Home / รักโบราณ / ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม / ตอนที่ 5 - 1 หลานสาวแม่ค้าขายขนม

Share

ตอนที่ 5 - 1 หลานสาวแม่ค้าขายขนม

last update Last Updated: 2025-04-22 11:09:59

แต่ลำดับที่สิบทำให้ทุกคนประหลาดใจไม่น้อย เพราะผู้ที่สอบได้ลำดับที่สิบคือชิงเหมย หลานสาวเพียงคนเดียวของซุนฉี แม่ค้าขายขนมในตลาดเมืองซานฉีที่เป็นที่รู้จักว่าทำขนมได้รสเลิศ แม้ฐานะของซุนฉีจะไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่นางก็ไม่เคยปล่อยให้หลานสาวได้อดอยาก ภาพที่เห็นจนชินตาของชาวบ้านซานฉีก็คือภาพที่ชิงเหมยช่วยยายของนางขายขนมที่ร้าน และเป็นผู้ลงมือปั้นซาลาเปาเองกับมือ

“ท่านยาย… ข้าสอบได้ลำดับที่สิบเจ้าค่ะ ข้าได้เป็นศิษย์ของสำนักศึกษาหวุนซีแล้วเจ้าค่ะ” ชิงเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความตื้นตันใจที่ความพยายามของนางไม่สูญเปล่า

“หลานยาย… ยายภูมิใจในตัวเจ้ายิ่งนัก”

ซุนฉีกล่าวออกมาทั้งน้ำตาครั้นได้ยินหลานเดินมาบอกลำดับที่นางสอบได้ในครานี้ แม้นนางจะไม่คาดหวังว่าหลานจะสอบได้ลำดับดีๆ แต่พอได้ยินว่าหลานสาวสอบติดอันดับสิบก็ทำให้นางรู้สึกยินดีจนเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ สองยายหลานสวมกอดกันด้วยความดีใจ

“ข้ายินดีกับเจ้าด้วยเหมยเอ๋อร์” หนึ่งในแม่ค้าที่พาบุตรหลานมาสอบเข้าที่สำนักศึกษาแห่งนี้กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มยินดี

“ขอบน้ำใจท่านน้าซุ่ยหรูเจ้าค่ะ”

“สอบได้ลำดับที่สิบนี่มิใช่เรื่องง่ายๆ เลย เจ้าช่างเก่งยิ่งนักเหมยเอ๋อร์ ภายภาคหน้าข้ารับรองว่าไม่มีตระกูลใดมองข้ามเด็กที่มีความรู้ความสามารถเช่นเจ้าไปแน่นอน”

เพราะมีเพียงแค่ชิงเหมยเท่านั้นที่เป็นสตรีที่สอบได้ลำดับต้นๆ ทำให้มีผู้คนสนใจนางไม่น้อย ศิษย์ใหม่ที่เป็นหญิงหลายคนจึงอยากผูกมิตรกับนาง แต่คงต้องรอให้ได้พบกันอีกครา

“กลับเรือนกันเถิดเหมยเอ๋อร์… วันนี้ยายจะทำอาหารที่เจ้าชอบให้กิน"

ซุนฉีบอกหลานสาว ชิงเหมยพยักหน้าก่อนที่จะติดตามท่านยายของนางไปอย่างอารมณ์ดี วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นในชีวิตใหม่ของนาง นางจะสร้างชื่อเสียงจนทำให้ตระกูลซิ่วเสียดายและเสียใจที่มองข้ามนางไป

กลิ่นหอมของอาหารลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนของซุนฉี วันนี้นางเชิญเพื่อนบ้านอย่างสกุลหลิ่วมาร่วมฉลองให้แก่ชิงเหมยด้วย สกุลหลิ่วแม้จะเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่ากลับมีน้ำใจไมตรีกว่าพวกตระกูลสูงศักดิ์นัก ซุนฉียินดีและสบายใจที่ได้สกุลหลิ่วเป็นเพื่อนบ้าน อาหารหลายอย่างเรียงรายเต็มโต๊ะ ชิงเหมยเตรียมถ้วยจานและตะเกียบเพื่อรอแขกมาเยือน ไม่นานนักเสียงเคาะประตูหน้าเรือนก็ดังขึ้น ซุนฉีเป็นฝ่ายเดินไปเปิด

“เชิญๆ จิ่งซิ่ว จิงหลิง หริ่งเอ๋อร์…” น้ำเสียงยินดีดังออกมาทันทีที่ได้เห็นว่าผู้ใดมาเคาะประตูหน้าเรือน

