังนั้นจึงกำลังคิดหาทางหนีอยู่” หมอเทวดาเผยกล่าวด้วยสีหน้ากังวลกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว นางมองออกตั้งนานแล้วว่าเป่ยหมิงเต๋อเซิ่งมีท่าทีไม่ปกติ ไม่คิดว่าเขาจะทนไม่ไหวเร็วขนาดนี้“เป่ยหมิงเต๋อเซิ่งคิดจะสังหารฮองเฮาหรือ?”ได้ยินมาว่าฮองเฮาให้กำเนิดโอรสสี่คนและธิดาหนึ่งคนให้แก่เป่ยหมิงเต๋อเซิ่ง อีกทั้งในตอนที่เป่ยหมิงเต๋อเซิ่งยังเป็นองค์ชาย นางก็ทุ่มเทกำลังทั้งตระกูลเพื่อสนับสนุนเขาเป่ยหมิงเต๋อเซิ่งในตอนนี้ พอได้นั่งบัลลังก์มั่นคงแล้ว ก็คิดจะเขี่ยคน
กู้หว่านเยว่ยิ้มโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “องค์หญิงเจ็ดไม่เป็นอะไรแล้ว เรื่องหลังจากนี้ ให้หมอผีจัดการต่อได้เลย”หมอผีสองคนเดินเข้ามา “คุณชายเผย เก่งยิ่งนัก”“เสด็จแม่ เสด็จพ่อ ลูกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว” องค์หญิงเจ็ดพอฟื้นขึ้นมา ก็ร่ำไห้น้ำตานองหน้าพระสนมโจวโอบกอดนางด้วยความสงสาร “โยวเอ๋อร์ เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจเรื่องใดกันแน่? รีบบอกแม่มา แม่จะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”องค์หญิงเจ็ดขอบตาแดงก่ำ มองไปยังฉีเยว่ที่อยู่ไม่ไกลเมื่อฉีเยว่สบเข้ากับสายตาของนาง ก็รีบร้อนเดินเข้ามา“น้องเจ็ด เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? ตอนอยู่ที่สกุลชุย เจ้าไม่ได้บอกข้าว่าจะกราบทูลเสด็จพ่ออย่างชัดเจนมิใช่หรือ? เหตุใดพอกลับถึงวังพริบตาเดียว เจ้าก็ไปกระโดดทะเลสาบเล่า?”พระสนมโจวน้ำตานองหน้า“ดีเลย ข้าก็ว่าเหตุใดโยวเอ๋อร์อยู่ดี ๆ ถึงได้ไปกระโดดทะเลสาบ?”“ที่แท้ ก็เป็นเพราะถูกพวกเจ้ารังแกนี่เอง”“ตั้งแต่เด็กจนโต ถึงแม้โยวเอ๋อร์จะเป็นองค์หญิง แต่ก็ยอมเจ้าผู้เป็นพี่หญิงทุกอย่างเสมอ”“แต่ผลสุดท้าย แม้แต่เรื่องแต่งงานก็ยังไม่ได้ตามใจปรารถนา”“ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้แล้ว องค์หญิงห้ายังจะมาแย่งสามีของนางไปอีก”“นี่มันรั
กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ขอรับ”ฉีเยว่รีบลุกขึ้นยืน “คุณชายเผย ข้าจะไปกับท่านด้วย”“จับชุยอวี้ไปขังไว้!”เป่ยหมิงเต๋อเซิ่งรีบร้อนเดินนำหน้าไป โชคดีที่เขาเป็นห่วงองค์หญิงเจ็ดอยู่แล้ว จึงไม่ได้ขัดขวาง“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดน้องเจ็ดจึงคิดสั้นกระโดดลงทะเลสาบ?” ฉีเยว่ขอบตาแดงก่ำนิสัยของนางทั้งบริสุทธิ์และไร้เดียงสา จึงไม่เข้าใจถึงเงื่อนงำในเรื่องนี้กลุ่มคนรีบรุดมาถึงตำหนักบรรทมขององค์หญิงเจ็ดทันทีที่เข้าประตู พระสนมโจวก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของเป่ยหมิงเต๋อเซิ่ง“ฝ่าบาทเพคะ โยวเอ๋อร์หมดสติไป ไม่ว่าหมอผีจะพยายามรักษาอย่างไร นางก็ไม่ฟื้น” พระสนมโจวน้ำตานองหน้า“หากโยวเอ๋อร์เป็นอะไรไป หม่อมฉันก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้วเพคะ”เป่ยหมิงเต๋อเซิ่งตบหลังของนางเบา ๆ “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ข้าได้พาคุณชายเผยมาแล้ว บุตรสาวจะต้องไม่เป็นอะไร”ฉีเยว่มองดูเสด็จพ่อและพระสนมโจวกอดกัน รู้สึกว่าไม่คุ้นเคยอย่างยิ่งในความทรงจำของนาง เสด็จพ่อจะกอดเพียงเสด็จแม่คนเดียวเท่านั้น และจะยิ้มแย้มให้เพียงเสด็จแม่ผู้เดียวเสมอ สำหรับสตรีอื่น เขามักจะทำท่าทางเคร่งขรึม ไม่ยิ้มแย้ม เขาเคยตรัสกับเสด็จแม่ว่า เพราะในใจขอ