หน้าหลัก / รักโบราณ / ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม / ตอนที่ 5 - 1 หลานสาวแม่ค้าขายขนม

แชร์

ตอนที่ 5 - 1 หลานสาวแม่ค้าขายขนม

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-22 11:09:59

แต่ลำดับที่สิบทำให้ทุกคนประหลาดใจไม่น้อย เพราะผู้ที่สอบได้ลำดับที่สิบคือชิงเหมย หลานสาวเพียงคนเดียวของซุนฉี แม่ค้าขายขนมในตลาดเมืองซานฉีที่เป็นที่รู้จักว่าทำขนมได้รสเลิศ แม้ฐานะของซุนฉีจะไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่นางก็ไม่เคยปล่อยให้หลานสาวได้อดอยาก ภาพที่เห็นจนชินตาของชาวบ้านซานฉีก็คือภาพที่ชิงเหมยช่วยยายของนางขายขนมที่ร้าน และเป็นผู้ลงมือปั้นซาลาเปาเองกับมือ

“ท่านยาย… ข้าสอบได้ลำดับที่สิบเจ้าค่ะ ข้าได้เป็นศิษย์ของสำนักศึกษาหวุนซีแล้วเจ้าค่ะ” ชิงเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความตื้นตันใจที่ความพยายามของนางไม่สูญเปล่า

“หลานยาย… ยายภูมิใจในตัวเจ้ายิ่งนัก”

ซุนฉีกล่าวออกมาทั้งน้ำตาครั้นได้ยินหลานเดินมาบอกลำดับที่นางสอบได้ในครานี้ แม้นนางจะไม่คาดหวังว่าหลานจะสอบได้ลำดับดีๆ แต่พอได้ยินว่าหลานสาวสอบติดอันดับสิบก็ทำให้นางรู้สึกยินดีจนเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ สองยายหลานสวมกอดกันด้วยความดีใจ

“ข้ายินดีกับเจ้าด้วยเหมยเอ๋อร์” หนึ่งในแม่ค้าที่พาบุตรหลานมาสอบเข้าที่สำนักศึกษาแห่งนี้กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มยินดี

“ขอบน้ำใจท่านน้าซุ่ยหรูเจ้าค่ะ”

“สอบได้ลำดับที่สิบนี่มิใช่เรื่องง่ายๆ เลย เจ้าช่างเก่งยิ่งนักเหมยเอ๋อร์ ภายภาคหน้าข้ารับรองว่าไม่มีตระกูลใดมองข้ามเด็กที่มีความรู้ความสามารถเช่นเจ้าไปแน่นอน”

เพราะมีเพียงแค่ชิงเหมยเท่านั้นที่เป็นสตรีที่สอบได้ลำดับต้นๆ ทำให้มีผู้คนสนใจนางไม่น้อย ศิษย์ใหม่ที่เป็นหญิงหลายคนจึงอยากผูกมิตรกับนาง แต่คงต้องรอให้ได้พบกันอีกครา

“กลับเรือนกันเถิดเหมยเอ๋อร์… วันนี้ยายจะทำอาหารที่เจ้าชอบให้กิน"

ซุนฉีบอกหลานสาว ชิงเหมยพยักหน้าก่อนที่จะติดตามท่านยายของนางไปอย่างอารมณ์ดี วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นในชีวิตใหม่ของนาง นางจะสร้างชื่อเสียงจนทำให้ตระกูลซิ่วเสียดายและเสียใจที่มองข้ามนางไป

กลิ่นหอมของอาหารลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนของซุนฉี วันนี้นางเชิญเพื่อนบ้านอย่างสกุลหลิ่วมาร่วมฉลองให้แก่ชิงเหมยด้วย สกุลหลิ่วแม้จะเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่ากลับมีน้ำใจไมตรีกว่าพวกตระกูลสูงศักดิ์นัก ซุนฉียินดีและสบายใจที่ได้สกุลหลิ่วเป็นเพื่อนบ้าน อาหารหลายอย่างเรียงรายเต็มโต๊ะ ชิงเหมยเตรียมถ้วยจานและตะเกียบเพื่อรอแขกมาเยือน ไม่นานนักเสียงเคาะประตูหน้าเรือนก็ดังขึ้น ซุนฉีเป็นฝ่ายเดินไปเปิด

“เชิญๆ จิ่งซิ่ว จิงหลิง หริ่งเอ๋อร์…” น้ำเสียงยินดีดังออกมาทันทีที่ได้เห็นว่าผู้ใดมาเคาะประตูหน้าเรือน

“ขอแสดงความยินดีกับเหมยเอ๋อร์ด้วยขอรับท่านป้า นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากพวกข้า” ผู้นำสกุลหลิ่วกล่าวออกมาพลางนำของที่ติดไม้ติดมือมาฝากเด็กหญิง เป็นกล่องแกะสลักลวดลายดอกไม้ด้านในมีพู่กันอยู่สามอัน

“โอ้… พวกเจ้าไม่เห็นต้องลำบากเตรียมของขวัญมาให้เลย วันนี้ข้ามีความสุขก็เลยนึกอยากเลี้ยงอาหารพวกเจ้า” ซุนฉีกล่าวออกมาอย่างเกรงใจ

“ไม่ลำบากเลยขอรับ พอดีว่าข้าซื้อมาหลายอัน เตรียมไว้ให้หริ่งเอ๋อร์ แต่นางยังเด็กนักที่จะใช่ในยามนี้ พอได้ยินว่าเหมยเอ๋อร์สอบเข้าสำนักศึกษาหวุนซีได้ ข้ากับจิ่งซิ่วและหริ่งเอ๋อร์จึงยินดีอยากจะมอบมันให้แก่นางได้ใช้ที่สำนักศึกษาน่ะขอรับ” หลิ่วจิ่งซิ่วบอกผู้อาวุโสด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพลางส่งกล่องพู่กันให้แก่หลานสาวของนาง