“ขอแสดงความยินดีกับเหมยเอ๋อร์ด้วยขอรับท่านป้า นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากพวกข้า” ผู้นำสกุลหลิ่วกล่าวออกมาพลางนำของที่ติดไม้ติดมือมาฝากเด็กหญิง เป็นกล่องแกะสลักลวดลายดอกไม้ด้านในมีพู่กันอยู่สามอัน

“โอ้… พวกเจ้าไม่เห็นต้องลำบากเตรียมของขวัญมาให้เลย วันนี้ข้ามีความสุขก็เลยนึกอยากเลี้ยงอาหารพวกเจ้า” ซุนฉีกล่าวออกมาอย่างเกรงใจ

“ไม่ลำบากเลยขอรับ พอดีว่าข้าซื้อมาหลายอัน เตรียมไว้ให้หริ่งเอ๋อร์ แต่นางยังเด็กนักที่จะใช่ในยามนี้ พอได้ยินว่าเหมยเอ๋อร์สอบเข้าสำนักศึกษาหวุนซีได้ ข้ากับจิ่งซิ่วและหริ่งเอ๋อร์จึงยินดีอยากจะมอบมันให้แก่นางได้ใช้ที่สำนักศึกษาน่ะขอรับ” หลิ่วจิ่งซิ่วบอกผู้อาวุโสด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพลางส่งกล่องพู่กันให้แก่หลานสาวของนาง

“ขอบน้ำใจท่านน้าทั้งสองยิ่งนักเจ้าค่ะ ขอบน้ำใจเจ้าด้วยหนาหริ่งเอ๋อร์… พี่จักใช้อย่างดีเลย”

ชิงเหมยคำนับขอบน้ำใจผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนที่จะหันไปบอกเด็กหญิงตัวน้อย หริ่งเอ๋อร์ยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี นางชอบพี่หญิงชิงเหมยและจะเอาพี่หญิงชิงเหมยเป็นแบบอย่าง

ซุนฉีรีบเชิญครอบครัวสกุลหลิ่วให้นั่งลงยังเก้าอี้ที่รายล้อมโต๊ะวงกลม อาหารหลากหลายเต็มโต๊ะไม่ทำให้ผู้มาเยือนอิ่มเอมเท่ากับการได้รับน้ำใจไมตรีจากผู้อาวุโสตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แต่ทว่ากลับรักใคร่เอ็นดูกันยิ่งกว่าคนในตระกูลเสียอีก เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าเรือนหลังนี้ได้อิจฉาและนึกฉงนว่าเหตุใดคนในเรือนนี้ถึงได้หัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนั้น ถึงเรือนจะเก่าและหลังเล็กทว่ากลับมีกลิ่นอายของความสุขอบอวลออกมา

เช้าวันต่อมาร่างเล็กในอาภรณ์สีชมพูอ่อนซึ่งเป็นอาภรณ์ที่ศิษย์หญิงจากสำนักศึกษาหวุนซีสวมใส่กัน บัดนี้ได้มาอยู่บนกายของเด็กหญิงที่เคยถูกดูถูกดูแคลนจากลูกหลานขุนนางและลูกหลานพวกเศรษฐี ถึงแม้ว่านางจะเป็นเพียงหลานสาวแม่ค้าขายขนมธรรมดาแต่ทว่าความสง่างามเยี่ยงชนชั้นสูงกลับเผยออกมาให้ทุกคนได้เห็น ก็นางมีบิดาเป็นชนชั้นสูงจึงไม่แปลกนัก แม้นจะไม่ได้รับการยอมรับจากปู่ย่า แต่ท่านยายของนางก็อบรมสั่งสอนนางมาเป็นอย่างดี

ทุกย่างก้าวของนางมีเสียงของชาวบ้านกล่าวทักทายไปตลอดทาง ในขณะเดียวกันรถม้าของบรรดาลูกหลานขุนนาง และลูกหลานมหาเศรษฐีที่ศึกษาในสำนักศึกษาของนักปราชญ์ชื่อดังซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองซานฉี ต่างมองไปที่ร่างเล็กของชิงเหมยด้วยความอิจฉา ถึงแม้นสำนักศึกษาของพวกตนจะเด่นดังกว่า ทว่ากลับมีศิษย์ที่สอบเป็นขุนนางได้น้อยกว่าสำนักศึกษาหวุนซี

“เหตุใดนางถึงสอบได้ลำดับที่สิบล่ะ ข้าได้ยินมาว่าข้อสอบของสำนักศึกษาหวุนซีนั้นยุ่งยากยิ่งนัก” หนึ่งในลูกขุนนางที่เคยกลั่นแกล้งรังแกชิงเหมยเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย

“เพราะมันไม่ยากน่ะสิ พวกชนชั้นต่ำถึงได้แห่ไปสอบกัน ชิ… อย่าไปสนใจเลย สำนักศึกษานั้นน่ะศูนย์รวมพวกชนชั้นต่ำ พวกลูกอนุที่จวนของข้าก็สอบเข้าที่นั่นกัน”

คุณหนูผู้สูงศักดิ์ทว่าได้รับการปลูกฝังจากมารดาว่าไม่ให้คบหาพวกชนชั้นต่ำกว่าตนเพราะว่าไร้ประโยชน์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง รถม้าของนางขับเคลื่อนออกไปก่อนใครเพื่อน ก่อนที่รถม้าของผู้อื่นจะตามนางไปไม่ห่าง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 68 - 1 เพราะสวรรค์เมตตาให้เกิดมาได้ครองคู่ (End)

    หลังจากเฉียวจูจ้านและซูฉีเดินทางออกจากจวนกลับไปได้ไม่นาน เยว่อู๋ชางก็กลับมาจากในวังหลวง เพราะภรรยาตั้งครรภ์อ่อนๆ เขาจึงได้รับพระกรุณาจากองค์รัชทายาทให้กลับมาค้างที่จวนในทุกค่ำคืน จนกว่าครรภ์ของนางจะมั่นคง ถึงค่อยให้เขากลับไปดูแลพระองค์อย่างใกล้ชิดอีกครา“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงหวานทักทายสามีที่กำลังเดินเข้ามาภายในศาลากลางน้ำ“อื้ม…แล้วนี่น้องหญิงกำลังทำสิ่งใดอยู่รึ”เขาเดินไปนั่งลงเคียงข้าง แล้วยกร่างบางขึ้นมานั่งบนตัก จากนั้นจึงหอมแก้มนางไปหนึ่งที สองสาวรับใช้คนสนิทและสาวรับใช้ที่อยู่คอยรับใช้นายหญิง ต้องรีบพากันหลุบตามองต่ำ“ท่านพี่!!! พวกสาวรับใช้อยู่กันเยอะแยะ ข้าอายพวกนางนะเจ้าคะ”ชิงเหมยกระซิบเสียงดุใส่สามี สองแขนเรียวโอบล้อมรอบลำคอของเขาเพราะกลัวตกเซียงซุนและหยวนเวยพากันยิ้มออกมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเพียงใด ความรักที่นายท่านมีต่อนายหญิงหาได้ลดน้อยลงไม่ ทว่ามีแต่จะเพิ่มขึ้นในทุกวัน ยิ่งนายหญิงมีครรภ์เช่นนี้ นายท่านก็ดูจะทะนุถนอม และรักใคร่นายหญิงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ความสัมพันธ์ของสามีภรรยากลมเกล

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 68 เพราะสวรรค์เมตตาให้เกิดมาได้ครองคู่ (End)

    หลังจากนอนค้างที่จวนตระกูลซิ่วได้เพียงหนึ่งคืน เช้านี้ชิงเหมยจำต้องติดตามผู้เป็นสามี เดินทางกลับเข้าเมืองหลวง ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบของเขา ทำให้นางมิอาจเอาแต่ใจตนเองได้ ก่อนเดินทางออกจากจวน นางและสามีก็ได้กินมื้อเช้าพร้อมหน้าพร้อมตา มีท่านย่า ท่านยาย และพี่น้องตระกูลซิ่วของนาง ท่านยายเล็ก ท่านลุง ท่านป้าสะใภ้และลูกๆ ทั้งสองของท่านลุงนั้น ได้เดินทางกลับจวนตระกูลซุนไปตั้งแต่พิธีแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ในวันที่นางกลับมาเยี่ยมบ้านเดิมจึงมิได้พบกับพวกเขา“เดินทางปลอดภัย ขอให้เจ้าจงรักษาตัวให้ดี หากมีเวลาก็กลับมาเยี่ยมยายบ้าง”ซุนฉีกล่าวในขณะที่นางออกมาส่งหลานสาวอยู่ที่ด้านหน้าจวน ยามนี้ขบวนขนสัมภาระและผู้ติดตามของหลานเขยกับหลานสาวเตรียมพร้อมหมดแล้ว รอเพียงแค่ให้ชิงเหมยได้ร่ำลาครอบครัวก่อนออกเดินทางก็เท่านั้น“เจ้าค่ะท่านยาย ท่านเองก็อย่าลืมรักษาสุขภาพให้ดี รอหลานกลับมาเยี่ยมนะเจ้าคะ”ชิงเหมยกล่าวออกมา น้ำเสียงข่มความอาลัยเอาไว้อย่างมิดชิด เพื่อไม่ให้ท่านยายเป็นห่วงนางมากนัก ครานี้เป็นคราแรกที่นางจะต้องห่างไกลจากท่านยายจริงๆ หาใช่เพียงแค่ไปไม่กี่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 67 - 1 หยินหยางสอดประสาน