“ขอบน้ำใจท่านน้าทั้งสองยิ่งนักเจ้าค่ะ ขอบน้ำใจเจ้าด้วยหนาหริ่งเอ๋อร์… พี่จักใช้อย่างดีเลย”

ชิงเหมยคำนับขอบน้ำใจผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนที่จะหันไปบอกเด็กหญิงตัวน้อย หริ่งเอ๋อร์ยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี นางชอบพี่หญิงชิงเหมยและจะเอาพี่หญิงชิงเหมยเป็นแบบอย่าง

ซุนฉีรีบเชิญครอบครัวสกุลหลิ่วให้นั่งลงยังเก้าอี้ที่รายล้อมโต๊ะวงกลม อาหารหลากหลายเต็มโต๊ะไม่ทำให้ผู้มาเยือนอิ่มเอมเท่ากับการได้รับน้ำใจไมตรีจากผู้อาวุโสตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แต่ทว่ากลับรักใคร่เอ็นดูกันยิ่งกว่าคนในตระกูลเสียอีก เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าเรือนหลังนี้ได้อิจฉาและนึกฉงนว่าเหตุใดคนในเรือนนี้ถึงได้หัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนั้น ถึงเรือนจะเก่าและหลังเล็กทว่ากลับมีกลิ่นอายของความสุขอบอวลออกมา

เช้าวันต่อมาร่างเล็กในอาภรณ์สีชมพูอ่อนซึ่งเป็นอาภรณ์ที่ศิษย์หญิงจากสำนักศึกษาหวุนซีสวมใส่กัน บัดนี้ได้มาอยู่บนกายของเด็กหญิงที่เคยถูกดูถูกดูแคลนจากลูกหลานขุนนางและลูกหลานพวกเศรษฐี ถึงแม้ว่านางจะเป็นเพียงหลานสาวแม่ค้าขายขนมธรรมดาแต่ทว่าความสง่างามเยี่ยงชนชั้นสูงกลับเผยออกมาให้ทุกคนได้เห็น ก็นางมีบิดาเป็นชนชั้นสูงจึงไม่แปลกนัก แม้นจะไม่ได้รับการยอมรับจากปู่ย่า แต่ท่านยายของนางก็อบรมสั่งสอนนางมาเป็นอย่างดี

ทุกย่างก้าวของนางมีเสียงของชาวบ้านกล่าวทักทายไปตลอดทาง ในขณะเดียวกันรถม้าของบรรดาลูกหลานขุนนาง และลูกหลานมหาเศรษฐีที่ศึกษาในสำนักศึกษาของนักปราชญ์ชื่อดังซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองซานฉี ต่างมองไปที่ร่างเล็กของชิงเหมยด้วยความอิจฉา ถึงแม้นสำนักศึกษาของพวกตนจะเด่นดังกว่า ทว่ากลับมีศิษย์ที่สอบเป็นขุนนางได้น้อยกว่าสำนักศึกษาหวุนซี

“เหตุใดนางถึงสอบได้ลำดับที่สิบล่ะ ข้าได้ยินมาว่าข้อสอบของสำนักศึกษาหวุนซีนั้นยุ่งยากยิ่งนัก” หนึ่งในลูกขุนนางที่เคยกลั่นแกล้งรังแกชิงเหมยเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย

“เพราะมันไม่ยากน่ะสิ พวกชนชั้นต่ำถึงได้แห่ไปสอบกัน ชิ… อย่าไปสนใจเลย สำนักศึกษานั้นน่ะศูนย์รวมพวกชนชั้นต่ำ พวกลูกอนุที่จวนของข้าก็สอบเข้าที่นั่นกัน”

คุณหนูผู้สูงศักดิ์ทว่าได้รับการปลูกฝังจากมารดาว่าไม่ให้คบหาพวกชนชั้นต่ำกว่าตนเพราะว่าไร้ประโยชน์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง รถม้าของนางขับเคลื่อนออกไปก่อนใครเพื่อน ก่อนที่รถม้าของผู้อื่นจะตามนางไปไม่ห่าง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 6 วันแรกในสำนักศึกษา

    ลานหน้าเรือนจวนหลง ภายในสำนักศึกษาหวุนซีศิษย์ใหม่ทั้งชายและหญิงนับร้อยกำลังยืนรอคอยท่านอาจารย์มาแบ่งห้องให้แก่พวกตน และดูเหมือนว่าชิงเหมยจะได้รับความสนใจจนถูกรุมล้อมจากศิษย์ใหม่หลายๆ คน เพราะนางมีชื่อเสียงตั้งแต่วันที่ประกาศผลการสอบเข้าสำนักศึกษา ในฐานะที่นางเป็นเด็กหญิงหนึ่งเดียวที่สอบติดหนึ่งในสิบ"เจ้ามีนามว่าชิงเหมยใช่หรือไม่""ใช่… ข้ามีนามว่าชิงเหมย" ชิงเหมยตอบกลับพลางมองใบหน้าเล็กของอีกฝ่ายที่ดูเป็นมิตร"ข้ามีนามว่าหลูซิน เป็นลูกสาวเจ้าของร้านเหลาในตลาดซานฉี ข้าเคยเห็นเจ้าไปช่วยยายของเจ้าขายขนมอยู่บ่อยครา แต่ข้ามิอาจไปทักทายเจ้าได้ เพราะข้าเองก็ต้องช่วยท่านพ่อท่านแม่ขายอาหารในร้านเช่นกัน" เด็กหญิงที่มีนามว่าหลูซินแนะนำตัวเองพลางกล่าวถึงเรื่องที่นางเคยได้พบเจอกับสหายใหม่ออกมา"อ๋อ... ข้าเคยเห็นเจ้าเช่นกัน ร้านของพ่อแม่เจ้ามีลูกค้าไปเยือนมิเคยขาด รสชาติอาหารคงจะยอดเยี่ยมยิ่งนัก ใช่หรือไม่"ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ชิงเหมยนั้นสำรวจรอบตลาดจนนางนั้นพอจะจดจำทุกร้านได้ และร้านเหลาที่มีลูกค้าแน่นร้านทุกวันก็คือร้านของตระกูลหลิว ซึ่งเป็นตระกูลของหลูซินสหายใหม่นางนี้นี่เอง"อื้อ... ท่านแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-22
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 6 - 1 วันแรกในสำนักศึกษา

    “ชิงเหมย ข้าเห็นเจ้าทักทายผู้นั้นผู้นี้ตลอดทางที่พวกเราเดินกลับมาจากสำนักศึกษาเลย เจ้ารู้จักพวกเขาด้วยหรือ”“ข้าก็รู้จักไม่ทุกคนหรอก แต่ว่าหากพวกเขาทักทายข้ามา ข้าก็มิมีเหตุผลอันใดให้ต้องเมินพวกเขานี่ เจ้าว่าจริงหรือไม่” หลูซินพยักหน้าเห็นด้วยแต่ที่นางไม่เข้าใจคือนางก็ทำงานช่วยท่านพ่อท่านแม่ของนางขายของอยู่ภายในร้านเหลา ลูกค้าก็มีมากมายไม่ต่างจากร้านขนมของยายชิงเหมย ทว่าเหตุใดผู้คนถึงมิได้ทักทายนางมากเช่นเดียวกับสหาย หรืออาจจะเป็นเพราะคนพวกนี้จดจำใบหน้าของนางมิได้“อาจจะเป็นเพราะข้าเรียกลูกค้าให้ท่านยายอยู่หน้าร้านบ่อยๆ คงจะทำให้พวกเขาจดจำข้าได้แหละมั้ง รีบไปกันเถิด” หลิวหลูซินเข้าใจได้ในทันทีที่สหายบอกคงจะเป็นเช่นนั้นเพราะถึงนางจะช่วยท่านพ่อท่านแม่ขายของที่ร้าน นางก็มิได้ออกมารอต้อนรับลูกค้าที่ด้านหน้าร้าน หรือเรียกลูกค้าเข้าร้านเช่นเดียวกับชิงเหมย เด็กหญิงทั้งสองหยุดพูดคุยกันแล้วเร่งฝีเท้าเดินไปยังตลาดซานฉีซึ่งเป็นที่ทำมาหากินของตระกูลของพวกนางซุนฉีกำลังเตรียมผสมแป้งเพื่อที่จะปั้นซาลาเปาและขนมเซาปิงอีกรอบ เพราะที่ทำไว้ก่อนหน้านั้นนางได้ขายไปจนหมดแล้ว ในขณะที่นางกำลังจะหยิบแป้งมาเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-22
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 7 ไม่ละทิ้งความสามารถเดิม

    ​ควันที่ลอยโขมงขึ้นมาเหนือหลังคาเรือนในยามเช้า บ่งบอกว่าเจ้าของเรือนหลังนั้นได้ตื่นนอน และเริ่มที่จะหุงหาอาหารในเช้าวันใหม่แล้ว ร่างอวบอิ่มของสตรีวัยสี่สิบปลายๆ กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ด้านหน้าเตาไฟ ซุนฉีหันไปมองร่างเล็กของหลานสาวที่ถึงแม้จะได้ไปศึกษาที่สำนักศึกษาแล้ว แต่ทว่านางยังคงไม่ละทิ้งหน้าที่ที่นางเคยทำตลอดมา ใบหน้าเล็กเปื้อนแป้งที่ข้างแก้มเรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นยายได้ไม่ยากนัก“ดูซิ… หน้าตามอมแมมหมดแล้วเหมยเอ๋อร์…” บอกพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าของนางขึ้นมาเช็ดใบหน้าให้หลานสาวอย่างทะนุถนอม“ท่านยาย วันนี้มื้อกลางวันหลานอยากกินหมูราดน้ำแดงเช่นเดียวกับเมื่อวานเจ้าค่ะ ก่อนไปสำนักศึกษาท่านยายช่วยทำให้หลานสักนิดได้หรือไม่เจ้าคะ”“ได้สิเหมยเอ๋อร์... หมูราดน้ำแดงนั้นทำไม่ยาก ถ้าเช่นนั้นเจ้าปั้นแป้งกับยัดไส้ซาลาเปารอยายก่อนเถิด ประเดี๋ยวยายจะรีบไปทำมื้อเช้า กับหมูราดน้ำแดงสำหรับมื้อกลางวันให้เจ้า”“เจ้าค่ะ”ชิงเหมยยิ้มออกมาครั้นท่านยายยินดีที่จะทำอาหารที่นางอยากกินให้ด้วยความเต็มใจ นางรักท่านยายซุนฉีเหลือเกิน และรู้สึกว่านางนั้นยังมีโชคอยู่บ้างที่ได้มาเกิดใหม่ในชาติภพนี้ เพราะนอกจากไม่มีข้าศึกมารุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-23
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 7 - 1 ไม่ละทิ้งความสามารถเดิม