    หลังจากที่เยว่อู๋ชางเดินออกจากห้องหอไปได้ไม่นานนัก สองสาวรับใช้คนสนิทของชิงเหมยก็เข้ามาด้านใน ร่างระหงนั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ หยวนเวยจึงรีบไปเตรียมน้ำให้นางอาบ ส่วนเซียงซุนรับหน้าที่เข้าไปปัดกวาดเตียงนอน ครั้นได้เห็นร่องรอยของการร่วมหอในค่ำคืนที่ผ่านมา ใบหน้างามของสาวรับใช้ที่ยังไม่เคยออกเรือนก็ถึงกับร้อนผ่าว ในใจพลันรู้สึกยินดี ที่ท่านเขยและคุณหนูใหญ่ ไม่ได้ปล่อยให้คืนเข้าหอผ่านไปอย่างไร้ค่า“ข้าน้อยเตรียมน้ำเสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู อุ๊ย!!! ฮูหยินเล็ก”หยวนเวยกลับเข้ามาภายในห้องพลางกล่าวรายงาน ก่อนที่นางจะปิดปากครั้นรู้ตัวว่านางเรียกขานสถานะเดิมของชิงเหมยที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซิ่ว แล้วจึงเปลี่ยนคำเรียกขานคุณหนูใหญ่ของนางใหม่ ยามนี้คุณหนูใหญ่ก้าวผ่านค่ำคืนของการเป็นผู้ใหญ่มาแล้ว หมายความว่าบัดนี้ชิงเหมย นางได้กลายมาเป็นฮูหยินเล็กสกุลเยว่เต็มตัวแล้ว"ฮูหยินเล็ก อืม… ใช่แล้วล่ะ สถานะข้าในยามนี้กลายเป็นฮูหยินของพี่ชางแล้วสินะ" ใบหน้างามปรากฏคลื่นแห่งความสุขออกมา แม้จะยังคงง่วงงุนแต่ทว่าใบหน้าของนางกลับอิ่มเอิบ“เช้านี้ท่านเขยดูอารมณ์ดียิ่ง

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 67 หยินหยางสอดประสาน

    ท่ามกลางความเงียบสงบจากภายนอก ภายในห้องหอกลับมีเสียงครางทุ้มหวานของคู่บ่าวสาว ดังสอดประสานกันขึ้นมาเป็นระยะ คราแรกที่ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มรุกล้ำเข้าไปภายในกลีบบุปผางามของนาง ชิงเหมยก็แทบจะปิดบังบังความเจ็บปวดเอาไว้ไม่อยู่ นางแสดงออกมาผ่านทางสีหน้าและแววตา ปลายหางตามีหยาดน้ำเปียกชุ่มอยู่เพียงเล็กน้อย แต่ทว่านางกลับไม่กล้าเอ่ยปากขัดขวางอารมณ์ที่เร่าร้อนของเขามือบางกอบกุมผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ก่อนที่นางจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง ความรู้สึกเจ็บปวดในคราแรก จึงแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกวาบหวาม เร่าร้อน เข้ามาแทนที่ ยามนี้ผิวกายของนางและเขาต่างร้อนผ่าว ทุกคราที่เขาขยับโยกกาย ก่อให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย สิ่งนี้น่ะหรือที่พวกผู้ใหญ่เรียกว่า หยินหยางสอดประสาน ชิงเหมยเพิ่งได้รู้ซึ้งก็ในวันนี้นี่เอง ความรู้สึกที่มีทั้งสุขและทุกข์ผสมผสานกันไป ทว่าความทุกข์นั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่หอมหวานชวนลุ่มหลง“น้องหญิง…เจ้าเจ็บหรือไม่”ชายหนุ่มเหนือร่างงามหาได้ทำตามแต่ใจตนเองผู้เดียวไม่ เขาหยุดจังหวะการรุกล้ำ แล้วเอ่ยถามความรู้สึกของผู้เป็นภรรยาออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แม้อารมณ์ใคร่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 66 - 1 วันคืนแห่งความสุข