    หลังจากเลิกเรียนศิษย์ทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับเรือนของตนเฉกเช่นทุกวัน ชิงเหมยกลับไปพร้อมกับหลูซินเพราะนางจะต้องแวะไปช่วยท่านยายที่ตลาด ครั้นไปถึงตลาดแล้วท่านยายของนางกลับบอกให้นางกลับเรือนไปก่อน เด็กหญิงจึงยินยอมที่จะทำตามความต้องการของท่านยายแต่โดยดี จะได้อาศัยช่วงยามที่ท่านยายยังอยู่ตลาด ฝึกฝนเพลงดาบของนางอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ด้วย“เหมยเอ๋อร์… กำลังจะกลับเรือนหรือ” ในระหว่างทางขณะที่นางกำลังเยื้องย่างกลับเรือน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านค้าข้างทางก็เอ่ยทักทายนาง“เจ้าค่ะท่านน้า… วันนี้ขายดีหรือไม่เจ้าคะ” ชิงเหมยหันไปตอบพลางทักทายด้วยใบหน้าที่สดใสสมวัย“ก็พอขายได้… อะนี่เอาไปกินสิ กว่าท่านยายของเจ้าจะกลับเรือนก็อีกตั้งหนึ่งชั่วยาม” ห่อมันเผาถูกส่งมาให้ ชิงเหมยคำนับ“ขอบน้ำใจท่านน้ายิ่งนักเจ้าค่ะ อันที่จริงท่านยายก็เอาซาลาเปามาให้ข้าเช่นกัน” เด็กหญิงกล่าวออกมายิ้มๆ“เจ้าน่ะ… อยู่ในวัยกำลังโต ต้องกินให้มากๆ หน่อย จะได้แข็งแรง” เสวียอี๋บอกชิงเหมยด้วยน้ำเสียงเอ็นดูนางเห็นเด็กหญิงมาตั้งแต่เด็ก ชิงเหมยนั้นขยันเป็นเด็กดีและเชื่อฟังท่านยายของนางเป็นอย่างดี เสวียอี๋ยังนึกเสียดายที่เด็กหญิงไม่ได้เติบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-23
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 8 ไม่ทำตนให้เด่นกว่าผู้ใด

    กลิ่นหอมของอาหารลอยมาจากในโรงครัวในยามโหย่วแทนที่กลิ่นของควันไฟ ชิงเหมยเดินเข้าไปดูท่านยายของนางที่กำลังทำอาหารจนส่งกลิ่นหอมออกมาเรียกน้ำย่อยในกระเพาะของนาง ยามที่นางกลับมาจากสำนักศึกษา นางก็ได้กินแค่เพียงซาลาเปากับมันเผาเท่านั้น จึงทำให้ยามนี้รู้สึกหิวอยู่ไม่น้อย“ท่านยาย… มีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ” เสียงเล็กเอ่ยถามซุนฉีออกมา“อืม… เจ้าช่วยยกอาหารพวกนี้ออกไปวางที่โต๊ะรอยายก่อนก็แล้วกัน เหลืออีกหนึ่งอย่างก็จะเสร็จแล้ว” ซุนฉีหันไปตอบหลานสาว ชิงเหมยมองกับข้าวในจานก็ถึงกับกลืนน้ำลาย ท่านยายของนางมีฝีมือการทำอาหารไม่แพ้ผู้ใด หากเปิดร้านเหลาแทนการเปิดร้านขนมนางก็คิดว่าคงจะขายดีไม่แพ้กันสองยายหลานนั่งกินมื้อเย็นท่ามกลางแสงของโคมไฟที่รายล้อมรอบบริเวณโต๊ะที่พวกนางใช้นั่งกินอาหารร่วมกัน ชิงเหมยกินข้าวไปถึงสองชาม ซุนฉียิ้มออกมาด้วยความพอใจที่หลานสาวเป็นเด็กที่ชอบกิน แต่ถึงแม้ว่าชิงเหมยจะกินมากถึงเพียงใด ร่างกายของนางก็ไม่อ้วนท้วมเสียที ที่เขาว่ากันว่าเด็กวัยนี้เป็นเด็กกำลังโตคงจะไม่เกินจริง“เหมยเอ๋อร์…เจ้าไปสำนักศึกษาวันนี้มีเรื่องอันใดมาเล่าให้ยายฟังหรือไม่”คำถามเช่นเดียวกับทุกวันตั้งแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-23
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 8 - 1 ไม่ทำตนให้เด่นกว่าผู้ใด

    “ไม่มีผู้ใดที่จะเก่งตั้งแต่เริ่มต้น ผู้ใดกันเล่าที่จะจดจำบทกวีเหล่านี้ได้ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ อาจารย์เชื่อว่าพวกเจ้าที่นั่งอยู่ที่นี่เกินกว่าครึ่งนั้นมิอาจจดจำบทกวีที่อาจารย์สั่งให้ไปท่องจำได้หมดทุกบท อาจารย์พูดถูกหรือไม่” อาจารย์ลู่อวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์ที่กำลังหัวเราะให้สหายร่วมห้องออกมาให้ได้คิด“พวกศิษย์ขออภัยเจ้าค่ะ” ผู้ที่หัวเราะกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ชิงเหมย ซูฉี และหลูซินไม่ได้หัวเราะกับสหายร่วมห้อง พวกนางจึงนั่งเงียบๆ“เอาล่ะ ชีโยว วันนี้อาจารย์ถือว่าเจ้าทำได้ดีแล้วล่ะ นั่งลงได้" อาจารย์ลู่อวิ๋นหันไปบอกลูกศิษย์ที่ยังคงยืนอยู่“เจ้าค่ะท่านอาจารย์” ชีโยวศิษย์คนแรกของเรือนเหมยฮวาตอบพลางคำนับท่านอาจารย์แล้วนั่งลงและก็เป็นดังเช่นที่อาจารย์ลู่อวิ๋นได้กล่าวเอาไว้ เพราะมีทั้งผู้ที่สามารถท่องบทกวีออกมาได้จนจบบท และมีทั้งผู้ที่ท่องออกมาได้เพียงแค่ครึ่งๆ กลางๆ เขาไม่ได้คาดหวังกับศิษย์ใหม่เหล่านี้มากนัก เพราะเพิ่งจะเข้ามาสำนักศึกษาได้ไม่นาน บางคนก็มีพื้นฐาน บางคนก็เพิ่งจะเคยได้ศึกษาเกี่ยวกับบทกวี แต่ทว่าเขากลับรู้สึกคาดหวังกับชิงเหมยเพราะจากที่สังเกตดูนางเมื่อวาน นางนั้นท่องได้เป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-23
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 9 ไม่ตอบโต้ไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ

    สองปีต่อมาร่างเล็กสูงโปร่งของเด็กหญิงวัยสิบสองปีกำลังเยื้องย่างไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่สำนักศึกษาหวุนซีเฉกเช่นทุกเช้า ความงดงามของนางเริ่มเปล่งประกายออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น ถึงแม้นางจะเป็นเพียงหลานสาวแม่ค้าขายขนมในตลาด ที่มีฐานะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่าเด็กหญิงในวันนี้กลับกลายเป็นบัณฑิตอายุน้อยที่มีชื่อเสียงของสำนักศึกษาหวุนซี เพียงสองปีที่นางเข้าไปที่สำนักศึกษา ความรู้ความสามารถที่นางได้พยายามซ่อนเร้นปิดบังเอาไว้ กลับเปล่งประกายออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“ชิงเหมย กำลังจะไปสำนักศึกษาหรอกหรือ"“เจ้าค่ะท่านน้า” เด็กหญิงหันไปตอบสตรีสูงวัยกว่าด้วยน้ำเสียงนอบน้อม“น้าได้ยินว่าเจ้าทดสอบได้ลำดับที่หนึ่งในศิษย์ที่เป็นหญิงมาตลอดสองปีเลยรึ” เสวียอี๋เอ่ยถามเด็กหญิงที่นางเอ็นดูด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“มิใช่ความจริงหรอกเจ้าค่ะท่านน้า ที่สำนักศึกษายังมีคนที่เก่งกว่าข้าหลายคน ข้าเพิ่งจะทดสอบได้ลำดับที่หนึ่งเมื่อปีที่แล้วนี่เองเจ้าค่ะ เข้าไปปีแรกข้ายังไม่รู้เท่าใดนัก แต่พอได้อ่านตำรา ฝึกทำแบบทดสอบที่คิดว่าท่านอาจารย์จะทดสอบ ลำดับคะแนนของข้าก็ขยับขึ้นมาเป็นลำดับหนึ่งเจ้าค่ะ”นางใช้ความพยายามอย่างหนักต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-24
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 9 - 1 ไม่ตอบโต้ไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ

    ในขณะที่ชิงเหมยและกลุ่มสหายของนางกำลังเดินผ่านศิษย์อีกกลุ่มที่รวมไปด้วยบุตรีของขุนนางในเมืองถิงฮวา เสียงของหนึ่งในพวกนางก็ดังขึ้นมา วาจาของนางถากถางดูถูกชิงเหมยอย่างไม่ปิดบัง“ท่านอาจารย์ก็เอ็นดูคนไม่ลืมหูลืมตา”“หึ!! พวกเจ้าคงจะลืมไปแล้วล่ะสิ ว่าที่สำนักศึกษาหวุนซีเขาไม่แบ่งแยกชนชั้นหรือภูมิหลังกัน ที่เข้ามาสำนักศึกษานี้ได้เป็นเพราะใช้ความรู้ความสามารถ มิใช่เพราะเกิดในตระกูลขุนนาง หรือผู้สูงศักดิ์ที่เอาแต่พูดจาดูถูกผู้อื่น พวกเจ้าต้องเติบโตมาเช่นไรกันถึงได้พูดจาว่าร้ายสหายร่วมสำนักศึกษาเช่นนี้ หากพวกเจ้ามีดีนัก สูงส่งนัก ก็ไปอยู่ที่สำนักศึกษาอื่นเสียสิ ข้าได้ฟังแล้วรำคาญยิ่งนัก!!!”หลูซินตะโกนออกมาทันที นางเป็นเด็กที่มีความอดทนต่ำ ครั้นได้ยินกับหูว่าผู้ใดนินทาว่าร้ายสหายสนิทก็กักเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ไม่อยู่จนต้องปลดปล่อยออกมา“ชิส์…. พวกเจ้าก็คงจะเหมือนกัน มิเช่นนั้นคงคบหากันมิได้หรอก ซูฉี... เจ้าก็นะเป็นถึงบุตรีของขุนนางแต่กลับเลือกไปเกลือกกลั้วเข้ากลุ่มกับพวกนาง แต่อย่างว่าแหละนะ ท่านแม่ของเจ้าก็เป็นหญิงสาวชาวบ้านที่ท่านพ่อของเจ้ารับไปเป็นอนุภรรยานี่ มิได้เป็นบุตรีของขุนนางมาตั้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-24

บทล่าสุด

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 23 - 1 สองปีที่ผ่านมา

    นั่นเป็นเพราะชิงเหมยได้รับความช่วยเหลือจากหลิ่วหริ่ง ยามใดที่นางออกจากเรือนไป หลิ่วหริ่งก็จะเข้ามาอยู่ภายในเรือนและท่องบทกวี ให้พวกที่แอบฟ้งอยู่ด้านนอกได้ยินแทนตัวนาง ถึงแม้นการทำเช่นนี้จะเป็นเรื่องที่ดุเหมือนจะยุ่งยาก แต่ชิงเหมยกลับรู้สึกสนุกและเหมือนว่านางได้ออกกำลัง คนพวกนี้นั้นช่วยให้ชีวิตของนางในแต่ละวันนั้นไม่น่าเบื่อ“ข้าว่าพวกเราจ้างคนในหมู่บ้านให้คอยจับตาดูนางแล้วส่งข่าวให้พวกเรารู้จะดีกว่า พวกเราเสียเวลากับนางมานานเกินไปแล้ว ข้าเบื่อเต็มทีที่ต้องคอยจับตาดูเด็กเช่นนาง”“จะดีรึ หากท่านใต้เท้ารู้เข้ามีหวังพวกเรานี่แหละที่จะถูกจัดการเสียก่อน”“นางก็เป็นเพียงแค่เด็ก หากนางจะไปเยือนเมืองถิงฮวา เจ้าคิดว่านางจะรอจนป่านนี้งั้นรึ”ครั้นต่างคนต่างเห็นด้วยกับอีกฝ่าย ทั้งสองจึงได้จ้างให้พวกชาวบ้านที่เห็นแก่เงิน ให้คอยจับตาดูชิงเหมยแทนพวกตน หากคราใดที่เด็กหญิงออกจากหมู่บ้านซานฉีค่อยส่งสารให้พวกตนได้รับทราบ ชาวบ้านผู้นั้นเห็นว่าเป็นงานที่ได้เงินง่ายๆ จึงยินยอมที่จะเป็นผู้ที่คอยจับตาดูชิงเหมยแทน แม้จะรู้สึกประหลาดใจว่าเพราะเหตุใดถึงได้เกรงว่าชิงเหมยจะออกจากหมู่บ้าน แต่เขาก็ไม่สนใจเพราะหน้าท

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 23 สองปีที่ผ่านมา

    หลังจากนั่งพูดคุยกันถึงเรื่องที่เยว่อู๋ชางไปจับกุมพวกพ่อค้าทาสมา สองหนุ่มสาวก็ได้ถามไถ่เรื่องราวที่ผ่านมาของกันและกัน เพราะคราแรกที่ได้กลับมาพบกันนั้น เขากับนางไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันมากนัก และที่เยว่อู๋ชางเดินทางมาหาชิงเหมยที่หมู่บ้านซานฉีในยามนี้ มิได้มีเพียงแค่ความสงสัยในตัวของเด็กสาว แต่ทว่าเขามาหานางด้วยความคะนึงหาและห่วงใยนางด้วยเช่นกัน“อืม… พี่ว่าจะถามเจ้า เรื่องคนของลุงเจ้าน่ะ เขาเรียกคนเหล่านั้นกลับไปหรือยัง” เพราะก่อนเขาเข้าเมืองหลวง เขารู้ว่าลุงของชิงเหมยส่งลูกน้องให้มาคอยจับตาดูนางเอาไว้“กลับไปตั้งแต่สามเดือนแรกแล้วเจ้าค่ะ” ชิงเหมยยิ้มออกมาพลางเล่าไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนสองปีก่อนชิงเหมยครั้นได้รับสารจากพี่ชายจากเมืองถิงฮวาที่ส่งมาบอกนาง ว่าท่านลุงของนางส่งคนให้มาคอยติดตามนาง เพื่อตัดความรำคาญใจเพราะผ่านมานานหลายเดือน ลูกน้องของท่านลุงทั้งสองก็ยังคงคอยติดตามนางอยู่ลับๆ อยู่มาวันหนึ่งชิงเหมยจึงแสร้งออกจากเรือนไปที่ลานกว้างท้ายหมู่บ้านซานฉี ทุกย่างก้าวของนางมีคนของผู้เป็นลุงคอยแอบติดตามนางไป แต่แล้วคนเหล่านั้นก็ต้องคลาดสายตาจากนาง เพราะนางแอบหนีกลับเรือนโดย

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 22 - 2 เลือกที่จะปิดบัง

    ชิงเหมยได้ฟังเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง เพราะแถบชายแดนของเมืองถิงฮวาที่อยู่ติดกับชายแดนของเมืองถิงซานั้นอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านซานฉียิ่งนัก นางจึงมิอาจเดินทางไปให้ความช่วยเหลือสตรีและเด็กที่ถูกพาไปขายยังแถบนั้นได้“ข้ารู้เจ้าค่ะ ว่าแคว้นเจียงโจวนั้นเลิกทาสมาตั้งแต่ข้าอายุเพียงสิบสองปีแล้ว” ชิงเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ซึ่งความตื่นตระหนก“ครานี้พี่พลาดเองที่มิอาจจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้ แต่ก็ยังดีที่ได้ช่วยเหลือสตรีนับสิบเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่พวกมันจะทำการซื้อขายกัน”เขาเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ชิงเหมยฟังพลางสังเกตสีหน้าของนาง ชิงเหมยรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินเช่นนั้น ทว่านางกลับปกปิดสีหน้าเอาไว้ได้อย่างมิดชิดจนเยว่อู๋ชางเองก็มิอาจมองเห็นความผิดปกติได้“ข้าว่า…ผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นขุนนางในเมืองถิงฮวาของเราเป็นแน่เจ้าค่ะ"ชิงเหมยกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ แต่ทว่านางกลับไม่ยอมบอกความจริงเรื่องที่นางคอยขัดขวางการทำงานของพวกพ่อค้าทาสที่เข้ามาซื้อขายทาสลับๆ ในหมู่บ้านซานฉีและหมู่บ้านใกล้เคียง นางยังไม่พร้อมที่จะบอกความจริงนี้ให้เขารู้“เหตุใดเจ้าถึงได้ดูมั่นใจนักล่ะ”“ข้าเคยได้ยินพวกพ่อค

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 22 - 1 เลือกที่จะปิดบัง

    “ท่านยายเจ้าคะ หลานขอไปหลังร้านสักครู่นะเจ้าคะ” ชิงเหมยบอกท่านยายของนางที่กำลังพูดคุยกับลูกค้าตรงหน้า จนไม่ทันได้สังเกตว่าลูกค้าหนุ่มผู้นั้นแอบส่งสารลับให้แก่หลานสาว“อืม… ไปเถิดเหมยเอ๋อร์ เสร็จแล้วรีบกลับมาล่ะ”ซุนฉีบอกหลานสาวก่อนที่จะหันไปสนใจลูกค้าตรงหน้าต่อ ชิงเหมยได้โอกาสจึงรีบเดินไปหลังร้านแล้วแกะกระดาษที่ถูกพับมาจนเหลือแผ่นเล็ก นางคลี่ออกดูก็พบว่าเป็นลายมือของพี่ชาง นางจดจำลายมือของเขาได้ดี‘ชิงเอ๋อร์… พี่รอเจ้าอยู่ที่ลานกว้างหลังหมู่บ้านที่เราพบเจอกันคราแรก ได้โปรดออกมาพบพี่สักนิดเถิด… พี่ชางของเจ้า’ดวงหน้างามแดงระเรื่อทันทีที่อ่านเนื้อความในสารนี้จบ ไม่รู้ว่าหลายวันที่ผ่านมานี้เขาหายไปที่ใดมา นางรู้ว่าเขามีหน้าที่จะต้องทำ เพียงแค่นางไม่รู้ว่างานที่เขากำลังกระทำอยู่นั้นอันตรายหรือไม่เท่านั้นเอง ชิงเหมยคิดหาทางที่จะออกไปพบกับเยว่อู๋ชางโดยที่จำเป็นต้องโป้ปดท่านยายของนางอีกครา นั่งคิดแผนการเพียงกะพริบตาเดียวนางก็คิดได้“ท่านยายเจ้าคะ หลานขออนุญาตกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ รูัสึกว่าท้องไส้ยามนี้ไม่ค่อยจะดีเลย” ชิงเหมยเดินมากระซิบบอกท่านยายของนางที่กำลังขายขนมให้แก่ลูกค้า ที่ยามนี้บางต