    ขบวนสินเดิมของเจ้าสาวยาวเกือบหนึ่งลี้ ถือว่าไม่น้อยหน้าสมกับเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ ผู้คนต่างพากันนึกอิจฉานางขึ้นมา ด้วยไม่คิดว่าสตรีที่เกิดจากตระกูลธรรมดาอย่างซุนฉี จะสามารถมอบสินเดิมให้กับหลานสาวมากมายถึงเพียงนี้ แม้ผู้คนจะรู้ดีว่ามิใช่ของตระกูลซุนเพียงตระกูลเดียว แต่ก็รู้สึกนับถือซุนฉี ที่อีกฝ่ายคอยเก็บสะสมทรัพย์สินมากมาย เพื่อให้หลานเป็นสินเดิมติดตัวไปยามออกเรือน“คุณหนูเจ้าคะ หิวหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยเตรียมขนมมาให้ หากคุณหนูหิวก็กินรองท้องไปก่อนหนาเจ้าคะ ดูจากการเคลื่อนขบวนแล้ว ข้าน้อยคิดว่ากว่าจะถึงจวนตระกูลเยว่ก็คงอีกสองเค่อ” เซียงซุนเปิดม่านเกี้ยวแล้วบอกคุณหนูของนางด้วยความห่วงใย เพราะวันนี้คุณหนูหาได้กินสิ่งใดลงไม่ อาจจะเป็นเพราะความตื่นเต้น“อื้อ…”ชิงเหมยมองออกไปผ่านผ้าคลุมหน้าก็เห็นว่าข้างทางมีชาวบ้านมากมาย ใบหน้าทุกคนต่างยิ้มแย้มออกมาด้วยความยินดี ทำให้นางรู้สึกประทับใจยิ่งนัก ไม่คิดว่างานแต่งงานของนางจะทำให้ผู้คนสนใจมาชื่นชมมากมายถึงเพียงนี้และก็เป็นอย่างที่เซียงซุนบอก เพราะกว่าจะถึงจวนตระกูลเยว่ก็ใช้เวลานานเกือบสองเค่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 66 วันคืนแห่งความสุข

    หนึ่งปีต่อมาวสันตฤดูเวียนมาถึง นั่นก็หมายความว่า กำหนดการพระราชทานสมรสระหว่างคุณชายรองสกุลเยว่กับคุณหนูใหญ่สกุลซิ่วก็มาถึงเสียที ชิงเหมยต้องไปออกเรือนที่ตระกูลซิ่ว ทำให้ซุนฉี ซุนเฉียว เหลียงจง หลิวเวย และลูกๆ ทั้งสองของนาง ต้องเดินทางจากจวนตระกูลซุน ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านซานฉี เข้าเมืองถิงฮวาไปพำนักที่ตระกูลซิ่วชั่วคราว ก่อนที่จะถึงวันวิวาห์ เพื่อร่วมกันส่งหลานสาวออกเรือน“ข้ารู้สึกใจหายยิ่งนัก หลังจากเหมยเอ๋อร์ออกเรือนไปแล้ว ข้าจะทำเยี่ยงไร” ซุนฉีนึกใจหายขึ้นมา หลานสาวอาศัยอยู่กับนางมาตั้งแต่เกิด จนมาถึงวัยสิบแปดปี วัยที่เหมาะสมแก่การออกเรือน“ท่านกล่าวอันใดเยี่ยงนั้น ท่านไม่อยากเห็นเหมยเอ๋อร์มีความสุขหรอกรึ” ผิงหลันแสร้งถามออกมาทั้งๆ ที่ใจนางเองก็ไม่ต่างจากซุนฉีแม้แต่น้อยหลังจากหลานสาวกลับจากเยี่ยมบ้านเดิมตามธรรมเนียม ชิงเหมยก็ต้องออกเดินทางเข้าเมืองหลวงทันที เพราะว่าที่หลานเขยของนางต้องทำงานรับใช้ราชวงศ์ ไม่อาจลางานนานได้ และเพราะหน้าที่ของเขา ทำให้ไม่สะดวกต่อการเดินทางไกล จวนของเขาที่เตรียมไว้ยามนี้ตกแต่งไว้รอนายหญิงของจวนเรียบร้อยแล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status