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 22 เลือกที่จะปิดบัง

    การเข้าจับกุมกลุ่มพ่อค้าทาสของหน่วยมือปราบในครานี้ถือว่าล้มเหลว เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังและพวกหัวหน้าสามารถหลบหนีไปได้ทั้งหมด พวกที่จับมาได้ก็เป็นเพียงแค่พวกที่รับจ้างขนสินค้าให้เท่านั้น แต่การเข้าจับกุมในครานี้ก็พอจะได้รู้เบาะแสว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังยามนี้เขาได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ขวา ซึ่งถูกลูกธนูของมือปราบหนุ่มเฉียดไปในระหว่างที่กำลังหลบหนี“แล้วเราจะเอาเช่นไรกับเรื่องนี้ดีขอรับ”“หน้าที่ต่อจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลต้าถิงเสีย เพราะเรามิอาจเข้าไปก้าวก่ายได้”เยว่อู๋ชางกล่าวออกมาก่อนที่เขาจะขึ้นไปนั่งบนหลังม้า จิ้นซู่เองก็รีบไปขึ้นม้าของตนเช่นกัน เพราะดูเหมือนว่าคุณชายรองต้องการจะไปที่ใดสักที่“พวกเจ้าที่เหลือ…กลับไปพักผ่อนกันที่สำนักก่อนเถิด”“แล้วท่านหัวหน้าจะไปที่ใดหรือขอรับ” เสียงของลูกน้องเอ่ยถามขึ้น“ข้ามีเรื่องสงสัย จึงอยากจะไปเยือนหมู่บ้านซานฉีเสียหน่อย” เพราะเรื่องที่พวกหัวหน้ากลุ่มค้าทาสคุยกัน ทำให้เขานึกสงสัยในตัวของชิงเหมยขึ้นมา จึงอยากจะไปถามไถ่นางด้วยตนเอง“ขอรับ” ครั้นลูกน้องรับคำ หัวหน้ามือปราบหนุ่มก็ควบม้าออกจากหน้าศาลต้าตงไปทันทีลูกน้องที่เหลือมองตามอย่างรู้ใ

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 21 - 1 จับกุมพ่อค้าทาส

    “พามาได้เพียงเท่านี้เองรึ”เสียงของชายที่อีกฝ่ายเรียกอย่างนอบน้อมว่าท่านใต้เท้าถามดังออกมายามที่เขามองไปยังเหล่าสตรีที่อยู่ขบวนสุดท้าย“ขอรับ!! ไม่กี่เดือนก่อนพวกลูกน้องของข้าน้อยพลาดท่าให้กับสตรีนิรนามจนถูกฆ่าตายไปหลายคน ถึงบัดนี้ข้าน้อยก็ยังมิอาจรู้ตัวตนของนาง ข้าน้อยเกรงว่าถ้าพาสตรีมามากกว่านี้ สตรีผู้นั้นจะออกมาชิงสตรีเหล่านี้ไปอีกน่ะขอรับ”“สตรี!!! สตรีแน่รึ ข้าไม่อยากจะเชื่อ ว่าแคว้นเจียงโจวของเราจะมีสตรีที่มีความสามารถซ่อนอยู่”“เรื่องจริงนะขอรับ เพราะลูกน้องของข้าน้อยได้เขียนสารบอกเอาไว้ก่อนที่พวกมันจะถูกสังหารว่า มีสตรีลึกลับคอยขัดขวางงานของพวกเรา นางมีฝีมือที่ร้ายกาจยิ่งนัก ร่างกายผอมเพรียวดูบอบบาง แต่ว่าพละกำลังของนางสามารถทำให้คนของข้าน้อยที่ไปทำงานในวันนั้นตายไปทั้งหมด”ผู้ที่แอบฟังอยู่ครั้นได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับใจเต้นแรงทันที เพราะเขานึกไปถึงบุปผางามแห่งหมู่บ้านซานฉี ที่ยามนี้เติบโตมาเป็นสาววัยแรกแย้มที่น่าทะนุถนอมเสียแล้ว เขาจากนางมาหลังจากได้พบกันวันนั้นโดยไม่ได้บอกข่าวก็เกือบสิบสี่วันแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้นางจะเป็นเช่นไรเขาได้แต่แอบหวังว่าสตรีที่พวกผู้กระทำผิดกลุ่มนี้

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 21 จับกุมพ่อค้าทาส

    เสียงแมลงหวีดร้องในยามดึกสงัดภายในป่าใหญ่ของเมืองถิงฮวา ติดกับเขตชายแดนเมืองถิงซา ยามนี้มิได้มีเพียงแค่เสียงของเหล่าแมลงและนกกลางคืนเท่านั้น ที่กำลังส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งป่า ทว่ากลับมีเสียงตะโกนโหวกเวกโวยวายของคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังช่วยกันขนสัมภาระ และควบคุมสตรีกลุ่มหนึ่ง เพื่อที่จะพาข้ามแดนไปขายให้แก่เศรษฐีและขุนนางของเมืองถิงซา“เห้ย!!! รีบๆ เดินเข้าสิวะ ชักช้าอยู่ได้ ข้าอยากกลับไปดื่มสุราที่หอชิวชุนแล้ว” เสียงของหนึ่งในบุรุษร่างโตที่ควบคุมเหล่าสตรีวัยแรกแย้มนับสิบตะโกนลั่นออกมา“พะ…พวกเราไม่อยากไป ปล่อยพวกเรามิได้หรือเจ้าคะ” เสียงของเด็กสาวผู้หนึ่งร้องอ้อนวอนออกมา“โอ้…. ช่างใจกล้าน่าดู”มือหนาหยาบกร้านเชยคางมนของสตรีตัวเล็กสูงเพียงแค่อกของเขา แล้วทำท่าจะโน้มใบหน้าเข้าไปหานาง เพื่อที่จะสัมผัสใบหน้าของนางด้วยริมฝีปากของตน แต่แล้วเด็กสาววัยแรกแย้มกลับถ่มน้ำลายออกมาใส่หน้าของตนอย่างไม่หวาดกลัว“ถุ้ย!!!”ชายร่างโตผงะพลางยกมือขึ้นมาปาดน้ำลายของสตรีตรงหน้าออกจากใบหน้า พลางหัวเราะออกมาราวกับคนสิ้นสติ“ฮ่าๆๆๆ ดี กล้าดี” ก่อนที่ชายผู้นั้นจะยกฝ่ามือหนาฟาดลงไปบนใบหน้านวลของสตรีวัยแรกแย้มที่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 20 - 2 สถานที่แห่งความสุข

    เพียงแค่นี้ชีวิตของนางก็เหมือนได้เกิดใหม่แล้ว ชิงเหมยเข้าไปสวมกอดเพื่อปลอบประโลมหญิงวัยกลางคน เด็กชายเห็นเช่นนั้นจึงเข้าไปสวมกอดสตรีทั้งสองด้วยเช่นกัน กว่าที่ท่านยายซิ่วอิงจะหยุดร้องไห้ได้เวลาก็ล่วงเลยไปนานนับหนึ่งก้านธูป“ท่านยาย ห่าวเอ๋อร์ เห็นทีข้าคงต้องขอตัวไปเยือนเรือนอื่นก่อนล่ะ เพราะยามเว่ยข้าต้องรีบกลับเรือน” ชิงเหมยรีบเอ่ยขอตัวเพราะรู้ว่านางรั้งอยู่ที่นี่มาได้สักพักใหญ่แล้ว“อ้อ… อืม เจ้าไปเถิดเหมยเอ๋อร์… อ้อ!! โปรดรอสักประเดี๋ยวเถิด ห่าวเอ๋อร์…เจ้าช่วยเข้าไปหยิบพู่ประดับดาบ ที่ยายทำไว้มาให้แม่นางชิงเหมยหน่อยเถิด” ซิ่วอิงบอกหลานชายตัวน้อย ซีห่าวรีบวิ่งเข้าไปภายในเรือนทันที ก่อนที่จะกลับออกมาพร้อมกับพู่ประดับดาบสีแดง“มันอาจจะดูเป็นเพียงพู่ธรรมดา แต่ว่าข้าตั้งใจสวดภาวนาให้เจ้าปลอดภัยทุกคราที่เจ้ากวัดแกว่งดาบเพื่อช่วยเหลือผู้คน”“ขอบน้ำใจท่านยายซิ่วอิงเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยขอลาก่อนนะเจ้าคะ มาเยือนคราหน้าข้าจะนำขนมของท่านยายของข้ามาฝากพวกท่านด้วย” ชิงเหมยกล่าวลาหญิงวัยกลางคน ซิ่วอิงพยักหน้า“ขอให้เจ้าโชคดี เดินทางปลอดภัย”“พี่ไปก่อนหนาห่าวเอ๋อร์ เป็นเด็กดี ตั้งใจศึกษาและเชื่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 20 - 1 สถานที่แห่งความสุข

    หลังจากนั่งพูดคุยกันอยู่นานเกือบครึ่งชั่วยาม ชิงเหมยจึงขอตัวไปเยี่ยมเหล่าสตรีและเด็กๆ ที่นางเคยให้ความช่วยเหลือมา จวีจูหรานไม่ได้รั้งเด็กสาวเอาไว้ แต่ก็ไม่ลืมบอกให้ชิงเหมยกลับมากินข้าวมื้อกลางวันด้วยกันก่อนที่จะกลับไปหมู่บ้านซานฉี ชิงเหมยไม่ปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่าย เพราะจนถึงยามนี้ ท่านพี่หญิงจวีและผู้ติดตามของนาง ก็ยังคิดว่าชิงเหมยเป็นผู้มีพระคุณของพวกตนมิเสื่อมคลาย“พี่ซินจี๋ เจ้าตัวเล็กหลับแล้วหรือจ๊ะ”ร่างเล็กสูงเพรียวเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าเรือนพักหลังแรกพลางร้องถามผู้ที่อยู่ในเรือน เจ้าของเรือนหลังนี้ เป็นสตรีที่ชิงเหมยได้เข้าให้ความช่วยเหลือมาจากพ่อค้าทาส เพราะสามีตายไปก่อนที่จะรู้ว่านางมีครรภ์ ครอบครัวของสามีก็เอาแต่กล่าวโทษ ว่านางดูแลสามีไม่ดี จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตาย คนพวกนั้นโกรธเคืองนาง จึงขายนางให้กับพ่อค้าทาส โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่านางกำลังมีครรภ์“เพิ่งจะหลับไปก่อนหน้านี้เองจ้ะเหมยเอ๋อร์”สตรีวัยสิบแปดปีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ชิงเหมยจึงลดระดับเสียงของนางลง เพื่อให้รบกวนเด็กทารกที่เพิ่งจะนอนหลับไปก่อนหน้า“ข้าขอเข้าไปดูนางได้หรือไม่”“จะมิได้ได้เ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status